สวัสดีครับ วันนี้ผมนาย “ภรรยาหา สามีใช้” จะพาทุกคนไปรู้จักกับอาหารที่จะทำให้ชีวิตของนักกิน, ผู้ที่หิวบ่อย หรือผู้ที่ต้องการลดความอ้วนเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น เพราะสิ่งนี้จะทำให้คุณมีความสุขกับการกินได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องน้ำหนักหรือแคลอรี่!!
และสิ่งที่ผมจะแนะนำให้ทุกคนรู้จักนั่นก็คือ “กราโนล่า” ยี่ห้อ “OMG Oat My Gosh” โดยสำหรับใครที่ไม่รู้จักกราโนล่ามาก่อนเนี่ย ผมอยากจะขออธิบายสั้นๆ ว่ากราโนล่ามันก็คือของกินชนิดหนึ่งที่มีส่วนผสมหลักอย่างข้าวโอ้ต (Oatmeal) โดยจะมีการนำข้าวโอ้ตไปอบให้แห้งจากนั้นก็ปรุงรสให้หวานอร่อยถูกปากมากขึ้นด้วยผลไม้, ธัญพืชหรือส่วนประกอบอื่นๆ ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ดังนั้นกราโนล่าจึงกลายเป็นอาหารที่คนรักสุขภาพหรือ Super Food (ซุปเปอร์ฟู้ดส์) ที่คนที่ต้องการควบคุมน้ำหนักชื่นชอบกัน
แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกันพออะไรที่ขึ้นชื่อว่าเป็นอาหารเพื่อสุขภาพแล้ว แม้มันจะมีประโยชน์ต่อร่างกายมากแค่ไหน แต่โดยส่วนใหญ่อาหารเหล่านั้นมักจะไม่ถูกปากเราๆ โดยเฉพาะอาหารเพื่อสุขภาพอย่างกราโนล่าที่หลายคนมักเปรียบมันว่ามันคืออาหารนก!!!……ช่างเปรียบเทียบได้พีคมากจริงๆ
แต่สำหรับกราโนล่า OMG Oat My Gosh แล้ว ผมว่านี่คือกราโนล่าที่จะเปลี่ยนความคิดเดิมๆ หลายอย่างเลย ทั้งเรื่องอาหารเพื่อสุขภาพต้องมีรสชาติไม่อร่อย ทั้งเรื่องกราโนล่ามันคืออาหารนก เพราะจากที่ผมได้ลองชิมมา 3 กระปุก ผมว่านี่คือกราโนล่าที่อร่อย เคี้ยวเพลิน ทานสนุก จนแทบหยุดไม่อยู่เลยล่ะครับ โดยกราโนล่า OMG Oat My Gosh นั้น จะมีทั้งหมด 3 รสด้วยกัน ได้แก่ MAPLE PECAN-CAN!, MATCHA CHA-LA-LA! และ OHH-LA-LA! LAVENDER!
Disclosure : บทความนี้ได้รับการสนับสนุนจากผู้ให้บริการ แต่ทั้งนี้ความเห็นต่างๆ ที่เกิดขึ้นเป็นความรู้สึกจริงของผมครับ
เป็นยังไงล่ะครับ แค่ชื่อของทั้ง 3 รส ก็บ่งบอกได้ถึงความแตกต่างจากแบรนด์อื่นๆ และชวนให้เราอยากเปิดกระปุกลิ้มรสมันดูว่ารสชาติข้างในจะเป็นอย่างไรแล้วใช่มั้ยล่ะครับ แต่…….แต่ก่อนที่เราจะเปิดกระปุกเข้าไปชิมนั้น ผมจะพาทุกคนไปรู้จักส่วนผสมและบรรจุภัณฑ์ของมันก่อนดีกว่า
กราโนล่า OMG Oat My Gosh นั้น จะบรรจุอยู่ในกระปุกพลาสติกสูงประมาณ 12 cm โดยมีฝาพลาสติกปิดด้านบน ซึ่งฝาพลาสติกนี้จะเปิดออกได้ค่อนข้างง่าย และเมื่อเราเปิดฝาพลาสติกนี้ออกในครั้งแรก เราก็จะเจอกับฝาโลหะอยู่อีกชั้นนึง ซึ่งฝานี้จะช่วยปิดให้กราโนล่ากระปุกนั้นมีคุณภาพที่ดีที่สุดก่อนถึงมือเรา และเรื่องบรรจุภัณฑ์นี้เป็นอะไรที่ทำให้ผมรู้สึกประทับใจมากถึงความใส่ใจของเจ้าของแบรนด์ เพราะเหมือนเค้าคิดมาครบเรียบร้อยแล้วว่าต้องใช้กระปุกพลาสติกนะ จะได้เบา ตกไม่แตก ขนาดกระปุกต้องไม่ใหญ่เกินไป จะได้ถือง่าย และควรจะต้องมีการซีลปิดสนิทอย่างดี กราโนล่าจะได้กรอบ ไม่เหนียวติดกันก่อนที่จะถึงมือลูกค้า
ในส่วนของฉลากสินค้านั้น เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถสังเกตและจำได้ง่าย ทาง OMG Oat My Gosh ได้เลือกใช้ฉลาก 3 สีที่แตกต่างกันชัดเจนในแต่ละรส โดย MAPLE PECAN-CAN! นั้นจะมีฉลากสีแดง, MATCHA CHA-LA-LA! จะมีฉลากสีเขียว และ OHH-LA-LA! LAVENDER! จะมีฉลากสีม่วง
และที่ฉลากข้างกระปุกของแต่ละรสนั้นจะมีการระบุว่ามีส่วนผสมหลักอะไรบ้างนอกจากข้าวโอ้ต รวมไปถึงเรื่องที่เราอยากรู้กันมากที่สุดนั่นก็คือเรื่องของแคลอรี่ (Calories) โดยกราโนล่า OMG Oat My Gosh 50 กรัม นั้นจะให้พลังงานทั้งหมด 175 แคลอรี่, โปรตีน 9 กรัม, ไฟเบอร์ 4 กรัม และน้ำหนักของกราโนล่า 1 กระปุกคือ 170 กรัม ดังนั้นถ้าใครคิดจะกินทีเดียวหมดกระปุกก็คูณตัวเลขกันเองนะครับว่าจะได้พลังงานกับโปรตีนไปเท่าไหร่ แต่เชื่อผมเถอะ คุณกินทีเดียวไม่หมดกระปุกแน่ๆ เพราะปริมาณมันเยอะมาก
หมายเหตุ : ที่ฉลากข้างกระปุกของรส MAPLE PECAN-CAN! และ OHH-LA-LA! LAVENDER! จะระบุว่ามีแคลอรี่ 175 แคลอรี่/50 กรัม ส่วนรส MATCHA CHA-LA-LA! จะระบุว่ามีแคลอรี่ 174 แคลอรี่/50 กรัม นะครับ
นอกจากนี้ที่ฉลากข้างประปุกยังมีการบอกอีกด้วยว่าหากใครจะทานกราโนล่าให้อร่อยยิ่งขึ้น หรือสำหรับใครที่ต้องการความแปลกใหม่ในแต่ละวัน ก็สามารถนำกราโนล่านี้ไปทานกับนม, ไอศกรีม หรือโยเกิร์ตได้ มันจะเป็นการเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ ในการทาน แต่สำหรับตัวผมเองแล้ว ผมทานเพียวๆ ทั้ง 3 กระปุกจนหมดเลย เพราะโดยส่วนตัวผมคิดว่ารสชาติมันโอเค ถูกปากมากอยู่แล้วจนไม่อยากเติมแต่งอะไรลงไป
หมายเหตุ : ขอบคุณภาพประกอบจากทาง OMG Oat My Gosh ด้วยนะครับ
รู้จักข้อมูลต่างๆ ที่จำเป็นหมดแล้ว คราวนี้มารู้จักรสชาติกันดีกว่าว่ารสชาติแต่ละรสเป็นอย่างไรบ้าง โดยผมจะขอเรียงลำดับรสชาติตามที่ผมชอบมากที่สุดไปน้อยที่สุดดังนี้นะครับ
รสที่ 1 : MATCHA CHA-LA-LA! (ฉลากสีเขียว) รสนี้เป็นรสที่ถูกปากผมมากที่สุด เอาเข้าปากครั้งแรกต้องลืมตาโพรงพร้อมกับอุทานในใจเลยว่า เฮ้ย!! นี่กราโนล่าจริงเหรอ ทำไมมันอร่อยแบบนี้ ชอบมากกกก สำหรับส่วนผสมของรสนี้จะมี Matcha, Cranberry, White Quinoa, Oatmeal, Almond, Rice Brain Oil, Pure Honey, Himalayan Pink Salt แล้วก็ White Chocolate ซึ่งผมว่ารสชาติของ Cranberry, Almond และ White Chocolate เนี่ย มันเข้ากันกับชาเขียวและน้ำผึ้งมาก เนื้อแครนเบอร์รี่เยอะ กินเพลินสุดๆ
รสที่ 2 : MAPLE PECAN-CAN! รสที่มีความอร่อยสูสีกับรสแรกแบบเบียดคู่ตีกันมาตลอด โดยรสนี้จะมีส่วนผสมหลักคือ Maple Syrup, Pecan, White Quinoa, Oatmeal, Almond, Rice Brain Oil และ Himalayan Pink Salt ดังนั้นรสของกระปุกนี้จึงมีถั่วนำและมีความหวานน้อยกว่ารสแรกครับ
รสที่ 3 : OHH-LA-LA! LAVENDER! รสนี้คือรสที่ผมอยากจะแนะนำให้ใครที่ไม่รู้จักว่าอารมณ์ ความรู้สึกของการได้วิ่งอยู่ท่ามกลางทุ่งลาเวนเดอร์นั้นเป็นอย่างไร เพราะคำแรกที่ผมเอากราโนล่ากระปุกนี้เข้าปาก มันทำให้ผมรู้สึกได้ไปวิ่งอยู่ท่ามกลางทุ่งลาเวนเดอร์จริงๆ……..ไม่ได้โม้ ไม่ได้เว่อร์ ถ้าอยากรู้ ต้องลองพิสูจน์ดูครับ!! สำหรับรสนี้จะมีส่วนประกอบที่สำคัญคือ Lavender Tea, Black Quinoa, Oatmeal, Almond, Rice Brain Oil, Pure Honey, Himalayan Pink Salt และ Golden Raisin ดังนั้นรสโดยรวมเลยออกแนวหอมๆ กินแล้วปากสดชื่นดีครับ
ทั้งหมดนี้ก็คือความรู้สึกที่ผมมีต่อกราโนล่า OMG Oat My Gosh และนับถึงตอนนี้นี่น่าจะเป็นกราโนล่าที่รสชาติถูกปากผมที่สุดแล้ว ยิ่งช่วงนี้เป็นช่วงที่ผมต้องการควบคุมน้ำหนักตัวเองเป็นอย่างมาก ของสิ่งนี้จึงผู้ช่วยที่ดีของผมเลย เพราะเท่าที่ผมลองทานมาเป็นระยะเวลา 2 อาทิตย์ ผมจะหยิบมาทานทุกครั้งที่รู้สึกหิว โดยเฉพาะในช่วงค่ำๆ และปริมาณที่ผมหยิบมาทานแต่ละครั้งน่าจะประมาณ 15-20 กรัม (ไม่ได้ชั่งน้ำหนักเป๊ะๆ นะครับ แต่กะเอาว่าผมกินประมาณ 8-10 ครั้งค่อยหมดกระปุก) ดังนั้นทุกๆ ครั้งที่ผมหยิบทานเพื่อให้ท้องหายหิว ผมก็จะได้พลังงานประมาณ 60-70 Calories ซึ่งเรียกว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับการทานอาหารอื่นๆ ที่ผมเคยทานในอดีต
ก็เอาเป็นว่าใครที่ชอบทานกราโนล่าอยู่แล้ว หรือสนใจอาหารเพื่อสุขภาพที่รสชาติดี พกพาง่าย รสชาติไม่ซ้ำใคร และเหมาะที่จะเป็นผู้ช่วยคนเก่งของเราในภาวะควบคุมน้ำหนัก ก็ลองพิจารณากราโนล่าของ OMG Oat May Gosh เป็นหนึ่งในตัวเลือกด้วยนะครับ โดยราคา ณ ปัจจุบันนี้ของเค้าจะอยู่ที่ 180 บาท/กระปุก และสามารถสั่งซื้อได้ที่ช่องทางด้านล่างนี้ครับ
Facebook : OMG Oat My Gosh
Line : @omg.oatmygosh
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านจนจบ แล้วพบกันใหม่ในรีวิวหน้า และทุกท่านสามารถเข้าไปพบปะพูดคุยเรื่องราวของการกินและเที่ยวของผมกับต๋งแบบใกล้ชิดที่เพจ “ภรรยาหา สามีใช้” ได้เลยครับ สวัสดีครับ
หมายเหตุ : บทความนี้เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวของผมในวันที่ไปใช้บริการเท่านั้นครับ แต่ละท่านที่ได้มีโอกาสไปใช้บริการอาจจะได้รับการบริการที่แตกต่างจากนี้ออกไป