ผมเชื่อว่าหลายๆ คนน่าจะเคยเห็นภาพด้านล่างนี้ผ่านตามาบ้างใช่มั้ยครับ ภาพของหมู่บ้านญี่ปุ่นโบราณที่เรียงรายอยู่ตลอดสองข้างทางของถนน โดยมีหิมะสีขาวบริสุทธิ์ปกคลุมหลังคาและทางเดินที่ทอดยาวจนสุดตา
Disclosure : บทความนี้ได้รับการสนับสนุนจากจังหวัดฟุกุชิมะ แต่ทั้งนี้ความเห็นต่างๆ ที่เกิดขึ้นเป็นความรู้สึกจริงของผมครับ
ครับ และภาพนี้ก็คือภาพของหมู่บ้านญี่ปุ่นโบราณ Ouchi Juku (โออุจิ จูกุ) อีกหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวของเมือง Aizu-Wakamatsu (ไอซึวากามัตซึ) จังหวัด Fukushima (ฟุกุชิมะ) นั่นเองครับ และด้วยความที่หมู่บ้านแห่งนี้เป็นสถานที่เที่ยวที่มีชื่อเสียงมากทั้งในญี่ปุ่นและต่างประเทศ ดังนั้นผมกับต๋งก็เลยเคยมาเยือนสถานที่นี้แล้วครั้งนึงตามลิงก์นี้ครับ
แต่ด้วยความที่ก่อนหน้านี้ที่เรามานั้นเป็นช่วงเดือนสิงหาคม ซึ่งเป็นช่วงฤดูร้อนของประเทศญี่ปุ่น ดังนั้นภาพที่เราได้เห็นในวันนั้นจึงได้อารมณ์ที่แตกต่างออกไปกับภาพข้างบนที่ผมโพสต์ให้ทุกคนดู และเมื่อผมได้มีโอกาสกลับมาเที่ยวที่ Fukushima อีกครั้งในฤดูหนาว ผมจึงไม่พลาดที่จะกลับมาเยือนที่หมู่บ้านโบราณแห่งนี้อีกครั้ง โดยคราวนี้ผมวางแผนการเดินทางมาให้ตรงกับวันที่ 10-11 กุมภาพันธ์ 2561 ซึ่งเป็นช่วงที่หมู่บ้านแห่งนี้มีงานเทศกาลหิมะ หรือ Snow Festival พอดีครับ
แต่ก่อนที่เราจะไปดูว่าภายในงานเทศกาลหิมะของหมู่บ้าน Ouchi Juku นั้นจะมีอะไรบ้าง ผมว่าเราไปดูเรื่องของการเดินทางมาที่หมู่บ้านนี้กันก่อนดีกว่าครับ
สำหรับการเดินทางมาที่หมู่บ้านนี้นั้นก็ง่ายๆ เพียงแค่เรานั่งรถไฟมาลงที่สถานี Yunokami Onsen จากนั้นก็เลี้ยวซ้ายออกจากสถานีแล้วจะเจอจุดจอดรถบัสที่จะพาเราไปยังหมู่บ้าน Ouchi Juku ครับ
สำหรับค่าเดินทางจากสถานี Aizu-Wakamatsu ซึ่งเป็นสถานีตั้งต้นของหลายๆ คน มายังสถานี Yunokami Onsen นั้น จะราคาเที่ยวละ 1,030 เยน ใช้เวลานั่งรถประมาณ 35 นาที โดยเราสามารถที่จะเลือกจ่ายค่าโดยสารมายังที่นี่ได้ 3 วิธีด้วยกัน ได้แก่
วิธีที่ 1 : จ่ายค่ารถไฟเป็นเที่ยวตามปกติ คือเที่ยวละ 1,030 เยน ซึ่งวิธีนี้เราไม่ต้องทำอะไรมาก แค่เดินไปซื้อตั๋วที่เครื่องขายตั๋วอัตโนมัติแล้วเลือกสถานีปลายทางก็เรียบร้อยแล้วครับ
วิธีที่ 2 : ซื้อบัตร Aizu Gurutto Card ในราคา 2,670 เยน (ราคาสำหรับผู้ใหญ่) โดยบัตรนี้จะสามารถนั่งรถไฟในเขตเมือง Aizu-Wakamatsu รวมถึงนั่งรถ Aizu Loop Bus ได้ฟรีไม่จำกัดจำนวนเที่ยวเป็นเวลา 2 วันด้วยกัน ดังนั้นบัตรนี้จึงเหมาะสำหรับคนที่มีแผนจะเที่ยวหมู่บ้าน Ouchi Juku และภายในเมือง Aizu-wakamatsu 2 วันเต็มๆ เพราะแค่ค่ารถไฟไปกลับสถานี Yunokami Onsen ก็ราคา 2,060 เยนแล้ว เมื่อบวกกับการได้นั่งรถไฟเที่ยวอื่นๆ กับนั่งรถ Aizu Loop Bus ฟรีๆ อีก ก็บอกเลยว่าคุ้มมาก โดยใครที่สนใจบัตรนี้ก็สามารถซื้อได้ที่ JR Ticket Office ของสถานี Koriyama, สถานี Aizu-wakamatsu, สถานี Inawashiro และสถานี Kitakata ได้เลย หรือหากใครที่อยากจะดูข้อมูลของบัตรนี้เพิ่มเติมก็ตามไปดูได้ที่ลิงก์นี้เลยครับ https://www.aizukanko.com/kk/aizucard/buy.htm
วิธีที่ 3 : ซื้อ Ouchijuku Pass พาสที่สามารถนั่งรถไฟสาย Aizu Railway ได้ 2 วัน รวมไปถึงสามารถนั่งรถบัสไปกลับหมู่บ้าน Ouchi Juku ได้อีก 1 วัน โดยบัตรนี้เป็นอีก 1 บัตรที่คุ้มค่า เพราะแค่ค่านั่งรถบัสไปกลับจากสถานี Yunokami Onsen และหมู่บ้าน Ouchi Juku ก็ราคา 1,000 เยน/คนแล้ว สำหรับใครที่สนใจบัตรนี้ก็สามารถซื้อได้บนรถไฟหรือที่สถานี Yunokami Onsen ได้เลย โดยบัตรนี้จะเป็นบัตรพิเศษมีจำหน่ายเฉพาะช่วงงานเทศกาลหิมะของหมู่บ้าน Ouchi Juku เท่านั้นครับ
หมายเหตุ : สำหรับคนที่ใช้ Ouchijuku Pass เพื่อจะไปสถานี Aizu-Wakamatsu นั้น จะต้องมีการจ่ายเงินเพิ่ม 190 เยน/เที่ยว ระหว่างสถานี Aizu-Wakamatsu และสถานี Nishi-Wakamatsu นะครับ เพราะในช่วงนี้จะเป็นการให้บริการของรถไฟ JR ก็เลยไม่สามารถใช้ Pass นี้ได้ ใครที่สงสัยในการใช้งานก็สามารถคลิกเข้าไปดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่นี่ครับ
ผมให้ดูภาพของสถานี Yunokami Onsen ในช่วงเวลาที่ถูกหิมะปกคลุมครับ มันเป็นภาพที่ผมคิดว่าสวยงามและแปลกตาจากที่เคยเห็นเมื่อช่วงหน้าร้อนมากๆ เลย
ส่วนนี่เป็นหน้าตาของรถบัสที่จะพาเราจากสถานี Yunokami Onsen ไปยังหมู่บ้าน Ouchi Juku ครับ ค่ารถเที่ยวละ 500 เยน/คน หากใครซื้อตั๋วแบบไปกลับก็ราคา 1,000 เยน/คน ไม่ได้มีลดราคาอะไร ดังนั้นใครสะดวกซื้อแบบไหนก็จัดไปได้เลย


และนี่เป็นตารางเวลาการให้บริการรถบัสครับ โดยผมต้องบอกให้ทราบก่อนว่าตามปกติแล้วรถบัสจากสถานี Yunokami Onsen ไปยังหมู่บ้าน Ouchi Juku นั้น จะมีให้บริการเฉพาะวันที่ 1 เม.ย. ถึง 30 พ.ย. เท่านั้น ส่วนในช่วงวันที่ 1 ธ.ค. ถึง 31 มี.ค. ซึ่งเป็นช่วงฤดูหนาวจะไม่มีรถให้บริการ หากใครอยากจะไปที่หมู่บ้านก็ต้องขับรถไปเองหรือไม่ก็ต้องนั่ง Taxi ครับ
แต่ด้วยความที่ทุกวันเสาร์และอาทิตย์ที่ 2 ของเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี ที่หมู่บ้านแห่งนี้จะมีงานเทศกาลหิมะ (Snow Festival) ดังนั้นเค้าก็เลยมีรถบัสบริการเป็นกรณีพิเศษ โดยขาออกจากสถานี Yunokami Onsen นั้น จะทยอยออกเรื่อยๆ ส่วนขากลับนั้นจะมีเวลาตามตารางด้านล่าง โดยวันเสาร์จะมีรถให้บริการเยอะกว่า รวมถึงให้บริการดึกกว่าด้วยคือบริการถึง 19.00 น. เพราะในวันดังกล่าวจะมีพลุจุดที่หมู่บ้านตอน 18.00 น. ดังนั้นเค้าก็เลยมีรถบัสไว้คอยบริการสำหรับคนที่ดูพลุจนจบครับ
สำหรับเวลาในการนั่งรถบัสมายังหมู่บ้าน Ouchi Juku นั้น โดยปกติจะใช้เวลาประมาณ 20 นาทีเท่านั้น แต่ถ้าใครไปช่วงหลัง 14.00 น. แบบผม อาจจะต้องนั่งรถนานกว่า 1 ชั่วโมงก็ได้ เพราะช่วงนี้เป็นช่วงที่มีคนเดินทางไปที่หมู่บ้านเป็นจำนวนมากจนทำให้การจราจรติดขัดครับ
และนี่เป็นภาพของทางเข้าหมู่บ้าน Ouchi Juku ในช่วงเทศกาลหิมะ สวยงามและแปลกตาไปจากเดิมมากๆ นอกจากนี้ในระหว่างทางเดินก็ยังมีคนเล่นปาหิมะ มีการวางโคมไฟที่ปั้นจากหิมะขนาดใหญ่ที่สูงกว่าตัวคนวางไว้ตลอดทางด้วย มันเป็นภาพที่ผมเห็นแล้วทำให้รู้สึกหายเหนื่อยจากการเดินทางเลย






ส่วนนี่เป็นบรรยากาศภายในหมู่บ้านครับ นอกจากเราจะได้เห็นภาพของหมู่บ้านญี่ปุ่นโบราณปกคลุมไปด้วยหิมะแทบจะทุกพื้นที่ตั้งแต่หลังคา ทางเดิน จนไปถึงต้นไม้แล้ว เรายังจะได้เห็นสิ่งก่อสร้างต่างๆ มากมายที่ถูกสร้างขึ้นมาจากหิมะ ไม่ว่าจะเป็นโคมไฟ, บ้านเอสกิโม, ตุ๊กตา, สไลเดอร์ หรือแม้กระทั่งอาคารขนาดใหญ่ บอกเลยว่าเป็นภาพที่ดูแล้วทำให้ยิ้มและรู้สึกสนุกสนานมากๆ โดยเฉพาะตอนที่ได้เห็นเด็กวิ่งขึ้นลงเพื่อเล่นสไลเดอร์หิมะครับ














สำหรับใครที่ยังไม่ได้กินอะไรมา หรือรู้สึกหิวข้าวขึ้นมา ก็สามารถหาอะไรกินที่หมู่บ้านนี้ได้เลยนะครับ เค้ามีร้านอาหารบริการหลายร้าน โดยเมนูเด่นๆ ของที่นี่ก็คือโซบะ แต่ผมขอบอกไว้ก่อนว่า ถ้าใครจะกินควรเผื่อเวลาไว้เยอะๆ หรืออย่าไปกินช่วงเที่ยงและช่วงเย็น เพราะคนจะเยอะมากกกกก รอคิวเกิน 1 ชั่วโมงแน่นอน เรียกว่ารอนานจนผมสู้ไม่ไหวต้องไปหาอย่างอื่นกินแทนเลยครับ
โดยของกินอื่นๆ ที่มีขายภายในหมู่บ้านก็มีให้เราเลือกทานมากมาย ไม่ว่าจะเป็นขนมขบเคี้ยว, ไอศกรีม, ขนมดังโงะ, ปลาย่าง หรือไส้กรอก โดยรสชาติที่ผมได้ลองทานนั้นก็ถือว่าอร่อยดีครับ น่าลอง ราคาไม่แพง เฉลี่ยแล้วอยู่ที่ 500 เยนต่อรายการครับ
หรือถ้าใครจะหาซื้อของฝากต่างๆ ก็สามารถหาซื้อได้ภายในหมู่บ้านแห่งนี้เช่นกันครับ มีให้เราเลือกซื้อ เลือกช็อปเยอะเลย
และอุตส่าห์มาถึงหมู่บ้านนี้ทั้งที ถ้าเราไม่เดินขึ้นเนินเขาตรงท้ายหมู่บ้านเพื่อมาชมภาพนี้ก็เหมือนมาไม่ถึงแน่ๆ ซึ่งผมบอกเลยว่ามันเป็นภาพที่สวยงามและคุ้มค่ากับการได้เดินทางมาดู มาถ่ายรูปจริงๆ ครับ


หลังจากที่ผมกับต๋งเดินลงจากจุดชมวิว เราทั้งสองคนก็ใช้เวลาในการเดินเล่นในหมู่บ้านอีกประมาณ 1 ชั่วโมง จนท้องฟ้าเริ่มมืดและใกล้จะเวลา 18.00 น. ซึ่งเป็นเวลาที่ทางหมู่บ้านจะจุดพลุ โดยช่วงเวลาก่อนที่ท้องฟ้าจะมืดนี้ จะเป็นช่วงเวลาที่เทียนตามจุดต่างๆ จะถูกจุดขึ้นมา รวมทั้งเปล่งแสงน้อยๆ ค่อยๆ ให้ความสว่างทดแทนแสงอาทิตย์ที่จางหายไป ซึ่งเทียนภายในหมู่บ้านนั้นจะมีหลายแบบมาก บางแบบก็มีสีสันและลูกเล่นที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อนเลย
และในที่สุดช่วงเวลาที่เรารอคอยก็มาถึง ช่วงเวลา 18.00 น. ที่พลุถูกยิงขึ้นสู่ท้องฟ้า โดยพลุของที่นี่จะทำการยิงเป็นชุดๆ แต่ละชุดจะมากบ้าง น้อยมาก มีรูปร่างแตกต่างกันไปบ้างตาม concept ของเค้า ซึ่งต้องบอกตามตรงว่าผมไม่สามารถแปลภาษาญี่ปุ่นที่เค้าพูดออกมาได้ว่ามันหมายความว่าอะไร แต่ผมบอกได้คำเดียวว่ามันคุ้มค่าและสวยงามมาก มันเป็นช่วงเวลา 30 นาทีแห่งการดูพลุที่มีความสุขมากครั้งนึงของผมเลยครับ
และเมื่อพลุลูกสุดท้ายร่วงหล่นจากท้องฟ้า สำหรับใครที่มีแผนจะนั่งรถบัสกลับสถานี Yunokami Onsen ผมแนะนำว่าให้รีบเก็บของและเดินกลับไปที่จุดรอรถบัสเลยนะครับ เพราะเราต้องใช้เวลาเดินประมาณ 10 นาทีถึงจะถึงจุดรอรถบัส หากใครโอเอ้หรือมัวแต่ถ่ายรูปตามจุดต่างๆ อาจจะไม่ทันรถเที่ยวสุดท้ายตอน 19.00 น. และต้องใช้บริการรถ Taxi ในราคาหลายพันเยนแทนได้ครับ T_T
โดยเมื่อมาถึงที่สถานี Yunokami Onsen แล้ว สำหรับคนที่ต้องการนั่งรถไฟไปยังเมืองต่างๆ ต่อก็สามารถเช็คเที่ยวรถไฟจาก Hyperdia ได้เลย แต่สำหรับคนที่ต้องการเสพความสงบ หรือพักผ่อนแบบเงียบๆ ยังไม่อยากกลับไปเจอแสงสีและความวุ่นวายในเมือง ผมขอแนะนำที่พักสไตล์เรียวกังที่ชื่อว่า Fuji no yu Ebisuya เลยครับ ที่นี่เป็นที่พักที่ผมว่านอนสบาย ราคาไม่แพง และอยู่ใกล้สถานีมากๆ เลยครับ
และทั้งหมดนี้ก็คือเรื่องราวของผมกับต๋งที่ได้มีโอกาสไปงานเทศกาลหิมะ (Snow Festival) ของหมู่บ้านญี่ปุ่นโบราณ Ouchi Juku จังหวัด Fukushima ซึ่งจากประสบการณ์ที่เราได้รับมา เราคิดว่านี่เป็นอีกหนึ่งเทศกาลหิมะที่ไม่ควรพลาดเลยครับ บรรยากาศสวยงาม, ไม่สามารถหาดูที่อื่นได้, มีรถบัสบริการ, การเดินทางไม่ยาก, ของกินเยอะและอร่อย ที่สำคัญพลุสวยงามและเยอะมาก!!! โดยใครที่อ่านบทความนี้แล้วรู้สึกยังไม่ฟิน ยังไม่สุด ก็สามารถกดเข้าไปดูคลิปการเดินทางของผมในทริปนี้ต่อได้ที่ลิงก์ข้างล่างเลยครับ รับรองว่าจะฟินยิ่งขึ้นกว่าเดิมแน่ๆ และสำหรับใครที่ต้องการติดตามเรื่องราวของการกินและเที่ยวของผมกับต๋งแบบใกล้ชิด ก็สามารถกดติดตามที่เพจ “ภรรยาหา สามีใช้” ได้เลยครับ แล้วพบกันใหม่ สวัสดีครับ
หมายเหตุ : บทความนี้เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวของผมในวันที่ไปใช้บริการเท่านั้นครับ แต่ละท่านที่ได้มีโอกาสไปใช้บริการอาจจะได้รับการบริการที่แตกต่างจากนี้ออกไป