พระราชวังต้องห้าม (Forbidden City) หรือ กู้กง นั้น ถือเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมาก ๆ ของเมืองปักกิ่ง (Beijing) และของประเทศจีนเลยครับ โดยพระราชวังแห่งนี้นอกจากจะมีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 600 ปีแล้ว ยังเป็นพระราชวังที่มีพื้นที่กว้างใหญ่ถึง 720,000 ตารางเมตร หรือประมาณ 450 ไร่เลยทีเดียว (ขนาดพื้นที่ใหญ่กว่าพระราชวังบัคกิ้งแฮม ประเทศอังกฤษ ถึง 50 เท่า)

พระราชวังต้องห้ามนั้นได้ถูกสร้างขึ้นในสมัยกลางราชวงศ์หมิงของประเทศจีน โดยใช้เวลาสร้างทั้งหมด 14 ปี เริ่มตั้งแต่ ค.ศ.1406 ถึง ค.ศ.1420 และภายในพระราชวังประกอบไปด้วยอาคารทั้งหมด 950 หลัง, พระที่นั่ง 75 องค์, หอพระสมุด รวมถึงมีกำแพงสูง 11 เมตร และคูน้ำขนาดใหญ่ล้อมรอบทุกด้านครับ

ส่วนสาเหตุที่พระราชวังแห่งนี้ได้ชื่อว่าพระราชวังต้องห้ามก็เพราะว่าในอดีตพระราชวังแห่งนี้เป็นเขตหวงห้ามไม่ให้บุคคลภายนอกเข้าเด็ดขาด แม้กระทั่งข้าราชการชั้นสูงก็ยังต้องขออนุญาติเพื่อเข้าพระราชวังแห่งนี้ โดยผู้ที่สามารถเข้าพระราชวังแห่งนี้ได้จะมีเพียงองค์จักรพรรดิ, สนมกำนัล, ขันที และข้าหลวงรับใช้เท่านั้นครับ

และด้วยความที่พระราชวังแห่งนี้มีความเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์จีนเยอะมาก รวมทั้งมันยังเป็นพระราชวังที่ใหญ่โตมโหฬารสุด ๆ พระราชวังแห่งนี้ก็เลยเป็นหนึ่งในสถานที่ที่ผมอยากจะไปเที่ยวซักครั้งในชีวิตครับ และในที่สุดช่วงเดือน มี.ค. 67 ผมกับภรรยาก็ได้มีโอกาสไปเที่ยวชมพระราชวังแห่งนี้ และพวกเราเห็นว่ามันมีประเด็นที่น่าสนใจมากมาย ก็เลยนำมาสรุปให้ทุกคนที่มีแผนจะไปเที่ยวที่นี่ได้อ่านกันครับ

การที่เราจะเข้าชมพระราชวังต้องห้ามได้นั้น เราจะต้องทำการจองและซื้อตั๋วล่วงหน้าเท่านั้น ไม่สามารถ Walk in ไปซื้อที่หน้าประตูทางเข้าได้ครับ และในแต่ละวันนั้นเค้าจะจำกัดจำนวนผู้เข้าชมด้วย โดยหากครบกำหนดที่ตั้งไว้เราก็จะไม่สามารถซื้อตั๋วเข้าชมในวันดังกล่าวได้ครับ

ทั้งนี้วิธีการซื้อตั๋วเข้าชมพระราชวังต้องห้ามที่คนไทยนิยมกันก็จะมี 2 วิธีหลัก ๆ ได้แก่ จองตรงกับเวบไซต์ของพระราชวังต้องห้าม และการซื้อผ่าน Klook ครับ

หมายเหตุ : พระราชวังต้องห้ามปิดทุกวันจันทร์นะครับ และที่นี่คือสถานที่เที่ยวที่คนนิยมไปมาก ๆ ดังนั้นควรจะต้องให้ความสำคัญในการจองตั๋วล่วงหน้ามาก ๆ อย่าชะล่าใจโดยเด็ดขาด

  • ให้เราทำการจองผ่านเวบไซต์ https://bookingticket.dpm.org.cn/ โดยการจองด้วยวิธีนี้เราสามารถจองล่วงหน้าได้ 7 วันครับ เช่น ถ้าจะไปวันเสาร์ที่ 30 เม.ย. ก็จะสามารถกดจองได้ตั้งแต่วันเสาร์ที่ 23 เม.ย. เวลา 19.00 น. ของเมืองไทยครับ
  • ในการจองจะมีให้เลือกว่าจะจองเข้ารอบเช้าหรือรอบบ่าย โดยทั้ง 2 รอบนั้นจะมีค่าเข้าเท่ากัน โดยหากใครที่จองรอบเช้าก็จะสามารถอยู่ได้ยาว ๆ จนถึงตอนเย็นที่พระราชวังปิดเลย ดังนั้นผมแนะนำให้เลือกจองมาช่วงเช้าจะดีกว่า เพราะสถานที่มันใหญ่มาก และมีอะไรให้ศึกษาเยอะเลย
  • ในการจอง 1 ครั้ง เราจะสามารถจองได้สูงสุด 5 คนนะครับ และในการจองนั้นเราจะต้องใส่ชื่อ, นามสกุล รวมถึงหมายเลขพาสปอร์ตของทุกคนด้วย ดังนั้นให้เราเตรียมข้อมูลต่าง ๆ ไว้ให้ดีนะครับ
  • เด็กอายุต่ำกว่า 6 ขวบเข้าชมฟรีครับ โดยตอนที่จองให้เราเลือกว่ามีเด็กไปด้วยนะ
  • ในการจ่ายเงินนั้นเราสามารถตัดเงินผ่านบัตรเครดิตวีซ่าหรือมาสเตอร์การ์ดได้เลย และผมแนะนำให้ทุกคนจองผ่านคอมพิวเตอร์จะดีกว่านะครับ เพราะนอกจากจะสะดวกในการพิมพ์ข้อมูลต่าง ๆ แล้ว มันยังไม่มีปัญหาในการจ่ายเงินด้วย (หลายคนมีปัญหาว่าจองผ่านมือถือแล้วมันไม่ขึ้นหน้า pop up ให้ยืนยันรหัสครับ)
  • เมื่อเราทำการจองเสร็จเรียบร้อยแล้ว มันจะมีอีเมลยืนยันกลับมา และเมื่อถึงวันที่เราจองไว้เราก็เอาพาสปอร์ตของเราไปแสดงที่ประตูทางเข้าได้เลยครับ (ไม่จำเป็นต้องปริ้นท์อะไรไปเลยนะครับ)

สำหรับใครที่กดจองเข้าพระราชวังต้องห้ามด้วยวิธีนี้ มันจะมีค่าเข้าชมอยู่ 2 แบบตามนี้นะครับ

  • ช่วง Low Season (1 พ.ย. – 31 มี.ค.) ราคา 40 หยวน/คน
  • ช่วง High Season (1 เม.ย. – 31 ต..ค.) ราคา 60 หยวน/คน

โดยค่าเข้าชมดังกล่าวนี้จะเป็นค่าเข้าชมเฉพาะส่วนหลักเท่านั้นนะ ยังไม่รวมส่วนเสริมพิเศษ เช่น หอนาฬิกา, นิทรรศการสมบัติอารเบีย เป็นต้น โดยในส่วนเสริมนี้ปกติจะมีค่าเข้าชมอยู่ที่ส่วนละ 10 หยวนครับ ซึ่งใครที่คาดว่าจะเข้าในส่วนเสริมนี้แน่ ๆ ผมแนะนำให้จองไปพร้อมกันตั้งแต่แรกให้เรียบร้อยจะดีกว่า จะได้ไม่ต้องไปวุ่นวายเสียเวลาที่หน้างานอีก แต่ถ้าใครยังไม่แน่ใจก็ค่อยไปตัดสินใจซื้อส่วนเสริมนี้อีกทีตอนที่เข้าไปแล้วก็ได้ครับ เพราะตั๋วส่วนเสริมนี้เราสามารถไปซื้อเพิ่มทีหลังได้

หมายเหตุ : สำหรับใครที่มีเวลาน้อยให้เลือกซื้อแค่ตั๋วเข้าชมหลักก็พอนะครับ เพราะว่าแค่นั้นก็ใช้เวลาเดินไม่ต่ำกว่า 3 ชม. แล้ว

สำหรับวิธีนี้เราจะสามารถจองและซื้อตั๋วเข้าชมพระราชวังต้องห้ามได้นานกว่า 7 วันครับ แต่ว่าราคาต่อคนมันจะสูงกว่าการจองตรงผ่านเวบไซต์ทางการของจีนพอควรนะ โดยในการจองผ่าน Klook นั้นจะสามารถจองได้ 2 แบบ คือ แบบบัตรเข้าชมอย่างเดียว และแบบบัตรเข้าชมพร้อมไกด์นำทัวร์ โดยกรณีที่จองแบบบัตรเข้าชมอย่างเดียว จะราคาประมาณ 400-450 บาท/คน ส่วนแบบบัตรเข้าชมพร้อมไกด์นำทัวร์ จะอยู่ที่ 1,200-1,300 บาท/คน ครับ

หมายเหตุ : กรณีที่เราจองตรงผ่านเวบไซต์ทางการจีน บัตรเข้าชมอย่างเดียวจะอยู่ที่คนละ 200-300 บาท แล้วแต่ช่วงนะครับ

▪️ การเดินเท้าไปยังทางเข้าหลักของพระราชวังต้องห้ามนั้นมีหลายเส้นทาง แต่เส้นทางที่คนนิยมไปสุดคือเทียนอันเหมิน เพราะจะได้เดินผ่านจัตุรัสเทียนอันเหมินด้วย แต่ว่าเส้นทางนี้จะมีการตรวจเข้มงวดที่สุด และแถวมักจะยาวที่สุดด้วยครับ ส่วนใครที่อยากจะเช่าชุดจีนไปถ่ายรูปด้านในด้วย ก็ให้ไปเข้าทางด้านตะวันออกนะครับ เพราะโซนนั้นจะมีร้านให้เช่าชุดจีนเยอะเลย

▪️ ที่ประตูทางเข้าจะมีจุดบริการเช่าออดิโอ้ไกด์ด้วยนะครับ ราคา 40 หยวน/คน โดยออดิโอ้ไกด์นี้มีภาษาไทยด้วยนะ และผมแนะนำว่าใครที่เป็นสายประวัติศาสตร์หรืออยากรู้ข้อมูลเชิงลึกควรจะเช่าครับ มันคุ้มมาก ๆ เลย (ตอนเช่าเราต้องบอกเจ้าหน้าที่ด้วยนะครับว่าต้องการภาษาไทย เพราะว่าแต่ละเครื่องมันจะบรรจุภาษาไว้ไม่เหมือนกัน)

▪️ ออดิโอ้ไกด์ที่เราเช่ามานั้นมันจะทำงานอัตโนมัติเมื่อเราเดินถึงจุดที่มันกำหนดไว้ครับ เราไม่จำเป็นต้องกดอะไรเลยนอกจากปุ่มเพิ่มลดเสียงครับ

▪️ พื้นที่โดยรวมของพระราชวังต้องห้ามนั้นถือว่ากว้างมากครับ โดยคนทั่วไปที่ไม่ได้อินกับประวัติศาสตร์หรือการท่องเที่ยวแนวนี้มากนัก อาจจะใช้เวลาเดินเที่ยวประมาณ 3 ชม. และเน้นแค่โซนหลัก ๆ ก็พอ แต่ถ้าใครเป็นสายจริงจังอาจจะต้องใช้เวลาเดินประมาณ 5-8 ชม. ค่อยเก็บหมดครับ

▪️ ภายในพระราชวังต้องห้ามสามารถถ่ายรูปได้ทุกที่เลยครับ เพียงแต่เค้าจะไม่อนุญาตให้นำขาตั้งกล้องหรือไม้เซลฟี่ที่สามารถยืดหดได้เข้าไปนะ

▪️ ภายในพระราชวังต้องห้ามมีที่นั่งสำหรับนั่งพักผ่อนเยอะมากครับ และที่นี่เราสามารถนำอาหาร, ขนม หรือเครื่องดื่มส่วนตัวเข้าไปทานได้อย่างเต็มที่เลย

▪️ ข้างในพระราชวังต้องห้ามที่จุดทิ้งขยะเยอะพอควรเลยครับ

▪️ ภายในพระราชวังต้องห้ามมีห้องน้ำให้บริการหลายจุด และสภาพโดยรวมอยู่ในเกณฑ์ที่ดีมากครับ สะอาดทุกที่เลย แต่ว่ารูปแบบห้องน้ำเค้าจะเป็นแบบนั่งยองนะ (สุขาแบบนั่งยองที่ใช้เท้าเหยียบปุ่มกดน้ำ เก๋ดีครับ ไม่ต้องกังวลเรื่องมือเปื้อนเลย)

▪️ บริเวณใกล้ ๆ กับทางไปหอนาฬิกา จะมีร้านอาหารบริการด้วยนะครับ ขนาดกลาง ๆ จุได้ประมาณ 150 คน มีเมนูให้เลือกทานหลากหลายพอควร แต่ว่าราคาจะสูงกว่าข้างนอกหน่อยนะ (จานละประมาณ 350-450 บาท) โดยในช่วงเที่ยงจนถึงบ่ายนั้นคนจะไปใช้บริการกันเยอะมากจนต้องยืนรอคิวที่หน้าร้านยาวเหยียดเลยครับ

▪️ ที่บริเวณหน้าร้านอาหารมันจะมีโซนเล็ก ๆ โซนนึงเอาไว้จำหน่ายพัฟไส้กรอก, น้ำ และไอศกรีมแบบ Take Away ด้วยนะครับ ดังนั้นใครที่ไม่ได้คิดว่าจะต้องกินอะไรแบบจริงจังก็สามารถมาซื้อของจากโซนนี้ไปนั่งทานที่อื่นได้ครับ มันจะช่วยประหยัดเวลาไปได้เยอะเลย

▪️ พื้นที่ทางเดินหลายจุดในพระราชวังห้ามจะไม่ได้เรียบเท่าไหร่นะ มีความตะปุ่มตะป่ำพอควร ยังไงก็ระมัดระวังเรื่องการเดินด้วยนะครับ

▪️ ที่ประตูทางออกด้านหลังของพระราชวังต้องห้ามจะสามารถเดินไปที่สวนจิ่งซานได้ โดยที่สวนนี้จะมีจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นพระราชวังต้องห้ามในมุมกว้างและสูงได้ครับ และผมแนะนำให้ทุกคนไปเลยนะ เพราะวิวมัมคุ้มค่ามาก ๆ แต่ว่าใครที่จะไปอาจจะต้องเตรียมกำลังขาไปนิดนึง เพราะมันต้องเดินขึ้นเขาเล็กน้อยครับ (ใช้เวลาเดินขึ้นประมาณ 15 นาที และมีค่าเข้าสวน 2 หยวน/คน)

▪️ วันที่ผมไปนั้นผมใช้เวลาเดินไปทั้งหมด 4 ชั่วโมง 30 นาที รวมระยะทางประมาณ 7 กม. และเดินสำรวจไปได้ประมาณ 75% ของพื้นที่ทั้งหมดนะครับ

ใครที่สนใจจะไปเที่ยวพระราชวังต้องห้ามก็วางแผนไปให้ดี ๆ นะ โดยเฉพาะเรื่องการจองตั๋วเข้า เพราะช่วงที่เป็น High Season นั้นมันเต็มเร็วมาก ๆ ครับ โดยถ้าจะให้ดีเราควรวางแผนเที่ยวปักกิ่งแบบที่มันสามารถสลับวันไปมาได้เอาไว้ก่อน เผื่อเราจองตั๋วเข้าพระราชวังต้องห้ามในวันที่เราต้องการทีแรกไม่ได้ เราจะยังพอสลับแผนไปวันอื่นและเลือกจองอีกครั้งได้ครับ

สุดท้ายนี้ผมขอให้ทุกคนมีความสุขกับการไปเที่ยวพระราชวังต้องห้าม (Forbidden City) หรือ กู้กง มาก ๆ นะครับ และสำหรับท่านใดที่ต้องการจะติดตามเรื่องราวกินและเที่ยวของผมกับต๋งเพิ่มเติม ก็สามารถกดติดตามได้ที่แฟนเพจ “ภรรยาหา สามีใช้” ได้เลยครับ แล้วพบกันใหม่ สวัสดีครับ