สำหรับพวกเราคนไทยที่อาศัยอยู่ในประเทศที่มีแค่ฝนกับความร้อน การได้ไปเจอหิมะนุ่มๆ ได้เล่นสกี, สโนว์บอร์ด หรือแม้กระทั่งการได้ปั้นหิมะเป็นรูปร่างต่างๆ แทนการปั้นด้วยทรายตามที่เราเคยเล่นกันตามชายหาด น่าจะเป็นอีกหนึ่งใน Wish List ของหลายๆ คนเลยครับ และแน่นอนว่าหลายๆ คนที่ว่านั้นก็รวมถึงผมกับต๋งด้วย เพราะที่ผ่านมานั้นเราสองคนแม้จะเคยเห็นหิมะมาบ้าง แต่ก็เป็นการมองจากที่ไกลๆ หรือไม่ก็เป็นการสัมผัสหิมะที่แห้ง แข็งตามพื้น ใกล้ละลายเต็มที่แล้ว ดังนั้นพอเรามีแผนจะไปเที่ยวฟุกุชิมะ (Fukushima) ประเทศญี่ปุ่น ในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งตรงกับช่วงฤดูหนาวของที่นั่น เราทั้งคู่จึงรีบวางโปรแกรมการเที่ยวของเราทันทีว่าจะต้องมีการไป Ski Resort ด้วยหนึ่งวัน ห้ามพลาดเด็ดขาด!!
Disclosure : บทความนี้ได้รับการสนับสนุนจากจังหวัดฟุกุชิมะ แต่ทั้งนี้ความเห็นต่างๆ ที่เกิดขึ้นเป็นความรู้สึกจริงของผมครับ



แต่หลังจากที่เราทั้งสองคนเริ่มทำการบ้านและหาข้อมูล Ski Resort ในจังหวัดฟุกุชิมะ เราก็เริ่มปวดหัว เพราะจังหวัดแห่งนี้ถือเป็นจังหวัดที่มีหิมะคุณภาพดีและมีสกีรีสอร์ทเปิดบริการอยู่มากมาย แต่ทั้งเวบและข้อมูลส่วนใหญ่ของสกีรีสอร์ทเหล่านั้นล้วนแต่เป็นภาษาญี่ปุ่นทั้งนั้น @____@
.
.
.
แต่เอาเถอะ ไม่มีอะไรยากเกินความพยายามของคนที่ตั้งใจจะไปเที่ยว เพราะในที่สุดเราก็ได้ข้อสรุปว่าเราจะวางโปรแกรมการเที่ยวของเราไปที่ Hoshino Resort Alts Bandai เพราะที่นี่สามารถตอบโจทย์ของเราได้ทั้งในเรื่องของราคา, รถรับส่ง และการมี Sled (ถาดเลื่อน) ให้เราเล่นครับ
สำหรับการเดินทางไปยัง Hoshino Resort Alts Bandai สามารถไปได้หลายวิธี ทั้งการขับรถไปเอง, Taxi หรือ การนั่งรถบัสของทางรีสอร์ท ซึ่งแน่นอนว่าสำหรับสายประหยัดและไม่ชอบขับรถอย่างเรา เราก็ต้องเลือกวิธีสุดท้ายอยู่แล้วครับ ><
โดยใครที่เลือกวิธีนั่งรถบัสอย่างเรา สิ่งที่จะต้องทำเป็นอย่างแรกก็คือเข้าไปที่ website ของ Hoshino Resort Alts Bandai ตามลิงก์นี้ https://www.alts.co.jp/en/ เพื่อทำการจองเที่ยวรถที่เราต้องการ โดยเค้าจะมีบริการรับส่งฟรีจาก 3 สถานที่นี้ ได้แก่ Koriyama, Inawashiro แล้วก็ Bandaimachi ซึ่งตัวผมเองเลือกที่จะไปรอที่สถานี Bandaimachi ครับ เพราะที่นี่อยู่ไม่ห่างจากเมือง Aizuwakamatsu ที่ผมนอน แล้วก็มีเที่ยวรถบัสหลายรอบดีครับ
หมายเหตุ : รถรับส่งจากสถานี Bandaimachi และสถานี Inawashiro จะเป็นการรับส่งฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย แต่สำหรับรถที่ไปรับส่งจากสถานี Koriyama จะมีค่าใช้จ่าย 1,000 เยน สำหรับผู้ใหญ่ และ 500 เยน สำหรับเด็ก

สำหรับเที่ยวรถบัสจากสถานี Bandaimachi ที่ผมกับต๋งจองไว้ก็คือรอบเวลา 9.30 น. ซึ่งเป็นเที่ยวแรกของวันเลย แต่ด้วยความที่เที่ยวรถไฟจาก Aizuwakamatsu มายัง Bandaimachi นั้นมีรอบค่อนข้างน้อย เราก็เลยต้องไปนั่งรอขึ้นรถบัสที่สถานี Bandainachi ประมาณหนึ่งชั่วโมงเลยครับ
ดังนั้นใครที่จะมาขึ้นรถที่สถานี Bandaimachi และต้องนั่งรอนานเหมือนกับเรา ผมแนะนำว่าให้เตรียมอาหารหรือกิจกรรมมาทำฆ่าเวลาด้วยนะครับ เพราะที่สถานี Bandaimachi แห่งนี้ไม่มีอะไรเลย!!! ไม่มีห้องน้ำ, ไม่มีห้องอุ่น, ไม่มีร้านขายของ, ไม่มีถังขยะ และไม่มีแม้กระทั่งนายสถานี!!
.
.
มีก็เพียงแต่หิมะและความเวิ้งว้างเท่านั้นครับ @_____@
หลังจากการนั่งคอยอันเนิ่นน่าน ในที่สุดรถบัสของทาง Hoshino Resort Alts Bandai ก็มาจอดที่หน้าสถานี Bandaimachi โดยรถบัสที่เค้ามาบริการนั้นเป็นรถบัสขนาดใหญ่ที่สามารถนั่งได้ 30-40 คน ซึ่งก่อนที่เราจะขึ้นรถนั้น ทางพนักงานขับรถของทางรีสอร์ทจะมีการเช็ครายชื่อกับเอกสารที่เค้ามีก่อนนะครับว่ามีชื่อของเราหรือไม่ ดังนั้นใครที่ไม่ได้จองมา แม้ว่ารถเค้าจะว่าง เราก็อาจจะไม่ได้ขึ้นรถนะครับ
สำหรับขั้นตอนในการจองรถบัสของทางรีสอร์ทแบบละเอียดนั้น ก็ตามนี้เลยครับ
เข้าไปที่ลิงก์ https://urakata.in/new_reserve/courses/bandaisan?center_id=203 โดยทุกอย่างในลิงก์นี้จะเป็นภาษาญี่ปุ่นล้วนนะครับ ใครที่อ่านไม่ออกก็คงต้องใช้ Google Translate ช่วย
เลือกว่าจะจองเที่ยวรถที่ออกจากสถานี หรือเที่ยวกลับสถานี
กดเลือกวันที่ที่เราต้องการจอง จากนั้นจะมีกล่องข้อความเด้งขึ้นมา โดยกล่องข้อความนี้จะมีรอบเวลาของรถบัสในวันนั้นให้เราเลือก เราต้องการจองเวลาไหนก็ให้กดข้อความตัวอักษรสีน้ำเงินที่อยู่ทางด้านหลังสุดของบรรทัดนั้น จากนั้นก็จะเข้าสู่หน้าของการกรอกข้อมูลของเรา
ในหน้ากรอกข้อมูลของเรานี้ จะมีการให้ใส่ชื่อและข้อมูลต่างๆ โดยเราสามารถใส่ข้อมูลเป็นภาษาอังกฤษได้ ยกเว้น 2 ช่องคือช่อง “ชื่อ (ภาษาญี่ปุ่น)” และช่อง “ชื่อคนขับรถ (ภาษาญี่ปุ่น)” โดยระบบจะบังคับให้เราใส่เป็นภาษาญี่ปุ่นเท่านั้น ซึ่งวิธีแก้ของเราก็คือให้เรานำชื่อของเราไปพิมพ์ใน Google Translate เพื่อแปลงเป็นภาษาญี่ปุ่น จากนั้นก็นำชื่อที่แปลงได้ไปใส่ในแบบฟอร์มครับ
หลังจากที่เรากรอกแบบฟอร์มเสร็จ ก็ให้เรากดปุ่มสีส้มใหญ่ๆ ที่อยู่ด้านล่าง จากนั้นระบบจะแจ้งว่าเราทำการจองเสร็จแล้ว ก็ให้เรา Capture หน้าจอนั้นเก็บไว้เพื่อความปลอดภัยครับ
หมายเหตุ : ในการจองรถบัสนั้น เราสามารถจองล่วงหน้าได้นานหลายวันเลย แต่ทั้งนี้สำหรับคนที่จะไปในวันรุ่งขึ้นและยังไม่ได้ทำการจองไว้ จะต้องทำการจองให้เสร็จภายในเวลา 17.00 น. เพราะหากเลยเวลาดังกล่าวระบบจะไม่สามารถจองได้แล้วครับ ซึ่งผมแนะนำว่าเราควรจะจองรถเวลาเที่ยวกลับไว้เลยจะได้ไม่พลาดครับ
สำหรับเวลาในการเดินทางจากสถานี Bandaimachi มาที่ Hoshino Resort Alts Bandai นั้นจะอยู่ประมาณ 25 นาที โดยรถจะมาส่งเราที่ด้านหน้าของอาคาร Resort Center ซึ่งจะมีป้ายบอกเวลาของรถบัสอยู่ โดยตอนที่เราจะขึ้นรถบัสกลับนั้นก็ให้เรามายืนรอที่จุดเดิมครับ


ภายใน Hoshino Resort Alts Bandai จะมีอยู่ 2 อาคารหลักๆ นั่นก็คือ West Resort Center และ East Resort Center


หลักๆ ในอาคาร West Resort Center จะประกอบไปด้วยร้านขายอุปกรณ์ และศูนย์อาหาร Bandai Shokudo ซึ่งศูนย์อาหารนี้จะตั้งอยู่ที่ชั้น 1 และ 2 ของอาคาร และจะเปิดบริการในช่วงเวลา 11.00 – 14.00 น. เท่านั้น ดังนั้นใครที่อยากจะทานอาหารกลางวันก็ต้องดูเวลาดีๆ อย่าเล่นเพลินจนเลยเวลาขายไปนะครับ
นี่เป็นหน้าตาของอาหารที่เค้ามีจำหน่ายครับ มีให้เลือกทานทั้งข้าวหน้าแกงกระหรี่, ข้าวหน้าเนื้อ แล้วก็ราเมง โดยเราต้องไปซื้อตั๋วจากเครื่องจำหน่ายอัตโนมัติ จากนั้นก็เอาตั๋วที่ได้ไปยื่นให้ร้านนั้นๆ ซึ่งขั้นตอนการซื้อไม่ยาก ดูคนข้างหน้าแป๊บเดียวก็ทำได้แล้วครับ
ส่วนในเรื่องของราคาอาหารและคุณภาพที่ได้นั้น ผมรับได้นะครับ รสชาติอาหารโอเค อร่อยตามสไตล์อาหารญี่ปุ่นประเภทนี้ ส่วนราคาแม้จะสูงกว่าร้านที่อยู่ภายนอกรีสอร์ท แต่ก็ไม่ได้สูงกว่ามากจนน่าเกลียด เรียกว่าต่างกันเล็กน้อย ดังนั้นผมจึงไม่แนะนำให้ใครหิ้วอาหารจากข้างนอกมาทานนะครับ ซื้อกินที่รีสอร์ทสะดวกกว่าเยอะเลย
สำหรับใครที่เล่นเพลินจนไปกินข้าวไม่ทันเวลา ก็ไม่ต้องตกใจไปนะครับ เพราะเค้าจะมีร้านอาหารเล็กๆ จำหน่ายอีกหลายร้าน โดยร้านเหล่านี้จะเปิดบริการแทบจะทั้งวันเลย ส่วนเรื่องของราคานั้นก็อยู่ในเกณฑ์ที่รับได้เหมือนกัน







ส่วนตึกฝั่ง East Resort Center นั้น นอกจากจะมี Yamacafe และร้านอาหารนิดหน่อยตามที่ผมให้ดูรูปด้านบนแล้ว ที่ฝั่งนี้ยังมี Coin Locker และจุดเช่าอุปกรณ์ซึ่งเป็นจุดที่สำคัญที่สุดของเราอยู่ครับ โดย Coin Locker นั้นจะอยู่ที่ชั้นใต้ดิน และมีทั้งตู้ขนาดเล็กใส่ของกระจุกกระจิก ไปจนถึงตู้ขนาดใหญ่ที่สามารถใส่พวกสกีได้
นอกจากนี้ที่จุดนี้ยังมีเครื่องแลกเหรียญและจุดที่บริการส่งอุปกรณ์เรากลับบ้านด้วย เรียกว่ามีครบทุกอย่างเลย


ส่วนในเรื่องจุดเช่าอุปกรณ์ที่อยู่บริเวณชั้น 1 นั้น ก่อนอื่นเราต้องมาทำความเข้าใจกันก่อนว่าที่ Hoshino Resort Alts Bandai แห่งนี้ เค้าจะไม่มีการเก็บค่าเข้ารีสอร์ท แต่จะมีการเก็บค่าบริการต่างๆ แทน เช่น ค่าเช่าอุปกรณ์การเล่น, ค่าเช่าชุด, ค่านั่ง Gondola ไปยังลานสกีขั้น Advance เป็นต้น ซึ่งถ้าใครมีอุปกรณ์มาครบแล้วก็จะเสียค่าใช้จ่ายแค่นิดหน่อยเท่านั้น แต่ถ้าใครยังไม่มีอุปกรณ์ต้องมาเช่าเพิ่มก็จะมีค่าใช้จ่ายสูงขึ้นไปครับ โดยในการเช่าอุปกรณ์กับทางรีสอร์ทนั้นเราจะต้องกรอกแบบฟอร์มและนำไปยื่นให้กับพนักงานที่เคาน์เตอร์ ซึ่งแบบฟอร์มนี้จะมี version ที่เป็นภาษาอังกฤษด้วย รายละเอียดและคำศัพท์ต่างๆ ก็ไม่ยากมาก ใช้เวลาอ่านไม่นานก็เข้าใจครับ
อ้อ สำหรับคนที่เข้าใจภาษาญี่ปุ่น ผมคิดว่าน่าจะสามารถเช่าอุปกรณ์ทั้งหลายผ่านตู้อัตโนมัติได้นะครับ แต่สำหรับผมกับต๋ง เราอ่อนด้อยมาก ดังนั้นเลยขอเช่ากับพนักงานที่เคาน์เตอร์ดีกว่า

นี่เป็นหน้าตาของอุปกรณ์ที่เค้าให้เช่าครับ มีให้เลือกเยอะและครบมาก ตั้งแต่เสื้อกันหนาว, แว่น, หมวก, กางเกง, สกี (Ski), สโนว์บอร์ด (Snowboard) จนไปถึงถาดเลื่อน (Sled) ก็เรียกว่าใครที่ไม่มีอุปกรณ์อะไรเลยก็สามารถมาเล่นที่นี่ได้ ขอแค่เตรียมเงินมาให้พอเท่านั้นเอง ><
และด้วยความที่ผมกับต๋งเราเล่นสกีกับสโนว์บอร์ดไม่เป็นเลย ดังนั้นพระเอกของเราในวันนี้ก็คงหนีไม่พ้นเจ้า Sled หรือถาดเลื่อนอันนี้นี่เอง ซึ่งต้องบอกว่าค่าเช่า Sled ของที่นี่นั้นถูกมาก เพียงแค่ 1,000 เยน/คน/วัน เท่านั้น ที่สำคัญเรายังสามารถเปลี่ยนรูปแบบของ Sled ได้กี่ครั้งก็ได้
โอ้ยยยยยยยย…ถูกใจมาก Sled ที่นี่ก็มีให้เลือกเล่นหลายแบบเหลือเกิน ชอบมากกกกก
หลังจากที่เราเลือก Sled คู่ใจในการเล่นรอบแรกได้เรียบร้อยแล้ว เราก็พา Sled ของเราไปยังลานสกี Beginner ลานซึ่งมีนักสกีตัวน้อยๆ อยู่เต็มไปหมด
โดยที่ Hoshino Resort Alts Bandai นั้น เค้าจะมีลานสกีสำหรับหลายระดับมาก ตั้งแต่ Beginner, Intermediate และ Advanced รวมไปถึงยังมีที่สอนเล่นสกีสำหรับคนที่เล่นไม่เป็นด้วยครับ ใครที่สนใจอยากจะเรียนก็ลองเข้าไปดูราคาใน website เค้านะครับ
สำหรับลาน Beginner นั้นจะเป็นลานสกีที่ไม่สูงมาก ผมกะประมาณด้วยสายตาน่าจะสูงแค่ราวๆ ตึก 3-4 ชั้นเท่านั้น โดยที่คนส่วนใหญ่ที่มาเล่นที่ลานนี้ก็จะเป็นเด็กตัวเล็กๆ แล้วก็พ่อแม่ของเค้าครับ น้อยมากที่จะเจอผู้ใหญ่หรือวัยรุ่นที่มาเล่น Sled แบบผม 555555
อ้อ สำหรับคนที่จะเล่น Sled นั้น เราจะสามารถเล่นได้ที่ลาน Beginner เพียงแค่ลานเดียวนะครับ และสามารถเล่นได้ตั้งแต่เวลา 8.30 น. จนถึง 16.00 น. ซึ่งเราทั้งสองคนก็เล่นกันไปหลายสิบรอบเลย แถมเปลี่ยน Sled ไปตั้ง 3 แบบ โดย Sled แต่ละแบบก็จะมีคาแรคเตอร์ที่ต่างกัน บางอันก็บังคับง่าย บางอันก็บังคับยาก บางอันก็เร็ว บางอันก็ช้าครับ ยังไงถ้าใครได้มีโอกาสไปเล่น Sled ที่นี่ก็ลองเล่นหลายๆ แบบนะครับ เพราะเค้าให้เล่นได้ไม่จำกัดจำนวนรอบและเปลี่ยนกี่ครั้งก็ได้อยู่แล้ว นานๆ ได้ไปเล่นทั้งที ก็ต้องเอาให้คุ้มเนอะ ^^
สำหรับขั้นตอนในการเล่น Sled ที่ลาน Beginner นั้นก็ง่ายแสนง่าย เพราะเค้าจะมีทางเลื่อนพาเราขึ้นไปด้านบนอยู่แล้ว เราไม่ต้องเดินขึ้นไปเอง โดยทางเลื่อนนี้จะค่อยๆ กระดึ้บขึ้นไปอย่างช้าๆ เราก็ไม่ต้องใจร้อนไปนะครับ ค่อยๆ ไปตามจังหวะของมัน ส่วนตอนที่เลื่อนตัวลงมาจากด้านบนก็ให้มองเส้นทางดีๆ ก่อน เพราะที่ลานนี้จะมีน้องๆ หนูๆ เล่นอยู่เป็นจำนวนมากครับ
ส่วนใครที่เล่นสกีหรือสโนว์บอร์ดเป็นแล้วก็สามารถข้ามไปเล่นที่ลานสกีอื่นๆ ได้เลย เค้ามีให้เลือกหลายเส้นทางมาก โดยเส้นทางเหล่านี้จะมีความสูงและต้องนั่งลิฟท์หรือ Gondola ขึ้นไป รวมทั้งยังมีการออกแบบเส้นทางที่สนุกมากๆ ด้วย ขนาดผมเล่นไม่เป็นแค่ไปยืนดูเฉยๆ ยังรู้สึกสนุกและอยากจะเล่นเลยครับ
หลังจากที่ผมกับต๋งเล่น Sled กันจนเหนื่อยแล้ว เราก็ใช้เวลาชั่วโมงสุดท้ายก่อนที่จะขึ้นรถกลับสถานี Bandaimachi ไปกับการเล่นหิมะและเดินถ่ายรูปภายในรีสอร์ท ซึ่งผมอยากจะบอกเหลือเกินว่าหิมะที่พวกเราได้สัมผัสในวันนั้นมันนุ่มและละเอียดมากๆ เลยครับ ฟินสุดๆ เลย
และทั้งหมดนี้ก็คือเรื่องราวของผมกับต๋งหลังจากที่ได้มีโอกาสไปสัมผัสกับลานสกีที่ประเทศญี่ปุ่นเป็นครั้งแรก และเรื่องราวในวันนี้ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีมากๆ ของเราทั้งสองคนเลยครับ เราไม่คิดมาก่อนว่าการมาลานสกีจะดูน่าตื่นตาตื่นใจและมีค่าใช้จ่ายน้อยกว่าที่คาดขนาดนี้ อย่างเราสองคนมาอยู่ที่ Hoshino Resort Alts Bandai ประมาณ 5-6 ชั่วโมง เราใช้เงินไปแค่คนละประมาณ 2,500 เยนเท่านั้น ซึ่งเรียกว่าคุ้มมากๆ กับการได้เล่น Sled หลากหลายแบบชนิดที่ไม่จำกัดจำนวนรอบแบบนี้ รวมทั้งยังได้เล่นหิมะที่นุ่มสุดๆ อีกด้วย
ก็เอาเป็นว่าใครที่ได้มีโอกาสไปประเทศญี่ปุ่นในช่วงฤดูหนาว ก็ลองพิจารณาการเที่ยวลานสกีเป็นหนึ่งในกิจกรรมนะครับ ผมว่าน่าจะทำให้ตัวคุณและเพื่อนร่วมทริปได้ประสบการณ์ดีๆ กลับมาเยอะเลย
สุดท้ายนี้ขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านจนจบ และสำหรับใครที่อยากจะได้ข้อมูลเวลาเปิดปิดหรือรายละเอียดต่างๆ ของทาง Hoshino Resort Alts Bandai เพิ่มเติม ก็สามารถคลิกที่นี่ได้เลยครับ ส่วนใครที่อยากจะดูการเดินทางของเราในครั้งนี้ในรูปแบบของภาพเคลื่อนไหวก็สามารถดูที่คลิปด้านล่างนี้ได้นะครับ และถ้าใครอยากจะพูดคุยกับเราแบบใกล้ชิดทั้งเรื่องกินและเที่ยว ก็สามารถเข้าไปติดตามที่แฟนเพจ “ภรรยาหา สามีใช้” ได้เลยครับ แล้วพบกันใหม่ สวัสดีครับ
หมายเหตุ : บทความนี้เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวของผมในวันที่ไปใช้บริการเท่านั้นครับ แต่ละท่านที่ได้มีโอกาสไปใช้บริการอาจจะได้รับการบริการที่แตกต่างจากนี้ออกไป