อาหารเวียดนามโดยเฉพาะแหนมเนืองกับขนมปังลาวนั้นเป็นอีกหนึ่งประเภทอาหารที่ผมชอบทานมาก เรียกได้ว่าร้านเฟรนส์ไชส์ดังๆ ที่หลายคนรู้จักรวมไปถึงร้านเล็กๆ ที่มีเพียงสาขาเดียวแถวละแวกบ้านผม ผมได้ทำการลองชิมมาหมดแล้วครับ และแน่นอนว่าพอผมรู้ว่ามีร้านแหนมเนืองร้านนึงเปิดใหม่แถวๆ อารีย์ และเค้าอยากได้ความเห็นจากผมว่ารสชาติอาหารของเค้านั้นเป็นอย่างไร มีอะไรต้องปรับปรุงมั้ย ผมจึงไม่รีรอรีบตอบตกลงทันทีครับ
.
.
.
แหม่ ได้รีวิวอาหารที่ตัวเองชอบทั้งที ใครจะปฏิเสธลงเนอะ ><
Disclosure : บทความนี้ได้รับการสนับสนุนจากผู้ให้บริการ แต่ทั้งนี้ความเห็นต่างๆ ที่เกิดขึ้นเป็นความรู้สึกจริงของผมครับ
และร้านแหนมเนืองที่ผมจะพาทุกคนไปรู้จักในวันนี้นั้นมีชื่อร้านว่า “โก๋ดีย์ แหนมเนือง (Kodee Namnueng)” โดยทางเจ้าของร้านนั้นได้ทำการบรี๊ฟผมสั้นๆ เพียงว่า ร้านผมนั้นตั้งอยู่แถว BTS อารีย์ เป็นร้านที่มีสูตรเด็ดมาตั้งแต่รุ่นคุณทวด และนอกจากความอร่อยของอาหารแล้ว ผมยังเน้นที่ความสะดวกสบายของลูกค้าที่สั่งแบบ Delivery หรือ Take home ด้วย พี่ลองชิมดู ชอบไม่ชอบยังไงเขียนตามจริงได้เลยครับ
.
.
.
อ๊ะ ในเมื่อร้านใจใจให้เราเขียนทุกอย่างได้ตามความเป็นจริง แถมบอกว่ามีดีที่แบบ Delivery กับ Take home งั้นวันนี้ผมก็จะขอทำการรีวิวแบบ Delivery แล้วกัน ไม่ต้องไปทานและไปถ่ายรูปที่ร้านให้ยุ่งยาก เพราะเอาจริงๆ แล้วอารีย์กับบ้านผมนั้นมันก็ไกลกันพอควร ถ้าขับรถไปกลับค่าน้ำมันก็น่าจะประมาณ 150 บาทได้ แถมยังต้องเสียเวลาและปวดหัวกับการหาที่จอดรถอีก ว่าแล้วผมก็เปิดแอพ Lineman ขึ้นมาเสิร์จชื่อร้านโก๋ดีย์ แหนมเนืองแล้วไล่อ่านรายการอาหารของเค้าทันทีครับ
หมายเหตุ : สำหรับใครที่ไม่สะดวกจะใช้แอพพลิเคชั่น Lineman ในการสั่ง Delivery ก็สามารถใช้แอพอื่นๆ สั่งได้นะครับ แต่จากที่ผมเช็คราคามา ณ วันที่ 15 พ.ค. 62 หากสั่งผ่าน Lineman ราคาอาหารในแอพกับราคาอาหารที่หน้าร้านมันจะเป็นราคาเดียวกัน ไม่มีบวกเพิ่มครับ
และนี่เป็นรายการอาหารทั้งหมดที่ทางร้านโก๋ดีย์ แหนมเนืองมีจำหน่ายผ่านทางแอพ Lineman ครับ ใครที่ไม่เคยใช้แอพนี้มาก่อนก็ลองใช้ดูนะครับ ใช้ไม่ยากเพียงแค่โหลดแอพ, ค้นหาชื่อร้าน, เลือกอาหารที่ต้องการ, เช็คราคาอาหารกับค่าจัดส่ง แล้วก็กดตกลง เพียงเท่านี้เราก็รอรับอาหารอร่อยๆ ที่หน้าบ้านได้เลยครับ
ส่วนนี่คือรายการอาหารทั้งหมดที่ผมสั่งมาทานครับ อาจจะเยอะนิดนึงสำหรับการกินสองคนนะ พอดีผมอยากชิมหลายอย่างแล้วก็เป็นอาหารประเภทที่ผมชอบทานอยู่แล้วด้วย ดังนั้นถ้าสั่งมาแล้วทานไม่หมด ผมก็สามารถเก็บไว้ทานต่อวันอื่นได้ ><
-
แหนมเนือง 1 ชุด ราคาชุดละ 299 บาท
-
อีสานเบนโตะ (Isan Bento Set) 1 กล่อง ราคากล่องละ 89 บาท
-
ปังลาวส์ 3 กล่อง ราคากล่องละ 59 บาท (รวม 3 กล่อง ราคา 177 บาท)
-
แหนมเนืองโรล 1 กล่อง ราคากล่องละ 79 บาท
-
ขนมเทียน 1 ชุด ราคาชุดละ 55 บาท
-
หมูยอหมู 1 แท่ง ราคาแท่งละ 59 บาท
-
หมูยอหนัง 1 แท่ง ราคาแท่งละ 59 บาท
รวมมูลค่าอาหารทั้งหมด 817 บาท และมีค่าจัดส่งจาก Lineman อีก 170 บาท รวมเงินที่ผมต้องจ่ายทั้งหมดในมื้อนี้คือ 987 บาทครับ
และเมื่อสั่งเสร็จแล้วเราก็แค่นั่งรอสวยๆ เดี๋ยว Lineman เค้าจะมาส่งอาหารถึงสถานที่ตามที่เราระบุไว้เอง โดยระหว่างที่เรารอนั้นเค้าจะมีการอัพเดทสถานะให้เรื่อยๆ ว่าตอนนี้อยู่ขั้นตอนไหนแล้ว ซึ่งผมว่าสะดวกดีนะ ไม่ต้องกังวลด้วยว่าเมื่อไหร่จะมาถึง มันมีเวลาให้เราดูตลอดเวลาครับ อย่างวันนี้ผมก็รอทั้งหมดประมาณ 45 นาทีนับจากเวลาที่กดสั่ง ซึ่งก็ถือว่าไม่ช้านะ เพราะจากบ้านผมไปร้านโก๋ดีย์ แหนมเนืองแค่ขับรถอย่างเดียวก็ 20-25 นาทีแล้วครับ ไหนจะต้องรออาหารแล้วก็จ่ายเงินอะไรอีก
เอาล่ะ มาดูหน้าตาอาหารกับรสชาติแต่ละรายการกันดีกว่า เริ่มจาก “แหนมเนือง” ซึ่งเป็นพระเอกของเราในวันนี้ แหนมเนืองของร้านโก๋ดีย์ แหนมเนืองนั้นเค้าระบุไว้ว่า 1 ชุดเหมาะสำหรับทาน 2-3 คน โดยรายการนี้เค้าจะมีการจัดแพคเกจจิ้งมาเป็นแบบนี้นะครับ คือ 1 ถุงผัก แล้วก็อีก 1 กล่องที่ใส่ของทุกอย่างที่เหลือ ในส่วนของผักนั้นผมว่าเค้าให้มาเยอะดีครับ
ในส่วนของกล่องที่ใส่แหนมเนืองมานั้นจะเป็นกล่องพลาสติกใสที่มีความแข็งแรงทนทานพอควรเลย เรียกว่าถ้าใครจะเอาไป Reuse ใช้งานอื่นๆ ต่อก็น่าจะได้ ที่ด้านบนของกล่องมีการแนบคู่มือการกินมาด้วย ซึ่งตรงนี้เป็นอะไรที่ผมชอบมากนะ สีสันสวยงาม ดูแสบๆ กวนๆ เหมือนชื่อร้านกับจุดขายที่บอกว่า “แหนมเนือง Original จากรุ่นทวดวัยเก๋า นำมา Urbanized ใหม่ สไตล์รุ่นเหลนวัยเกรียนส์” ใครที่มีเวลาลองเปิดอ่านดูนะครับ แล้วคุณจะรู้อะไรอีกเยอะเลย ตั้งแต่วิธีการใช้งานแพคเกจจิ้งของร้านเค้าว่าแต่ละช่องเค้าออกแบบมาให้ใส่อะไร, การแช่แป้งของเค้านั้นควรต้องแช่ทีละแผ่น แผ่นนึงประมาณ 5 วินาที และการกินแหนมเนืองให้อร่อยนั้นควรลำดับในการใส่เครื่องแต่ละส่วนอย่างไร บอกเลยว่ามันเป็นคู่มือประกอบการกินที่ดีจริงๆ เพราะถ้าเราทำถูกวิธีเราจะไม่ต้องใช้จานหรืออุปกรณ์อะไรของเราเลยครับ ใช้ของที่มีในแพคเกจจิ้งนี้ทุกอย่างจบเลย
นี่คือของทุกอย่างที่มีภายในกล่องแหนมเนืองเค้าครับ หมู, เครื่องเคียง, น้ำจิ้ม, แป้ง, น้ำแช่แป้ง, ถุงมือ, ช้อนส้อม มีมาให้หมด โดยสิ่งที่ผมประทับใจมากๆ ก็คือพึ่งจะเคยเห็นคนให้น้ำแช่แป้งมาในกล่องแหนมเนืองด้วยนี่แหละ แถมพวกแพคเกจจิ้งของซองต่างๆ นั้นยังสวย ดูดี ทนทาน และสะอาดด้วยครับ
อันนี้เป็นถุงมือพลาสติกครับ เค้าให้มาสองคู่ ใครอยากกินแบบมือไม่เปื้อนไม่ต้องล้างมืออะไรก็ใช้ถุงมือนี้ได้เลย หรือถ้าใครจะใช้ช้อนส้อมเค้าก็มีชุดช้อนส้อมพลาสติกมาให้ 2 คู่ เรียกว่าให้มาครบจริงๆ
และหลังจากที่ผมได้ลองวางของต่างๆ ตามคู่มือเค้า ผมก็พบว่าแต่ละช่องนั้นเหมือนมันถูกคิดมาแล้วเป็นอย่างดี ของส่วนใหญ่ถูกวางลงแต่ละช่องได้แทบจะพอดี ยกเว้นช่องของผักกับเครื่องเคียงที่แม้ว่าจะเป็นช่องที่มีขนาดใหญ่ที่สุดก็ตามแต่ถ้าหากเราเอาทุกอย่างเทยัดลงไปหมดมันจะไม่สามารถใส่ได้ครบครับ @_@ โดยจากที่ผมลองใส่ดูผมว่าน่าจะเหลือผักต่างๆ อยู่ด้านนอกอีกเกือบครึ่งเลย ก็เอาเป็นว่าในส่วนนี้เราทยอยวางแค่ทีละส่วนแล้วกันนะครับ ส่วนที่วางไม่หมดก็เอาไว้ในถุงก่อน พอมันพร่องแล้วค่อยเติมกันอีกที
อ้อ ในส่วนของเนื้อหมูนั้น ถ้าใครสั่งมาแล้วทานเลย หมูจะยังมีความอุ่นอยู่นะครับ แต่ถ้าใครวางทิ้งไว้นานอาจจะต้องเอาไปอุ่นใหม่นิดนึงนะ ส่วนในเรื่องของช่องใส่แผ่นแป้งนั้น อันนี้ผมขอย้ำนิดนึงครับว่าสูตรของร้านนี้เค้าบอกว่าอย่าแช่แผ่นแป้งลงไปในน้ำทั้งก้อนใหญ่ ให้เราเทเฉพาะน้ำลงไปในช่องเท่านั้น และหากเราจะทานก็ให้เราแกะแผ่นแป้งลงไปแช่ทีละแผ่น แผ่นละประมาณ 5 วินาที แผ่นแป้งเค้าจะนิ่มพร้อมรับประทานครับ
มาดูกันที่รสชาติกันบ้าง ในเรื่องของรสชาติแหนมเนืองนั้นผมว่ารสชาติดีเลย ถูกปากผมกับต๋งทั้งคู่ เนื้อหมูอร่อยดี มีมันแทรกไม่เยอะ หลายๆ คนน่าจะชอบเลย แต่ทั้งนี้รสชาติโดยรวมของเค้าจะออกเป็นแนวกลางๆ ไม่ได้เข้มหรือมีรสโดดไปทางใดทางนึงนะครับ เรียกว่าอร่อยได้แบบกินเรื่อยๆ ส่วนคุณภาพของผักกับเครื่องเคียงต่างๆ นั้นก็ดีให้มาเยอะจุใจ ดูสะอาดสวยงามครับ
ในเรื่องของแผ่นแป้งนั้น แผ่นแป้งของเค้าจะมีความหนามากครับ หนากว่าหลายๆ ร้านที่เราคุ้นเคยกันพอควร ซึ่งแป้งหนาแบบนี้มันก็มีดีตรงขาดยากมากกกกกก ในระหว่างการกินผมไม่เจอแผ่นแป้งที่ขาดเลย แต่ข้อเสียของมันก็คือเวลาที่เรากินเราจะโดนรสชาติของแผ่นแป้งกลบรสอื่นไปพอควร ดังนั้นเราต้องใส่เครื่องและน้ำจิ้มต่างๆ ลงไปเยอะกว่าปกติ ค่อยจะได้รสชาติแบบที่เราต้องการเหมือนเวลาที่เรากินที่ร้านอื่นๆ ครับ
โดยรวมๆ แล้วต้องบอกว่าผมประทับใจกับแหนมเนืองชุดนี้นะครับ เพราะถึงแม้ราคาต่อชุดจะสูงกว่าหลายๆ ร้าน แต่ปริมาณที่ได้นั้นก็เยอะกว่า โดยผมสามารถแบ่งแหนมเนืองชุดนี้ทานเป็น 2 มื้อได้เลย นอกจากนี้เค้ายังมีเรื่องของแพคเกจจิ้งที่สะดวกสบายต่อคนที่สั่ง Delivery หรือซื้อแบบ Take home ไปทานตามสถานที่ต่างๆ ด้วย โดยเฉพาะสถานที่ที่อาจจะไม่มีอุปกรณ์ในการทานหรือที่ล้างมือ อันนี้เป็นอะไรที่เด่นมากจริงๆ
มาต่อกันที่เมนูที่สอง “อีสานเบนโตะ (Isan Bento Set)” เมนูนี้จะเป็นชุดข้าวกล่องที่ประกอบไปด้วยหมูยอ, กุนเชียง, ไส้กรอกอีสาน, ข้าวเหนียว, ผัก แล้วก็น้ำจิ้มแจ่วอีสาน โดยในส่วนของน้ำจิ้มนี้เค้าจะมีให้เราเลือกสองอย่างคือแบบมีปลาร้ากับไม่มีปลาร้า ซึ่งวันนี้ผมเลือกเป็นแบบที่ไม่มีปลาร้าหรือที่ทางร้านเรียกว่าแจ่วหวานมาครับ
หน้าตาของกล่องดูดี อัดแน่นมาด้วยอาหารประเภทต่างๆ เต็มเอี๊ยด ส่วนน้ำจิ้มแจ่วอีสานนั้นจะถูกแยกมานอกกล่อง โดยในเรื่องของรสชาตินั้นผมว่ารสชาติโอเคเลยโดยเฉพาะหมูยอกับกุนเชียง ส่วนไส้กรอกอีสานนั้นผมว่ามันขาดความเปรี้ยวไปหน่อยครับ ทำให้ขาดเอกลักษณ์ของไส้กรอกอีสานที่ผมคุ้นเคยไปพอควร
นี่เป็นหน้าตาของน้ำจิ้มแจ่วอีสานครับ อันนี้เด็ดเลยแหละ อร่อยมาก มีความเผ็ดพอควร จิ้มกับหมูยอและข้าวเหนียวเข้ากันมาก ใครที่เป็นคนชอบทานอาหารอีสานอยู่แล้วน่าจะถูกใจกัน ส่วนใครที่ไม่เคยทานก็ลองทานดูนะครับ แต่ผมแนะนำให้ค่อยๆ ชิมทีละนิดพอ เผื่อไม่ชอบจะได้กลับตัวทัน ><
รายการที่ 3 “ปังลาวส์” อันนี้ต้องบอกก่อนนะครับว่าตอนแรกผมเข้าใจผิดคิดว่า 1 กล่องมี 1 ชิ้น ก็เลยจัดมา 3 กล่อง แต่กลายเป็นว่าจริงๆ แล้ว 1 กล่องมี 2 ชิ้น ทำให้ผมมีปังลาวส์รวมกันถึง 6 ชิ้นเลย แต่ไม่เป็นไรครับมันเป็นเมนูที่ผมชอบกินมากอยู่แล้ว มีเท่าไหร่ก็กินได้ ที่สำคัญมันสามารถเก็บไว้ได้นานด้วย
ในปังลาวส์แต่ละกล่องนั้นเค้าจะมีช้อนส้อมพลาสติกและซอสพริกมาให้เรียบร้อยเลย แต่ผมว่าคงไม่ค่อยมีใครใช้ช้อนส้อมกับขนมปังลักษณะนี้หรอก เพราะมันจะไม่ถนัดซักเท่าไหร่ ของแบบนี้มันต้องใช้มือกินเท่านั้น ><
ขนาดของปังส์ลาวแต่ละชิ้นนั้นถือว่าใหญ่พอควรครับ หลายๆ คนทาน 2 ชิ้น 1 กล่องน่าจะอิ่มพอดีมื้อ ส่วนไส้ตรงกลางที่เค้ายัดมาในแต่ละชิ้นนั้นก็เยอะดีทั้งกุนเชียง หมูยอ และแตงกวา แต่ละชิ้นใหญ่ๆ ทั้งนั้น
ส่วนในเรื่องของรสชาตินั้น โดยส่วนตัวผมชอบนะครับ ขนมปังและไส้ที่ยัดมาอร่อยดี แต่รสชาติถ้ากินแบบเพียวๆ จะออกแนวจืดๆ กลางๆ ไปซะหน่อย ควรต้องใส่ซอสพริกเพิ่มลงไปด้วย มันถึงจะมีรสชาติที่ลงตัวขึ้นครับ
อ้อ สำหรับใครที่สั่งมาทานที่บ้านแล้วรู้สึกว่าขนมปังมันไม่ร้อน อยากจะทานแบบอุ่นๆ ก็สามารถเอาเข้าเตาอบหรือไมโครเวฟได้นะครับ แต่ถ้าใครเอาเข้าไมโครเวฟก็ต้องระวังนิดนึงว่าอย่าเอาเข้านานไปไม่งั้นเดี๋ยวขนมปังมันจะเหนียวได้ โดยจากที่ผมได้ลองเอาไปเวฟมาผมว่ารสชาติที่ได้มันดีขึ้นนะ โดยเฉพาะพวกไส้ตรงกลางมันดูหยาดเยิ้มน่ากินกว่าเดิมมากเลย ><
เมนูที่สี่ “แหนมเนืองโรล” อันนี้ถ้าพูดตรงๆ มันก็คือแหนมเนืองสำเร็จรูปล่ะครับ โดยเมนูนี้ทางร้านเค้าจะมีการห่อแหนมเนืองเป็นคำๆ ไว้ให้เราเรียบร้อยแล้ว พร้อมทั้งมีกระปุกใส่น้ำจิ้มขนาดเล็กมาให้ด้วย ในเรื่องของรสชาติก็เหมือนกับแหนมเนืองชุดใหญ่นั่นแหละครับ แต่ในเรื่องของราคานั้นผมว่าแอบสูงไปนิด 9 คำ 79 บาท มันเลยน่าจะเหมาะสำหรับคนที่อยากจะกินแหนมเนืองแต่ไม่มีเพื่อนกินด้วย หรือเป็นคนที่ต้องการความสะดวกสบายสุดๆ ซื้อปั๊บกินได้เลย ไม่ต้องเสียเวลาทำอะไรทั้งนั้น เพราะถ้าเป็นกรณีอื่นๆ แล้วผมว่ากัดฟันซื้อชุดปกติ 299 บาทเถอะครับ คุ้มและได้เยอะกว่ากันมาก
เมนูที่ห้า “ขนมเทียน” ผมขอคั่นรายการด้วยของหวานเล็กน้อยนะครับ โดยรายการของหวานของร้านโก๋ดีย์ แหนมเนืองนั้น โดยปกติจะมีอยู่ 2 อย่าง คือ กล้วยเบรกแตกกับขนมเทียน แต่วันที่ผมสั่งนั้นกล้วยเบรกแตกมันหมดพอดี ผมเลยจัดขนมเทียนมาแทน โดยขนมเทียนของเค้านั้น 1 กล่องจะมีทั้งหมด 5 ชิ้น ราคากล่องละ 55 บาท ส่วนรสชาตินั้นดีเลยครับ มีความกลมกล่อมและเผ็ดเล็กๆ และในส่วนของแป้งนั้นก็มีความเหนียวนุ่มดี
ในส่วนของเมนูที่หกและเจ็ดนั้นผมขอพูดรวมกันเลยนะครับ เพราะมันคือ “หมูยอหมู” และ “หมูยอหนัง” โดยทั้งสองเมนูนี้จะมีราคาที่เท่ากันเลยคือ 59 บาทต่อแท่ง รวมทั้งมีขนาดแท่งเท่ากันด้วย
อันนี้เป็นขนาดแท่งภายนอกก่อนที่จะหั่นเทียบกับฝ่ามือผมครับ ขนาดเต็มไม้เต็มมือเลย
และนี่คือภาพของหมูยอทั้งสองแท่งที่ถูกหั่นเรียบร้อยแล้วครับ โดยถึงแม้ความหนาของใบตองจะค่อนข้างมากก็ตามแต่ปริมาณเนื้อของหมูยอที่ได้ก็ถือว่าเยอะอยู่ โดยถ้าเทียบแล้วผมว่าหมูยอ 1 แท่งของร้านโก๋ดีย์ แหนมเนืองนั้นน่าจะได้ปริมาณของเนื้อที่มากกว่าหมูยอไซส์กลางที่ขายตามห้างอยู่หน่อยๆ ครับ
รสชาติของหมูยอทั้งสองประเภทนั้นผมว่าดีทั้งคู่เลยครับ โดยเค้ามีการใส่พริกไทยผสมลงมาทั้งสองแบบเลย ส่วนปริมาณหนังในหมูยอหนังก็ให้มาเยอะดี แต่ทั้งนี้โดยรวมๆ แล้วผมว่าร้านโก๋ดีย์ แหนมเนืองดูจะเน้นที่การปรุงอาหารออกมาให้มีรสชาติกลางๆ กินได้เรื่อยเป็นหลัก คืออาหารแต่ละอย่างจะมีสีสันหรือรสชาติอะไรโผล่มาบ้าง แต่จะไม่เด่นหรือโดดเด้งออกมาเว่อร์ อย่างเช่นพริกไทยในหมูยอนี้ก็จะใส่ในสัดส่วนที่ทำให้เรากินแล้วรับรู้รสชาตินิดๆ แต่ไม่ถึงขั้นสูดปากซี้ดอะไรแบบนี้ครับ
ใครที่เป็นคนชอบทานอะไรที่รสชาติไม่จัดมาก น่าจะถูกใจกับรสชาติอาหารของร้านนี้ครับ
และทั้งหมดนี้ก็คือประสบการณ์ของผมหลังจากที่ได้มีโอกาสสั่งอาหาร Delivery จากร้านโก๋ดีย์ แหนมเนือง (Kodee Namnueng) มารับประทานครับ และเพื่อให้ทุกคนเห็นภาพมากขึ้นผมก็ขอสรุปรีวิวนี้ออกมาเป็นหัวข้อต่างๆ ตามนี้นะครับ
วันที่รับประทาน : วันพุธที่ 15 พฤษภาคม 2562
จำนวน : 2 คน
รสชาติอาหาร : รสชาติอาหารทั้งหมดที่ผมสั่งมาทานในวันนี้ผมว่าอยู่ในเกณฑ์ดีทั้งหมดนะครับ อาหารทุกรายการรสชาติถูกปากผมกับต๋ง แต่ทั้งนี้ถ้าจะบรรยายให้ทุกคนเห็นภาพที่สุดผมว่ารสชาติอาหารของร้านนี้จะเป็นแนวกลางๆ กลมกล่อม ไม่จัดจ้านมาก ในส่วนของอาหารที่มีหมูเป็นส่วนประกอบก็จะไม่เน้นมัน ส่วนพวกน้ำจิ้มก็จะไม่เผ็ดหรือหวานจนเกินไป เรียกว่าคนที่ชอบทานอะไรที่เป็นอาหารอร่อยสายกลาง ไม่เน้นรสชาติใดรสชาตินึงเป็นพิเศษ น่าจะถูกจริตกับอาหารร้านนี้ครับ
ความหลากหลายของอาหาร : ด้วยความที่เค้าเป็นร้านอาหารเวียดนาม และผมเข้าใจว่าขนาดของร้านของเค้าน่าจะไม่ได้ใหญ่มาก ดังนั้นประเภทอาหารที่เค้ามีให้บริการ ณ ตอนนี้จึงไม่ได้มีอะไรที่หลากหลายมากครับ เช่น ถ้าใครอยากจะกินก๋วยจั๋บ, ขนมเบื้องญวน, ปอเปี๊ยะ อะไรพวกนี้เค้ายังไม่มีให้บริการครับ เมนูเด่นๆ ตอนนี้ก็จะเน้นไปที่แหนมเนือง, ปังลาวส์ แล้วก็หมูยอเป็นหลัก ดังนั้นเรื่องนี้ผมให้คะแนนระดับกลางๆ เท่านั้นพอนะครับ
ความคุ้มค่า : ถ้าดูเผินๆ ราคาอาหารบางรายการของร้านโก๋ดีย์ แหนมเนืองนั้นจะสูงกว่าหลายๆ เจ้าในตลาดโดยเฉพาะราคาของแหนมเนือง แต่ทั้งนี้ก็มีบางเมนูเหมือนกันที่ร้านนี้ทำได้ดีกว่าร้านอื่นๆ เช่น หมูยอ, หมูยอหนัง ดังนั้นโดยรวมๆ แล้วในเรื่องของราคานั้นทางร้านโก๋ดีย์ แหนมเนืองก็ทำได้ดีระดับหนึ่งเลยครับ ส่วนในเรื่องราคาของแหนมเนืองที่สูงกว่าเจ้าอื่นๆ ผมมองออกเป็นสองประเด็นดังนี้ ประเด็นแรกคือเรื่องปริมาณของอาหารที่ผมว่าทางร้านโก๋ดีย์ แหนมเนืองก็ได้ให้ปริมาณที่เยอะกว่าคนอื่นทั้งปริมาณของหมูและผัก ส่วนประเด็นที่สองคือทางร้านโก๋ดีย์ แหนมเนือง เค้าได้ให้ความสำคัญที่แพคเกจจิ้งและความสะดวกสบายของคนที่สั่งแบบ Delivery ด้วย โดยเฉพาะคนที่สั่งไปทานตามสถานที่ต่างๆ ที่อุปกรณ์ไม่พร้อมนั้น แพคเกจจิ้งของร้านโก๋ดีย์ แหนมเนืองถือว่าตอบโจทย์มากครับ กินเสร็จแล้วทิ้งได้ทันที ไม่ต้องล้างไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น ซึ่งตรงนี้เป็นอะไรที่เด่นและเหนือกว่าคู่แข่งมาก ดังนั้นเมื่อมองถึงสองประเด็นนี้รวมไปกับเรื่องรสชาติอาหารกับวัตถุดิบแล้ว ผมว่าความคุ้มค่าของอาหารร้านนี้อยู่ในเกณฑ์ปานกลาง และถือว่าไม่แพง
สรุป : เอาง่ายๆ เลยสำหรับผม หากใครที่กำลังจะหาร้านแหนมเนืองใหม่ๆ ทานเพราะเบื่อเจ้าเดิมๆ ในตลาด หรือเป็นคนที่กำลังมองหาร้านแหนมเนืองที่มีรสชาติดี เหมาะมากสำหรับการสั่ง Delivery หรือซื้อ Take home ไปทานตามสถานที่ต่างๆ โดยเฉพาะสถานที่ที่มีอุปกรณ์ไม่พร้อม ขาดจานชามช้อนส้อม หรือแม้กระทั่งน้ำเปล่าแช่แป้ง ร้านโก๋ดีย์ แหนมเนือง สามารถตอบโจทย์คุณได้แทบจะ 100% เลย รับรองว่าคุณจะต้องประทับใจกับแพคเกจจิ้งและความสะดวกสบายของเค้าครับ เพราะคุณจะสามารถทานอาหารแทบทุกอย่างของเค้าได้เลยโดยที่ไม่ต้องหาอุปกรณ์อะไรทั้งสิ้น รวมทั้งมือยังไม่เปื้อนอะไรด้วย แต่ถ้าใครที่ไม่ได้ใช้ฟังก์ชั่นนี้ คือเดินทางไปทานอาหารที่ร้านเอง ผมว่าคุณอาจจะรู้สึกไม่ประทับใจอะไรซักเท่าไหร่ครับ เพราะราคาอาหารกรณีที่เรานั่งทานที่ร้านกับการสั่งมาทานที่บ้านนั้นมันเท่ากันเลย แต่คุณจะไม่ได้ใช้ประโยชน์จากความสะดวกสบายของแพคคกิจจิ้งเค้าและเกิดการเปรียบเทียบในด้านราคาอาหารกับเจ้าอื่นแบบตรงๆ ครับ
หมายเหตุ : สำหรับรีวิวนี้ผมจะไม่ได้มีการให้คะแนนและพูดถึงเรื่องของความสะอาดของสถานที่และบรรยากาศโดยรวม, การบริการของพนักงาน และความสะดวกของการเดินทางนะครับ เพราะในวันดังกล่าวผมสั่ง Delivery มาทานที่บ้านผ่าน Lineman โดยที่ผมไม่ได้มีการติดต่ออะไรกับที่ร้านเลย
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านจนจบ และสำหรับใครที่ต้องการติดตามเรื่องราวของการกินและเที่ยวของผมอย่างใกล้ชิดก็สามารถกดติดตามได้ที่เพจ “ภรรยาหา สามีใช้” ได้เลยครับ ส่วนท่านใดที่อยากจะสอบถามข้อมูลของที่นี่เพิ่มเติมหรืออยากจะสั่งอาหารกับทางร้านก็สามารถติดต่อได้ที่ช่องทางด้านล่างนี้เลยครับ โดยร้านโก๋ดีย์ แหนมเนืองนั้นเค้าเปิดทุกวันจันทร์-เสาร์ ตั้งแต่เวลา 10.00 น.-18.30 น. และทางร้านเค้าสามารถรับ Order เราแล้วจัดส่งผ่าน Lineman ให้ได้เลยโดยที่เราไม่ต้องสั่งผ่านแอพ Lineman เองได้ด้วยครับ ใครที่สะดวกแบบไหนก็เลือกวิธีที่แต่ละคนชอบได้เลย แล้วพบกันใหม่ในรีวิวหน้า สวัสดีครับ
Line@ : @kodeefoo
Tel : 087-9199399
หมายเหตุ : บทความนี้เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวของผมในวันที่ไปใช้บริการเท่านั้นครับ แต่ละท่านที่ได้มีโอกาสไปใช้บริการอาจจะได้รับการบริการที่แตกต่างจากนี้