สวัสดีครับ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ผมได้มีโอกาสไปเที่ยวเชียงรายมาและได้เขียนบทความแนะนำที่เที่ยวเชียงรายไปในชื่อที่ว่า “เชียงราย : เหนือสุดแดนสยาม กับสถานที่เที่ยวห้ามพลาด” โดยในบทความนั้นได้ลงท้ายไว้ว่าจริงๆ แล้วเชียงรายยังมีสถานที่เที่ยวที่น่าสนใจอีกมากที่ผมยังไม่ได้พูดถึง และวันนี้หลังจากที่ผมได้มีโอกาสกลับไปเที่ยวเชียงรายอีกครั้ง ผมจึงได้ไปตระเวนเที่ยวในสถานที่ใหม่ๆ ในเชียงรายที่ผมยังไม่เคยไป รวมไปถึงตระเวนหาของกินอร่อยๆ ตามร้านต่างๆ ด้วย จนในที่สุดก็เกิดเป็นบทความนี้ขึ้นมาครับ “คัมภีร์เชียงราย 2021” ที่จะรวบรวมเนื้อหาตั้งแต่เรื่องสถานที่เที่ยว, ที่พัก และร้านอาหารต่างๆ ที่น่าสนใจในจังหวัดเชียงราย โดยผมจะแยกเล่าออกเป็นเรื่องๆ ให้อ่านง่ายๆ และในส่วนของที่เที่ยวในครั้งนี้ผมจะเน้นไปที่วัดต่างๆ ที่มีความสวยงามเป็นหลัก โดยผมคัดมาเน้นๆ ถึง 9 วัดด้วยกัน รับรองว่าใครไปครบทั้ง 9 วัดนี้จะได้ครบทั้งบุญ, ภาพสวยๆ และความสบายใจเลยครับ
ว่าแล้วเราก็ไปเปิดคัมภีร์นี้ทีละหมวดกันเลยครับ!! แต่ถ้าใครไม่สะดวก อยากจะอ่านแค่บางหัวข้อเท่านั้น ก็สามารถจิ้มตรงชื่อหัวข้อด้านล่าง แล้วพุ่งตรงไปยังหมวดที่ต้องการอ่านได้เลยคร้าบบบบบ
หมวดที่พัก
เริ่มกันที่หมวดที่พักก่อนนะครับ โดยในบทความนี้ผมจะขอแนะนำที่พักในเชียงรายที่น่าสนใจให้ทุกคนรู้จัก 4 แห่งด้วยกัน ซึ่งแต่ละแห่งนั้นก็จะมีเอกลักษณ์และสไตล์ที่แตกต่างกันพอควร ใครอ่านแล้วรู้สึกถูกใจที่ไหนเป็นพิเศษก็สามารถทำการจองหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมกับทางที่พักโดยตรงได้เลยครับ
1. Baan Ga-Cha (บ้านกา-ชา)
เริ่มที่แรกกันด้วยที่พักในเชียงรายที่พึ่งเปิดใหม่สดๆ ร้อนๆ ในช่วงต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมาอย่าง Baan Ga-Cha (บ้านกา-ชา) นะครับ โดยที่พักแห่งนี้หากใครไม่รู้จักและดูเผินๆ อาจจะคิดว่ามันคือร้านกาแฟ!!! แต่จริงๆ แล้วมันคือบ้านพักหลังน้อยที่คอนเซปดีมาก และมันเหมาะสุดๆ สำหรับคนที่ไปเที่ยวเชียงรายเป็นกลุ่มเล็กๆ และต้องการความเป็นส่วนตัวครับ
โดยที่นี่จะเป็นบ้าน 2 หลังอยู่ข้างๆ กัน แต่ละหลังมีคอนเซ็ปภายในบ้านที่แตกต่างกัน ทุกหลังจะมี 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ สามารถพักได้สูงสุด 4 คน/หลัง โดยในการเข้าพักนั้นเราสามารถเลือกได้ว่าจะพักแค่หลังเดียวหรือ 2 หลังก็ได้ หากใครพักพร้อมกัน 2 หลัง จะสามารถใช้พื้นที่ตรงกลางระหว่างบ้านที่เป็น Connecting Area ได้อย่างเต็มที่ จะเม้าท์มอย สังสรรค์ จิบชา ดริปกาแฟ หรือพูดคุยกับเพื่อนและครอบครัวก็จัดไปได้เลยครับ
จุดเด่น
- เป็นบ้านพักในตัวเมืองเชียงรายที่ทำเลดี สามารถเดินทางไปไหนมาไหนได้สะดวก ใช้เวลาไม่นานมาก แต่ว่าจะต้องมีรถส่วนตัวด้วยนะ
- ขนาดบ้านกำลังดี ไม่เล็กไม่ใหญ่จนเกินไป ในหนึ่งหลังจะมี 2 ห้องนอน, 2 ห้องน้ำ, ห้องครัว, พื้นที่นั่งเล่น และสวนหลังบ้านที่มีวิวสวยๆ ให้เรานั่งดูอย่างสบายตา
- บ้านแต่ละหลังจะมีเลย์เอาท์คล้ายๆ กัน แต่จะจัดเรียงกันแบบตรงกันข้าม และมีการตกแต่งภายในบ้านที่แตกต่างกัน โดย “บ้านใบชา” จะตกแต่งในธีมที่เกี่ยวกับชา ส่วน “บ้านกาแฟ” จะตกแต่งในธีมกาแฟครับ
- ทั้งใบชาและกาแฟ ต่างก็เป็นของดีประจำเชียงรายและมีชื่อเสียงระดับโลก ดังนั้นในบ้านแต่ละหลังก็เลยเปิดโอกาสให้ทุกคนได้สัมผัสกับการชงชารวมทั้งดริปกาแฟเองตามคอนเซปของชื่อบ้านนั้น โดยทางบ้านจะจัดเตรียมอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นไว้ให้เราหมดแล้ว
- สิ่งอำนวยความสะดวกพื้นฐานครบ Wifi, แอร์, ตู้เย็น, ไดร์เป่าผม, ไมโครเวฟ, ผ้าเช็ดตัว, ครีมอาบน้ำ, ยาสระผม, ครัว, จาน, ชาม, แก้ว ส่วนห้องน้ำก็แยกส่วนเปียกแห้งชัดเจน และชักโครกก็มีสายชีดชำระครับ
- มีพื้นที่จอดรถหน้าบ้านเป็นของตัวเองไม่ต้องไปยุ่งเกี่ยวหรือเกะกะใคร โดยหากจอดดีๆ น่าจะจอดได้ถึง 4 คันเลย
- สามารถเลือกได้ว่าจะพักแค่หลังเดียวหรือ 2 หลังก็ได้ โดยหากใครพัก 2 หลังพร้อมกันก็จะสามารถใช้ Connecting Area ได้อย่างเต็มที่ แต่ถ้าใครพักหลังเดียวก็ไม่ต้องกังวลไปนะ เพราะเราก็สามารถใช้งานส่วนนั้นได้ และในตัวบ้านก็จะมีประตูเปิดปิดไม่ให้คนจากอีกบ้านนึงเข้ามาในพื้นที่บ้านเราได้ครับ
- การเข้าออกบ้านใช้ระบบ Key Card มีความปลอดภัยสูง และรอบๆ บ้านมีกล้องวงจรปิดติดตั้งดูแลความปลอดภัยต่างๆ เรียบร้อย
- ราคาไม่แพง และในการเข้าพักนั้นเค้าจะรวมอาหารเช้าแบบง่ายๆ ให้เราเรียบร้อยแล้วครับ
Google Map : https://goo.gl/maps/qY1hYHoWpjtC1Rs47
สามารถกดอ่านรีวิวเต็มของ Baan Ga-Cha ได้ที่ตรงนี้เลยนะครับ
ช่องทางการติดต่อ
Facebook : Baan Ga-Cha บ้านกา-ชา ที่พัก เชียงราย
Tel : 091-819-6187
LINE ID : @360gbuwz (https://lin.ee/9BFWQHb)
Website : www.baangacha.com
Instagram : baangacha
E-mail : Baangacha@gmail.com
2. StayKtion (สเตย์เคชั่น)
สำหรับที่พักในเชียงรายแห่งที่ 2 ที่ผมจะแนะนำให้ทุกคนรู้จักก็ยังคงเป็นที่พักในรูปแบบที่เป็นบ้าน ไม่ใช่โรงแรมอยู่นะครับ แต่ที่นี่จะมีความแตกต่างออกไปจาก Baan Ga-Cha พอควร โดยที่พักที่ชื่อว่า StayKtion (สเตย์เคชั่น) นี้ จะเป็นที่พักรูปแบบบ้านเดี่ยว 2 ชั้น ริมแม่น้ำกก ที่มีพื้นที่บ้านกว้าง พื้นที่สวนเยอะ มีความเป็นส่วนตัวสูง ที่สำคัญมีแค่ 5 ห้อง และรูปแบบทั้ง 5 ห้องนั้นจะไม่เหมือนกันเลย (5 ห้อง 5 สไตล์) โดยสำหรับใครที่ไปกันเยอะๆ ประมาณ 10-15 คนก็สามารถเช่าแบบเหมาหลังได้ เค้าจะมีราคาแบบเหมาหลังด้วย และบ้านหลังนั้นพร้อมพื้นที่สวนอันกว้างขวางก็จะตกเป็นของพวกเราแต่เพียงผู้เดียวคร้าบบบบ
จุดเด่น
- เป็นที่พักรูปแบบบ้านที่เวลาเข้าพักแล้วเราจะรู้สึกผ่อนคลายเหมือนไปนอนเล่นที่บ้านต่างจังหวัดของเรา มันจะดู Relax และให้อีกอารมณ์นึง แตกต่างจากการที่เราเข้าพักในโรงแรมครับ
- ทำเลบ้านพักดีมาก เพราะเค้าตั้งอยู่ริมแม่น้ำกก จ.เชียงราย แถมอยู่ไม่ไกลจากสนามบินและแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ด้วย
- เป็นบ้านพักขนาดใหญ่ แต่มีแค่ 5 ห้องเท่านั้น และแต่ละห้องจะมีการตกแต่งไม่ซ้ำกัน บางห้องจะมีระเบียง, บางห้องจะมีเปลให้นอนเล่น, บางห้องจะมีที่นั่งริมหน้าต่างพร้อมที่นั่งชมสวน และบางห้องจะเป็นแบบ Duplex 2 ชั้น มีบันไดขึ้นลงภายในห้อง และห้องนอนใต้หลังคาด้วย!! บอกเลยแต่ละห้องคอนเซปน่าสนใจมากๆ ครับ
- มีพื้นที่สำหรับทำครัว และนั่งเล่น ทำกิจกรรมต่างๆ ภายในบ้านเพียบ
- มีสวนขนาดกว้างขวางสุดๆ จะเล่นกีฬา ทำ Activities ต่างๆ หรือจะปาร์ตี้บาร์บีคิวก็ทำได้สบายมาก
- การเข้าออกบ้านใช้ระบบ Key Card มีความปลอดภัยสูง และรอบๆ บ้านมีการติดตั้งกล้องวงจรปิดไว้รอบๆ ด้วย
- มีพื้นที่จอดรถเพียงพอ
- มีสิ่งอำนวยความสะดวกพื้นฐานครบถ้วน เช่น Wifi, ผ้าเช็ดตัว, แอร์, ตู้เย็น, ทีวี, ไดร์เป่าผม, แชมพู, ครีมอาบน้ำ, กาน้ำร้อน ส่วนใครจะทำบาร์บีคิวเค้าก็มีอุปกรณ์ให้ยืมฟรีนะ
- มีอาหารเช้าให้เรียบร้อย อีกทั้งยังมีขนมกับมินิบาร์ต่างๆ บริการฟรีด้วย
Google Map : https://goo.gl/maps/PFyPF5CYpmsKu1BY9
สามารถกดอ่านรีวิวเต็มของ StayKtion ได้ที่นี่เลยครับ รายละเอียดต่างๆ ของเค้าเยอะจริงๆ เพราะทั้ง 5 ห้องของเค้านั้นต่างก็มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนกันเลย
ช่องทางการติดต่อ
Facebook : stayktion สเตย์เคชั่น ที่พัก เชียงราย
Tel : 091-819-6187
LINE ID : @stayktion (https://lin.ee/r9W1EDp)
Website : www.stayktion.com
Instagram : stayktion
E-mail : stayktion@gmail.com
3. The Riverie by Katathani
(เดอะ ริเวอร์รี บาย กะตะธานี)
ดูที่พักในสไตล์บ้าน ไม่ใช่โรงแรมมา 2 ที่แล้ว คราวนี้เรากลับมาดูที่พักในรูปแบบโรงแรมกันบ้างดีกว่า โดยคราวนี้ผมจัดโรงแรมห้าดาวอย่าง The Riverie by Katathani (เดอะ ริเวอร์รี บาย กะตะธานี) มาแนะนำครับ และถึงจะเห็นว่าเป็นโรงแรมห้าดาวแบบนี้ก็อย่าพึ่งตกใจหรือกังวลเรื่องราคาห้องพักไปก่อนนะ เพราะว่าราคาที่พักของที่นี่ถือว่าถูกกว่าที่คิด และโดยรวมๆ เรียกว่าคุ้มค่าต่อการเข้าพักเลยครับ
จุดเด่น
- เป็นโรงแรมที่มีขนาดใหญ่ มีจำนวนห้องพักมากถึง 271 ห้อง
- มีประเภทของห้องพักหลายแบบ สามารถตอบโจทย์ได้ทั้งนักธุรกิจ, คู่รักและครอบครัวที่มีลูกเล็กๆ
- สภาพห้องและอุปกรณ์ต่างๆ ภายในโรงแรมนั้นดูดีเลย เพราะโรงแรมแห่งนี้พึ่งผ่านการรีโนเวทใหญ่มาได้ไม่นานครับ
- สิ่งอำนวยความสะดวกภายในห้องครบครัน และคุณภาพดี สมกับเป็นโรงแรมระดับห้าดาว
- Facilities ต่างๆ ภายในโรงแรมมีครบ ทั้งร้านสะดวกซื้อ, สปา, ฟิตเนส, คิดส์คลับ (Kids Club) รวมไปถึงสระว่ายน้ำ โดยสิ่งที่ทำให้ผมประทับใจมากที่สุดก็คือ Kids Club ที่มีของเล่นเยอะ และสระว่ายน้ำที่มีเครื่องเล่นทางน้ำแบบย่อมๆ ด้วยครับ
- ทำเลที่ตั้งของโรงแรมดี อยู่ใกล้ตัวเมืองเชียงรายและอยู่ไม่ห่างจากสนามบินมากนัก ทำให้เราสามารถเดินทางไปไหนมาไหนได้สะดวก
- สภาพแวดล้อมภายในโรงแรมดีมาก เพราะโรงแรมตั้งอยู่ติดกับริมแม่น้ำกก สามารถมองเห็นสายน้ำที่ไหลยาวได้สุดลูกหูลูกตา และเรายังจะได้รับความสดชื่นจากสายน้ำตลอดทั้งวัน
- มีวิวทิวทัศน์ที่สวยงามมาก โดยเฉพาะช่วงพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตก เพราะบริเวณรอบๆ โรงแรมแห่งนี้จะไม่มีตึกสูงหรือสิ่งก่อสร้างใดๆ มาบดบังทัศนียภาพเลย
- มีห้องอาหารหลายห้องและมีอาหารบริการหลากหลายทั้งไทย, จีน, ยุโรป, สไตล์ล้านนา รวมไปถึง Afternoon Tea และ Roof Top โดยอาหารส่วนมากที่ผมได้ลองรับประทานนั้นก็ถือว่ามีรสชาติที่ดีเลยครับ
- ไลน์อาหารเช้าดี เมนูอาหารเยอะ รสชาติถูกปาก
- พนักงานบริการดี พูดจาสุภาพ และให้ความช่วยเหลือต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว
- มีห้องประชุมและห้องสัมมนาขนาดใหญ่หลายห้อง สามารถรองรับการจัดงานต่างๆ ได้เป็นอย่างดี รวมทั้งสามารถรับคนได้มากถึง 700 คน
Google Map : https://goo.gl/maps/PFyPF5CYpmsKu1BY9
สามารถกดอ่านรีวิวเต็มของ The Riverie by Katathani ได้ที่นี่เลยครับ บอกเลยว่าละเอียดครบจุใจมากๆ
ช่องทางการติดต่อ
Facebook : The Riverie by Katathani
Tel : 053-607-999
Website : http://www.theriverie.com/
E-mail : booking@theriverie.com
4. Akha Mudhouse Maesalong
(บ้านดินอาข่า ดอยแม่สลอง)
สำหรับที่พักแห่งนี้จะเป็นที่พักที่อยู่ไกลจากตัวเมืองมากที่สุดในบทความนี้ โดยจะอยู่ที่หมู่บ้านหล่อโย ดอยแม่สลอง ซึ่งมีระยะทางห่างจากตัวเมืองเชียงรายประมาณ 60 กิโลเมตร นอกจากนั้นลักษณะที่พักของที่นี่ก็จะมีความแตกต่างจากที่อื่นๆ เป็นอย่างมากด้วย เพราะที่นี่คือที่พักที่ทำมาจากดินตามชื่อเลย แถมสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ภายในที่พักจะมีให้เราน้อยมาก แอร์และตู้เย็นไม่มี มีแต่ความเย็นจากธรรมชาติเพียวๆ โดยการเข้ามาพักที่นี่นั้นเราจะได้ใช้ชีวิตแบบเรียบง่ายและสัมผัสกับธรรมชาติที่บริสุทธิ์ของดอยแม่สลองอย่างใกล้ชิดเลยครับ นอกจากนี้เรายังจะได้เรียนรู้วิถีชีวิตและการละเล่นต่างๆ ของชาวเขาเผ่าอาข่า แห่งหมู่บ้านหล่อโยอีกด้วย ใครที่ชอบที่พักสไตล์นี้ก็จัดไปเลยครับ
จุดเด่น
- เป็นที่พักรูปแบบบ้านดิน ที่หาโอกาสพักที่ไหนได้ยาก โดยที่พักแบบนี้นอกจากจะไม่ทำลายทรัพยากรธรรมชาติแล้ว ยังสามารถรองรับภูมิอากาศหนาวจัดและร้อนจัดได้เป็นอย่างดีด้วย (สามารถควบคุมอุณหภูมิระดับ 24-26 องศาเซลเซียสได้ตลอดทั้งปี)
- ได้พักผ่อนแบบใกล้ชิดธรรมชาติมาก สัมผัสธรรมชาติที่บริสุทธิ์ได้เต็มปอด และเห็นวิวที่สวยงามของขุนเขาได้อย่างเต็มตา
- ได้ใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย และได้เรียนรู้วิถีชีวิตของชาวเขาเผ่าอาข่าอย่างใกล้ชิด
- ได้รับประทานอาหารพื้นบ้านที่รสชาติแสนอร่อย อีกทั้งมีการจัดเสิร์ฟในภาชนะสุดน่ารัก
- ได้ลองเล่นเครื่องเล่นต่างๆ ที่เราอาจจะไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน ถือเป็นการเปิดประสบการณ์ชีวิตที่ดีมากครับ
- ราคาไม่แพง โดยราคาที่พักเริ่มต้นจะอยู่ที่ประมาณ 1,000 บาท/คืน รวมอาหารเช้า มีห้องน้ำในตัว และสามารถพักได้ 2 คนครับ
Google Map : https://g.page/akhamudhouse?share
สามารถกดอ่านรีวิวเต็มของ Akha Mudhouse Maesalong ได้ที่นี่เลยครับ
ช่องทางการติดต่อ
Facebook : Akha Mudhouse Maesalong
Tel : 093-258-9994
E-mail : khatour@hotmail.co.th
หมวดสถานที่ท่องเที่ยว
จบหมวดแรกที่ว่ากันด้วยเรื่องที่พักในเชียงรายไปแล้ว คราวนี้เราไปดูเรื่องสถานที่เที่ยวกันดีกว่าครับ โดยในบทความนี้ผมได้รวบรวม 10 สถานที่เที่ยวในเชียงรายที่น่าสนใจ มาให้ทุกคนพิจารณาตามด้านล่างนี้เลย โดยไฮไลท์ของครั้งนี้ก็คือใน 10 สถานที่นี้จะเป็นวัดถึง 9 ที่ด้วยกัน!!! แต่บอกไว้เลยว่าวัดแต่ละแห่งที่ผมนำมาแนะนำนั้นแต่ละที่น่าสนใจทั้งนั้น สวยๆ ปังๆ มีมุมถ่ายรูปเพียบ รับรองว่าใครไปจะได้อิ่มทั้งบุญ อิ่มทั้งใจ ได้ภาพสวยๆ กลับมาอย่างแน่นอนครับ!!
1. วัดร่องเสือเต้น
เปิดตัวมากับวัดแรกต้องบอกว่าปังปุริเย่มากครับ ใครจะไปคิดว่าวัดในเมืองไทยจะสวยขนาดนี้ บอกเลยว่าใครมีแผนจะไปเชียงรายต้องห้ามพลาดวัดนี้จริงๆ สวยงามแทบทุกมุม จะยืนมุมไหนก็ได้รูปสวยๆ ให้เพื่อนอิจฉาแน่นอน
วัดร่องเสือเต้น วัดที่คุมโทนเป็นสีน้ำเงินแทบจะทั้งวัด ตั้งแต่ประตูทางเข้า รูปปั้น จนไปถึงโบสถ์และวิหารต่างๆ มุมถ่ายรูปเพียบ ที่สำคัญข้างๆ โบสถ์นั้นมีร้านขายของอร่อยๆ หลายร้านเลย โดยเมนูเด็ดที่ผมแนะนำว่าห้ามพลาดเด็ดขาดก็คือไอศกรีมมะพร้าวน้ำหอมผสมอัญชันครับ ตัวไอศกรีมจะเป็นไอศกรีมที่เสิร์ฟในลูกมะพร้าว มีสีม่วงๆ น้ำเงินๆ บางลูก แล้วก็มีข้าวเหนียวที่ผสมอัญชันด้วย เนื้อมะพร้าวที่ให้มาถือว่าเยอะและนุ่มดี ส่วนน้ำสีม่วงด้านล่างนั้นก็เป็นน้ำมะพร้าวที่ผสมสีของอัญชันลงไป บอกเลยรสชาติดี 40 บาทเท่านั้น จัดเลย!!!
Google Map : https://goo.gl/maps/bsf5BhQYKoWw33UL8
เวลาเปิดปิด : 7.00 น. – 20.00 น.
อัตราค่าเข้า : ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย
ระยะเวลาการเข้าชมที่เหมาะสม : 30 นาที – 1 ชั่วโมง
2. วัดร่องขุ่น
หนึ่งในวัดที่มีชื่อเสียงมากของเชียงราย และดีไม่ดีน่าจะเป็นวัดที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของจังหวัดนี้แล้วครับ ตัววัดมีความสวยงามมาก สมแล้วที่มีชื่อเสียงและได้รับการกล่าวขานทั้งในประเทศไทยและระดับโลก
สำหรับที่ตั้งของวัดร่องขุ่นนั้นจะอยู่ห่างจากตัวเมืองเชียงรายประมาณ 15 กิโลเมตรนะครับ ใช้เวลาขับรถประมาณ 20 นาที ตัววัดมีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 9 ไร่ และมีเอกลักษณ์ที่เด่นมากๆ คือเป็นวัดที่ออกแบบและก่อสร้างโดย อ.เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ และเน้นทุกอย่างเป็นโทนสีขาวแทบจะทั้งหมด รายละเอียดและความชดช้อยของงานศิลปะในแต่ละจุดนั้นสวยงามมาก แถมยังมีการแฝงปริศนาธรรมอีกหลายจุด ผมแนะนำให้ทุกคนค่อยๆ พินิจดูนะครับ แล้วคุณจะรู้สึกทึ่งอย่างแน่นอน
ตัววัดจะเปิดให้ทุกคนเข้าชมในช่วงเวลา 8.00 น. ของทุกวัน แต่ทั้งนี้ผมแนะนำว่าให้เราไปถึงก่อนเวลาที่ประตูวัดเปิดอย่างน้อย 30 นาทีจะดีกว่า เพราะจะมีหลายๆ มุมที่เราสามารถยืนถ่ายจากด้านนอกเข้าไปได้เลย มันจะถ่ายรูปได้สวยและง่ายมาก เนื่องจากสภาพแสงกำลังดี อีกทั้งจะไม่ติดคนอื่นๆ ในภาพเลยครับ และพอประตูวัดเปิดเราก็จะได้รีบเข้าไปเป็นกลุ่มแรกๆ และสามารถถ่ายรูปตามจุดต่างๆ ได้ง่ายขึ้น โดยสำหรับสายถ่ายรูปจริงจัง เราอาจจะไปรอตั้งแต่ 7.00 น. หรือ 1 ชั่วโมงก่อนที่ประตูวัดจะเปิดเลยก็ได้ครับ
และนอกจากจุดที่เราเห็นเป็นโบสถ์และสิ่งก่อสร้างต่างๆ ที่เป็นสีขาวทั้งหมดแล้ว ภายในพื้นที่วัดร่องขุ่นเองยังมีจุดที่น่าสนใจให้เดินชมและถ่ายรูปอีกหลายจุด ทั้งหอพระพิฆเนศที่เป็นอาคารสีทองขนาดใหญ่และมีความสวยงาม, น้ำตกจำลอง จนไปถึงสถานที่แสดงผลงานต่างๆ ของอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ใครที่มีเวลาก็ลองเดินเที่ยวชมดูให้ทั่วๆ นะครับ งานแต่ละชิ้นสวยงามมากจริงๆ แต่ทั้งนี้ผมต้องบอกไว้ก่อนนะว่าบางจุดบางบริเวณนั้นเค้าจะห้ามเราถ่ายรูปและห้ามสัมผัสนะครับ ยังไงก็ปฏิบัติตามกฏระเบียบที่เค้าตั้งไว้ด้วยน้า
Google Map : https://goo.gl/maps/TvoD3px7TqF5H8oh7
เวลาเปิดปิด : 8.00 น. – 15.00 น.
อัตราค่าเข้า : ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย
ระยะเวลาการเข้าชมที่เหมาะสม : 1 ชั่วโมง – 1 ชั่วโมง 30 นาที
3. วัดขัวแคร่
สองวัดแรกที่ผมแนะนำไป หลายๆ คนอาจจะรู้จักกันอยู่แล้ว เพราะล้วนแต่เป็นวัดที่มีชื่อเสียงทั้งนั้น ดังนั้นในวัดที่ 3 ผมจึงฉีกแปลกแหวกแนวด้วยการพาไปรู้จักกับวัดที่ชื่อว่าวัดขัวแคร่ ซึ่งผมบอกเลยว่าแม้ชื่อวัดนี้จะไม่คุ้นหู แต่เรื่องความสวยงามนั้นไม่ธรรมดาเลยครับ!!
วัดขัวแคร่เป็นวัดเก่าแก่ที่สร้างขึ้นมาในสมัยใดไม่ปรากฏเด่นชัด แต่จากโบราณวัตถุที่ค้นพบในบริเวณคาดว่ามีอายุราวพุทธศักราช 18 – 23 ส่วนชื่อขัวแคร่นั้นก็หมายถึง สะพานที่สร้างขึ้นจากไม้ไผ่ซีกเล็กๆ เพื่อปูเป็นพื้นทางเดิน ดังนั้นจึงสันนิษฐานกันว่าบริเวณวัดนี้ในอดีตน่าจะเคยเป็นที่ตั้งของชุมชนขนาดใหญ่มาก่อนครับ
ส่วนปัจจุบันนี้สภาพและสิ่งก่อสร้างต่างๆ ภายในวัดขัวแคร่นั้นจะเป็นสิ่งก่อสร้างที่พึ่งถูกสร้างใหม่เป็นหลัก แต่ก็มีความสวยงามมาก โดยเฉพาะพระวิหารและซุ้มประตูที่สามารถมองเห็นได้ชัดเจนจากถนนใหญ่ ใครที่ชอบถ่ายรูปและทำบุญด้วย วัดนี้เป็นอีกหนึ่งวัดในเชียงรายที่ไม่ควรพลาดเลยครับ
Google Map : https://goo.gl/maps/Wif3Ds3kikijtqu56
เวลาเปิดปิด : ไม่มีเวลาเปิดปิดแน่ชัด แต่แนะนำให้ไปในช่วง 7.00 น. – 17.00 น. จะดีสุด
อัตราค่าเข้า : ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย
ระยะเวลาการเข้าชมที่เหมาะสม : 30 นาที – 1 ชั่วโมง
4. วัดห้วยปลากั้ง
สามวัดแรกล้วนแต่เป็นวัดที่เป็นสไตล์ไทยๆ ทั้งนั้น ดังนั้นวัดที่ 4 นี้ ผมก็เลยจะพาทุกคนไปรู้จักกับวัดที่มีความผสมผสานความเป็นจีนเข้าไปด้วยอย่างวัดห้วยปลากั้ง โดยวัดแห่งนี้นอกจากจะมีเจ้าแม่กวนอิมองค์ใหญ่ที่เราสามารถขึ้นลิฟต์ไปยังบริเวณหน้าผากของท่านได้แล้ว ภายในวัดเค้ายังมีกำแพงเมืองจีนจำลองด้วยนะ!!
สำหรับตำแหน่งที่ตั้งของวัดห้วยปลากั้งนั้นจะค่อนข้างอยู่ห่างจากตัวเมืองเชียงรายหน่อยนะครับ โดยเราจะต้องใช้เวลาขับรถประมาณ 10-15 นาทีจากตัวเมืองค่อยมาถึงวัดนี้ครับ ภายในวัดจะมีโบสถ์ วิหาร และสิ่งก่อสร้างที่สวยงามหลายจุด โดยจุดที่เด่นเป็นพิเศษก็คือ พระมหาพบโชคธรรมเจดีย์ 9 ชั้น และ เจ้าแม่กวนอินองค์ใหญ่สูงถึง 69 เมตร โดยภายในพระมหาพบโชคธรรมเจดีย์นั้นจะมีเจ้าแม่กวนอินและพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่ในแต่ละชั้น ดังนี้
- ชั้นแรก องค์เจ้าแม่กวนอิมปางประทานพรขนาดใหญ่ แกะสลักด้วยไม้จันทร์หอมที่นำมาจากประเทศจีน อินเดีย พม่า
- ชั้น 2 เจ้าแม่กวนอิมปางประทับยืน
- ชั้น 3 เจ้าแม่กวนอิมปางประทับนั่ง
- ชั้น 4 หลวงพ่อพระพุทธโสธรจำลอง
- ชั้น 5 เจ้าแม่กวนอิมปางพันมือ
- ชั้น 6 หลวงปู่โต พรหมรังสี และหลวงปู่ทวด
- ชั้น 7 พระพุทธรูปปางนาคปรก ถือว่าเป็นชั้นสวรรค์ดาวดึงห์ ปกป้องคุ้มครองปฐพี
- ชั้น 8 พระสังกัจจายน์หรือพระศรีอริยเมตไตรย เทพเจ้าแห่งความสำเร็จ เทพเจ้าแห่งความร่ำรวย ประทานทรัพย์ ประทานพร
- ชั้น 9 พระอิศวร
ส่วนองค์พระโพธิสัตว์เจ้าแม่กวนอิมขนาดใหญ่ ที่มีขนาดความสูงถึง 69 เมตรนั้น จะมีการติดตั้งลิฟต์อยู่ภายในด้วย โดยเราสามารถขึ้นลิฟต์เพื่อไปยังชั้น 22 ซึ่งเป็นตำแหน่งประตูมังกรหรือบริเวณหน้าผากกับดวงตาของเจ้าแม่กวนอิมได้ครับ ซึ่งที่จุดนั้นนอกจากเราจะได้เห็นงานปั้นสวยๆ ที่เล่าเรื่องราวต่างๆ ของเจ้าแม่กวนอิมแล้ว เรายังจะได้เห็นวิวมุมสูงของจังหวัดเชียงรายที่มีความสวยงามมากด้วย ค่าขึ้นลิฟต์ 20 บาท/คน เท่านั้น ผมแนะนำให้ทุกคนขึ้นเลยนะครับ คุ้มค่าแน่นอน!
Google Map : https://goo.gl/maps/gMxNkXE12eLffkGs5
เวลาเปิดปิด : 7.30 น. – 21.30 น.
อัตราค่าเข้า : ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย แต่หากใครต้องการจะขึ้นลิฟท์ไปยังด้านบนของเจ้าแม่กวนอิมจะมีค่าใช้จ่ายคนละ 20 บาท
ระยะเวลาการเข้าชมที่เหมาะสม : 1 ชั่วโมง – 1 ชั่วโมง 30 นาที
5. วัดพระแก้ว
หนึ่งในวัดที่น่าจะมีความเก่าแก่มากเป็นลำดับต้นๆ ของจังหวัดเชียงราย อีกทั้งยังเป็นวัดที่ได้มีการค้นพบพระแก้วมรกตหรือพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากรในช่วงต้นๆ ของประเทศไทยด้วย ก่อนที่องค์พระแก้วมรกตจะถูกย้ายไปประดิษฐานอยู่ลำปาง, เชียงใหม่, หลวงพระบาง, เวียงจันทร์ และวัดศรีรัตนศาสดาราม กรุงเทพฯ แบบในปัจจุบันนี้ครับ
โดยตามประวัติศาสตร์นั้นมีการเล่าว่า เมื่อปี พ.ศ. 1897 ในสมัยที่พระเจ้าสามฝั่งแกนเป็นเจ้าเมืองครองเชียงใหม่นั้น ได้เกิดฟ้าผ่าเจดีย์ร้างองค์หนึ่งในวัดป่าญะ ตำบลเวียง เมืองเชียงราย (ปัจจุบันคือวัดพระแก้ว เชียงราย) ทำให้ได้พบกับพระพุทธรูปลงรักปิดทองอยู่ภายในเจดีย์นั้น ต่อมาเมื่อรักด้านนอกได้ถูกกะเทาะออกไปจนหมดก็พบว่าพระพุทธรูปองค์นั้นเป็นพระพุทธรูปสีเขียวที่ถูกสร้างขึ้นด้วยหยกทั้งองค์ พระเจ้าสามฝั่งแกนจึงได้อัญเชิญพระพุทธรูปองค์นี้ไปประดิษฐานที่เมืองเชียงใหม่ แต่ปรากฏว่าช้างทรงพระแก้วมรกตกลับไม่ยอมเดินทางไปเชียงใหม่ และออกเดินไปที่ลำปางแทน พระแก้วมรกตจึงถูกประดิษฐานอยู่ที่วัดพระแก้วดอนเต้า จ.ลำปาง เป็นการชั่วคราวก่อน จนถึงสมัยพระเจ้าติโลกราชจึงได้อัญเชิญพระแก้วมรกตไปประดิษฐานอยู่ที่เชียงใหม่อีกครั้งครับ
ทั้งนี้ภายในวัดพระแก้ว จังหวัดเชียงรายนั้นจะมีโบสถ์และสิ่งก่อสร้างที่สวยงามสไตล์ล้านนาอยู่ อีกทั้งยังมีพระแก้วมรกตจำลองประดิษฐานอยู่ด้วย โดยองค์พระแก้วมรกตจำลองที่เราเห็นอยู่ในวัดนี้นั้นได้ถูกสร้างขึ้นในวาระที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวงมีพระชนมายุครบ 90 พรรษาครับ
Google Map : https://goo.gl/maps/eXWYwDqtWXTyMKuE8
เวลาเปิดปิด : ไม่มีเวลาเปิดปิดแน่ชัด แต่แนะนำให้ไปในช่วง 7.00 น. – 17.00 น. จะดีสุด
อัตราค่าเข้า : ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย
ระยะเวลาการเข้าชมที่เหมาะสม : 30 นาที
6. วัดพระสิงห์
นี่คืออีกหนึ่งวัดในจังหวัดเชียงรายที่ผมอยากจะแนะนำให้ทุกคนที่มีเวลาเข้าไปกราบไหว้และชมความงามมากครับ เพราะวัดแห่งนี้มีความสวยงามมาก โดยวัดพระสิงห์แห่งนี้เป็นพระอารามหลวงเก่าแก่มาตั้งแต่โบราณกาล รวมทั้งยังเป็นศาสนสถานอันเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวจังหวัดเชียงรายด้วย นอกจากนี้ที่วัดแห่งนี้ยังเคยเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธสิหิงค์อีกหนึ่งพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของประเทศไทยและเป็นหนึ่งในพระพทุธรูปที่มีความเป็นมาซับซ้อนที่สุดด้วยครับ
โดยปัจจุบันนี้ในประเทศไทยจะมีพระพุทธสิหิงค์หรือพระสิงค์ที่มีความสำคัญอยู่ทั้งหมด 3 องค์ด้วยกัน ได้แก่ องค์ที่ประดิษฐานอยู่ที่พระที่นั่งพุทไธสวรรย์ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร กรุงเทพฯ, องค์ที่ประดิษฐานในวิหารลายคำ วัดพระสิงห์ จังหวัดเชียงใหม่ และองค์ที่ประดิษฐานในหอพระพุทธสิหิงค์ จังหวัดพระนครศรีธรรมราช โดยพระพุทธรูปทั้ง 3 องค์นั้นต่างก็มีลักษณะที่แตกต่างกันและขนาดไม่เท่ากัน แต่ทั้ง 3 องค์นั้นล้วนแต่เป็นพระพุทธรูปเก่าแก่ที่มีความสวยงามและทรงคุณค่ามาก โดยในอดีตหนึ่งใน 3 องค์นี้เคยประดิษฐานอยู่ที่วัดพระสิงห์ จ. เชียงราย และชาวเมืองเชียงรายรวมไปถึงประเทศใกล้เคียงในบริเวณลุ่มแม่น้ำโขงต่างก็นับถือให้เป็นพระพุทธรูปที่มีความศักดิ์สิทธิ์ สามารถยังความสงบร่มเย็น เป็นมิ่งขวัญให้กับทุกคนครับ
ทั้งนี้ในปัจจุบันภายในวัดพระสิงห์ จ.เชียงราย ก็ได้มีการสร้างพระพุทธสิหิงค์องค์จำลองขนาดหน้าตักกว้าง 37 เซนติเมตร สูง 66 เซนติเมตร ให้เราได้กราบไหว้สักการะด้วย ใครที่ได้มีโอกาสเข้าไปที่วัดนี้ก็อย่าลืมเข้าไปกราบนะครับ
Google Map : https://goo.gl/maps/84GyCR6CF6PJN4UK8
เวลาเปิดปิด : ไม่มีเวลาเปิดปิดแน่ชัด แต่แนะนำให้ไปในช่วง 7.00 น. – 17.00 น. จะดีสุด
อัตราค่าเข้า : ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย
ระยะเวลาการเข้าชมที่เหมาะสม : 30 นาที
7. วัดมิ่งเมือง
วัดเก่าแก่อีกแห่งหนึ่งของจังหวัดเชียงราย โดยจากหลักฐานต่างๆ ที่ค้นพบว่ากันว่าวัดนี้มีอายุประมาณ 800 ปี หรือเทียบเท่ากับเมืองเชียงรายเลย ทั้งนี้ในอดีตนั้นวัดแห่งนี้มีชื่อว่า “วัดเงี้ยว” หรือ “วัดช้างมูบ (ช้างมอบ)” และถูกก่อสร้างโดยเจ้านางตะละแม่ศรี ซึ่งเป็นพระมเหสีของพ่อขุนเม็งรายมหาราช โดยพระนางนั้นมีเชื้อสายกษัตริย์จากเมืองหงสาวดี ดังนั้นลักษณะของอาคารและสิ่งก่อสร้างต่างๆ ที่เราเห็นในวัดนี้จึงดูคล้ายๆ กับศิลปะของพม่าผสมกับล้านนาครับ นอกจากนี้ในช่วงเวลาที่วัดแห่งนี้ได้ทำการบูรณะเจดีย์โบราณ ก็ได้พบจารึกแผ่นเงินที่เป็นภาษาพม่าระบุเอาไว้ด้วย
สำหรับตำแหน่งที่ตั้งของวัดมิ่งเมืองนี้จะอยู่ใกล้ๆ กับหอนาฬิกา จังหวัดเชียงราย เราสามารถเดินไปมาได้เลย อีกทั้งรอบๆ บริเวณนั้นก็มีร้านอาหารอร่อยๆ อยู่เป็นจำนวนมาก ส่วนจุดที่น่าสนใจภายในวัดแห่งนี้ก็มีหลายอย่างเลย เช่น
- องค์พระประธาน “หลวงพ่อพระศรีมิ่งเมือง” ขนาดหน้าตักกว้าง 80 นิ้ว ศิลปะเชียงแสนสิงห์ ที่มีอายุมากกว่า 400 ปี และผ่านการซ่อมแซมมาแล้วถึง 4 ครั้ง โดยที่บริเวณยอดพระเกตุโมฬีจะเป็นรูปดอกบัวตูมที่แกะสลักจากหินแก้วจุยเจียหรือแก้วโป่งข่าม ซึ่งเป็นหินที่เกิดขึ้นในดินแดนล้านนาเท่านั้นครับ
- เจดีย์ ปูชนียสถานเก่าแก่ที่มีคู่มากับวัด เดิมก่อนการบูรณะนั้นจะเป็นรูปทรงพม่าทั้งหมด แต่ต่อมาได้รับการบูรณะใหม่ มีการนำความเป็นล้านนาเข้าไปผสม และมีการสร้างเจดีย์บริวารตั้งไว้สี่มุม ประดับด้วยฉัตรศิลปะแบบพม่าเข้าไป สำหรับในปัจจุบันนี้เจดีย์แห่งนี้จะใช้เป็นที่เก็บรวบรวมประวัติของวัดไว้ด้วยนะครับ
- วิหาร เป็นวิหารศิลปะไทยใหญ่ผสมผสานกับรูปแบบของวิหารล้านนา ภายในตกแต่งด้วยลวดลายแกะสลักลงรักปิดทอง ประกอบกับการกรุฝ้าเพดานแบบไตรภูมิและบราลีเป็นรูปหงส์จำนวน 34 ตัว นอกจากนี้ยังมีภาพเขียนต่างๆ อีกเป็นจำนวนมากให้ดูด้วย
- น้ำบ่อช้างมูบ หรือบ่อน้ำเก่าแก่ที่มีหลังคาเป็นรูปซุ้มโขง ประดับด้วยรูปปั้นของช้างทรงเครื่องที่กำลังหมอบอยู่ ทั้งนี้ในสมัยโบราณบ่อน้ำนี้ได้ให้ประโยชน์แก่ชุมชนชาวตลาดเชียงรายเป็นอย่างมาก เพราะเป็นบ่อน้ำแห่งเดียวที่อยู่ในบริเวณนี้ อีกทั้งทำเลที่ตั้งของวัดแห่งนี้ก็ยังอยู่ระหว่างทางของการเดินทางจากในเมืองไปนอกเมืองด้วย ทำให้หลายๆ คนในสมัยก่อนมักจะหยุดพักกันที่วัดแห่งนี้กันครับ
Google Map : https://goo.gl/maps/yQXBLqzqY2hLcn1e7
เวลาเปิดปิด : ไม่มีเวลาเปิดปิดแน่ชัด แต่แนะนำให้ไปในช่วง 7.00 น. – 17.00 น. จะดีสุด
อัตราค่าเข้า : ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย
ระยะเวลาการเข้าชมที่เหมาะสม : 30 นาที
8. วัดพระธาตุดอยจอมทอง
วัดที่ดูเหมือนจะสวยงามน้อยที่สุดในบทความนี้ แต่กลับเป็นวัดที่มีความสำคัญไม่แพ้วัดอื่น หรือหากจะว่ากันตรงๆ วัดนี้อาจจะมีความสำคัญที่สุดในเชียงรายเลยก็ได้ เพราะวัดแห่งนี้นอกจากจะเป็นหนึ่งในวัดพระธาตุเก้าจอมของจังหวัดเชียงรายแล้ว ภายในวัดยังมี “เสาสะดือเมืองเชียงราย” หรือ “เสาหลักเมือง” ตั้งอยู่ด้วย ดังนั้นจึงไม่ต้องแปลกใจเลยว่าทำไมในแต่ละวันถึงมีผู้คนทยอยมาที่วัดนี้อย่างไม่ขาดสายเลยครับ
วัดพระธาตุดอยจอมทอง หรือวัดพระธาตุดอยทองนั้น สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในสมัยพญาเรือนแก้ว เจ้าผู้ครองเมืองไชยนารายณ์ ในช่วงปี พ.ศ. 1483 (พญามังรายมหาราชได้โปรดให้สร้างเมืองเชียงรายในปี พ.ศ. 1805) โดยตามประวัติกล่าวว่าในการสร้างวัดนั้นได้มีการสร้างองค์พระเจดีย์เพื่อเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วย ซึ่งพระบรมสารีริกธาตุชุดนี้เป็นชุดที่พระมหาเถระชาวลังกาได้นำมาถวายแด่พญาพังคราชแห่งเมืองโยนกนาคพันธุ์ และพญาพังคราชได้โปรดให้แบ่งพระบรมสารีริกธาตุออกเป็น 3 ส่วน เพื่อนำไปประดิษฐาน ณ พระบรมธาตุเจดีย์ที่สำคัญของจังหวัดเชียงรายในปัจจุบัน ได้แก่ พระมหาชินธาตุเจ้าดอยตุง, พระธาตุจอมกิตติ และพระธาตุดอยจอมทองครับ
สำหรับพระเจดีย์อันเป็นประธานของวัดพระธาตุดอยจอมทองนั้นจะมีลักษณะเป็นเจดีย์ล้านนาพุกาม องค์ประกอบของเจดีย์ส่วนฐานมีลักษณะเป็นฐานปัทม์หกเหลี่ยมยกสูง องค์เจดีย์มีลักษณะเป็นชั้นบัวถลารับองค์ระฆัง ส่วนยอดประกอบด้วยบัลลังก์, ปล้องไฉน, ปลียอด และมีฉัตรอยู่ชั้นบนสุด องค์เจดีย์หุ้มด้วยทองจังโกฏิ เหมือนกับพระเจดีย์อื่นๆในภาคเหนือ ซึ่งนอกจากจะดูสวยงามแล้ว ยังสามารถป้องกันการเกิดตะไคร่น้ำ และป้องกันการเกิดวัชพืชบนองค์เจดีย์ได้ด้วย ส่วนพระวิหารภายในวัดนั้นจะเป็นพระวิหารแบบร่วมสมัยระหว่างศิลปะล้านนาและรัตนโกสินทร์ ภายในพระวิหารประดิษฐานพระพุทธรูปสำริดปางมารวิชัยครับ
Google Map : https://goo.gl/maps/Dtsm8YAsWwDdJBff8
เวลาเปิดปิด : 6.00 น. – 17.00 น.
อัตราค่าเข้า : ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย
ระยะเวลาการเข้าชมที่เหมาะสม : 30 นาที
9. วัดพระธาตุจอมสัก
วัดสุดท้ายในบทความนี้ และเป็นหนึ่งในวัดพระธาตุเก้าจอมของเชียงรายเหมือนกัน โดยเค้ามีความเชื่อว่าหากใครได้ทำบุญวัดที่เป็นมงคลนามทั้งเก้า รวมถึงได้ไปนมัสการสักการะพระธาตุเก้าจอม จะทำให้เกิดความเป็นสิริมงคล “อยู่เย็นเป็นสุข” หรือตามคติล้านนาว่า “อยู่ดีกินหวาน” ประสบความสำเร็จทั้งการงาน การเงิน การดำเนินชีวิตได้สมดังปรารถนาครับ โดยพระธาตุเก้าจอมของเชียงรายนั้นก็จะประกอบไปด้วยวัดต่างๆ ดังนี้ครับ
• พระธาตุจอมทอง ตั้งอยู่ที่ วัดดอยทอง หรือวัดพระธาตุดอยทอง ต.เวียง อ.เมืองเชียงราย
• พระธาตุจอมหมอกแก้ว ตั้งอยู่ที่ วัดจอมหมอกแก้ว ต.จอมหมอกแก้ว อ.แม่ลาว
• พระธาตุจอมผ่อ ตั้งอยู่ที่ วัดอรัญญวิเวกคีรี (จอมผ่อ) ต.เวียง อ.เวียงป่าเป้า
• พระธาตุจอมแจ้ง ตั้งอยู่ที่ วัดพระธาตุจอมแจ้ง ต.แม่สรวย อ.แม่สรวย
• พระธาตุจอมแว่ ตั้งอยู่ที่ วัดพระธาตุจอมแว่ ต.เมืองพาน อ.พาน
• พระธาตุจอมจ้อ ตั้งอยู่ที่ วัดพระธาตุจอมจ้อ ต.เวียง อ.เทิง
• พระธาตุจอมกิตติ ตั้งอยู่ที่ วัดพระธาตุจอมกิตติ ต.เวียง อ.เชียงแสน
• พระธาตุจอมจันทร์ ตั้งอยู่ที่ วัดจอมจันทร์ ต.สันทราย อ.แม่จัน
• พระธาตุจอมสัก ตั้งอยู่ที่ วัดพระธาตุจอมสัก ต.บ้านดู่ อ.เมืองเชียงราย
โดยวัดพระธาตุจอมสักนั้นจะเป็นวัดที่ตั้งอยู่บนเนินเขาเล็กๆ ห่างจากตัวเมืองเชียงรายประมาณ 10-15 นาที ตัววัดมีสีเหลืองทองอร่าม สามารถมองเห็นได้ตั้งแต่ไกล ภายในวัดจะมีการติดตั้งระบบที่ทำให้เราสามารถสรงน้ำพระธาตุด้วยพญานาคซึ่งอยู่บนหลังคาอาคารได้ด้วย ซึ่งโดยส่วนตัวผมว่าเป็นอะไรที่น่าสนใจและแตกต่างจากวัดอื่นๆ เป็นอย่างมาก หากใครสนใจและพอมีเวลาลองแวะเข้าไปกราบและสักการะพระธาตุที่วัดนี้ดูนะครับ คุณจะได้รับประสบการณ์ที่แปลกใหม่เลยแหละ
Google Map : https://goo.gl/maps/EZRDbkqj2gXX6UPVA
เวลาเปิดปิด : ไม่มีเวลาเปิดปิดแน่ชัด แต่แนะนำให้ไปในช่วง 7.00 น. – 17.00 น. จะดีสุด
อัตราค่าเข้า : ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย
ระยะเวลาการเข้าชมที่เหมาะสม : 30 นาที
10. พิพิธภัณฑ์บ้านดำ
สถานที่เที่ยวที่น่าสนใจในเชียงรายแห่งสุดท้ายในบทความนี้ และเป็นสถานที่เดียวที่ไม่ใช่วัด โดย “บ้านดำ” หรือ “พิพิธภัณฑ์บ้านดำ” นั้นคือสถานที่ที่รวบรวมผลงานศิลปะของ อ.ถวัลย์ ดัชนี ศิลปินแห่งชาติที่มีฝีมือทางด้านจิตรกรรมและปฏิมากรรมครับ โดยภายในพื้นที่กว่า 100 ไร่นั้นจะมีลักษณะการจัดแสดงงานต่างๆ ออกเป็นกลุ่มบ้านไม้ที่เป็นศิลปะแบบล้านนาหลังน้อยใหญ่รวม 36 หลัง และบ้านปูนรูปทรงแปลกตาต่างๆ อีกเล็กน้อย ภายในบ้านแต่ละหลังจะมีการจัดแสดงไม้แกะสลักที่มีลวดลายสวยงามต่างๆ รวมไปถึงผลงานศิลปะของอาจารย์ถวัลย์ และเขาควาย, เขากวาง, หนังจระเข้, เปลือกหอยขนาดใหญ่, กระดูกสัตว์ และซากสัตว์ต่างๆ ส่วนโทนสีของบ้านและอาคารนั้นก็จะเน้นไปที่เป็นสีดำซึ่งเป็นสีที่อาจารย์ถวัลย์ชื่นชอบเป็นหลัก และด้วยความที่โทนสีนี้มันตรงข้ามกับสีขาวของวัดร่องขุ่นที่อาจารย์เฉลิมชัยได้เป็นผู้สร้าง จึงได้มีคำพูดเปรียบเทียบสองสถานที่นี้ว่า “เฉลิมสร้างสวรรค์ ถวัลย์สร้างนรก” นั่นเองครับ
สำหรับตำแหน่งที่ตั้งของบ้านดำนั้นจะอยู่ที่ ต.นาแล นะครับ ห่างจากตัวเมืองเชียงรายประมาณ 20 นาที และการจะเข้าชมภายในบ้านดำนั้นคนไทยจะต้องเสียค่าเข้าชมคนละ 80 บาท เข้าไปแล้วสามารถถ่ายรูปได้เกือบทุกจุด เพียงแต่ห้ามเราสัมผัสสิ่งของต่างๆ ที่เค้าติดป้ายเตือนเท่านั้น ใครที่มีวลาและชอบชมงานลักษณะแบบนี้ก็ลองไปเยี่ยมชมดูนะครับ ผมว่าสวยดี และมีมุมถ่ายรูปเก๋ๆ เยอะเหมือนกัน
Google Map : https://goo.gl/maps/sTLTEFQziSWtbza39
เวลาเปิดปิด : 9.00 น. – 17.00 น.
อัตราค่าเข้า : 80 บาท/คน
ระยะเวลาการเข้าชมที่เหมาะสม : 1-2 ชั่วโมง
หมวดร้านอาหาร
และแล้วเราก็เดินทางมาถึงหมวดสุดท้ายในบทความนี้กันแล้วนะครับ กับหมวดของกินอร่อยๆ โดยในบทความนี้ผมได้เลือกร้านอาหารที่น่าสนใจมาให้ทุกคนพิจารณาถึง 8 ร้านด้วยกัน และมีทั้งร้านเล็กร้านใหญ่ปนกันไป อีกทั้งประเภทอาหารก็มีความแตกต่างไม่เหมือนกัน ยังไงก็ลองไล่ๆ อ่านกันดูนะครับ
1. น้ำเงี้ยวป้าสุข
หนึ่งในร้านขึ้นชื่อของจังหวัดเชียงราย แต่เป็นร้านขนาดเล็กๆ แบบห้องแถว 1 คูหา ที่สามารถรองรับลูกค้าได้ครั้งละไม่เกิน 30-40 คนเท่านั้น เมนูเด่นของร้านนี้ก็คือ “น้ำเงี้ยว” ซึ่งเป็นอาหารเด่นของจังหวัด โดยที่ร้านป้าสุขนั้นจะมีทั้งขนมจีนน้ำเงี้ยวหมู-เนื้อ และก๋วยเตี๋ยวน้ำเงี้ยวหมู-เนื้อ ให้เราเลือกทานเลยครับ ใครชอบแบบไหนก็จัดไป ราคาชามละประมาณ 35-50 บาทเท่านั้น รสชาติเข้มถึงใจ เครื่องอัดแน่นมากทั้งหมูสับ, มะเขือเทศ, เลือด, ดอกงิ้ว และถั่วเน่า บอกเลยอร่อยจนต้องมีเบิ้ล!!
อ้อ เห็นเค้าว่ากันว่าร้านป้าสุขเนี่ยเปิดขายมานานกว่า 50 ปีแล้วนะ ดังนั้นการันตีความอร่อยได้อย่างแน่นอนว่าของเค้าดีจริง แล้วก็สำหรับใครที่ไปทานที่ร้านนี้ครั้งแรกผมแนะนำให้ลองสั่งข้าวกั้นจิ้น กับแคบหมูและหนังปองมาลองด้วยนะ ไปทั้งทีลองให้ครบๆ จะได้จบๆ ไม่ค้างคาครับ
หมายเหตุ : ด้วยความที่ร้านป้าสุขมีขนาดไม่ใหญ่มาก ดังนั้นหากเราไปช่วงเที่ยงพอดี อาจจะต้องยืนรอคิวหน่อยนะ แล้วก็ใครที่ขับรถไปโปรดดูดีๆ ว่าวันนั้นสามารถจอดรถได้ฝั่งไหนของถนนครับ เดี๋ยวจอดผิดแล้วจะยุ่งน้า
Google Map : https://goo.gl/maps/MzJUtqq3V6UtWFPv7
Tel : 053-752-471
เวลาเปิด-ปิด : 9.30 น. – 14.30 น. (ปิดทุกวันจันทร์)
2. จ.เจริญชัย
ยังคงอยู่ที่ร้านอาหารแบบ Local หรือติดดินกินง่ายๆ นะครับ แต่คราวนี้เปลี่ยนบรรยากาศมาเป็นร้านข้าวต้มรอบดึกกันบ้าง กับร้าน “จ.เจริญชัย” โดยร้านนี้ก็เป็นหนึ่งในร้านอาหารเก่าแก่และมีชื่อเสียงของเชียงรายเหมือนกัน เพราะเค้าเปิดบริการมานานกว่า 30 ปีแล้ว เมนูอาหารภายในร้านมีมากมาย และหลายๆ รายการก็อร่อยเลยครับ
สำหรับเมนูเด่นๆ ที่ผมว่าไม่ควรพลาดก็ได้แก่ พะโล้รวมไส้เลือด, หมูกรอบทรงเครื่อง, ผัดต้นอ่อนทานตะวันหมูกรอบ, ผัดมะเขือยาว, เป็ดพะโล้, มะระผัดไข่ ครับ โดยถึงแม้บางเมนูผมอาจจะไม่ได้มีโอกาสลองทานเองในครั้งนี้ แต่จากที่ไล่อ่านรีวิวของหลายๆ คนผมคิดว่าน่าจะไว้ใจได้ครับ ส่วนเมนูอื่นๆ ที่เหลือก็ลองเลือกตามใจชอบเลย เพราะเมนูร้านนี้เค้าเยอะจริงๆ ส่วนในเรื่องของราคานั้นก็ถือว่าสมเหตุสมผล รับได้เลยครับ
Google Map : https://goo.gl/maps/MzJUtqq3V6UtWFPv7
Tel : 053-712-731
เวลาเปิด-ปิด : 16.00 น. – 23.00 น.
3. ป้าอ้วน บัวลอยมือถือ
ร้านเล็กๆ แบบรถเข็นในตลาดเชียงรายไนท์บาร์ซาร์ที่คุณภาพกับรสชาติไม่เล็กตามขนาดร้านเลย บอกเลยว่าอร่อยมาก!!! และถ้าเลือกได้เพียงร้านเดียวในรีวิวนี้ที่ไม่ควรพลาด ผมก็จะยกให้ร้านนี้แหละครับ
สำหรับที่ตั้งของร้าน “ป้าอ้วน บัวลอยมือถือ” นี้ จะอยู่ตรงต้นทางเข้าตลาดเลยนะครับ สังเกตง่ายๆ ร้านที่มีคนรอซื้อเยอะๆ นั่นแหละ ส่วนเมนูของเค้าก็จะมีให้เลือกมากมายแต่หลักๆ ตัวเบสก็คือบัวลอยที่หอมกะทิและงาข้าวคั่วมาก ใครที่ชอบเมนูไหนก็จัดไปนะครับ ไม่ว่าจะเป็นบัวลอยงามะพร้าวอ่อน (20 บาท), บัวลอยสลิ่มมะพร้าวอ่อน (25 บาท), บัวลอยผลไม้รวมมะพร้าวอ่อน (25 บาท), บัวลอยไข่เค็มมะพร้าวอ่อน (25 บาท) หรือบัวลอยไอศกรีมสลิ่มมะพร้าวอ่อน (25 บาท) แต่ละเมนูเด็ดๆ ทั้งนั้น
อ้อ ส่วนใครที่สงสัยว่าทำไมร้านถึงชื่อบัวลอยมือถือ นั่นก็เพราะร้านนี้เค้าไม่มีที่ให้นั่งเลยนั่นเองคร้าบบบบ เค้าจะตักขายแบบใส่ถ้วยกระดาษเท่านั้น แล้วเราก็ต้องยืนถือกินแถวนั้น หรือไม่ก็เดินถือกินไปเรื่อยๆ นั่นเอง ส่วนเวลาขายของร้านนี้โดยมากจะขายแค่วันละ 2 ชั่วโมงเท่านั้น คือ ช่วงประมาณ 18.00 น.-20.00 น. หากใครไปหลังจากนี้ก็มีโอกาสหมดสูงครับ
Google Map : https://goo.gl/maps/JLtK1TcukhQaVrtf9
เวลาเปิด-ปิด : 18.00 น. – 20.00 น.
4. ผัดไทย หอนาฬิกา
ยังคงวนเวียนอยู่กับร้านง่ายๆ ติดดินเหมือนเดิมนะครับ แต่คราวนี้จะเพิ่มความว้าวเข้าไปด้วยวิวสวยๆ ของหอนาฬิกาเมืองเชียงรายด้วย โดยหากใครที่ไม่เคยรู้จักหอนาฬิกาแห่งนี้มาก่อนผมจะต้องขออธิบายนิดนึงนะว่า หอนาฬิกาของจังหวัดเชียงรายนั้นถือว่าเป็นหอนาฬิกาที่มีความสวยงามมากเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศไทยเลย (โดยส่วนตัวผมยกให้สวยที่สุดเลยครับ) ด้วยสีทองอันสวยงามประกอบกับความชดช้อยของงานศิลปะและการออกแบบ มันทำให้ทุกอย่างมันลงตัวและมีเสน่ห์จริงๆ
โดยใครที่รู้สึกสงสัยว่าทำไมหอนาฬิกาแห่งนี้มันถึงดูสวยสะดุดตาเป็นพิเศษ ก็ไม่ต้องแปลกใจไปนะครับ เพราะหอนาฬิกาแห่งนี้เป็นผลงานการออกแบบของอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์นั่นเอง และใช้เวลาก่อสร้างนานถึง 5 ปี โดยมีชื่ออย่างเป็นทางการว่า “หอนาฬิกาเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้า พระบรมราชินีนาถ (หอนาฬิกาพุทธศิลป์)” ครับ
และด้วยความที่หอนาฬิกาแห่งนี้มันมีเสน่ห์มาก อีกทั้งในช่วงตอนกลางคืนของทุกวัน ในเวลา 19.00, 20.00 และ 21.00 น. ที่หอนาฬิกาแห่งนี้จะมีการเปิดเพลงเชียงรายรำลึกพร้อมทั้งมีการโชว์เปลี่ยนสีแสงไปในรูปแบบต่างๆ ประกอบกับทำนองเพลงไปด้วย ดังนั้นก็เลยทำให้มีผู้คนจำนวนมากแวะเวียนกันมาแถวนี้ในช่วงเวลาดังกล่าวครับ และทำให้มีร้านอาหารบางร้านยึดเอาตรงนี้เป็นจุดขายอย่างเช่นร้าน “ผัดไทย หอฬิกา” แบบที่ผมกำลังเขียนถึงนั่นเอง โดยร้านผัดไทย หอนาฬิกานั้นเป็นร้านเล็กๆ ริมถนนตรงสี่แยกหอนาฬิกาเชียงรายเลย เมนูอาหารก็จะมีทั้งผัดไทย, หอยทอด, ข้าวซอย, น้ำสมุนไพร แล้วก็อื่นๆ ในส่วนของรสชาตินั้นอยู่ในระดับกลางๆ ไม่ได้เด่นมาก ราคาก็อยู่ในระดับสมเหตุสมผล แต่จุดเด่นสุดๆ ของร้านนี้ก็คือที่นั่งบริเวณฟุตบาทหัวมุมถนนที่สามารถเห็นวิวหอนาฬิกายามค่ำคืนได้แบบเต็มๆ ตานี่แหละครับ ใครที่ไปเชียงรายครั้งแรกแล้วอยากดูการแสดงสีแสงเสียงของหอนาฬิกาชัดๆ ก็เลือกไปทานร้านนี้ได้เลยครับ
Google Map : https://goo.gl/maps/eSQcX6MmFWyd73Y99
Tel : 081-879-2526
เวลาเปิด-ปิด : 18.00 น. – 22.00 น.
5. ผามไส้อั่ว
เปลี่ยนบรรยากาศมาเป็นร้านอาหารติดแอร์ดูหรูๆ กันบ้างดีกว่า กับร้าน “ผามไส้อั่ว” ร้านที่ถ้าดูแค่ชื่ออาจจะคิดว่าเป็นร้านบ้านๆ ธรรมดา แต่ที่ไหนได้พอไปถึงบรรยากาศร้านดูดีมาก หรูหราดูน่านั่งสุดๆ นอกจากนี้ตัวร้านยังมีขนาดใหญ่ สามารถรองรับคนประมาณ 150 คนได้สบายๆ เลยครับ
สำหรับเมนูเด่นๆ ของร้านนี้ก็คงจะหนีไม่พ้นไส้อั่วครับ รสชาติจัดจ้าน เผ็ด และเครื่องถึงมาก โดยทางร้านเค้าจะมีการนำไส้อั่วไปประยุกต์ทำเมนูหลากหลายเลย เช่น พิซซ่าไส้อั่ว, เบอร์เกอร์ไส้อั่ว, ไส้อั่วกะเพรานรก เป็นต้น ใครอยากลองเมนูไหนเป็นพิเศษก็สั่งมาดูนะ นอกจากนี้เมนูอื่นๆ อย่างเช่น หมูย่างผาม, ชีสบอล ก็รสชาติดี หน้าตาดีเลยครับ โดยรวมๆ ก็ถือว่าเป็นร้านที่สอบผ่านในเรื่องของรสชาติและการจัดจานเลย ส่วนในเรื่องของราคานั้นผมต้องบอกไว้ก่อนนะว่าถ้าเทียบกับร้านอื่นๆ ที่ผ่านมา ราคาอาหารของร้านนี้จะแรงสุดเลยครับ แต่ขนาดจานแต่ละอย่างนั้นก็ถือว่าให้มาเยอะใช้ได้อยู่
ก็เอาเป็นว่าสำหรับใครที่ต้องการร้านอาหารบรรยากาศดีๆ ในเชียงราย เน้นไปที่อาหารเหนือ เช่น ไส้อั่ว, แกงฮังเล, แกงอ่อม, ลาบคั่ว รวมไปถึงอาหารที่มีการฟิวชั่นในรูปแบบต่างๆ ก็ลองไปทานที่ร้านนี้ได้เลยครับ หลายเมนูแปลกแตกต่างจากที่อื่นเลย แต่ยังไงตอนที่ไปทานก็เผื่อเวลาไว้ด้วยนิดนึงนะ เพราะไม่รู้ทำไมวันที่ผมไปใช้บริการคนอื่นๆ ในร้านก็มีไม่มากนัก แต่อาหารและการบริการต่างๆ แอบช้าพอควรเลยครับ @_@
Google Map : https://goo.gl/maps/McsKS82sqsaasQFr8
Tel : 050-020-499
เวลาเปิด-ปิด : 8.00 น. – 21.00 น.
6. ชีวิตธรรมดา
(Chivit Thamma Da Coffee House, Bistro & Bar)
หนึ่งในร้านอาหารและร้านคาเฟ่ที่ขึ้นชื่อของเชียงราย และเป็นร้านที่ใครหลายคนตั้งเป้าไว้เลยว่าไปเชียงรายจะต้องไปกินให้ได้ ตัวร้านสวยงามมากกกก เป็นลักษณะคล้ายๆ บ้านโบราณสไตล์อังกฤษ 2 หลังริมน้ำ มีการตกแต่งจุดต่างๆ ได้อย่างลงตัว ส่วนที่นั่งก็มีทั้งแบบ Indoor และ Outdoor ใครชอบแบบไหนก็จัดไปได้เลยครับ
เมนูของร้านนี้มีให้บริการเยอะมากทั้งอาหารคาวหวาน หน้าตาแต่ละอย่างดูดีทั้งนั้น แต่ด้วยความที่วันนั้นพวกผมทานอย่างอื่นไปก่อนและรู้สึกอิ่มมากๆ แล้ว เราก็เลยสั่งแค่ของหวานอย่างบานอฟฟี่และฮันนี่โทสต์ กับเครื่องดื่มอีก 2 ชนิดมาทานเท่านั้น ซึ่งร้านนี้ก็ไม่ทำให้เราผิดหวังเลย คุณภาพกับรสชาติแต่ละอย่างดีมาก โดยเฉพาะบานอฟฟี่อันนี้เด็ดสมคำร่ำลือจริงๆ ครับ
รวมๆ ต้องบอกว่าจากที่ผมได้ชิมอาหารเค้ามา 4 เมนู คุณภาพกับรสชาตินั้นสอบผ่านเลยครับ อีกทั้งเรื่องของการจัดจานก็สวยงาม เมนูอาหารหลายอย่างก็ดูแปลกแตกต่างจากที่อื่นโดยเฉพาะเครื่องดื่มมีแต่รายการน่าสนใจเท่านั้น ส่วนในเรื่องของราคานั้นก็ต้องบอกเหมือนกันว่าเป็นร้านที่ราคาค่อนข้างแรงพอควรเลย แต่ก็ยังอยู่ในระดับที่คุ้มอยู่นะ เพราะพวกเค้กกับขนมเค้าแต่ละชิ้นนั้นขนาดใหญ่ใช้ได้เลย กิน 2 คน คนละจานมีจุกได้เลยครับ @_@
หมายเหตุ : ร้านนี้คนเยอะตลอดทั้งวัน อาจจะหาที่จอดรถและที่นั่งยากหน่อย ต้องรอคิวนิดนึง แต่พอเข้าไปในร้านได้แล้วต้องบอกว่าการบริการและการเอาใจใส่ของพนักงานดีมากครับ พูดเพราะ บริการไว อาหารออกไวครับ
Google Map : https://g.page/ChivitThammada?share
Tel : 081-984-2925
เวลาเปิด-ปิด : 9.00 น. – 22.00 น.
7. Polar Boulangerie and Patisserie
ยังคงอยู่กับร้านอาหารในรูปแบบกึ่งคาเฟ่ต่อนะครับ แต่ร้านนี้จะเป็นร้านที่อยู่นอกตัวเมืองซักหน่อย และหลายๆ คนอาจจะไม่ค่อยรู้จักกัน กับร้านที่ชื่อว่า “Polar Boulangerie and Patisserie” หรือใครจะเรียกสั้นว่า “โพล่าร์” ก็ได้นะไม่ว่ากัน โดยร้าน Polar Boulangerie and Patisserie นี้เป็นร้านที่เพื่อนในเชียงรายของผมแนะนำมาครับ เค้าบอกว่าชูครีมของร้านนี้อร่อยมาก ต้องไปลองให้ได้ และจะให้ดีควรโทรไปจองก่อนเพราะมีโอกาสจะหมดสูง พอได้ยินแบบนี้ผมจะรอช้าทำไม โทรจองแล้วขับรถไปเลยจ้า
และหลังจากที่ขับรถไปได้ซักพัก ผมก็เริ่มคิดว่าทำไมร้านมันไกลจังฟระ ไม่ถึงซักที แถมทางก็แปลกและแคบลงเรื่อยๆ แต่ในที่สุด Google Map ก็ไม่หลอกเราครับ เรามาถึงร้านสำเร็จ พร้อมกับการที่พวกเราตั้งฉายาให้ร้านนี้ไปพร้อมกันว่า “คาเฟ่ที่ไม่ลับแต่ทางเข้าลึกลับจุงเบย”
ลักษณะร้านโดยรวมของเค้าจะเป็นอารมณ์แบบบ้านหลังน้อย ดูอบอุ่น เงียบสงบ ในป่าเล็กๆ ห่างไกลผู้คนครับ ใครมีบ้านแบบนี้อยู่ถือว่าน่าอิจฉาพอควรเลย ส่วนลักษณะที่นั่งภายในร้านก็จะเป็นแบบ Open air ทั้งหมด สามารถเลือกนั่งได้ทั้งในบ้านและในสวน บรรยากาศดีและร่มรื่นมากครับ
เมนูต่างๆ ของร้านจะเน้นไปที่เค้ก, เบเกอรี่, เครื่องดื่ม และกาแฟ เป็นหลัก ผมกับต๋งเลยจัดชูครีม, โอรีโอ้บราวนี่อัลมอนต์, ชาไทยนมเย็น และสมูทตี้ทรอปิคอลฟรุตมาทานครับ รสชาติโดยรวมอยู่ในเกณฑ์ดี โดยเฉพาะชูครีมอันนี้เด็ดมาก สมกับที่มีคนแนะนำมาจริง เนื้อแป้งนุ่ม ผิวด้านนอกกรอบนิดๆ ไส้ครีมนั้นตีได้ฟูเบา นุ่มละมุน รสชาติกำลังดีไม่หวานไม่เลี่ยน ทานเพลินมาก แป๊บเดียวหมดชิ้นแล้วครับ ใครที่มาร้านนี้แล้วไม่สั่งเมนูนี้บอกเลยว่าผมมีงอนอ่ะ เหมือนคุณไปไม่ถึงร้าน ยังไงถ้าได้ไปก็ลองสั่งมาทานดูนะครับ ชิ้นละ 50 บาท ถือว่าคุ้มราคาเลยครับ
Google Map : https://goo.gl/maps/84dSZkE8XtRPQSEU7
Tel : 087-366-9366
เวลาเปิด-ปิด : 8.00 น. – 16.30 น. (ร้านปิดทุกวันเสาร์)
8. The Riverie by Katathani
ที่สุดท้ายแล้วครับสำหรับการแนะนำร้านอาหารในบทความนี้ และเห็นชื่อแล้วไม่ต้องแปลกใจนะว่าทำไมมันเหมือนกับชื่อโรงแรมที่ผมได้แนะนำไปด้านบนจัง เพราะมันคือสถานที่เดียวกันนั่นเอง เพราะด้วยความที่ “The Riverie by Katathani” นั้นเป็นโรงแรมห้าดาวขนาดใหญ่ในจังหวัดเชียงราย ดังนั้นที่นี่ก็เลยมีห้องอาหารต่างๆ ให้บริการมากมาย แถมห้องอาหารแต่ละห้องก็ยังมีเอกลักษณ์และรสชาติที่ดีด้วยนะ โดย 3 ห้องอาหารเด่นๆ ของที่นี่ก็มีดังนี้เลยครับ
- ห้องอาหาร Blossom ห้องอาหารขนาดใหญ่ที่เปิดบริการตลอดทั้งวัน โดยมีประเภทอาหารทั้งไทย, ล้านนา และอินเตอร์เนชั่นแนลให้คุณเลือกทาน ส่วนที่นั่งก็มีให้เลือกทั้งแบบ Indoor ติดแอร์ หรือ Outdoor ริมแม่น้ำกก ได้สัมผัสกับธรรมชาติสวยๆ อย่างเต็มที่ครับ สำหรับห้องอาหารนี้สิ่งที่ผมอยากจะแนะนำที่สุดก็คือการสั่งชุดขันโตกมานั่งกินพร้อมกับชมวิวสวยๆ ริมแม่น้ำครับ บอกเลยว่าแจ่มลงตัวมากๆ
- ห้องอาหาร China Garden ห้องอาหารที่เน้นบริการอาหารจีนเป็นหลัก และเป็นหนึ่งในห้องอาหารจีนที่ขึ้นชื่อของจังหวัดเชียงรายมาเป็นเวลานาน ใครที่อยากจะกินอาหารจีนอร่อยๆ ในเชียงราย โดยเฉพาะติ่มซำสูตรกวางตุ้ง ต้องมาที่นี่เลยครับ
- The Peak Wine and Grill อีกหนึ่งห้องอาหารที่ถือว่ามีวิวสวยงามมาก และน่าจะสวยเป็นอันดับต้นๆ ของเชียงรายเลย เพราะที่นี่คือห้องอาหาร Roof Top ที่สามารถเห็นวิวแม่น้ำกกและเชียงรายในมุมสูงได้อย่างเต็มๆ ตา แบบไม่มีอะไรมากั้น โดยเฉพาะในช่วงเวลาพระอาทิตย์จะตกดิน จะเป็นช่วงเวลาที่เหมาะมานั่งทานของกินเล่นอร่อยๆ หรือเครื่องดื่มเย็นๆ ที่นี่มากครับ ส่วนใครที่อยากจะจัดหนักเป็นอาหารมื้อพิเศษ ที่ห้องอาหารแห่งนี้ก็มีอาหารให้เลือกสั่งหลายประเภทมาก โดยเฉพาะสไตล์อินเตอร์เนชั่นแนลและสเต๊ก แถมรสชาติแต่ละรายการก็ไม่ธรรมดาเลย ที่สำคัญในบางช่วงเวลาเค้าจะมีการเล่นดนตรีสดเพราะๆ ให้เราฟังด้วยแหละ ถือว่าเป็นสถานที่ดินเนอร์มื้อพิเศษที่ดีแห่งนึงเลยครับ
Google Map : https://goo.gl/maps/PFyPF5CYpmsKu1BY9
Tel : 053-607-999
Facebook : The Riverie by Katathani
เวลาเปิด-ปิด : แล้วแต่ห้องอาหาร
ก็จบลงแล้วนะครับสำหรับบทความแนะนำที่พัก ที่กิน และที่เที่ยวในเชียงรายบทความนี้ หากใครที่คิดว่าสถานที่เที่ยวต่างๆ มันยังไม่ปังไม่จุใจพอก็สามารถกดไปอ่านเพิ่มเติมที่บทความ เชียงราย : เหนือสุดแดนสยาม กับสถานที่เที่ยวห้ามพลาด ที่ผมเคยเขียนไว้ก่อนหน้านี้ได้ครับ เพราะเนื้อหาในนั้นและสถานที่ต่างๆ จะแทบไม่เหมือนกับในบทความนี้เลยครับ
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านจนจบ และหากใครที่ต้องการติดตามเรื่องราวการกินและเที่ยวของผมกับต๋งแบบใกล้ชิดก็สามารถกดติดตามที่แฟนเพจ “ภรรยาหา สามีใช้” ได้เลยครับ แล้วพบกันใหม่ในบทความหน้า สวัสดีครับ