สำหรับหลายๆ คนที่ชอบอ่านรีวิวหรือชอบไปทานอาหารบุฟเฟ่ต์ตามโรงแรมนั้นอาจจะเริ่มมีความรู้สึกว่าไลน์บุฟเฟ่ต์ของหลายๆ ที่นั้นต่างก็มีความคล้ายคลึงกันหรือมีกลิ่นไอบางอย่างที่เหมือนๆ กันไปหมด และกลายเป็นเริ่มรู้สึกเบื่อๆ ไม่ค่อยอยากจะลองทานอะไรแล้ว ดังนั้นเพื่อเป็นการกระตุ้นและสร้างทางเลือกในการไปทานอาหารบุฟเฟ่ต์มื้อเย็นเกรดโรงแรมให้กับทุกๆ คน วันนี้ผมก็เลยจะพาทุกคนไปรู้จักกับไลน์บุฟเฟ่ต์นานาชาติที่น่าสนใจและมีความแตกต่างจากที่อื่นไลน์นี้ครับ โดยไลน์บุฟเฟ่ต์นี้จะเป็นไลน์บุฟเฟ่ต์มื้อเย็นที่พึ่งเปิดตัวใหม่ของห้องอาหาร Latest Recipe (เลเทส เรซิพี) โรงแรม Le Méridien Bangkok (เลอ เมอริเดียน กรุงเทพ) และมีชื่อกับกิมมิคที่โดดเด่นว่า Seafood Tower ครับ โดยใครที่ไปใช้บริการที่ไลน์บุฟเฟ่ต์นี้นอกจากจะได้ทานอาหารนานาชาติที่มีรสชาติอร่อยถูกปากแล้ว ยังจะได้รับ Seafood Tower แบบในภาพด้านล่างนี้ไปทานอีกฟรีๆ ด้วย!!
หมายเหตุ : สำหรับปริมาณของอาหารใน Seafood Tower นั้นจะขึ้นอยู่กับปริมาณของคนในโต๊ะเราครับ โดยในภาพที่ผมถ่ายมานี้คือปริมาณของสำหรับการไปใช้บริการ 2 ท่าน
Disclosure : บทความนี้ได้รับการสนับสนุนจากผู้ให้บริการ แต่ทั้งนี้ความเห็นต่างๆ ที่เกิดขึ้นเป็นความรู้สึกจริงของพวกเราครับ
ผมให้ดูภาพของ Seafood Tower กันแบบชัดๆ ก่อนเลยนะครับ โดยในหอคอยซีฟู้ด 2 ชั้นที่มีความสวยงามนี้จะประกอบไปด้วยอาหารทะเลที่มีความสดมากมายไม่ว่าจะเป็นล็อบสเตอร์ตัวใหญ่, หอยนางรม, กุ้งแม่น้ำ, กั้ง, หอยแครง และหอยแมลงภู่ ความสดและหน้าตาการจัดวางต่างๆ ดูดีมาก ถ่ายรูปเก๋ๆ ไว้อวดเพื่อนให้อิจฉาเล่นๆ ได้เลย นอกจากนี้แล้วปริมาณของอาหารที่เค้าให้มานั้นก็ถือว่าพอเพียงสำหรับการทาน 2 คนเลยครับ และหากใครที่รู้สึกว่าว่าทานแล้วยังไม่อิ่ม ไม่จุใจ ก็สามารถเดินไปตักอาหารซีฟู้ดประเภทอื่นๆ ที่เค้ามีวางไว้ในไลน์มาทานเพิ่มได้อีกเรื่อยๆ ครับ รับรองว่าใครที่เป็นสายซีฟู้ดและชอบทานอาหารทะเลสดๆ อร่อยๆ น่าจะฟินไปตามๆ กันเลย ^^
เอาล่ะ ดู Seafood Tower ซึ่งเป็นไฮไลท์ของไลน์นี้กันไปหอมปากหอมคอแล้ว คราวนี้เราไปไล่ดูรายละเอียดต่างๆ ของไลน์นี้กันดีกว่าว่ามีอาหารอะไรที่น่าทานอีกบ้าง และราคากับวันที่เปิดบริการนั้นเป็นอย่างไร โดยไลน์บุฟเฟ่ต์มื้อค่ำ Seafood Tower ของห้องอาหาร Latest Recipe โรงแรม Le Méridien Bangkok นั้นถือเป็นไลน์บุฟเฟ่ต์ที่มีการปรับโฉมใหม่และพึ่งมีการเปิดตัวเมื่อช่วงต้นเดือนสิงหาคม 2562 นี้เอง และนอกจากนี้ห้องอาหาร Latest Recipe ยังเป็นห้องอาหารที่พึ่งได้รับการันตีเรื่องความอร่อยจาก World Luxury Restaurant Awards 2019 มาด้วย ดังนั้นผมว่าในเรื่องของรสชาติอาหารนั้นเราน่าจะมั่นใจได้เลยว่าไม่ธรรมดา ส่วนรายละเอียดวันที่เปิดให้บริการและราคาต่างๆ ก็มีตามนี้เลยครับ
วันที่เปิดบริการ : เฉพาะวันพฤหัสบดี – วันเสาร์
เวลาที่เปิดบริการ : 18.00 น. – 21.30 น.
ราคาผู้ใหญ่ : 1,900 บาท/คน net (ราคารวมน้ำเปล่าและ Free flow Soft drink แล้ว)
ราคาเด็ก : เด็กอายุต่ำกว่า 6 ขวบ รับประทานฟรี, เด็กอายุ 6 – 12 ปี ลด 50% จากราคาผู้ใหญ่ เหลือ 1,037 บาท/คน net และเด็กอายุ 13 ปีขึ้นไป คิดราคาเท่ากับผู้ใหญ่
ราคาพิเศษสำหรับแฟนเพจภรรยาหา สามีใช้ : พิเศษสุดๆ สำหรับแฟนเพจ “ภรรยาหา สามีใช้” เพียงทำการจองบุฟเฟ่ต์ไลน์นี้ผ่านลิงก์ bit.ly/LMBKKXAmazingCouples ภายในวันที่ 15 ตุลาคม 2562 ก็รับสิทธิ์พิเศษ 3 ต่อทันที!!
ต่อที่ 1 : รับส่วนลด 30% จากราคาปกติ 1,900 บาท/คน net เหลือเพียงคนละ 1,330 บาท net เท่านั้น!! (ราคารวมน้ำเปล่าและ Free flow Soft drink แล้ว)
ต่อที่ 2 : รับเพิ่มทันทีกับโปรโมชั่น “มา 6 จ่าย 5” จากราคาโปรโมชั่น 1,330 บาท/คน net เพียงแค่ใส่ Promotion Code “AMAZINGC” ในบุ๊กกิ้งที่คุณได้ทำการจอง และนั่นก็จะทำให้ราคาต่อคนเหลืออยู่เพียง 1,109 บาท net เท่านั้น!!
ต่อที่ 3 : รับทันที Voucher มูลค่า 500 บาท สำหรับใช้ทานไลฟ์สไตล์บุฟเฟ่ต์มื้อค่ำ Seafood Tower ในครั้งถัดไป หรือจะนำไปใช้กับบุฟเฟ่ต์ Sunday Brunch วันอาทิตย์ก็ได้ครับ
หมายเหตุ : สำหรับโปรโมชั่นดังกล่าวนี้ เฉพาะผู้ที่ทำการจองภายในวันที่ 15 ตุลาคม 2562 และต้องไปทานอาหารระหว่างวันที่ 3 ตุลาคม – 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562 เท่านั้น และสำหรับผู้ที่ไม่สะดวกทำการจองผ่านระบบออนไลน์ก็สามารถใช้สิทธิ์นี้ได้ง่ายๆ เพียงโทรเข้าไปจองที่เบอร์ 02-2328888 และต่อสายห้องอาหาร Latest Recipe พร้อมกับบอกว่าเป็นแฟนเพจ “ภรรยาหา สามีใช้” เท่านั้นครับ
รู้ราคาและโปรโมชั่นกันไปแล้ว คราวนี้ผมจะขอพาไปดูหน้าตาของห้องอาหารแล้วก็ที่ตั้งของโรงแรมนะครับ โดยห้องอาหาร Latest Recipe นั้นจะตั้งอยู่ที่ชั้น 2 ของโรงแรม Le Méridien Bangkok ซึ่งดูเผินๆ แล้ว ชั้นนี้จะมีลักษณะคล้ายๆ กับชั้นลอยและมีการเล่นระดับของเพดาน โดยจะมีที่นั่งอยู่โซนนึงที่มีเพดานสูงโล่งมากและสามารถมองเห็นพื้นที่บริเวณล็อบบี้ชั้นหนึ่งได้อย่างชัดเจนครับ
บรรยากาศโดยรวมของห้องอาหารนั้นถือว่าดี สงบและมีที่นั่งหลากหลายครับ โดยจากที่ผมลองสังเกตดูห้องอาหารแห่งนี้น่าจะสามารถรองรับคนมาใช้บริการได้ประมาณ 120 คนได้อย่างสบายๆ เลย
ส่วนเรื่องที่ตั้งของโรงแรมนั้น โรงแรมแห่งนี้จะตั้งอยู่บริเวณถนนสุรวงศ์ ใกล้ๆ กับโรงแรมตวันนา รามาดาเลยครับ ใครไปโรงแรมตวันนาถูก ไปโรงแรม Le Méridien Bangkok ถูกแน่นอน โดยหากใครขับรถไปก็ไม่ต้องกังวลไปเพราะที่โรงแรมแห่งนี้ถือว่ามีที่จอดรถเยอะใช้ได้และเราสามารถจอดได้ยาวๆ เลย ส่วนถ้าใครที่ไม่มีรถส่วนตัวก็อาจจะลำบากนิดนึงนะครับ เพราะสถานีรถไฟฟ้าที่ใกล้ที่สุดก็จะเป็นสถานี MRT สามย่าน และสถานี BTS ศาลาแดง ซึ่งทั้งสองสถานีนี้จะอยู่ห่างจากโรงแรมประมาณ 400-500 เมตรครับ
เอาล่ะ คราวนี้ก็ได้เวลามาไล่ดูเมนูอาหารต่างๆ ของเค้าแล้วว่าหน้าตาเป็นอย่างไรบ้าง แต่ละอย่างน่าทานแค่ไหน โดยสำหรับไลน์บุฟเฟ่ต์นี้ผมคิดว่ามันสามารถแบ่งประเภทอาหารที่เค้ามีบริการออกได้เป็นทั้งหมด 6 หมวดตามนี้ครับ
หมวดที่ 1 : Seafood on ice
หมวดที่ 2 : Grilled Station
หมวดที่ 3 : อาหารนานาชาติ
หมวดที่ 4 : เมนูพิเศษและอาหารจานร้อน
หมวดที่ 5 : สลัด, ขนมปัง และชีส
หมวดที่ 6 : ของหวาน, ผลไม้ และไอศกรีม
มาดูรายละเอียดกันไปทีละหมวดเลยนะครับ เริ่มจากหมวดที่หนึ่ง “Seafood on ice” หมวดนี้จะประกอบไปด้วยอาหารทะเลสดใหม่มากมายไม่ว่าจะเป็นปู, กุ้ง, หอยแมลงภู่, หอยหวาน, หอยตลับ แล้วก็หอยนางรม โดยในส่วนของหอยนางรมนั้นจะมีมาให้ทาน 2 สัญชาติเลย ได้แก่ Normandes และ Fin de caire อีกทั้งยังเป็นหอยนางรมที่ยังมีเปลือกอยู่ครบๆ ด้วยครับ โดยทางพนักงานเค้าจะมาทยอยแกะเปลือกออกให้เป็นช่วงๆ ทุกคนจะได้ทานแบบสดๆ ใหม่ๆ กัน
คุณภาพโดยรวมของอาหารในหมวด Seafood on ice นั้น ผมถือว่าดีมากเลยนะครับ มีความสด, ขนาดตัวใหญ่และดูพรีเมี่ยมดี และถึงแม้เค้าจะไม่มีกั้งหรือพวกขาปูอลาสก้าให้เราทาน แต่การที่เค้ามีหอยนางรมให้ทาน 2 แบบนี้ก็ถือว่าพอทดแทนได้ครับ เพราะความสดของหอยนางรมนั้นดีมาก นอกจากนี้ในส่วนของเครื่องเคียง, น้ำจิ้ม และอุปกรณ์ต่างๆ นั้นก็ถือว่าทำได้ดีเช่นเดียวกัน ประเภทของน้ำจิ้มและเครื่องเคียงหลากหลาย รสชาติน้ำจิ้มซีฟู้ดก็แซ่บถูกใจผมกับต๋ง และสำหรับคนที่ชอบทานปูทางห้องอาหารเค้าก็มีการวางอุปกรณ์สำหรับการแกะงัดแงะไว้ให้ที่จุดนี้เรียบร้อยแล้ว ใครอยากจะทานปูง่ายๆ ก็อย่าลืมหยิบอุปกรณ์เหล่านี้กลับโต๊ะด้วยนะครับ
และสำหรับคนที่ชอบทานซีฟู้ดแบบสุดๆ ไลน์บุฟเฟ่ต์นี้น่าจะถูกใจคุณแน่ๆ เพราะทุกท่านที่ไปใช้บริการไลน์บุฟเฟ่ต์นี้จะได้รับหอคอยซีฟู้ดหรือ Seafood Tower แบบนี้เพิ่มด้วยครับ และผมอยากจะบอกว่ามันดีมากเลยแหละ หน้าตาสวยงามและมีอาหารทะเลอัดแน่นมาอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นล็อบสเตอร์, หอยนางรม, หอยแมลงภู่, หอยแครง, กุ้งแม่น้ำ, กั้ง แล้วก็ปลาหมึก นอกจากนี้เค้าก็ยังมีการจัดวางน้ำจิ้มประเภทต่างๆ มาให้เรียบร้อยด้วย ส่วนในเรื่องของปริมาณนั้นทางโรงแรมก็จะมีการจัดให้เหมาะสมกับจำนวนคนบนโต๊ะของเรา ซึ่งผมบอกเลยว่ามันไม่น้อยเลยครับ อย่างในภาพด้านล่างนี้ก็คือปริมาณสำหรับคนที่ไปใช้บริการ 2 คน ใครที่ไม่ใช่สายแข็งมากหากทานจนหมด Tower ก็น่าจะเริ่มมีแน่นๆ ท้องแล้วเหมือนกันครับ
ผมให้ดูขนาดของล็อบสเตอร์และกุ้งแม่น้ำครับ ขนาดของล็อบสเตอร์นั้นใหญ่มากทั้งตัวและก้ามเลย ส่วนขนาดของกุ้งแม่น้ำนั้นอยู่ในขนาดกลางๆ ค่อนไปทางใหญ่ครับ
สำหรับความสดของอาหารในหอคอยซีฟู้ดนี้ผมให้สอบผ่านหมดทุกรายการเลยครับ สดและอร่อยเลย โดยเฉพาะล็อบสเตอร์กับหอยนางรมนี่ผมชอบมาก และสำหรับใครที่ไม่อยากจะทานล็อบสเตอร์ในรูปแบบที่เค้าเสิร์ฟมานี้ก็สามารถยกไปที่บริเวณ Grilled Station และขอให้เค้าทำการ Grilled ให้ได้นะครับ แป๊บเดียวเดี๋ยวพนักงานก็จะนำมาเสิร์ฟให้ที่โต๊ะ และผมว่ารสชาติหลังจากการนำล็อบสเตอร์นี้ไปย่างเพิ่มมันดีกว่าเดิมเยอะเลย ><
อ้อ ในเซ็ตนี้เค้าจะมีปลาหมึกหน้าตาแบบนี้มาให้ด้วยนะครับ ดูแล้วน่าจะเป็นสลัด แต่เค้าจะไม่ได้มีการราดน้ำอะไรมาให้ กินเพียวๆ จะจืดๆ นิดนึง ใครชอบอะไรที่มีรสชาติหน่อยควรหาอะไรมาปรุงเพิ่มครับ
หมวดที่สอง “Grilled Station” หมวดนี้ทางห้องอาหารเค้าบอกว่าจะมีการเปลี่ยนประเภทเนื้อในแต่ละวันให้ไม่ซ้ำกัน โดยวันที่ผมไปนั้นจะประกอบไปด้วยเนื้อ 4 อย่าง ได้แก่ แกะ, หมู, กุ้ง แล้วก็ปลาไข่ รวมทั้งเค้ายังมีผักย่างให้ทานด้วย ผมได้ลองทานทั้ง 4 อย่างเลยครับ ในส่วนของ หมู, กุ้ง และปลาไข่นั้นถือว่าดีเลย โดยเฉพาะปลาไข่อันนี้อร่อยมาก แนะนำเป็นพิเศษครับ ส่วนเนื้อแกะนั้นเท่าที่ผมได้ลองมา 1 ชิ้น ผมว่าอันนี้อยู่ในระดับกลางๆ ไม่โดดเด่นซักเท่าไหร่ เนื้อแกะไม่มีกลิ่น แต่แอบขาดความนุ่มไปนิด ทำให้เวลาตัดหรือเคี้ยวแล้วไม่ฟินเท่าที่ควร
อย่างไรก็ตามรวมๆ แล้วถือว่าทางห้องอาหารทำหมวดนี้ออกมาได้ดีครับ วัตถุดิบดี ปรุงออกมาได้ดีเป็นส่วนใหญ่ แล้วก็มีพวกน้ำจิ้มต่างๆ ให้เลือกทานเยอะ แต่น่าเสียดายตรงที่มีประเภทอาหารให้เลือกทานน้อยไปนิด หากมีเพิ่มอีกซัก 1-2 อย่าง เช่น เนื้อ, ปลาหมึก, กั้ง หรือกุ้งแม่น้ำ น่าจะทำให้หลายๆ คนประทับใจมากขึ้นครับ
ใครที่อยากจะลองทานอาหารประเภทนี้ก็นำหมายเลขโต๊ะของเราไปที่สเตชั่นนี้ จากนั้นก็หยิบประเภทอาหารที่คุณชอบใส่จานแล้วก็ยื่นให้พนักงานพร้อมกับหมายเลขโต๊ะเราได้เลยนะครับ ^^
อ้อ และนอกจากอาหารที่เราต้องสั่ง made to order ให้เชฟกริลล์ให้เราใหม่ๆ แล้ว เค้ายังมีเนื้อย่างหรือเนื้ออบขนาดใหญ่ให้บริการด้วยนะครับ โดยอาหารในส่วนนี้จะอยู่ถัดออกมานิดนึง วันที่ผมไปนั้นมีอยู่ 2 อย่าง ได้แก่ เนื้อวัวและไก่ รสชาติดีทั้งคู่ แต่โดยส่วนตัวแล้วผมแอบชอบเนื้อวัวมากกว่านิดๆ เค้าย่างมาได้ความสุกกำลังดี เนื้อมีกลิ่นหอม และเวลาเคี้ยวหรือตัดจะไม่รู้สึกถึงความเหนียวเลย
หมวดที่สาม อาหารนานาชาติ” อาหารในหมวดนี้จะมีหลายอย่างเลยครับไม่ว่าจะเป็นอิตาเลี่ยน, ญี่ปุ่น, จีน แล้วก็ไทย โดยในส่วนของอาหารอิตาเลี่ยนที่เค้ามีให้บริการนั้นจะประกอบไปด้วยพิซ่าแล้วก็พาสต้า โดยพิซซ่าจะเป็นแบบแป้งบางกรอบ มีการหวุนเวียนเปลี่ยนหน้าไปเรื่อยๆ รวมทั้งเค้าจะทำการอบร้อนๆ จากเตาที่อยู่ด้านหลังสเตชั่นนี้เลย ซึ่งบางจังหวะเราก็อาจจะได้เห็นทางพนักงานเค้ากำลังยืนอบอยู่ด้วยครับ ในเรื่องของรสชาติพิซซ่านั้นผมชอบนะ แป้งกรอบอร่อย แล้วก็เครื่องต่างๆ ที่ใส่มาก็ดีครับ ใครชอบทานพิซซ่าสไตล์นี้ลองแวะไปหยิบมาชิมดูนะ ชิ้นนึงไม่ใหญ่มาก ไม่เปลืองพื้นที่กระเพาะซักเท่าไหร่ครับ ><
ส่วนของพาสต้านั้นเค้าจะมีการวางโชว์เส้นต่างๆ ไว้มากมายเลย โดยเส้นเหล่านี้เค้าจะทำสดแบบวันต่อวันนะครับ แต่ว่าในแต่ละวันเค้าจะมีบริการเพียงแค่ 3-4 เส้นเท่านั้นและจะหมุนเวียนไปเรื่อยๆ  ไม่ได้มีบริการทุกเส้นพร้อมกัน รวมถึงในเรื่องของซอสด้วยก็จะมีการหมุนเวียนเปลี่ยนไปเรื่อยๆ เช่นเดียวกัน โดยในวันที่ผมไปนั้นเค้าจะมีประเภทของอาหารให้สั่ง 3-4 อย่าง ตามแบบตัวอย่างที่เค้าได้วางไว้ ใครชอบทานอะไรก็สามารถสั่งได้เลยครับ หรือหากใครอยากจะกินอะไรเป็นพิเศษจริงๆ และไม่รู้ว่าเค้ามีมั้ยก็ลองถามทางพนักงานดูได้ครับ อย่างวันที่ผมไปนั้นเค้าก็ไม่มีมีการวางเฟตตูชินีคาโบนาร่าไว้ แต่พอผมถามเค้าก็บอกว่าทำให้ได้ผมก็เลยสั่งมาลองทานครับ
สำหรับรสชาติของพาสต้าทั้ง 4 จานที่ผมได้ลองทานนั้น ผมว่าเฟตตูชินีคาโบนาร่ากับสปาเกตตี้ผัดพริกแห้งอร่อยดีครับ แต่ในส่วนของเส้นฟูซิลีอันนี้ผมทานแล้วไม่ค่อยประทับใจซักเท่าไหร่ ผมว่าเส้นมันแอบเข็งไปแล้วก็น้ำซอสมันไม่ค่อยถูกปากผมครับ
มาดูในส่วนของอาหารญี่ปุ่นกันบ้าง อาหารในส่วนนี้จะมีทั้งซูชิ, ซาชิมิ แล้วก็ของทานเล่นอย่างโซบะ, ยำแมงกระพรุน, ยำสาหร่ายญี่ปุ่น แล้วก็สาหร่ายแห้ง ซึ่งก็ถือว่าประเภทอาหารของเค้านั้นมีความแตกต่างจากที่อื่นพอควร เพราะส่วนใหญ่แล้วเราจะไม่ค่อยเจอโซบะกับยำแมงกระพรุนในไลน์กันซักเท่าไหร่ แต่ในส่วนของซูชิกับซาชิมินั้นอันนี้ผมว่าเค้าแอบมีให้เลือกทานน้อยไปนิดครับ ซูชิมีแค่ 2 หน้าเท่านั้น ส่วนของซาชิมิก็มีแค่ทูน่า, แซลมอน, ปูอัดแล้วก็ไข่หวานเท่านั้นเอง T_T
รวมๆ แล้วในส่วนของอาหารญี่ปุ่นนั้นผมไม่ได้รู้สึกประทับใจอะไรมากครับ รสชาติกับคุณภาพของอาหารส่วนใหญ่อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน จะมีรู้สึกว้าวนิดๆ ก็ตรงที่มีโซบะกับยำแมงกระพรุนให้ทานด้วยเท่านั้น และผมรู้สึกว่าหากทางห้องอาหารมีการปรับเพิ่มความหลากหลายของซูชิและซาชิมิให้มีมากกว่านี้อีกนิด มันน่าจะทำให้โซนนี้ดูน่าสนใจขึ้นมาอีกพอควรเลย เพราะความสดต่างๆ ของปลานั้นถือว่าเค้าทำออกมาได้ดีอยู่แล้ว
ต่อกันที่อาหารจีน อาหารประเภทนี้จะมีให้บริการเฉพาะก๋วยเตี๋ยวเท่านั้นครับแต่ก็มีเส้นให้เลือกหลายอย่างดี แล้วก็มีลูกชิ้นให้เลือกทานหลายแบบด้วย ในส่วนของรสชาตินั้นผมว่าดีนะ เส้นนุ่ม ลูกชิ้นอร่อย แล้วก็ปริมาณต่อชามที่เค้าให้นั้นก็ถือว่าไม่มากไปด้วย ใครที่อยากกินอะไรร้อนๆ ก็สามารถไปสั่งมาทานได้ หนึ่งถ้วยแบ่งกันกิน 2 คนก็ได้ จะได้คล่องคอแล้วก็มีความหลากหลายในการทานอาหารมากขึ้น
ปิดท้ายอาหารนานาชาติกันด้วยอาหารไทย โดยประเภทอาหารไทยที่เค้ามีให้ทานนั้นจะประกอบไปด้วยส้มตำและทอดมันกุ้ง ซึ่งผมคาดว่าในส่วนของส้มตำนั้นน่าจะเป็นประเภทอาหารที่เค้ามีให้บริการทุกวันเลย เพราะการจัดพร็อพต่างๆ ดูเต็มที่มาก แต่ในส่วนของทอดมันกุ้งเค้าน่าจะมีการเปลี่ยนเป็นเมนูอื่นไปเรื่อยๆ ครับ
สำหรับส้มตำนั้นทางพนักงานเค้าบอกว่าทำได้แค่ตำไทยแล้วก็ตำไทยไข่เค็มเท่านั้น ผมก็เลยสั่งเป็นตำไทยไข่เค็มมา โดยระบุไปว่าขอเผ็ดๆ หน่อย ซึ่งรสชาติที่ได้ก็ถือว่าดีนะครับ อร่อย เส้นกรอบ เครื่องเยอะ มีการใส่พวกปลากรอบมาด้วย แต่ในเรื่องของความเผ็ดนั้นผมว่าสอบตกโดยสิ้นเชิง ทานแล้วไม่รู้สึกเผ็ดเลย สงสัยพนักงานเค้าอาจจะชินกับการทำให้ชาวต่างชาติทานมากไปหน่อยก็เลยไม่จัดจ้านถึงใจผมกับต๋งเท่าที่ควร T_T
ใครที่อยากจะทานส้มตำก็สามารถไปสั่งได้นะครับ รสชาติโดยรวมถือว่าสอบผ่าน แต่หากใครที่อยากจะทานแบบเผ็ดจัดๆ อาจจะต้องย้ำกับทางพนักงานมากนิดนึง แล้วก็สำหรับใครที่ไม่ชอบทานส้มตำไทยไข่เค็มแบบที่เค้าเอาไข่เค็มไปตำผสมรวมกันจนแหลกไปเลย ควรบอกพนักงานล่วงหน้าหรือไม่ก็เลี่ยงสั่งเป็นตำไทยธรรมดาแทนครับ เพราะตำไทยไข่เค็มของที่นี่เค้าจะเอาไข่เค็มลงไปตำด้วยตั้งแต่แรกเลย
หมวดที่สี่ เมนูพิเศษและอาหารจานร้อน” สำหรับอาหารในหมวดนี้มันเป็นอะไรที่ผมว่าแตกต่างจากไลน์บุฟเฟ่ต์อื่นๆ พอควรเลยครับ เพราะโดยส่วนมากแล้วอาหารในหมวดนี้ไลน์บุฟเฟ่ต์ส่วนใหญ่มักจะทำอาหารไว้เสร็จเรียบร้อยแล้ว และหากเราอยากทานอะไรก็สามารถเดินไปตักใส่จานได้เลย แต่สำหรับไลน์ Seafood Tower ของโรงแรม Le Méridien Bangkok เค้ากลับใช้วิธีการที่แตกต่างออกไป โดยเค้าเลือกที่จะทำอาหารส่วนใหญ่ในหมวดนี้ให้เป็นอาหาร A la carte ที่ต้องสั่งทานเป็นจานๆ ไป เพื่อให้ทุกคนที่ได้มาทานนั้นได้ทานอาหารร้อนๆ อย่างแท้จริงและที่สำคัญหน้าตาของอาหารแต่ละจานจะได้ถูกจัดแต่งออกมาอย่างสวยงามด้วยครับ
โดยประเภทอาหารที่เราต้องสั่งทานเป็นจานๆ นั้นทางห้องอาหารจะมีการหมุนเวียนเปลี่ยนเมนูไปเรื่อยๆ ซึ่งในวันที่ผมไปทานนั้นจะมีทั้งหมด 4 เมนู ได้แก่ สตูว์เนื้อ, แซลมอนอบกับซอสซัลซ่า, หมูสามชั้นซอสบาร์บีคิว และกุ้งอบครีมซอส รสชาติของทั้ง 4 เมนูนี้ถือว่าดีเลยครับ และหน้าตาการจัดจานต่างๆ ก็ถือว่าดีด้วย โดยหากให้เลือกเมนูที่ผมชอบที่สุดจาก 4 จานนี้ก็น่าจะเป็นหมูสามชั้นซอสบาร์บีคิวกับแซลมอนอบกับซอสซัลซ่าครับ แต่ทั้งนี้ผมต้องบอกก่อนนะว่าหมูสามชั้นเค้าเนี่ยมันเป็นหมูสามชั้นจริงๆ ใครไม่อยากทานมันๆ ก็จงเลี่ยงครับ แต่ถ้าใครชอบทานผมแนะนำเลย เนื้อหมูมันนุ่ม ทานแล้วเพลินมาก
อ้อ กับอีกเมนูนึงที่ผมต้องขอเตือนไว้ก่อนก็คือสตูว์เนื้อครับ โดยจากที่ผมกับต๋งได้ลองสั่งมาทานเราก็พบว่าเนื้อส่วนที่เค้าใช้นั้นจะมีทั้งเนื้อและเอ็นผสมกันโดยมีสัดส่วนของเอ็นที่ค่อนข้างมาก ในส่วนของเนื้อนั้นถือว่านุ่มทานง่ายเลย แต่ในส่วนที่เป็นเอ็นนั้นต้องบอกว่ามันตัดและทานยากนิดนึงนะครับ เพราะมันค่อนข้างเหนียวและหนึบมาก ใครที่ชอบทานเอ็นก็น่าจะถูกใจกันพอควรเลยเพราะแต่ละชิ้นมีเอ็นเยอะใช้ได้ แต่ถ้าใครเป็นสายที่เน้นบริโภคเนื้อก็อาจจะไม่ค่อยประทับใจเมนูนี้ซักเท่าไหร่ครับ
และนอกจากเมนูพิเศษที่เราต้องสั่งเป็นจานๆ แล้ว ในหมวดนี้เค้าก็ยังมีซุปให้บริการด้วยนะครับ แต่จะวางอยู่ห่างกันนิดนึง โดยในส่วนของซุปนั้นจะถูกวางไว้ใกล้ๆ กับเนื้ออบชิ้นใหญ่ และวันที่ผมไปนั้นจะประกอบไปด้วยซุปแกงจืดไก่สาหร่าย, ซุปพริกสามสี และซุปฟักทอง โดยทางห้องอาหารเค้ามีการติดป้ายระบุไว้ด้วยว่าซุปฟักทองของเค้าเนี่ยถือเป็น Signature Menu ที่ไม่ควรพลาดเลย ซึ่งหลังจากที่ผมได้ชิมผมก็เห็นด้วยทันที ซุปฟักทองของเค้าอร่อยมากครับ แนะนำเลย อร่อยกินได้เพลินๆ ไม่เลี่ยน ที่สำคัญเค้ามีเครื่องให้เยอะและจัดแต่งหน้าตาออกมาได้ดีด้วย
หมายเหตุ : ในส่วนของซุปฟักทองนั้นจะเป็นส่วน Live Station ที่ทางห้องอาหารจะทำการหมุนเวียนเปลี่ยนเมนูเด็ดไปเรื่อยๆ โดยเมนูแต่ละวันจะไม่เหมือนกัน แต่การันตีความอร่อยได้เลย เพราะจุดนี้ถือเป็นจุดนึงที่ทางห้องอาหารเค้าภูมิใจนำเสนอมากครับ
หมวดที่ห้า “สลัด, ขนมปัง และชีส” หมวดนี้เค้าจะมีการวางอาหารไว้ 2 จุดนะครับ จุดแรกจะเป็นในส่วนของสลัดที่เราต้องทำเอง มีผักและน้ำสลัดให้เลือกทานหลายอย่างรวมทั้งมีท็อปปิ้งอย่างพวกแซลมอนรมควัน, วอลนัท และอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งในจุดนี้ผมว่าเค้าทำได้ดีนะครับ ถึงไลน์จะไม่ใหญ่ ประเภทอาหารไม่ได้เยอะมาก แต่หน้าตาผักและท็อปปิ้งต่างๆ ก็ดูดีและแตกต่างจากหลายที่เลย เหมือนเค้าเลือกแต่วัตถุดิบดีๆ เน้นๆ มาวางมากกว่าการเน้นปริมาณและความหลากหลายครับ
ส่วนจุดที่สองอันนี้จะเป็นการวางสลัดสำเร็จรูป, ขนมปัง และชีสครับ ในส่วนของสลัดสำเร็จรูปและขนมปังจะมีให้เลือกทานแค่ไม่กี่อย่าง และผมกับต๋งไม่ได้ลองทานเลยก็เลยไม่ขอพูดถึงเรื่องรสชาตินะครับ แต่ในส่วนของชีสนั้นต๋งได้ลองตักมาทาน 2-3 อย่างและพบว่ารสชาติแต่ละอย่างนั้นดีเลย ใครชอบทานชีสก็อย่าลืมแวะไปนะครับ เค้ามีบริการชีส 7-8 แบบได้ แล้วก็มีทั้งชีสแบบแข็งและแบบนิ่มเลย
หมวดที่หก ของหวาน, ผลไม้ และไอศกรีม” เข้าสู่หมวดสุดท้ายของไลน์นี้กันแล้วนะครับ สำหรับในส่วนของหวานนั้นถือว่าเค้ามีมาให้เลือกทานเยอะเหมือนกันและมีทั้งของไทยและต่างประเทศเลย โดยในส่วนของไทยนั้นจะมีอยู่เมนูนึงที่ดูเผินๆ ตอนแรกจะคล้ายๆ กับบัวลอยเผือก แต่พอกินแล้วกลับกลายเป็นว่ารสชาติของมันคล้ายกับขนมมันซะงั้น @_@ ก็ถือว่าเป็นของหวานไทยที่แปลกดีครับ ผมพึ่งจะเคยกินที่นี่เป็นครั้งแรกนี่แหละ
ส่วนนี่เป็นของหวานต่างประเทศหรือนานาชาติครับ มีทั้งเค้ก, บราวนี่, มูส, พานาคอตต้า, ชูครีม, ทาร์ต และคุกกี้ รสชาติโดยรวมๆ ถือว่าดีครับ อร่อยหลายรายการเลย ยังไงก็เหลือพื้นที่กระเพาะมาชิมของหวานกันด้วยนะ อย่าพึ่งหมดก็อกไปซะก่อนล่ะ
และนี่คือหน้าตาของผลไม้ที่เค้ามีให้บริการครับ วันที่ผมไปนั้นมีแค่ 3 อย่างเท่านั้นและก็วางในตำแหน่งที่ไม่เด่นซักเท่าไหร่เลย ใครที่ไม่สังเกตอาจจะมองไม่เห็นได้ แต่อย่างไรก็ตามรสชาติกับหน้าตาก็ถือว่าโอเคอยู่ แล้วก็ยังมีเสาวรสให้ทานด้วย แต่ผมว่านะถ้าเค้ามีให้เลือกทานเพิ่มอีกซัก 1-2 อย่างแล้วจัดตำแหน่งการจัดวางให้ดีกว่านี้อีกนิด มันน่าจะแจ่มกว่านี้ครับ
ปิดท้ายกันด้วยไอศกรีม ในส่วนนี้ถือว่าทำได้ดีเลยครับทั้งหน้าตาของไอศกรีม, รสชาติแล้วก็ท็อปปิ้งต่างๆ โดยในวันที่ผมไปนั้นเค้าจะมีไอศกรีมให้บริการทั้งหมด 8 รสชาติ ได้แก่ กาแฟ, พิงค์เกรฟฟรุ๊ต, มะม่วง, โรสลิ้นจี่, บานาน่าฮันนี่, ชาไทย, วานิลลา และสตรอเบอร์นี่ชีสเค้ก ตัวผมเองได้ลองมาทั้งหมด 5 รสชาติ ผมว่าสอบผ่านหมดเลยนะ เป็นไอศกรีมที่ดีเลย รสชาติน่าสนใจหลายรายการและสามารถนำไปวางขายด้านนอกได้อย่างสบายๆ นอกจากนี้ผมยังประทับใจในจำนวนท็อปปิ้งที่เค้ามีให้เลือกหลากหลายด้วย พวกโอรีโอ, จอลลี่แบร์หรือจอลลี่โคล่าก็มี โดยเราจะตักท็อปปิ้งเหล่านี้ราดไปด้านบนของไอศกรีมตรงๆ ตามปกติที่เรากินก็ได้ หรือเราจะให้เค้านำไปคลุกเคล้าผสมเข้าไปในเนื้อไอศกรีมเป็นไอศกรีมผัดเทปันยากิก็ได้ ทางห้องอาหารเค้ามีเตาผัดไว้อยู่ข้างๆ กันเลย ดูเก๋แล้วก็แปลกแตกต่างจากหลายที่ดีครับ
ในส่วนของไอศกรีมนี้ผมแนะนำเป็นพิเศษเลยนะครับ ใครชอบทานไอศกรีมไม่ควรพลาดเด็ดขาด และใครอยากจะกินแบบสวยๆ ตามรูปด้านล่างนี้ก็ทำได้เหมือนกัน เค้าจะมีตัวอย่างแบบนี้วางอยู่ เราก็บอกเค้าว่าขอแบบนี้หนึ่งที่เป็นอันจบครับ ><
และทั้งหมดนี้ก็คือภาพรวมและประสบการณ์ของผมกับต๋งในการไปทานไลน์บุฟเฟ่ต์ Seafood Tower ห้องอาหาร Latest Recipe (เลเทส เรซิพี) ชั้น 2 โรงแรม Le Méridien Bangkok (เลอ เมอริเดียน กรุงเทพ) ครับ โดยในไลน์บุฟเฟ่ต์นี้เค้าจะมีการรวมน้ำเปล่า และ Free Flow อย่างน้ำอัดลมต่างๆ ไว้เรียบร้อยแล้ว ใครอยากทานน้ำอะไรก็สามารถสอบถามและสั่งกับพนักงานได้เลยครับ ทั้งนี้เพื่อให้ทุกคนได้เห็นภาพของไลน์บุฟเฟ่ต์นานาชาติไลน์นี้ชัดเจนขึ้น ผมก็เลยทำการสรุปออกมาเป็นหัวข้อต่างๆ เป็นการส่งท้ายดังนี้นะครับ
วันที่รับประทาน : วันพฤหัสที่ 26 กันยายน 2562
ช่วงเวลา : 18.00 – 21.00 น.
จำนวน : 2 คน
รสชาติอาหาร : ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมห้องอาหารแห่งนี้ถึงได้รางวัล World Luxury Restaurant Awards 2019 เพราะนี่เป็นหนึ่งในไลน์บุฟเฟ่ต์มื้อเย็นเกรดโรงแรมที่ผมว่ารสชาติดีไลน์นึงเลยครับ หลายๆ เมนูอร่อยและสร้างความประทับใจให้ผมกับต๋งพอควรเลย ยิ่งใครที่เป็นคนชอบทาน Seafood on ice รวมไปถึงอาหารสไตล์ยุโรปด้วยแล้วผมว่าน่าจะถูกใจกับไลน์นี้เป็นพิเศษครับ เพราะคุณภาพของ Seafood on ice กับน้ำจิ้มซีฟู้ดเค้านั้นถือว่าดีมากและเป็นรสชาติสไตล์ไทยๆ มีความจัดจ้านซี้ดซ้าด ส่วนเมนูพิเศษที่ปรุงจานต่อจานนั้นก็ทำรสชาติออกมาได้ดีเช่นเดียวกัน นอกจากนี้อาหารอื่นๆ ที่เหลือในไลน์ส่วนใหญ่ก็มีรสชาติอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานจนไปถึงดีและดีมากครับ จะมีอยู่ 3-4 เมนูเท่านั้นที่ผมกินแล้วรู้สึกไม่ค่อยถูกปากเท่าไหร่ครับ
ความหลากหลายของอาหาร : ในด้านรสชาติอาหารนั้นไลน์นี้ทำออกมาได้อยู่ในเกณฑ์ที่ดีแล้ว แต่น่าเสียดายที่ในด้านความหลากหลายนั้นผมว่าเค้ายังทำได้ไม่ค่อยดีเท่าที่ควรครับ เพราะแม้ในส่วนของ Seafood on ice, พาสต้า, เมนูพิเศษ เค้าจะมีความหลากหลายพอควร แต่ผมกลับคิดว่าภาพรวมของทั้งไลน์นั้นมันยังดูน้อยไปนิด หากทางห้องอาหารสามารถเพิ่มประเภทของเนื้อใน Grilled Station, หน้าของซูชิและประเภทของปลาดิบ, ขนมปัง, Cold cuts และประเภทของผลไม้ลงไปได้อีกอย่างละนิดละหน่อย มันน่าจะทำให้ภาพรวมดูน่าสนใจขึ้น และคนที่มาใช้บริการน่าจะรู้สึกประทับใจขึ้นอีกครับ
ความสะอาดของร้านและบรรยากาศโดยรวม : ข้อนี้ถือว่าเค้าทำออกมาได้ดีเลยครับ บรรยากาศห้องอาหารอยู่ในเกณฑ์ดี ดูสงบและไม่เสียงดังวุ่นวาย ส่วนในเรื่องความสะอาดต่างๆ นั้นก็ดีครับ ไม่มีอะไรต้องติเลย
การบริการของพนักงาน : ข้อนี้ก็เป็นอีกหนึ่งข้อที่เค้าทำออกมาได้ดีเช่นเดียวกัน โดยจากที่ผมไปใช้บริการมาผมว่าพนักงานที่ห้องอาหารแห่งนี้ รวมทั้งพนักงานในส่วนต่างๆ ของโรงแรมนี้บริการได้ดีเลยนะครับ พูดจาสุภาพ มีความกระตือรือร้น และสอบถามข้อมูลอะไรก็ได้คำตอบที่ค่อนข้างชัดเจนกลับมาครับ
ความสะดวกของการเดินทาง : ข้อนี้ผมให้อยู่ในเกณฑ์กลางๆ แล้วกันนะครับ เพราะด้วยความที่โรงแรม Le Méridien Bangkok นั้นไม่ได้อยู่ใกล้กับรถไฟฟ้า BTS หรือ MRT มากนัก โดยสถานีที่อยู่ใกล้ที่สุดต้องเดินเท้าต่อประมาณ 400-500 เมตร ก็เลยทำให้คนที่ไม่มีรถส่วนตัวนั้นขาดความสะดวกพอควร ส่วนใครที่ขับรถไปก็ถือว่าโอเคอยู่ครับ เพราะที่จอดรถของเค้าค่อนข้างเยอะ แถมถนนบริเวณนี้ก็มีการจราจรในช่วงเย็นหลังเลิกงานที่เรียกว่าคล่องตัวอยู่ ไม่สาหัสมากเหมือนกับหลายๆ เส้นครับ
ความคุ้มค่า : แม้ผมจะรู้สึกว่ารสชาติกับคุณภาพของอาหารไลน์นี้ดีและน่าสนใจเพียงใด แต่เอาตรงๆ เลยถ้าราคา 1,900 บาท/คน net นี่ ผมว่าไม่คุ้มนะ เพราะราคานี้คุณสามารถไปทานไลน์บุฟเฟ่ต์อื่นที่มีปริมาณอาหารมากกว่านี้ รวมทั้งรสชาติดีกว่านี้ได้หลายไลน์เลย แต่ถ้าใครสามารถรวบรวมสมาชิกได้ 6 คน และใช้สิทธิ์แฟนเพจ “ภรรยาหา สามีใช้” จองผ่านลิงก์นี้ bit.ly/LMBKKXAmazingCouples ก็จะได้รับโปรโมชั่น 3 ต่อ ทำให้ราคาเหลืออยู่เพียงคนละ 1,109 บาท net เท่านั้น อีกทั้งยังได้รับ Voucher มูลค่า 500 บาทอีกด้วย ซึ่งจากโปรโมชั่นสิทธิ์พิเศษ 3 ต่อนี้ ผมว่ามันเป็นราคาที่ดีและน่าสนใจมากนะครับ คุ้มค่าคุ้มราคาเลย แต่ถ้าใครที่ไม่สามารถรวบรวมสมาชิกได้ 6 คนจริงๆ การจองผ่านลิงก์แล้วรับโปรโมชั่นแค่ 2 ต่อ คือส่วนลด 30% และ Voucher มูลค่า 500 บาท ก็ยังถือว่าเป็นราคาที่โอเคอยู่ครับ เพราะราคาต่อคนจะเหลืออยู่ที่ 1,330 บาท net เท่านั้น ใครที่สนใจจะไปทานอาหารที่นี่ก็อย่าลืมเช็คหรือหาโปรโมชั่นดีๆ ก่อนไปนะครับ
สรุป : ใครที่เป็นคนชอบทานบุฟเฟ่ต์มื้อเย็นเกรดโรงแรม และชอบทาน Seafood on ice ดีๆ น้ำจิ้มแซ่บ อยากกินหอยนางรมกับล็อบสเตอร์อร่อยๆ แต่รู้สึกเบื่อกับไลน์อาหารบุฟเฟ่ต์หลายๆ ที่ที่หน้าตาของเมนูอื่นดูคล้ายๆ กันหมด การมาทานอาหารที่นี่ก็อาจจะเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ดีครับ เพราะถึงแม้เมนูอาหารของเค้าจะไม่หลากหลาย แต่เท่าที่ผมได้สัมผัสมาผมว่าเค้าเลือกใช้วัตถุดิบที่ดีในการปรุงอาหารนะ อีกทั้งยังมีความพรีเมี่ยมมีการการวางเมนูอาหารในไลน์ได้น่าสนใจกว่าหลายที่มาก มีอาหารพิเศษให้สั่งหลายรายการ หน้าตาอาหารแต่ละจานดูดี แล้วก็ยังมี Seafood Tower เก๋ๆ ที่มีล็อบสเตอร์ตัวใหญ่ให้ทานด้วย แต่ทั้งนี้ด้วยความที่ราคาตั้งของเค้านั้นค่อนข้างสูง ดังนั้นหากใครที่สนใจอยากจะไปทานอาหารที่ไลน์นี้ก็ควรจะต้องตรวจสอบหรือหาโปรโมชั่นโดนๆ ก่อนทุกครั้งครับ ส่วนใครที่เป็นสายชอบกินอาหารโซน Grilled Station เยอะๆ เน้นอาหารประเภทเนื้อย่าง, กุ้งแม่น้ำเผาเป็นหลัก หรือเป็นคนชอบทานอาหารญี่ปุ่นกับพวก Cold cuts เป็นพิเศษ ผมว่าไลน์นี้น่าจะยังไม่ค่อยตอบโจทย์เท่าไหร่ครับ
ก็จบลงแล้วสำหรับรีวิวนี้ สำหรับใครที่อ่านจบแล้วอยากจะไปลองทานรวมทั้งใช้สิทธิ์แฟนเพจ “ภรรยาหา สามีใช้” เมื่อจองผ่านลิงก์นี้ bit.ly/LMBKKXAmazingCouples ก็ต้องรีบตัดสินใจรีบจองหน่อยนะครับ เพราะโปรโมชั่นส่วนลด 30% และรับสิทธิ์พิเศษ 3 ต่อนี้ เค้าจะให้เฉพาะผู้ที่ทำการจองภายในวันที่ 15 ตุลาคม 2562 และต้องไปทานอาหารระหว่างวันที่ 3 ตุลาคม – 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562 เท่านั้น โดยสำหรับผู้ที่ไม่สะดวกทำการจองผ่านระบบออนไลน์ก็สามารถใช้สิทธิ์นี้ได้ง่ายๆ เพียงโทรเข้าไปที่เบอร์ 02-2328888 และต่อสายห้องอาหาร Latest Recipe พร้อมกับบอกว่าเป็นแฟนเพจ “ภรรยาหา สามีใช้” เท่านั้นก็เรียบร้อยครับ
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านจนจบ และหากใครต้องการสอบถามข้อมูลต่างๆ ของไลน์บุฟเฟ่ต์นี้เพิ่มเติม ก็สามารถติดต่อได้ที่ช่องทางด้านล่างนี้ได้เลยครับ แล้วพบกันใหม่ในรีวิวหน้า สวัสดีครับ
Facebook : Le Méridien Bangkok
Tel : 02-2328888
หมายเหตุ : บทความนี้เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวของเราในวันที่ได้ลองใช้บริการเท่านั้น ทั้งนี้แต่ละท่านที่ได้มีโอกาสไปใช้บริการอาจจะได้รับการบริการหรือมีความคิดเห็นที่แตกต่างจากนี้ได้ครับ