คุณเคยรู้สึกเบื่อมั้ย? เวลาที่อยากจะกินซูชิดีๆ อร่อยๆ แล้วต้องไปเสียเวลาต่อแถวรอคิวที่หน้าร้านนานๆ
คุณเคยรู้สึกเซ็งมั้ย? ที่เวลากินอาหารเสร็จแล้วตอนจ่ายเงิน มันดันมี Vat และ Service Charge โผล่ขึ้นมาอีก
คุณเคยรู้สึกหงุดหงิดมั้ย? เวลาที่นั่งกินซูชิอยู่ในร้านแล้วที่นั่งไม่สบาย พนักงานบริการไม่ดี หรือต้องรีบกินเพราะคนรอต่อคิวที่หน้าร้านเยอะแยะมากมาย พร้อมด้วยสายตาพิฆาตที่จ้องมาทางเราว่าจงรีบอิ่มๆ
และคุณเคยรู้สึกเสียดายเงินมั้ย? เวลาที่ไปซื้อซูชิที่ทำสำเร็จข้างทางหรือตาม Supermarket แล้วกลับไปกินที่บ้านและพบว่ามันไม่อร่อย!! เสียดายเงินสุดๆๆๆๆ
ปัญหาเหล่านี้จะหมดไป เพียงคุณได้รู้จักกับร้านนี้ครับ!! Naeki Sushi
Disclosure : บทความนี้ได้รับการสนับสนุนจากผู้ให้บริการ แต่ทั้งนี้ความเห็นต่างๆ ที่เกิดขึ้นเป็นความรู้สึกจริงของผมครับ
Naeki Sushi เป็นร้านซูชิที่วางตัวใน Position ที่ไม่ค่อยเหมือนใคร ด้วยการตั้งตัวเป็นร้านพรีเมี่ยมซูชิที่จำหน่ายเฉพาะซื้อกลับบ้าน หรือ Take away เท่านั้น!! โดยมีจุดขายที่สำคัญก็คือใหญ่ เยอะ อิ่ม คุณภาพดี แถมสดใหม่ ไม่ทำทิ้งไว้นานครับ
ความหมายของคำว่า Naeki ในภาษาญี่ปุ่นนั้นหมายความว่า “เมล็ดพืชเล็กๆ ที่จะเติบโตกลายเป็นต้นไม้ใหญ่” ครับ โดยปัจจุบันนี้ Naeki Sushi มีอยู่ทั้งหมด 3 สาขาด้วยกันคือ สาขาออลซีซันส์ ถนนวิทยุ, สาขาปาร์คเวนเจอร์ เพลินจิต และสาขา BTS สยามครับ จะเห็นได้ว่าทั้ง 3 สาขานี้อยู่ในทำเลที่เป็นย่านคนทำงานและต้องการอะไรที่เร่งรีบ หรืออะไรที่ช่วยประหยัดเวลาของเค้านั่นเองครับ ประมาณว่าเป็นกลุ่มคนที่อยากรีบซื้อ รีบกลับไปนั่งกินชิวๆ ที่บ้าน แต่ขอเถอะนะ ขออะไรที่มันอร่อยๆ หน่อย จะได้รู้สึกช่วยบรรเทาความเครียดจากการทำงานตลอดทั้งวันลงได้ครับ
และสำหรับวันนี้ผมจะพาทุกท่านไปลองชิมซูชิของร้านนี้ที่สาขา BTS สยามนะครับ โดยตำแหน่งที่ตั้งของสาขานี้จะอยู่ตรง BTS สยาม ฝั่งที่เชื่อมกับ Siam Paragon ด้าน Siam Ocean World นะครับ หน้าตาร้านก็จะประมาณนี้ครับ
naeki-sushi-2
ขนาดของร้านไม่ใหญ่มาก แต่หาไม่ยากครับ ที่หน้าร้านจะมีป้ายเมนูพร้อมราคา และก็จอ TV ที่โชว์ภาพอาหารน่ากินๆ แบบนี้วนไปมาครับ
naeki-sushi-3.naeki-sushi-4
ตัวร้านจะแบ่งออกเป็นโซนง่ายๆ ดังนี้ครับ
  1. โซนทำอาหาร
  2. โซนเลือกซื้อของ
  3. โซนจ่ายเงิน
โดยโซนทำอาหารนั้น เราจะไม่สามารถเดินเข้าไปได้ แต่เราจะสามารถมองเห็นเชฟหน้าตาดียืนทำอาหารกันอย่างขยันขันแข็ง มือไม้เป็นระวิง ไม่หยุดไม่หย่อนแบบนี้ได้ครับ
naeki-sushi-5
naeki-sushi-6
naeki-sushi-7
โซนที่สองก็จะเป็นโซนเลือกซื้อของครับ โดยจะมีชั้นที่วางซูชิและเมนูต่างๆ ที่พึ่งทำเสร็จใหม่ๆ ตั้งอยู่ครับ เมนูก็มีหลากหลายมากครับ ที่สำคัญคือเหมือนชั้นมันไม่เคยจะวางอาหารเต็มซักที เพราะพอพนักงานนำอาหารใหม่มาวางเติม คนที่เดินผ่านไปผ่านมาก็เข้ามาเลือกซื้อหยิบแล้วจ่ายเงินออกไปด้วยความรวดเร็วครับ ก็เรียกได้ว่าซูชิของที่นี่ก็เลยกลายเป็นซูชิที่ทำสดใหม่ทุกชั่วโมงตามที่ทางร้านตั้งใจไว้เลยครับ
สำหรับใครที่มีปัญหาเรื่องการหาเมนูที่ตัวเองต้องการไม่เจอ หรือสงสัยอะไรต่างๆ ก็ให้มองหาพนักงานที่ใส่เสื้อกั๊กดำๆ และติดเข็ดกลัดของทางร้านไว้นะครับ เค้าจะยืนอยู่แถวๆ ชั้นวางอาหารนี่แหละครับ มีอะไรเค้าช่วยเราได้ครับ
naeki-sushi-8
naeki-sushi-9
naeki-sushi-10
สำหรับโซนที่ 3 ก็คือโซนจ่ายเงินครับ โซนนี้ก็ไม่ยากอะไร เพียงแค่เรายื่นอาหารที่เราเลือกมา เดี๋ยวเค้าก็คิดเงินให้เรา แป๊บเดียวเสร็จครับ
naeki-sushi-11
เอาล่ะครับ สำรวจร้านครบถ้วนแล้ว ต่อไปเราไปดูอาหารกันดีกว่าครับว่าหน้าตาจะเป็นอย่างไร ราคาเท่าไหร่ แล้วคุณภาพจะดีสมกับที่เรียกตัวเองว่า Sushi Premium มั้ย เพราะที่ผ่านๆ มา ผมก็ยังไม่เคยกิน Sushi Take Away แล้วรู้สึกประทับใจมาก่อนเลยครับ
โดยจากที่ผมลองดูๆ ในชั้นวางอาหารก็พบว่าที่ร้านนี้มีรายการอาหารหลายประเภทเลยครับ ทั้งซูชิ, ข้าวหน้าปลาไหล, ข้าวหน้าปลาแซลมอน, ยำสาหร่าย และก็ข้าวปั้นสามเหลี่ยม (โอนิกิริ) ครับ ซึ่งตัว Sushi นั้นมีหลายแบบ หลาย Set มากตั้งแต่ Set ละ 100 กว่าบาท จนไปถึง Set ละ 400 กว่าบาทครับ
naeki-sushi-12
naeki-sushi-13
naeki-sushi-14
naeki-sushi-15
ส่วนตัวเครื่องดื่มและน้ำซุปนั้น เราสามารถสั่งได้ที่ตรงบริเวณคิดเงินเพิ่มได้เลยครับ โดยเจ้าเครื่องดื่มของที่นี่จะชื่อว่า Matcha Honey Lemon เป็นชาเขียวน้ำผึ้งมะนาว ราคาแก้วละ 55 บาทครับ สำหรับรสชาติของน้ำแก้วนี้จะไม่ได้เหมือนกับพวกโออิชิ อิชิตันอะไรนะครับ แต่ออกจะเหมือนเป็นน้ำผึ้งมะนาวเป็นหลักและก็มีชาปนอยู่แบบจางๆ มากกว่าครับ
naeki-sushi-16
และหลังจากที่ผมเดินด้อมๆ มองๆ ดูอยู่ที่หน้าร้านราวๆ 5 นาที ผมก็ได้เมนูอาหารที่จะไปทดลองชิมตามภาพนี้ครับ
.
.
.
พอหยิบเสร็จแล้วเอามาวางบนโต๊ะรวมๆ กันนี่ ผมก็คิดนะครับว่า เฮ้ย!!!….จะกินหมดเหรอเนี่ยยยยย มันแอบเยอะไป เหมือนกันนะ @_@
naeki-sushi-17
naeki-sushi-18
มาเริ่มดูกันทีละรายการดีกว่าครับ เริ่มจาก Set ที่ทางร้านภูมิใจนำเสนอและบอกว่าเป็น Signature ของร้าน ใครผ่านไปผ่านมาควรต้องลอง นั่นคือ Salmon Duo Set เซ็ทซูชิที่มีจำนวน 6 ชิ้น แบ่งเป็นซูมิแซลมอน 3 ชิ้น และ ซูมิแซลมอนกริลล์อีก 3 ชิ้นครับ โดยราคาของเมนูนี้คือ 260 บาทครับ เป็นราคา Net แล้วไม่มี Vat และ Service Charge นะครับ เฉลี่ยแล้วก็ตกราวๆ ชิ้นละ 43 บาทครับ
naeki-sushi-19
โดยส่วนตัวผมค่อนข้างประทับใจกับหน้าตาของซูชิ ลายของเนื้อปลา และก็แพคเกจจิ้งที่ทางร้านใส่มานะครับ ตัวแพคเกจจิ้งมันดูสวยและมีราคามาก โดยเฉพาะตัวถาดที่มีการพิมพ์ลวดลายคล้ายไม้ ที่สำคัญนอกจากฝาพลาสติกของมันจะปิดล็อคแน่นสนิทกับตัวฐานแล้ว มันยังสามารถกลับด้านฝามารองที่ถาดเพื่อทำให้ตัวถาดสูงขึ้นได้อีกด้วยครับ
naeki-sushi-20
อ้อ……ผมลืมบอกไปครับ สำหรับสถานที่ที่ผมถ่ายภาพอาหารเซ็ทนี้นั้นก็คือบริเวณศูนย์อาหารชั้นล่างของ Siam Paragon นั่นเองครับ ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากร้านมากนักครับ โดยทางร้านได้ให้อุปกรณ์ในถุงมาครบครันเลยครับทั้งตะเกียบ, ทิชชู่, ถ้วยน้ำจิ้ม, วาซาบิ, โชยุ และขิงดองครับ ก็เรียกได้ว่าซื้อเสร็จแล้วถ้าเราหิวตรงไหนก็สามารถแกะกล่องแล้วนั่งโซ้ยได้เลยครับ
naeki-sushi-21
เอาล่ะครับ…….มาดูดีกว่าว่า ซูชิแซลมอน 6 ชิ้นนี้ รสชาติจะเป็นยังไงบ้างครับ โดยรวมๆ ต้องบอกว่าขนาดของซูชิค่อนข้างใหญ่มากครับ ใหญ่ขนาดที่ว่าโดยปกติที่ผ่านมาผมเป็นคนที่สามารถทานซูชิหมดได้ในคำเดียวมาตลอด แต่พอมาเจอชิ้นนี้เข้าไปก็เกือบจะยัดเข้าปากไม่หมดในคำแรกครับ และคำถัดๆ มาผมก็เลยต้องยอมแบ่งครึ่งเพื่อให้ไม่ทรมานปากตัวเองจนเกินไปครับ
ขนาดของซูชิที่ใหญ่นี้ ต้องบอกตามตรงว่าใหญ่ทั้งข้าวและปลาครับ ดูเผินๆ อาจจะดูเหมือนว่าทางร้านเน้นแต่ข้าว แต่หากแยกมองไปละเอียดๆ ที่เนื้อปลาแล้ว สำหรับซูชิราคาต่อชิ้นเท่านี้ก็ถือว่าได้เนื้อปลาแซลมอนชิ้นใหญ่พอควรแล้วครับ ที่สำคัญคุณภาพเนื้อปลาที่ได้ยังถือว่าดี อร่อยมากด้วยครับ สามารถท้าชนกับร้านดังๆ หลายร้านได้เลยครับ โดยตัวผมและภรรยานั้นประทับใจทั้งแบบแซลมอนธรรมดาและแบบกริลล์เลยครับ
อ้อ….สำหรับ คนที่คิดว่าเซ็ท 6 ชิ้นมันเยอะไป หรือแพงไป ทางร้านเค้ามี Set แบบ mini 4 ชิ้นต่อกล่องขายด้วยนะครับ โดยราคาก็แค่ 180 บาท/กล่องเท่านั้น หรือตกแล้วก็ชิ้นละ 45 บาทครับ (แพงกว่ากินแบบ 6 ชิ้นนิดหน่อยครับ)
naeki-sushi-22naeki-sushi-24
ทีนี้มาต่อกันที่แซลมอนซาชิมิ เมนูที่หลายคนชอบทานกันดีกว่าครับ กล่องนี้จะได้แซลมอนซาชิมิ 6 ชิ้น ราคากล่องละ 260 บาทครับ เนื้อแซลมอนลายสวย รสชาติดีครับ
สำหรับคนที่ชอบทาน Salmon sashimi บ่อยๆ ก็คงเทียบเมนูรายการนี้กับร้าน Sushi Hiro ซึ่งค่อนข้างโด่งดังในเมนูนี้ครับ และก็ต้องยอมรับว่าราคากล่องนี้ของ Naeki จะสูงกว่าครับ แต่สิ่งที่เราจะได้นั่นคือ ความสะดวก รวดเร็ว ไม่ต้องเสียเวลารอคิวนานครับ ที่สำคัญคุณภาพดีไม่แพ้กันแน่นอนครับ
naeki-sushi-25
naeki-sushi-26
naeki-sushi-27
ตอนนี้เราเบรกจากพวกแซลมอนแล้วมาดูอย่างอื่นกันดีกว่าครับกับ Sushi Set C1 ซึ่งมีซูชิหลากหลายหน้ารวมกันถึง 10 ชิ้นด้วยกัน ในราคา 420 บาทครับ
naeki-sushi-28
naeki-sushi-29
naeki-sushi-30
naeki-sushi-31
โดยรวมคุณภาพของ Set นี้ดีมากครับ ขนาดคำใหญ่มาก สามารถกินเซ็ทเดียวแล้วอิ่มแน่นได้เลย และผมมั่นใจว่าผู้หญิงหลายๆ ท่าน ทานไม่หมดแน่นอนครับ
สำหรับสิ่งที่ผมประทับใจที่สุดใน Set นี้ก็คือความสดของเนื้อ โดยเฉพาะตัวไข่ปลาแซลมอนครับ สด แตกเด้งในปากดีมากครับ
naeki-sushi-32
naeki-sushi-33
ต่อกันที่ Set California Maki ครับ โดยในกล่องจะมีเจ้า California Maki ขนาดใหญ่มากให้เราทาน 5 ชิ้นครับ ต้องบอกว่าขนาดใหญ่มากจริงๆ ผมกล้ารับประกันเลยว่ากินคำเดียวไม่หมดแน่นอน @_@
สำหรับไส้ตรงกลางนั้นจะมีทั้งแซลมอน, ไข่หวาน, ปูอัดแล้วก็พวกผักนิดหน่อยครับ
naeki-sushi-34
naeki-sushi-35
naeki-sushi-36
ทีนี้เรากลับมาที่แซลมอนกันอีกครั้งดีกว่าครับ แต่ครั้งนี้จะไม่ได้มาแค่แซลมอนอย่างเดียวเพราะว่ามันมีไข่แซลมอนมาด้วยครับกับเมนู Salmon Donburi หรือข้าวหน้าปลาแซลมอนครับ กล่องนี้ราคา 300 บาทนะครับ
ภายในกล่องเราจะได้เนื้อแซลมอนสวยๆ คุณภาพดีๆ โปะมาบนข้าวจำนวน 6-7 ชิ้นด้วยกัน โดยจะมีไข่แซลมอนโรยมาข้างบน และบริเวณด้านล่างของเนื้อแซลมอนก็จะมีสาหร่ายญี่ปุ่นด้วยครับ จานนี้ได้ปริมาณมาเยอะใช้ได้ สามารถกินอิ่มได้โดยไม่ต้องหาอะไรมาตบท้ายอีกครับ
naeki-sushi-37
naeki-sushi-38
naeki-sushi-39
naeki-sushi-40
ต่อกันที่ข้าวปั้นสามเหลี่ยมหรือโอนิกิริครับ ราคาชิ้นละ 45 บาท ขนาดพอดีๆ กับฝ่ามือครับ โดยที่ร้านจะมีทั้งหมด 7 ไส้ด้วยกัน แต่ผมได้ลอง 3 ไส้นะครับ ได้แก่ แซลมอนย่างเกลือ, ปลาชิราสึ แล้วก็แซลมอนเทอริยากิครับ
และเนื่องจากเมนูอาหารประเภทนี้ภรรยาผมเธอชอบทานมาก เวลาไปญี่ปุ่นก็มักจะซื้อทานบ่อยๆ หรือถ้าอยู่ไทยเวลาผ่านพวก Lawson ก็จะแวะซื้อครับ แต่สำหรับตัวผมคิดว่ามันเน้นข้าวมากไป เลยไม่ค่อยชอบทานเท่าไหร่ ดังนั้นเมนูนี้ผมจึงยกหน้าที่ให้เธอทยอยๆ ลองชิมในวันอื่นๆ เพราะมันสามารถเก็บไว้ข้ามวันได้โดยที่รสชาติไม่เปลี่ยนไปมากครับ
และผลสรุปที่ได้คือเธอค่อนข้างประทับใจครับ ตัวไส้ที่ให้มานั้นถือว่าเยอะกว่าหลายๆ ที่ที่เคยทานครับ เพราะบางที่ยัดไส้มาแค่ตรงกลางอย่างเดียว แต่นี่ตรงขอบๆ ก็สามารถมองเห็นไส้ได้ครับ ส่วนปริมาณของ 1 ชิ้นนั้น สำหรับผู้หญิงกินรองท้อง หรือกินเป็นอาหารเช้าเบาๆ ระหว่างขับรถไปทำงานก็ถือว่ากำลังดีครับ
อ้อ…สำหรับคนที่ไม่ชอบทานข้าวปั้นสามเหลี่ยมเพราะคิดว่ามันจืดไปนั้น ทางร้านเค้าได้มีการจำหน่ายตัวช่วยอย่าง “ไข่ปลาชีสดิป” ด้วยนะครับ ราคาถ้วยละ 45 บาท โดยรสชาตินั้นผมบอกไม่ถูก มันค่อนข้างจะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวไม่เหมือนซอสดิปอื่นๆ ที่ผมเคยทานมาครับ รสเด่นที่สุดที่พอจะบรรยายได้ก็คือรสชีสและออกเค็มครับ ดังนั้นใครที่ไม่ชอบทานอะไรที่เค็มมาก ควรจะจิ้มทีละน้อยๆ อย่าพึ่งจิ้มพรวดในครั้งแรกครับ แต่ถ้าใครชิมแล้วชอบ นี่แหละคือสิ่งที่ใช่ ก็จิ้มลงไปเยอะๆ ได้เลยครับ
naeki-sushi-41
naeki-sushi-42
naeki-sushi-43
naeki-sushi-44
เอาล่ะครับ ตอนนี้เราก็มาถึงเมนูสุดท้ายกันแล้วครับ นั่นก็คือซุปครับ โดยทางร้านจะมีซุป 2 แบบคือ Dashi (ซุปปลาแห้ง) กับ Miso ครับ
ตัว Dashi จะราคา 30 บาทครับ ส่วน Miso จะราคา 40 บาทครับ โดยผมได้ลองทาน Dashi นะครับ รสชาติจะออกเค็มๆ หน่อยครับ สำหรับตัวแพคเกจจิ้งที่ใส่ซุปของร้านนี้นั้นผมว่าเก๋ดีนะครับ เพราะมันก็คือแก้วกาแฟที่ขนาดพอดีมือ ทำให้เราสามารถยกซดทานตอนไหนก็ได้ แถมไม่หกเลอะเทอะด้วยครับ
สำหรับในเรื่องของราคาผมว่ารายการนี้ราคาสูงไปหน่อยครับ น่าจะลดลงมาต่ำกว่านี้ซัก 5-10 บาทครับ ถือว่าเป็นการ Service ลูกค้า เพราะซุปประเภทนี้ก็เป็นอะไรที่ไม่ใช่คนทั่วๆ ไปจะเดินมาซื้อไปทานเล่นๆ อยู่แล้วครับ คนส่วนมากที่ทานก็เป็นคนที่มาซื้ออาหารที่ร้านนั่นแหละครับ
naeki-sushi-45
naeki-sushi-46
เอาล่ะครับ มาถึงตรงนี้ก็ต้องบอกเลยว่าท้องผมนั้นอัดแน่นจนพร้อมจะระเบิดได้แล้ว ดังนั้น ผมจะขออนุญาตสรุปตอนจบเลยแล้วกันนะครับ โดยผมจะขอแยกรายละเอียดในแต่ละหัวข้อดังนี้ครับ
รสชาติอาหาร : โดยรวมๆ รสชาติอาหารประเภทต่างๆ ที่ผมได้ลองทานถือว่ามีคุณภาพที่ดีเลยครับ สมกับที่ทางร้านวางตัวเองไว้เป็น Premium Sushi เพราะคุณภาพเนื้อปลาสามารถชนกับร้านดังๆ ในตลาดตอนนี้ได้เลยครับ
ความหลากหลายของอาหาร : อาหารหลักๆ ของทางร้านจะเน้นที่ซูชิเป็นหลัก และมีข้าวหน้าต่างๆ กับข้าวปั้นสามเหลี่ยมเป็นตัวประกอบ โดยซูชินั้นจะมีให้เลือกหลากหลายเซ็ท หลากหลายราคาเพื่อให้เหมาะกับกำลังทรัพย์และความต้องการของแต่ละคนครับ ดังนั้นใครที่ชอบทานพวกซูชิหรือข้าวหน้าปลาแซลมอน ข้าวหน้าปลาไหล น่าจะสามารถหาเมนูที่ถูกใจได้ไม่ยากครับ
ความสะอาดของร้าน : ไม่มีปัญหาอะไรในข้อนี้ครับ สะอาด ดูดีครับ และเนื่องจากเป็นร้านที่ขายแบบ Take away อย่างเดียวจึงไม่มีปัญหาอะไรที่มาต้องกังวลเรื่องเศษอาหารต่างๆ ครับ
การบริการของพนักงาน : ทั้งพนักงานที่หน้าชั้นวางอาหาร พนักงานคิดเงิน ยิ้มแย้มแจ่มใส่ เอาใจใส่ดี บริการรวดเร็วดีครับ
ความสะดวกของการเดินทาง : ตำแหน่งทำเลทั้งตั้งของสาขา BTS สยามนั้นก็ถือว่าสะดวกและเหมาะสมกับคนที่ใช้บริการรถ BTS ที่สถานีนี้เป็นอย่างมากครับ เพราะสามารถที่จะหาซื้อได้ง่ายๆ ทั้งก่อนขึ้นหรือตอนออกมาก็ได้ครับ เพียงแค่เราออกให้ถูกฝั่งเท่านั้นเองครับ ส่วนคนที่ขับรถมาธุระแถวนี้แล้วจอดรถที่สยามพารากอนนั้น หากอยากจะลองชิมดูก็ถือว่าสะดวกใช้ได้เลยเพราะเดินออกจากสยามพารากอนไม่กี่ก้าวก็ถึงหน้าร้านแล้วครับ
ความคุ้มค่า : ถ้ามองแค่ว่ามันคือซูชิ Take away ข้างทาง แบรนด์อะไรไม่รู้จัก และตัดสินจากราคาที่เห็นก็อาจจะคิดว่าทำไมร้านนี้วางราคาไว้สูงจัง แต่หากได้มีโอกาสองชิมซักครั้งจะรู้ว่านี่คือ 1 ในร้านซูชิที่มีคุณภาพที่ดี ราคาสมเหตุสมผลครับ อย่างเช่น ซูชิแซลมอน เฉลี่ยคำละ 45 บาท ก็อยู่ในเกณฑ์เดียวกับร้านดังๆ หลายร้าน (หลังจากที่ร้านพวกนั้นบวก Vat และ Service Charge) แต่สิ่งที่เราจะได้เพิ่มคือ ขนาดคำที่ใหญ่กว่าเล็กน้อย รวมทั้งความสะดวก และรวดเร็วที่สามารถซื้อทานได้เลยไม่ต้องรอคิวนานครับ
สรุป : หากคุณทำงานแถว ถ.วิทยุ, เพลินจิต หรือสยาม และโหยหาที่จะกินซูชิคุณภาพดีๆ แต่ไม่อยากจะรอคิวนาน ไม่อยากจะมานั่งปวดหัวกับราคาว่าราคาในเมนูนั้นเป็นราคา net แล้วหรือยัง หรือคุณเป็นคนที่อยากจะนั่งทานของอร่อยๆ ที่บ้าน พร้อมกับดูทีวีไปด้วย ร้าน Naeki Sushi นี่เป็นคำตอบที่ดีเลยครับ เพราะปัจจุบันนี้หาร้านขายซูชิ Take away ที่มีคุณภาพดีๆ แบบนี้ได้น้อยมากครับ ราคาโดยรวมๆ อาจจะดูสูงไปหน่อยเมื่อเทียบกับความรู้สึกเดิมๆ ของเราที่เคยคิดว่าซูชิในร้านต้องราคาแบบนี้ ซูชินอกร้านเน้น Take away ต้องราคาแบบนี้ แต่อยากให้ลองดูซักครั้งครับ แล้วจะรู้ว่า อืมมมมม……..การมาซื้อกินกับร้านแบบนี้ก็สะดวกดีนะ ปุ๊บปั๊บได้กินแล้ว แถมอร่อยไม่แพ้กันด้วยครับ
ปล. เหมือนตอนนี้ทางร้านได้มีการขยายกิจการเพิ่มเติมจากการจำหน่ายแบบ Take away เป็นแบบ delivery ด้วยครับ โดยเน้นที่โซนสยาม เพลินจิต วิทยุ ซึ่งเป็นโซนใกล้ร้านเป็นหลัก ถ้าใครสนใจก็ลองสอบถามทางร้านดูนะครับ
ก็จบลงแล้วสำหรับรีวิวนี้ ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านจนจบ แล้วพบกันใหม่ในรีวิวหน้าครับ สำหรับผู้ที่ต้องการติดตามเรื่องราวการรีวิวต่างๆ ที่รวดเร็วทันใจ สามารถกดติดตามได้ที่เพจ ภรรยาหา สามีใช้ และสำหรับท่านที่อยากจะได้ข้อมูลของร้านนี้เพิ่มเติม สามารถเข้าไปดูข้อมูลตามลิงก์ด้านล่างได้เลยครับ
Facebook : Naeki Sushi
หมายเหตุ : วันที่ผมไปใช้บริการคือวันศุกร์ที่ 2 กันยายน 2559 นะครับ
หมายเหตุ : บทความนี้เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวของผมในวันที่ไปใช้บริการเท่านั้นครับ แต่ละท่านที่ได้มีโอกาสไปใช้บริการอาจจะได้รับการบริการที่แตกต่างจากนี้ออกไป