ฟูจิซัง หรือภูเขาไฟฟูจิ (Fuji Mountain) ถือเป็นแลนมาร์คหรือสัญลักษณ์ของประเทศญี่ปุ่นที่โด่งดังไปทั่วโลกและใครๆ ต่างก็รู้จักกันดี โดยภูเขาไฟแห่งนี้ถือเป็นหนึ่งในเป้าหมายสำคัญที่นักท่องเที่ยวทุกคนต่างก็พยายามจะหาโอกาสไปดูด้วยตาตัวเองชัดๆ ซักครั้ง โดยเฉพาะคนที่พึ่งได้มีโอกาสไปญี่ปุ่นเป็นครั้งแรกครับ





แต่ด้วยความที่ฟูจิซังนั้นเป็นภูเขาไฟที่ขี้อายพอควร ดังนั้นหลายๆ คนจึงต้องพบเจอกับประสบการณ์ที่ผิดหวัง แบบที่อุตส่าห์วางแผนล่วงหน้าไว้เป็นปี เก็บเงินค่าเดินทางตั้งนาน แต่พอไปถึงหน้าบ้านแล้ว คุณฟูจิซังกลับปิดหน้าปิดตา ปิดประตูบ้านลงกลอนแน่นหนาแบบไม่ให้ใครเห็นหน้าซะงั้น
.
.
.
แน่นอนครับว่าผมเองก็เป็นหนึ่งในคนที่ได้รับประสบการณ์ที่ผิดหวังแบบนั้นหลายครั้งเลยล่ะครับ คิดแล้วก็เศร้าจริงๆ T___T




แต่ๆๆๆ ด้วยความที่ผมได้มีโอกาสเดินทางไปที่ญี่ปุ่นหลายครั้ง และในบางครั้งผมก็เลือกที่จะวางแผนให้ตัวเองนอนค้างคืนในจุดที่สามารถเห็นวิวฟูจิซังได้อย่างชัดเจน ดังนั้นผมก็เลยได้มีโอกาสเห็นอิริยาบถสวยๆ และมีภาพของภูเขาไฟแห่งนี้หลายมุมเหมือนกันครับ





และยิ่งผมได้เห็นภูเขาไฟแห่งนี้มากเท่าไหร่ ผมยิ่งรู้สึกว่ามันเป็นภูเขาไฟที่มีความสวยงามและมีเสน่ห์มากกกกกก ไม่ว่าจะมองมุมไหน ซ้าย ขวา หน้า หลัง หรือจะมองไกล มองใกล้ มีฉากหน้าบ้าง ไม่มีฉากหน้าบ้าง รวมไปถึงการมองผ่านฤดูกาลต่างๆ ทั้งใบไม้เปลี่ยนสี และซากุระ ภูเขาไฟแห่งนี้ก็มีความสวยงาม และสามารถสะกดให้เรามองนิ่งแบบตกไปอยู่ในภวังค์ที่มีความสุข ความอิ่มเอมได้ทุกครั้งเลยครับ
สมแล้วที่คนญี่ปุ่นรักและผูกพันภูเขาไฟแห่งนี้มากๆ ครับ



และสำหรับวันนี้ นอกจากผมจะมีภาพต่างๆ ของฟูจิซังที่เคยได้ถ่ายไว้มาแบ่งปันให้ทุกคนดูกันแล้ว ผมก็ยังมีเรื่องต่างๆ ของฟูจิซังที่คิดว่าน่าสนใจมาทิ้งท้ายให้อ่านกันด้วยนะครับ ยังไงก็ค่อยๆ อ่านกันดูนะครับ
▪ ภูเขาไฟฟูจิ ถือเป็นภูเขาที่สูงที่สุดในประเทศญี่ปุ่น และมีความสูงถึง 3,776 เมตรเลยครับ!!

▪ พื้นที่โดยรอบของภูเขาไฟฟูจิจะประกอบไปด้วยธรรมชาติที่สวยงามมากมาย แต่สิ่งที่ทุกคนน่าจะคุ้นหูมากที่สุดก็น่าจะเป็นทะเลสาบทั้งห้าอย่าง ทะเลสาบคาวากุจิ (Lake Kawaguchiko), ทะเลสาบยามานากะ (Lake Yamanaka), ทะเลสาบโมโตซูโกะ (Lake Motosuko), ทะเลสาบไซโกะ (Lake Saiko) และทะเลสาบโชจิโกะ (Lake Shojiko) ครับ







▪ จุดเด่นมากๆ ของภูเขาไฟแห่งนี้ก็คือ มีรูปร่างสวยงามแทบจะสมมาตรกันทุกด้าน ดังนั้นภูเขาไฟแห่งนี้จึงเป็นแรงบันดาลใจที่สำคัญให้เหล่าศิลปินไม่ว่าจะนักกวี, จิตรกร หรือช่างภาพ ได้ผลิตผลงานที่เกี่ยวข้องกับภูเขาฟูจิออกมามากมายตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบันครับ





▪ ในวันที่อากาศแจ่มใสมากๆ เราสามารถมองเห็นฟูจิซังจากโตเกียวได้เลยนะครับ ซึ่งโดยส่วนตัวผมเคยได้มีโอกาสเห็น 2 ครั้ง และมันเป็นช่วงเวลาที่ประทับใจมากๆ เลยล่ะ


▪ ปัจจุบันนี้ภูเขาไฟฟูจิยังเป็นภูเขาไฟที่ยังไม่ดับนะครับ มีโอกาสเกิดการปะทุได้ เพียงแต่โดยรวมแล้วเป็นภูเขาไฟที่มีโอกาสปะทุต่ำพอควร โดยการระเบิดครั้งล่าสุดของฟูจิซังก็คือ พ.ศ. 2250 (ค.ศ. 1707) หรือในยุคเอโดะนู่นนนนครับ


▪ ภูเขาไฟฟูจินั้นเกิดจากการทับถมกันของลาวาภูเขาไฟ ซึ่งแต่เดิมเราเชื่อกันว่าเกิดจากภูเขาไฟ 3 ลูกที่ซ้อนทับกันอยู่ แต่จากการวิจัยชั้นดินในปี ค.ศ. 2004 ทำให้รู้ว่าภูเขาฟูจิที่เราเห็นอยู่ทุกวันนี้นั้นเป็นภูเขารุ่นที่ 4 แล้วครับ!!



▪ ด้วยความที่ภูเขาแห่งนี้มันสูงมาก ดังนั้นที่บริเวณยอดเขาของฟูจิจึงมีสภาพภูมิอากาศแบบทุนดรา โดยอุณหภูมิต่ำสุดเท่าที่มีการบันทึกไว้อยู่ที่ −38.0 องศาเซลเซียส และอุณหภูมิสูงสุดอยู่ที่ 17.8 องศาเซลเซียสครับ

▪ ในอดีตนั้นภูเขาไฟฟูจิจะไม่อนุญาตให้ผู้หญิงเดินขึ้นเด็ดขาดเพราะเขาเชื่อว่าเป็นภูเขาศักดิ์สิทธิ์ครับ แต่ปัจจุบันนี้สามารถขึ้นได้ทุกเพศทุกวัยแล้วนะ

▪ หากใครมีแผนจะเดินขึ้นพิชิตยอดภูเขาไฟฟูจิ ก็ต้องเตรียมร่างกายดีๆ หน่อยนะครับ เพราะเส้นทางการเดินมันโหดร้ายเอาเรื่อง ส่วนช่วงเวลาที่เค้าเปิดให้เดินขึ้นนั้นก็จะอยู่ในช่วงหน้าร้อนของญี่ปุ่นเป็นหลักครับ (ช่วงประมาณ ก.ค. จนถึงต้น ก.ย. ของทุกปี)

▪ ส่วนเส้นทางการเดินขึ้นภูเขาไฟฟูจิหลักๆ นั้นจะมีทั้งหมด 4 เส้นทาง โดยเส้นทางที่นิยมที่สุดก็คือเส้นทางโยชิดะรูท ใช้เวลาเดินขึ้นประมาณ 6 ชั่วโมง และลงอีก 3 ชั่วโมง เหมาะสำหรับนักเดินเขามือใหม่ที่สุด แต่ก็อาจจะต้องพบเจอกับคนจำนวนมาก โดยเฉพาะในวันเสาร์อาทิตย์และวันหยุดนะครับ

▪ เวลาในการเดินขึ้นลงด้านบนนั้น เป็นเวลาประมาณการสำหรับคนที่มีร่างกายแข็งแรง และมีการเตรียมพร้อมพอควรนะครับ ส่วนใครที่คิดว่าตัวเองไม่พร้อมก็อาจจะต้องเผื่อเวลาในการเดินมากกว่านี้นะ โดยเราสามารถวางแผนเพื่อจะนอนระหว่างทางได้ครับ มันจะมีที่พักบริการเยอะเลย

▪ เส้นทางเดินขึ้นภูเขาไฟฟูจิหลักๆ ในปัจจุบันนี้ก็คือเส้นทางที่เหล่านักเดินทางแสวงบุญในอดีตใช้เพื่อเดินทางเพื่อฝึกตน และขึ้นไปสักการะเทพเจ้ากันนั้นแหละครับ ดังนั้นตามเส้นทางการเดินต่างๆ จึงมีเสาประตูโทริอิและศาลเจ้าต่างๆ อยู่ด้วยนั่นเอง และถึงแม้เราจะเดินขึ้นภูเขาไฟฟูจิในช่วงหน้าร้อน แต่อุณหภูมิที่ยอดเขานั้นก็หนาวใช้ได้เลยนะครับ อยู่ในระดับเลขตัวเดียวเลยครับ!!


▪ ภูเขาไฟฟูจิ ได้ถูกประกาศให้เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรม ในวันที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2556 ภายใต้ชื่อ “ฟูจิซัง สถานที่ศักดิ์สิทธิ์และแหล่งที่มาของความบันดาลใจทางศิลปะ” โดยภูเขาไฟฟูจินี้ถือเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรม แห่งที่ 13 และเป็นมรดกโลก แห่งที่ 17 ของประเทศญี่ปุ่นครับ




ก็จบแล้วนะครับ สำหรับเรื่องราวเกี่ยวกับภูเขาไฟฟูจิในวันนี้ แต่ถ้าใครดูแล้วยังรู้สึกไม่อิ่มเอมใจพอ ก็สามารถกดอ่าน 2 บทความด้านล่างนี้ได้นะครับ จะมีภาพและเรื่องราวเกี่ยวกับฟูจิซังให้อ่านอีกพอควรเลยครับ
▪ Sakura view point @Kawaguchiko : จุดชมซากุระบานสะพรั่ง ที่คาวากูจิโกะ
▪ Nikon X Fuji : เมื่อผมพา Nikon Z6 ไปชมความงามของฟูจิซัง
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านจนจบ แล้วพบกันใหม่ในบทความหน้า สวัสดีครับ
