สวัสดีครับ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ผมได้เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับ “60 เรื่องน่ารู้ ก่อนออกเดินทางไปยังประเทศจอร์เจีย” มาแล้ว วันนี้ผมก็เลยจะมาเล่าเกี่ยวกับสถานที่เที่ยวที่น่าสนใจของประเทศนี้กันต่อ (ใครที่ยังไม่ได้อ่านบทความก่อนหน้านี้ ผมอยากให้ย้อนกลับไปอ่านก่อนนะครับ) โดยในบทความนี้ผมจะเขียนถึงเฉพาะสถานที่เที่ยวที่น่าสนใจในนครทบิลิซี (Tbilisi) ซึ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศจอร์เจียก่อนนะครับ แล้วบทความหน้าผมค่อยจะพาทุกคนไปรู้จักกับสถานที่เที่ยวอื่นๆ ภายในประเทศนี้กันต่อ
Disclosure : บทความนี้ได้รับการสนับสนุนจากผู้ให้บริการ แต่ทั้งนี้ความเห็นต่างๆ ที่เกิดขึ้นเป็นความรู้สึกจริงของผมครับ
สำหรับประวัติคร่าวๆ ของเมืองทบิลิซีหรือเมืองที่มีความหมายว่าความร้อน, ความอบอุ่นนั้นมีการเล่าว่า สมัยคริสต์ศตวรรษที่ 4 กษัตริย์วาคตัง จอร์กาซาลี (Vakhtang Gorgasali) แห่งประเทศจอร์เจีย ได้พบเจอเมืองนี้โดยบังเอิญจากเหตุที่พระองค์เสด็จล่าสัตว์พร้อมอินทรีย์คู่ใจ โดยในวันนั้นพระองค์สามารถล่าไก่ฟ้าได้ และไก่ฟ้าตัวนั้นได้ตกลงมาตายในบริเวณที่มีบ่อน้ำพุร้อนอยู่เป็นจำนวนมาก พระองค์เห็นแล้วรู้สึกประทับใจในสถานที่แห่งนั้นเป็นพิเศษจึงได้สร้างเป็นเมืองขึ้นมา จนกระทั่งเมื่อพระโอรสของพระองค์ได้เสด็จขึ้นครองราชย์ ก็ได้ทรงย้ายเมืองหลวงจากเมืองมิชเคตา (Mtskheta) ที่อยู่ห่างออกไปประมาณ 25 กิโลเมตรมาอยู่ที่เมืองทบิลิซีครับ
ทั้งนี้ด้วยความที่นครทบิลิซีนั้นมีพื้นที่เพียง 726 ตารางกิโลเมตร ประกอบกับสถานที่เที่ยวที่ทุกคนนิยมไปนั้นอยู่ใกล้ๆ กับเขตเมืองเก่า (Old Town Tbilisi) ที่พื้นที่หลายจุดมีถนนที่คับแคบ และไม่มีรถไฟฟ้าผ่าน ดังนั้นการเที่ยวนครทบิลิซีโดยส่วนใหญ่จึงมักจะใช้การนั่งรถไปให้ใกล้กับเขตเมืองเก่ามากที่สุด หลังจากนั้นก็จะใช้การเดิน หรือที่เรียกว่า City Walk เป็นหลักครับ โดยสถานที่เที่ยวที่น่าสนใจภายในนครทบิลิซีก็มีตามนี้เลยครับ
1. โบสถ์เมเตคี
(Metekhi Cathedral)
จุดเริ่มต้นการเดิน City Walk ของหลายๆ คน เพราะโบสถ์แห่งนี้สามารถมองเห็นสถานที่เที่ยวต่างๆ ในละแวกนั้นได้อย่างชัดเจน รวมทั้งมีระยะทางการเดินไปยังสถานที่ต่างๆ ไม่ไกลมากด้วย โดยโบสถ์นี้จะตั้งอยู่ริมแม่น้ำคูรา (Kura) หรืออีกชื่อหนึ่งคือแม่น้ำมิทควารี (Mtkvari) และอยู่ตรงข้ามกับเขตเมืองเก่า (Old Town Tbilisi) รวมไปถึงป้อมนาริกาลา (Narikala Fortress) ครับ
สำหรับจุดเด่นที่น่าสนใจของการมาที่โบสถ์แห่งนี้ก็คือความเก่าแก่, ความสวยงามของโบสถ์, รูปปั้นของกษัตริย์วาคตัง จอร์กาซาลี (Vakhtang Gorgasali) ผู้ค้นพบเมืองนี้ รวมไปถึงที่นี่ยังเป็นจุดถ่ายรูปเมืองทบิลิซีที่สวยมากๆ จุดนึงเลยครับ
หมายเหตุ : สำหรับการเข้าโบสถ์ของประเทศนี้นั้นผู้หญิงทุกคนจะต้องใช้ผ้าคลุมศีรษะด้วยนะครับ ใครที่เตรียมผ้าของตัวเองไปเรียบร้อยแล้วก็สามารถใช้ได้เลย แต่หากใครไม่มีตามโบสถ์ใหญ่ๆ ที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวหลัก เค้าจะมีให้เรายืมใช้ฟรีแทบทุกที่ครับ



2. โรงอาบน้ำ
(Sulphur Bath)
ด้วยความที่เมืองทบิลิซีนั้นมีบ่อน้ำพุร้อนเป็นจำนวนมาก ดังนั้นภายในเมืองแห่งนี้จึงมีโรงอาบน้ำร้อนให้บริการหลายแห่ง โดยโรงอาบน้ำร้อนเหล่านี้ได้เปิดให้บริการมาเป็นระยะเวลานานมากแล้ว และในปัจจุบันนี้ก็ยังคงเปิดบริการอยู่ ใครที่สนใจก็สามารถไปใช้บริการได้ครับ ว่ากันว่าน้ำพุร้อนของที่นี่มีแร่ธาตุหลายอย่าง และที่คนนิยมมาอาบกันเป็นจำนวนมากก็เพราะว่ามันสามารถกำจัดของเสียตามผิวหนัง ทำให้ผิวพรรณของเราเปล่งปลั่งครับ ><
ทั้งนี้โรงอาบน้ำนี้มีอีกชื่อนึงที่คนท้องถิ่นเรียกกันนั่นก็คือ อะบาโนตูบานี (Abanotubani) โดยที่นี่ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของประเทศจอร์เจียและมีบุคคลสำคัญระดับโลกเดินทางมากันมากมายเพื่อที่จะได้ลองและสัมผัสกับบรรยากาศการอาบน้ำเมื่อหลายร้อยปีก่อน โดยโรงอาบน้ำที่เก่าแก่ที่สุดนั้นคือ โรงอาบน้ำหมายเลข 5 (Bathhouse #5) ส่วนโรงอาบน้ำที่อยู่ติดกันนั่นก็คือโรงอาบน้ำของราชวงศ์ (Royal Bath : Bathhouse #4) ที่เคยใช้เป็นโรงอาบน้ำของกษัตริย์ในอดีตครับ
ใครที่สนใจอยากจะเข้าไปดูภายในโรงอาบน้ำแห่งนี้ หรืออยากจะไปลองอาบน้ำซักครั้งก็ลองติดต่อเค้าดูนะครับ เค้าจะมีให้เราเลือกว่าจะอาบเป็นห้องรวมหรือห้องส่วนตัว ซึ่งแบบหลังก็จะมีราคาที่สูงกว่ามากครับ
หมายเหตุ : ถ้าเราสังเกตดีๆ บริเวณโรงอาบน้ำนี้จะมีรูปปั้นของนกอินทรีย์และไก่ฟ้าที่เกี่ยวข้องกับประวัติของเมืองทบิลิซีอยู่ด้วยนะครับ


3. น้ำตกเลกทากิวี
(Leghvtakhevi Waterfall)
หนึ่งในความมหัศจรรย์และความน่าสนใจของนครทบิลิซีนั้นก็คือที่กลางเมืองแห่งนี้มีน้ำตกอยู่ด้วยครับ โดยน้ำตกนี้มีชื่อว่าน้ำตกเลกทากิวี (Leghvtakhevi Waterfall) เป็นน้ำตกที่มีขนาดไม่ใหญ่มากนัก แต่ก็มีน้ำตลอดทั้งปี ใครที่สนใจก็สามารถเดินมาชมได้ ใช้เวลาเดินจากโรงอาบน้ำต่างๆ มานิดเดียว แถมตลอดเส้นทางการเดินก็ยังมีสถาปัตยกรรมต่างๆ ที่สวยงาม, มีการแสดงที่น่าสนใจของคนจอร์เจียให้เราดูเป็นระยะๆ และที่พิเศษสุดๆ ก็คือจะมี Golden Bridge หรือสะพานข้ามลำธารที่มีกุญแจสีทองคล้องกันจนเต็มสะพานด้วยครับ
หมายเหตุ : ใกล้ๆ กับน้ำตก Leghvtakhevi Waterfall จะมีสวนพฤกษศาสตร์ National Botanical Garden ด้วยนะครับ ภายในจะมีต้นไม้สวยๆ ให้เราดู หากใครสนใจจะเข้าไปชมที่นี่จะต้องเสียค่าเข้าชมคนละ 2 ลารี โดยสวนจะเปิดบริการตั้งแต่เวลา 9.00 น. ส่วนเวลาปิดนั้นขึ้นอยู่กับแต่ละฤดูกาลครับ




4. ป้อมนาริกาลา
(Narikala Fortress)
ป้อมปราการนาริกาลาเป็นป้อมปราการที่ถูกสร้างขึ้นมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 4 เพื่อปกป้องเมืองทบิลิซีแห่งนี้ โดยชื่อ Nari-Kala นั้นเป็นภาษาเปอร์เซีย แปลว่า “ป้อมที่ไม่สามารถตีแตกได้” ซึ่งป้อมแห่งนี้ก็ควรค่าแก่การใช้ชื่อนี้จริงๆ ครับ เพราะหลายศึกหลายสงครามในอดีตได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าป้อมแห่งนี้แข็งแกร่งมาก โดยเราสามารถขึ้นไปเที่ยวที่ป้อมแห่งนี้รวมทั้งขึ้นไปชมวิวเมืองทบิลิซีจากมุมสูงที่จุดนี้ได้ด้วยครับ
สำหรับการขึ้นไปยังป้อมนาริกาลานั้นเราสามารถเดินขึ้นจากด้านล่างไปเรื่อยๆ ก็ได้ หรือจะนั่งกระเช้าจากสถานีที่สวน Rike ที่อยู่อีกฝั่งนึงของแม่น้ำก็ได้ โดยค่านั่งกระเช้าจะอยู่ที่คนละ 2.5 ลารี ต่อเที่ยว ใช้เวลานั่งประมาณ 3-4 นาที และกระเช้าเริ่มเปิดบริการตั้งแต่เวลา 12.00 น. จนถึง 24.00 น. ใครที่สะดวกวิธีไหนก็เลือกเอาตามใจชอบนะครับ แต่บอกไว้ก่อนว่าใครที่มีแผนจะเดินขึ้นก็ต้องเตรียมร่างกายตัวเองไว้นิดนึง และโดยส่วนตัวผมอยากแนะนำให้ทุกคนนั่งกระเช้าขึ้นแล้วใช้การเดินลงเพื่อชมทิวทัศน์ระหว่างทางมากกว่าครับ ^^
หมายเหตุ : ป้อมนาริกาลานั้นเคยได้รับความเสียหายอย่างหนักเมื่อตอนที่เกิดแผ่นดินไหวอย่างรุนแรงเมื่อปี ค.ศ. 1827 โดยในปัจจุบันบางจุดของป้อมก็ยังไม่ได้รับการบูรณะและยังเป็นซากปรักหักพังอยู่ครับ

5. มาเธอร์ ออฟ อะ จอร์เจียน
(Mother of a Georgian)
Mother of a Georgian หรืออีกชื่อหนึ่งคือ Kartlis Deda เป็นรูปปั้นหญิงสาวสูง 20 เมตรบนยอดเขาโซโลลากิ (Solo Laki Hill) ในนครทบิลิซี โดยรูปปั้นนี้สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1958 เพื่อฉลองนครทบิลิซีอายุครบ 1,500 ปี และเป็นรูปปั้นที่สะท้อนถึงจิตวิญญาณและนิสัยของคนจอร์เจียได้เป็นอย่างดี มือข้างหนึ่งของรูปปั้นจะถือดาบ ส่วนมืออีกข้างหนึ่งจะถือแก้วไวน์ ซึ่งมีความหมายว่าหากใครที่มาเยือนจอร์เจียแบบศัตรูเธอจะใช้ดาบในมือขวาฟาดฟันให้แดดิ้น แต่หากใครที่มาเยือนอย่างมิตรไมตรี เธอจะต้อนรับด้วยไวน์ในมือซ้ายอย่างอบอุ่นและอิ่มหนำสำราญครับ
สำหรับการขึ้นไปชม Mother of a Georgian นั้น เราสามารถขึ้นไปได้ 2 วิธีเหมือนกับที่เราขึ้นไปยังป้อมนาริกาลา (Narikala Fortress) นั่นก็คือการเดินและการนั่งกระเช้า เพราะทั้งสองที่นี้ตั้งอยู่บนยอดเขาเดียวกัน เพียงแต่อันนึงจะอยู่ฝั่งซ้าย ส่วนอีกอันนึงอยู่ฝั่งขวา ใครที่ได้ขึ้นไปที่ยอดเขาแห่งนี้แล้วก็อย่าลืมเที่ยวให้ครบทั้ง 2 ที่ด้วยนะครับ



6. สะพานสันติภาพ
(The Bridge of Peace)
ขอบคุณภาพประกอบจากคุณ หวัง Nathnisha
สะพานสันติภาพหรือ The Bridge of Peace เป็นสะพานที่มีความยาวถึง 150 เมตร และเป็นสะพานที่ข้ามแม่น้ำคูราเพื่อเชื่อมระหว่างตัวเมืองเก่าและตัวเมืองใหม่ทบิลิซี โครงสร้างหลักของสะพานแห่งนี้ทำมาจากเหล็กและกระจกใส มีการเปิดใช้งานครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 2010 และจัดว่าเป็นงานสถาปัตยกรรมยุคใหม่ที่มีความสวยงามชิ้นหนึ่งของประเทศจอร์เจีย โดยใครที่ไปเยือนสะพานนี้ในช่วงเวลากลางคืนถึงเช้ามืดก็จะได้เห็นแสงสีที่สวยงามของสะพานแห่งนี้ด้วยครับ
หมายเหตุ : สะพานแห่งนี้มีอีก 2 ชื่อเรียกนั่นก็คือ Peace Bridge และ Mshvidobis Khidi นะครับ







7. โบสถ์ทรินิตี้แห่งเมืองทบิลิซี
(Holy Trinity Cathedral of Tbilisi)
Holy Trinity Cathedral of Tbilisi หรืออีกชื่อนึงคือ มหาวิหารซาเมบา (Sameba) เป็นโบสถ์ออร์โธด็อกซ์ที่มีความสวยงาม มีขนาดที่ใหญ่ที่สุด และสำคัญที่สุดของประเทศจอร์เจียครับ รวมทั้งโบสถ์แห่งนี้ยังเป็นโบสถ์อีสเทิร์นออร์โธด็อกซ์ (Eastern Orthodox) ที่สูงเป็นอันดับ 3 ของโลกอีกด้วย และด้วยขนาดที่ใหญ่มากๆ ของโบสถ์แห่งนี้ก็เลยทำให้เราสามารถมองเห็นได้ชัดเจนจากระยะไกลเลยครับ
สำหรับช่วงเวลาที่เหมาะสมในการมาเยี่ยมชมความงามของโบสถ์แห่งนี้ก็คือช่วงเช้าหรือเย็นที่แสงไม่แรงมากนัก โดยเฉพาะในช่วงเช้าเวลาประมาณ 7.00 น. ซึ่งเป็นเวลาที่ประตูเปิดจะเป็นช่วงที่อากาศดีและมีคนมาน้อยมาก เราสามารถถ่ายรูปกันได้อย่างสบายๆ เลยครับ
หมายเหตุ : ภายในโบสถ์หรือวิหารของประเทศจอร์เจียนั้น จะมีทั้งที่อนุญาตให้ถ่ายรูปได้ (โดยไม่ใช้แฟลช) และมีทั้งที่ไม่อนุญาตให้ถ่ายรูปได้เลย ดังนั้นก่อนที่เราจะเข้าไปในโบสถ์หรือวิหารแต่ละที่ ขอให้พวกเราทุกคนอ่านป้ายและข้อกำหนดต่างๆ ของเค้าให้เรียบร้อยก่อนนะครับ






8. วิหารทาบอร์
(Tabor Monastery)
Tabor Monastery เป็นโบสถ์หรือวิหารขนาดเล็กแต่ก็มีจุดเด่นที่น่าสนใจมาก เพราะวิหารแห่งนี้ตั้งอยู่บนยอดเขาสูงที่สามารถมองเห็นวิวเมืองทบิลิซีที่สวยงามสุดๆ โดยเฉพาะในช่วงเวลาก่อนพระอาทิตย์ตกจนถึงช่วงเวลากลางคืน จุดนี้ถือเป็นสถานที่ที่นักถ่ายภาพเมือง (Cityscape) ต้องห้ามพลาดเลยครับ โดยการเดินทางมายังวิหารแห่งนี้จะสามารถมาได้ 2 วิธีหลักๆ ก็คือ เดินเท้าจากโรงอาบน้ำ (Sulphur Bath) ขึ้นเขาไปเรื่อยๆ โดยจะใช้เวลาในการเดินประมาณ 30 นาที แล้วก็วิธีที่สองก็คือการนั่ง Taxi ครับ ใครสะดวกวิธีไหนก็ใช้วิธีนั้นได้เลย เพราะค่า Taxi ของประเทศนี้ก็ไม่ได้แพงมากซักเท่าไหร่



9. เดอะ โครนิเคิล ออฟ จอร์เจีย
(The Chronicle of Georgia)
The Chronicle of Georgia คือหนึ่งในสถานที่เที่ยวในเมืองทบิลิซีที่ผมและหลายคนชื่นชอบมาก แม้มันจะยังสร้างไม่เสร็จสมบูรณ์ก็ตาม!! โดยนักท่องเที่ยวจำนวนมากต่างยกให้ที่นี่เป็น The Hidden Gems of Tbilisi ที่หากเราได้ไปเที่ยวเมืองทบิลิซีแล้วไม่ควรจะพลาดชมเลยครับ
The Chronicle of Georgia นั้นเป็นอนุสรณ์ทางประวัติศาสตร์ของประเทศจอร์เจียที่ตั้งอยู่บนภูเขาสูงนอกเมืองและเล่าถึงเรื่องราวต่างๆ ของประเทศจอร์เจียผ่านเสาหินขนาดใหญ่จำนวน 16 ต้น โดยเสาหินแต่ละต้นนั้นนอกจากจะมีขนาดใหญ่มากกว่า 10 คนโอบแล้ว ยังมีความสูงถึง 35 เมตรเลยครับ และด้วยโครงสร้างอันมหึมาของมันนั่นก็เลยทำให้ The Chronicle of Georgia กลายเป็นอนุสรณ์สถานขนาดใหญ่ที่เราสามารถมองเห็นได้จากระยะไกล รวมทั้งสามารถสร้างความตื่นตะลึงอลังการให้เราเป็นอย่างมาก เรียกว่าพอเราเดินเข้าไปในสถานที่นี้แล้วเราจะรู้สึกว่าตัวเรากลายเป็นมดตัวกระจ้อยร่อยทันทีเลยครับ @_@
ทั้งนี้ The Chronicle of Georgia ได้ถูกสร้างขึ้นมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1985 ในสมัยที่ประเทศจอร์เจียยังอยู่ภายใต้การปกครองของประเทศรัสเซียอยู่ โดยผู้ที่เริ่มสร้างก็คือชาวจอร์เจียที่ชื่อว่า Zurab Tsereteli แต่ด้วยเหตุผลหลายๆ อย่างก็เลยทำให้ปัจจุบันนี้ The Chronicle of Georgia ก็ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ดี ยังคงเหลือรายละเอียดที่ต้องเก็บอยู่หลายจุด แต่เชื่อผมเถอะถึงจะยังไม่เสร็จสมบูรณ์ 100 % แต่เท่าที่ผมเห็นและหลายๆ คนได้ไปสัมผัสมาแล้วนั้นมันก็เป็นสถานที่ที่คุ้มค่าน่าไปมากๆ แล้วครับ เพราะนอกจากเราจะได้ไปเห็นโครงสร้างอันสวยงามมีขนาดมหึมาแสนตระการตา รวมทั้งได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ของประเทศจอร์เจียแบบนี้แล้ว ณ จุดที่เป็นที่ตั้งของ The Chronicle of Georgia ยังเป็นจุดชมวิวมุมสูงที่สามารถเห็นวิวเมืองทบิลิซีและทะเลสาบทบิลิซีที่สวยงามอีกด้วยครับ
ใครที่ได้มีโอกาสไปเที่ยวนครทบิลิซีก็อย่าลืมเผื่อเวลาไปเที่ยวที่นี่ด้วยนะครับ โดยระยะเวลาที่เหมาะสมในการไปเที่ยวที่นี่ก็คือ 2 ชั่วโมง เพราะแค่เรานั่งรถไปกลับก็ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงแล้ว โดยคนไม่มีรถส่วนตัวนั้นหากต้องการจะไปเที่ยวที่นี่ก็สามารถเรียก Taxi ภายในเมืองทบิลิซีและบอกให้ Taxi จอดรอเราได้ ค่าใช้จ่ายโดยประมาณจะอยู่ที่ 30 ลารีหรือประมาณ 500 บาทครับ
ก็จบลงแล้วสำหรับการแนะนำสถานที่เที่ยวในเมืองทบิลิซีที่น่าสนใจ โดยที่เที่ยวแต่ละที่ที่ผมนำมาแนะนำนั้นนอกจากจะเป็นที่ที่มีความเก่าแก่, แทบไม่เสียเงินค่าเข้าชมแล้ว ก็ยังเป็นที่ที่มีความสวยงามมากเหมาะสำหรับคนที่ชอบถ่ายรูปสุดๆ ครับ แต่นอกจากที่เที่ยวที่ผมนำมาเล่านั้น ภายในเมืองทบิลิซีก็ยังมีอีกหลายสถานที่ที่น่าสนใจมากทั้งบ้านพักประธานาธิบดี, City Hall, National Botanical Garden, Freedom Square, พิพิธภัณฑ์ จนไปถึงตรอกซอกซอยต่างๆ ที่จะพาเราลัดเลาะไปชมความสวยงามของบ้านเมืองนี้ ใครที่สนใจจะไปเที่ยวประเทศจอร์เจียด้วยตัวเองก็เผื่อเวลาไว้เที่ยวเมืองนี้ซัก 2 วันนะครับ แล้วก็อย่าลืมเตรียมกำลังขาไว้ดีๆ ด้วย เพราะเราต้องเดินกันเยอะเลย ทั้งนี้ผมได้นำภาพแผนที่เที่ยวหลักๆ ในเมืองทบิลิซีมาให้ทุกคนดูเป็นไกด์ไลน์ตามภาพด้านล่างนี้ด้วยนะครับ ใครสนใจจะไปที่ไหนก็เปิด Google Map แล้วเดินไปได้เลยครับ เส้นทางต่างๆ เค้าชัดเจนดี โอกาสหลงทางยากมาก

ขอบคุณภาพประกอบจาก https://jetsettingfools.com/tbilisi-self-guided-walking-tour-a-georgia-experience/
ส่วนใครที่ไม่อยากจะไปเที่ยวด้วยตัวเอง แล้วก็อยากจะเที่ยวแบบเน้นถ่ายรูปสุดๆ ชนิดที่ไปยืนรอถ่ายรูปแสงเช้าตั้งแต่พระอาทิตย์ยังไม่ขึ้น ไปนั่งรอพระอาทิตย์ตกที่มุมสวยๆ ล่วงหน้า ก็ลองเข้าไปสอบถามหรือพูดคุยกับทาง TripChillChill ทริปถ่ายภาพท่องเที่ยว ได้เลยครับ เค้าเป็นบริษัททัวร์ถ่ายภาพของไทยเจ้าแรกๆ เลยที่จัดทริปพาไปถ่ายรูปที่ประเทศนี้ครับ (ภาพที่เห็นในบทความนี้ส่วนใหญ่ ก็มาจากการร่วมออกทริปพร้อมกับเค้านี่แหละครับ)
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามอ่านกันจนจบ และสำหรับใครที่ยังรู้สึกว่าบทความนี้ยังไม่จุใจพอ ก็ตามไปอ่านบทความเรื่องสถานที่เที่ยวในประเทศจอร์เจียที่อยู่นอกเมืองทบิลิซีกันต่อได้เลยครับ บอกเลยว่าแต่ละที่นั้นเด็ด ดีงาม และน่าไปมาก!!! และหากใครที่อ่านบทความต่างๆ ที่ผมเขียนแล้วรู้สึกชอบใจก็อย่าลืมกดติดตามผมกับต๋งที่แฟนเพจ “ภรรยาหา สามีใช้” ได้เลยครับ แล้วพบกันใหม่ สวัสดีครับ

หมายเหตุ : บทความนี้เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวของผมในวันที่ไปใช้บริการเท่านั้น ทั้งนี้แต่ละท่านที่ได้มีโอกาสไปใช้บริการอาจจะได้รับการบริการหรือมีความคิดเห็นที่แตกต่างจากนี้ได้ครับ