สวัสดีทุกท่านครับ วันนี้ผมมีรีวิวอาหารมาฝากกันอีกแล้วนะครับ โดยคราวนี้จะเป็นรีวิวที่ผมได้มีโอกาสไปทานบุฟเฟ่ต์สเต็กมาครับ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกของผมเลยครับกับการทานบุฟเฟ่ต์สเต็กแบบนี้ และมันก็ทำให้ผมถึงกับท้องตึงสุดๆ เพราะมันมีสเต็กให้เลือกมากมายถึง 8 ชนิดครับ!!
สำหรับพิกัดของเราครั้งนี้คือ ห้องอาหาร Moxie บริเวณชั้น 1 ของโรงแรม dusitD2 Chiang Mai ครับ ซึ่งโดยปกติแล้วห้องอาหารแห่งนี้จะบริการอาหารประเภทอื่นๆ แต่ในทุกเย็นของวันศุกร์นั้นจะมีอาหารสุดพิเศษอย่างสเต็กให้เราทานกันอย่างไม่อั้นครับ และนอกจากจะมีสเต็กแล้วก็ยังมีอาหารประเภทอื่นๆ ให้เราทานกันอีกมากมายด้วยครับ เอาล่ะครับ…..ถ้าพร้อมแล้ว ตามไปดูพร้อมๆ กันเลยครับ
วันที่รับประทาน : ศุกร์ที่ 24 มิ.ย. 59
เวลาโดยประมาณ : 19.00 – 21.00 น.
จำนวน : 2 คน
หมายเหตุ : Friday Steak Night Buffet จะเปิดให้บริการเฉพาะเย็นวันศุกร์ ตั้งแต่เวลา 18.00-22.00 น.ครับ
Disclosure : บทความนี้ได้รับการสนับสนุนจากผู้ให้บริการ แต่ทั้งนี้ความเห็นต่างๆ ที่เกิดขึ้นเป็นความรู้สึกจริงของผมครับ

หลังจากที่ผมเดินทางถึงห้องอาหาร Moxie และแจ้งชื่อเรียบร้อยแล้ว ทางพนักงานก็ได้พาผมไปที่โต๊ะที่ได้ทำการสำรองไว้ครับ ซึ่งต้องว่าบรรยากาศที่ทางร้านจัดมานั้น ค่อนข้างที่จะดูมืด และวางโต๊ะแต่ะตัวไว้ค่อนข้างห่างกันครับ ดังนั้นจึงค่อนข้างเหมาะมากที่จะมาคุยงาน หรือมากระหนุงกระหนิงกับแฟนสองต่อสอง เพราะค่อนข้างมีความเป็นส่วนตัวเลยครับ
ผมลองให้ดูบรรยากาศบนโต๊ะดูครับ จะเห็นว่าค่อนข้างมืดมาก ขนาดเก้าอี้โซฟาที่เอาไว้นั่ง ยังแทบมองไม่เห็นในภาพเลยครับ ดังนั้นสำหรับคนที่ชอบถ่ายภาพอาจจะต้องลำบากนิดนึงนะครับ T_T

บนโต๊ะของเรานั้นนอกจากจะมีแก้วน้ำ จาน และอุปกรณ์การกินแล้ว จะมีอีกสิ่งนึงซึ่งสำคัญมากนั่นก็คือเจ้าไม้หนีบไม้ที่มีหมายเลขโต๊ะเราครับ สำหรับโต๊ะของผมในวันนั้นก็คือ B4 ครับ

เมื่อเรารู้เบอร์โต๊ะเราแล้ว สิ่งถัดมาที่เราจะทำก็คือ……
……..
…
…
.
สั่งอาหารสิครับ!! จะรอช้าทำไม!!
โดยจุดหมายแรกของผมก็คือ Steak Station ที่มีเชฟคอยประจำการอยู่ 2-3 คนครับ

ที่ Steak Station นี้ จะมีกระดาษใบเล็กๆ แบบในรูปวางไว้อยู่ครับ ซึ่งจะเอาไว้ใช้สำหรับระบุประเภทของเนื้อ รวมทั้งความสุก ที่เราต้องการ โดยเราก็แค่ติ๊กหน้าประเภทเนื้อที่เราอยากกิน และเขียนจำนวนที่อยากได้ไว้ด้านหลังครับ ส่วนระดับความสุกด้านล่างนั้นจะเอาไว้ใช้สำหรับกรณีที่สั่งเนื้อ (Beef) เท่านั้นครับ

โดยถ้าดูตามในใบรายการนั้น จะมีเนื้อให้เราเลือกแค่ 7 ชนิดเท่านั้นครับ แต่ในช่วงที่ผมไปนั้นทางห้องอาหารได้มีการเพิ่มเนื้อแกะเข้าไปด้วย ก็เลยรวมกลายเป็น 8 ชนิดดังนี้ครับ
-
หมู
-
ไก่
-
กุ้ง
-
ปลาหมึก
-
ปลา
-
เป็ด
-
เนื้อ
-
แกะ
และแน่นอนว่า ผมจำเป็นจะต้องชิมให้ครบทั้งหมด 8 ประเภท เพื่อที่จะได้มาเล่าให้ทุกๆ ท่านฟังได้ครบ ดังนั้นก็ติ๊กไปเลยทุกอันนั่นแหละครับ @_@
หลังจากสั่งเสร็จซักพัก ผมเดินสำรวจนั่นนู่นนี่ยังไม่ทันที่จะครบดี อาหารก็เริ่มทยอยมาเสิร์ฟครับ เรียกได้ว่าค่อนข้างเร็วเลยครับ มาดูหน้าตามันดีกว่าว่าเป็นอย่างไรบ้างครับ เริ่มจากจานแรกเนื้อกับหมูครับ โดยหมูนั้นจะมาเป็นซี่โครงนะครับ ส่วนเนื้อนั้นผมสั่งระดับความสุกมาเป็นแบบ Medium ครับ

สเต็กทั้ง 2 ชิ้นนั้นมาขนาดที่ไม่ใหญ่มากครับ ซึ่งนั่นก็ทำให้ผมโล่งอกไปเลยทีเดียว เพราะหากแต่ละชิ้นมาแบบใหญ่ๆ เต็มๆ จาน มื้อนี้ผมกับภรรยาก็คงต้องมีการขอยาช่วยย่อยอย่างแน่นอนครับ T___T และก็การที่สเต็กชิ้นขนาดนี้ผมว่าเป็นข้อดีมากๆ นะครับ เพราะจะช่วยทำให้คนที่มาทานนั้นสามารถทานเนื้อชนิดอื่นๆ เพิ่มเติมได้ง่ายด้วยครับ หากชอบใจอันไหนเป็นพิเศษก็แค่สั่งซ้ำครับ ซึ่งใช้เวลารอแค่แป๊บเดียวเท่านั้น แถมได้ทานแบบร้อนๆ ด้วยครับ
ในเรื่องของรสชาตินั้น ผมประทับใจในซี่โครงหมูมาก เพราะมันกรอบนอก เนื้อนุ่ม อร่อย และเนื้อค่อนข้างยุ่ย หั่นได้ง่ายมาก โดยผมเดาว่าน่าจะมีการอบมาก่อนครับ ก็เลยทำให้ยุ่ยขนาดนี้ ดังนั้นเมนูนี้จึงเป็นเมนูที่ผมชอบที่สุดในคืนนี้และถึงกับต้องสั่งเบิ้ลอีกรอบครับ
ส่วนเนื้อที่ผมสั่งมาเป็นแบบ Medium นั้น ไม่เหนียว สุกกำลังดี รสชาติโอเคครับ สำหรับคอเนื้อบางท่านอาจจะชอบทานเป็น Rare, Medium Rare หรือ Well Done ก็อาจจะได้รสชาติที่ต่างออกไปครับ

ต่อกันที่จานที่สองครับ จานนี้มีปลา ปลาหมึก กุ้ง โดยรสชาติก็ประมาณนี้ครับ
ปลา : โดยส่วนตัวผมว่าแอบเค็มไปเล็กน้อย ถ้าลดเค็มลงอีกนิดน่าจะดี ทานได้ยาวๆ เพราะไม่หนักท้องดีครับ
ปลาหมึก : ดีงาม สด เนื้อเด้งดีครับ
กุ้ง : ตัวค่อนข้างเล็ก และก็รู้สึกไม่สดเท่าที่ควรครับ
.
ต่อกันที่จานที่สามครับ จานนี้จะมี ไก่ แกะ แล้วก็เป็ดครับ โดยในภาพจะเห็นกุ้งอีกตัวนึง เพราะผมสั่งกุ้งมา 2 ตัวครับ รสชาติที่ผมรู้สึกก็ประมาณนี้ครับ
ไก่ : เป็นสเต็กไก่ตะไคร้ครับ อร่อยดีครับ ปรุงมาได้ดีเลย กลิ่นตะไคร้ไม่ได้แรงมากครับ ดังนั้นทานได้สบายๆ ไม่ต้องกลัวครับ
แกะ : เนื้อนุ่ม ไม่มีกลิ่นเหม็น ชิ้นค่อนข้างใหญ่ และมีไขมันแทรกในเนื้อนิดๆ ส่วนขอบรอบนอกนั้นเป็นชั้นไขมันเต็มๆ ครับ ผมว่าคนที่ชอบทานเนื้อแกะน่าจะชอบเลยครับ
เป็ด : จะถูกหั่นเรียงมาเป็นชิ้นเรียบร้อยแล้ว ตัวเนื้อแห้งไปหน่อยครับ ผมคิดว่าเนื้อชนิดนี้อาจจะไม่ค่อยเหมาะกับนำมาทำอาหารประเภทสเต็กเท่าไหร่ เพราะนี่ก็เป็นครั้งแรกของผมเลยที่มีโอกาสได้เห็น และลองกินครับ


สำหรับการสั่งสเต็กเนื้อนั้น เราสามารถสั่งไปได้เรื่อยๆ เลยครับ จนกว่าห้องอาหารจะปิด โดยที่ Steak Station จะมีน้ำจิ้มไว้ให้เราเลือกตักถึง 6 ชนิดด้วยกัน ได้แก่
-
Hot Pepper
-
Mustard
-
แจ่ว
-
Seafood
-
Butter lime
-
Jelly (เอาไว้ทานกับแกะ)
ยังไงตอนแรกสุดผมแนะนำว่าลองตักน้ำจิ้มมาชิมอย่างละนิดละหน่อยก่อนนะครับว่าแต่ละคนชอบแบบไหนครับ ถ้าเจอน้ำจิ้มถูกใจกับเนื้อประเภทนั้น ผมว่าบางคนนี่อาจจะสามารถทานยาวๆ จนร้านปิดได้เลยครับ ฮา
ส่วนใครที่เลี่ยนๆ ไม่อยากทานแต่สเต็กอย่างเดียว ก็ไม่ต้องเบื่อ หรือร้องยี้จนเบือนหน้าหนีนะครับ เพราะที่นี่เค้ายังมีบริการอาหารประเภทอื่นๆ ให้เราทานอีกด้วยครับ แถมค่อนข้างเยอะด้วยครับ โดยเริ่มจากอย่างแรกก่อนก็คือ Pasta Station ครับ
เจ้า Pasta Station นี้จะอยู่ใกล้ๆ กับ Steak Station เลย และก็มีอะไรให้เราเลือกสั่งได้มากมายเลยครับ ผมกับภรรยาก็เลยลองสั่ง “พาสต้าคาโบนาร่าเส้นหมึก” มาครับ รสชาติที่ได้ดีเลยครับ อร่อย มัน ข้นมาก ข้อติมีอย่างเดียวคือจานแอบใหญ่ไปหน่อยครับ ทำให้เสียพื้นที่ท้องในการกินเนื้อไปครับ สำหรับคนที่ไม่ต้องการทานเยอะลองบอกเชฟไปก่อนก็ได้ครับว่าขอนิดเดียวพอครับ ><




ส่วนเมนูอย่างอื่นๆ ที่มีก็น่าสนใจอีกหลายอย่างเลยครับ โดยจะมีการวางเป็นไลน์ยาวๆ เลียบผนังห้องด้านซ้ายมือไปครับ เริ่มตั้งแต่สลัดผักต่างๆ ที่ผักสด กรอบ อร่อยดีครับ



ต่อด้วยแซลมอนรมควัน, Soup Station แล้วก็อาหารทานเล่นต่างๆ ครับ โดยเท่าที่ผมได้ลองชิมไป 2-3 อย่างก็พบว่ารสชาติดีเลยครับ โดยเฉพาะแซลมอนรมควันครับ อร่อยมากครับ





ต่อมาเป็นพวก Station ของทอด แล้วก็พิซซ่าครับ ของทอดมีทั้งเฟรนช์ฟราย, มันทอด แล้วก็หอมทอดครับ ส่วนพิซซ่านี่ก็มีหลายหน้าเลยครับ แต่ Station นี้ผมไม่ได้กินซักอันเลยครับ เพราะว่ากินเนื้อไปอิ่มมากกกกกกกก




นอกจากของคาวแล้วก็ยังมีของหวานด้วยนะครับ ซึ่งหน้าตาดูดี รสชาติโอเคเลยครับ โดยวันที่ผมไปมีเมนูตามนี้ครับ
บราวนี่ชีสเค้ก : ด้านล่างเป็นบราวนี่ ด้านบนเป็นชีสเค้ก อร่อย ลงตัว เข้ากันดีมากครับ
ข้าวเหนียวมะม่วง : ขนาดจุ๋มจิ๋มพอดีคำ ข้าวเหนียวเป็นข้าวเหนียวดำ อร่อยดีครับ ส่วนมะม่วงด้านบนผมว่าน้อยไปนิดครับ ><
Banana Coconut Cake : รสชาติโอเคครับ
Creme brulee : อร่อยเช่นเดียวกันครับ





ส่วนผลไม้ก็มีสับปะรด มะละกอ แคนตาลูปแล้วก็แตงโม อร่อย หวานดีครับ



จบจากของหวานและผลไม้แล้ว ที่ห้องอาหารแห่งนี้เค้ายังมีบริการชา กาแฟ ช็อคโกแลตร้อนให้ด้วยนะครับ ซึ่งชา กาแฟ ที่มีบริการนั้นดีมากครับ เพราะชาเป็นของ TWG มีให้เลือกทั้ง English Breakfast, Earl Grey แล้วก็ Chamomile ส่วนกาแฟนั้นมีทั้งกาแฟดำ, คาปูชิโน่. ลาเต้, มอคค่า แล้วก็เอสเปรซโซ่ครับ
เอาล่ะครับ ตอนนี้ผมก็พาทุกคนดูทุกอย่างจนครบแล้ว ทีนี้เรามาสรุปแยกเป็นเรื่องๆ ดีกว่าว่าผมคิดเห็นอย่างไรกับอาหารมื้อนี้ครับ
รสชาติอาหาร : เนื่องจากอาหารมีหลายอย่างมากดังนั้นจึงมีอาหารทั้งที่ถูกปากและไม่ถูกปากครับ แต่โดยรวมๆ แล้วจากสเต็กทั้ง 8 ชนิดนั้นผมประทับใจไปถึง 5 อย่างได้แก่ ซี่โครงหมู, เนื้อ, ปลาหมึก, ไก่, แกะ ครับ โดยเฉพาะซี่โครงหมูนั้นผมประทับใจมาก ส่วนเมนูอาหารอื่นๆ ทั้งคาวและหวานที่ผมกับภรรยาได้ลองชิมดู ถือว่าประทับใจ และสอบผ่านหมดครับ สำหรับบางเมนูที่ผมไม่ได้ลองทานเช่น พิซซ่า ของทอดนั้น คงจะต้องให้ท่านอื่นที่ได้มีโอกาสไปกินมาให้ความเห็นเพิ่มเติมนะครับ ^^
ความหลากหลายของอาหาร : ตอนแรกที่ผมเห็น poster ของร้าน ผมก็คิดว่าคงจะมีเฉพาะสเต็กเนื้อให้กินเพียวๆ และแอบคิดในใจว่ามื้อนี้จะเลี่ยนและน่าเบื่อไปมั้ย แต่เมื่อได้มีโอกาสไปทานก็พบว่ามีอาหารประเภทอื่นๆ ให้กินอีกเยอะมาก ทั้งข้าว, อาหาร, ของทานเล่น, ซุป, สลัด, พิซซ่า, พาสต้า, ของหวาน, ผลไม้และปิดท้ายด้วยชา กาแฟ ซึ่งเมื่อนำไปรวมกับสเต็กเนื้อทั้ง 8 ชนิดแล้ว ผมว่าก็เป็นห้องอาหารที่มีความหลากหลายมากเลยนะครับ เนื้อ 8 ชนิดนี้เองก็น่าจะทำให้พลพรรคนักชิมรวมถึง ก๊วนสมาชิกที่นัดมีตติ้งแก๊งใหญ่ๆ มาเฮฮาน่าจะชอบครับ เพราะมีให้เลือก ให้ชิมเยอะดีครับ
ความสะอาดของร้าน : ไม่มีปัญหาอะไรในข้อนี้ครับ เพราะด้วยความที่ตั้งอยู่ในโรงแรมเกรดขนาดนี้ดังนั้นเรื่องนี้จึงสอบผ่านสบายมากครับ
การบริการของพนักงาน : สอบผ่านเช่นเดียวกันครับ ยิ้มแย้มใจใส่ เอาใจใส่บริการดีครับ
ความสะดวกของการเดินทาง : ห้องอาหารแห่งนี้อยู่ในโรงแรม dusitD2 Chiang Mai บริเวณ Night Bazaar ซึ่งผมว่าเป็นทำเลที่ดีนะครับ รถแดงรู้จัก วิ่งไปมาเยอะ และสำหรับชาวเชียงใหม่ที่มีรถขับก็สามารถชับมาจอดได้ง่ายๆ เพราะโรงแรมมีที่จอดรถเยอะพอควรครับ
ความคุ้มค่า : สำหรับราคาของ Friday Steak Night Buffet นั้น จะอยู่ที่ 649 บาท Net สำหรับผู้ใหญ่, เด็กอายุ 3-12 ปี อยู่ที่ 325 บาท Net และเด็กอายุต่ำกว่า 3 ปี ทานฟรีครับ ซึ่งดูเผินๆ เหมือนจะเป็นราคาที่สูงสำหรับการกินอาหารมื้อนึง แต่ถ้ามองว่านี่คือการกินสเต็กเนื้อดีๆ ที่มีให้เลือกถึง 8 ชนิดและสั่งได้ไม่อั้น!! ผมว่าก็เป็นราคาที่สมเหตุสมผลและน่าลองครับ โดยเฉพาะคนที่ชอบกินเนื้อกับแกะ เพราะราคาเนื้อสองชนิดนี้ค่อนข้างแพง กินแค่ไม่กี่ชิ้นนี่บางทีก็อาจจะไม่ใช่แค่สมเหตุสมผลแล้วแต่จะขยับกลายเป็นคุ้มค่ามากแทนเลยทีเดียวครับ ส่วนคนที่ทานได้ค่อนข้างน้อย ไม่ชอบทานสเต็กซักเท่าไหร่ อาจจะต้องชั่งใจตัวเองดูว่าอยากจะลองไปสัมผัสซักครั้งหรือเปล่าเพราะมันก็ไม่ได้หาร้านที่จัด Steak Buffet ให้เราทานแบบนี้ได้ง่ายๆ ซักเท่าไหร่ครับ แต่ถ้าคิดว่าไม่คุ้มค่า ไม่ใช่แนวเราจริงๆ ก็เลือกเข้าร้านอาหารประเภทที่ตัวเองถนัดน่าจะดีกว่าครับ
สรุป : หากคุณเป็นชาวเชียงใหม่ที่อยากจะหาที่พักผ่อนกินข้าวกับครอบครัว จู๋จี๋กับแฟน หรือเป็นนักเดินทางที่ได้มีโอกาสไปพักใกล้ๆ กับโรงแรมแห่งนี้ ชอบทานเนื้อ ชอบทานแกะ ชอบทานสเต็กเป็นชีวิตจิตใจ ห้องอาหารนี้คือคำตอบครับ หรือหากคุณต้องการหาที่คุยธุรกิจแบบกึ่งๆ ส่วนตัว คุยได้นานๆ ไม่ต้องกังวลเรื่องเวลา มีพนักงานมารยาทดีคอยให้บริการตลอด ที่นี่ก็เป็นคำตอบเช่นเดียวกันครับ แต่อย่าลืมนะครับว่า Steak Night Buffet นั้น เค้าเปิดบริการเฉพาะวันศุกร์เท่านั้นครับ เดี๋ยวไปผิดวันแล้วจะพลาดเอา @_@
ก็จบลงแล้วสำหรับรีวิวนี้ครับ ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านจนจบ แล้วพบกันใหม่ในรีวิวหน้าครับ สำหรับท่านที่อยากจะได้ข้อมูลของห้องอาหารแห่งนี้เพิ่มเติม สามารถโทรไปสอบถามโดยตรงกับทาง dusitD2 Chiang Mai ได้ที่เบอร์ 053-999999 หรือตามลิงก์ด้านล่างได้เลยครับ

หมายเหตุ : บทความนี้เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวของผมในวันที่ไปใช้บริการเท่านั้นครับ แต่ละท่านที่ได้มีโอกาสไปใช้บริการอาจจะได้รับการบริการที่แตกต่างจากนี้ออกไปครับ