อาหารอีสานเป็นอีกหนึ่งประเภทอาหารที่ได้รับความนิยมมากทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ ยิ่งเป็นอาหารอีสานรสชาติแซ่บซาบซ่านถึงอกถึงใจและให้บริการในร้านที่ดูสะอาดสะอ้านน่านั่งแล้ว ยิ่งเป็นอะไรที่หลายๆ คนถวิลหาและมักจะแวะเวียนกันไปอุดหนุนกันเป็นประจำเลยครับ แต่ก็นั่นแหละการที่จะหาร้านอาหารอีสานที่มีความลงตัวทั้งในด้านความสะอาด, รสชาติอาหารที่อร่อย, มีเมนูที่หลากหลาย, บรรยากาศร้านโอเค, ทำเลที่ตั้งเดินทางสะดวก และมีราคาอาหารไม่แพงได้ครบเบ็ดเสร็จในร้านเดียวกันนั้นมันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายซักเท่าไหร่ แต่ไม่ใช่เรื่องง่ายก็ไม่ได้แปลว่าจะไม่มีนะครับ เพราะผมว่าร้านฝากท้อง อีสานสไตล์ บริเวณปากซอยพหลโยธิน 22 ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับเซ็นทรัล ลาดพร้าวนั้นสามารถตอบโจทย์ต่างๆ เหล่านี้ได้อย่างลงตัวเลย และถ้าใครพร้อมจะพิสูจน์รสชาติอาหารของร้านนี้แล้วก็เดินตามผมเข้าไปในร้านพร้อมๆ กันได้เลยครับ!!!
Disclosure : บทความนี้ได้รับการสนับสนุนจากผู้ให้บริการ แต่ทั้งนี้ความเห็นต่างๆ ที่เกิดขึ้นเป็นความรู้สึกจริงของพวกเราครับ
สำหรับทำเลที่ตั้งของร้านฝากท้อง อีสานสไตล์นั้น จะอยู่บริเวณปากซอยพหลโยธิน 22 ตรงข้ามกับเซ็นทรัล ลาดพร้าวเลยครับ หรือถ้าใครไปยูเนี่ยนมอลล์บ่อยๆ ร้านนี้เค้าจะอยู่ด้านข้างยูเนี่ยนมอลล์ตรงฝั่งที่มีร้านอัดรูปตั้งอยู่หลายๆ ร้านนั่นแหละ รับรองว่าหาง่ายมากครับ
นี่เป็นหน้าตาของร้านครับ มีทั้งหมด 3 คูหา ติดถนนพหลโยธินเลย แถมมีป้ายชื่อร้านแบบเด่นชัดมาก รับรองว่าไปถึงนั้นแล้วเราหาเจอแน่นอน
บรรยากาศร้านฝากท้อง อีสานสไตล์โดยทั่วไปนั้นจะเป็นแบบเรียบง่ายตามสไตล์ของร้านอาหารห้องแถวโดยทั่วไปครับ ภายในร้านจะมีที่นั่งทั้งแบบพัดลมและติดแอร์ โดยที่นั่งทั้งสองส่วนนี้จะราคาเท่ากัน ไม่มีการชาร์จค่าใช้จ่ายใดๆ เพิ่ม ใครชอบนั่งทานแบบไหนก็เลือกได้ตามใจชอบเลย แต่ปริมาณโต๊ะและเก้าอี้ในส่วนของห้องแอร์จะมากกว่านิดนึงนะ โดยในส่วนห้องแอร์นั้นจะมีประมาณ 12 โต๊ะ รองรับได้ประมาณ 40-50 คน ส่วนบริเวณพัดลมจะมีประมาณ 8 โต๊ะ รองรับได้ประมาณ 30 คนครับ
ในส่วนของการตกแต่งร้านนั้นถือว่าทำได้ดีเลย เพราะแม้จะไม่ได้สวยหรูดูเก๋ไก๋ไฮโซอะไร แต่ทางร้านก็ได้มีการประยุกต์เอาความเป็นอีสานมาไว้ในส่วนต่างๆ ได้อย่างสวยงาม ลงตัว และเรียบง่ายครับ โดยเฉพาะการเอาผ้าซิ่นมาทำเป็นผ้าม่านและการเอาภาชนะจักสานต่างๆ มาวางประดับที่ฝาผนัง ทั้งสองจุดนี้เป็นอะไรที่ผมเห็นครั้งแรกแล้วรู้สึกประทับใจเลย
ส่วนบรรยากาศตรงอื่นๆ ในร้าน เช่น บริเวณครัว หรือภาพป้ายโฆษณาต่างๆ ก็ถือว่าทางร้านทำออกมาได้ดีเช่นเดียวกัน ดูสวย สะอาด และน่ามองครับ รวมๆ แล้วผมว่าคนที่เดินผ่านไปผ่านมาแถวนั้นเห็นหน้าตาร้านแบบนี้ก็น่าจะรู้สึกดีและมีความมั่นใจพอควรที่จะก้าวเท้าเข้าไปลองชิมอาหารครับ
มาดูในส่วนของเมนูกันบ้าง ขนาดของเล่มเมนูร้านฝากท้อง อีสานไสตล์นั้นถือว่าใหญ่เลย ส่วนหน้าปกก็เป็นลายไม้ที่มีความสวยงามและแข็งแรง ภายในเมนูจะประกอบไปด้วยอาหารอีสานประเภทต่างๆ รวมไปถึงเครื่องดื่ม โดยทางร้านจะมีการแยกประเภทอาหารออกเป็นหมวดต่างๆ เพื่อให้เราเลือกดูเลือกสั่งง่ายๆ เช่น เมนูแนะนำ, ตำ, ยำ, ปลา, น้ำพริก, ลาบ, ทอด, ต้ม, อาหารจานด่วน, ก๋วยเตี๋ยว เป็นต้น ใครอยากทานประเภทไหนก็ลองเลือกๆ ดูนะครับ ภาพแต่ละเมนูดูน่ากินมาก แถมบางเมนูก็ยังมีชื่อชวนให้ลิ้มลองอีกด้วย
และสำหรับใครที่มีปัญหาเรื่องของความแซ่บความเผ็ดก็สามารถบอกความต้องการของตัวเองได้เลยว่าต้องการความเผ็ดแซ่บระดับไหน ตั้งแต่แซ่บ (พริก 5 เม็ด) ไปจนถึงโคตรแซ่บ (พริก 30 เม็ด)………….กินกันให้ปากเบิร์นกันเลยจ้า
และนี่ก็คือรายการอาหารทั้งหมดที่ผมกับภรรยาได้ลองทานในวันนั้น โดยพวกเราไม่ได้มีการระบุความเผ็ดแซ่บของเมนูไหนเป็นพิเศษนะครับ แต่บอกว่าพวกเราทานเผ็ดและแซ่บได้ ให้ทางร้านปรุงมาแบบที่คิดว่าเด็ดสุดมาได้เลย
-
ยำดะ (390 บาท)
-
ยำหมูยออุบลไข่แดง (150 บาท)
-
ต้มยำไข่ปลาใบมะขามอ่อน (150 บาท)
-
ตำถาด-ไทย (150 บาท)
-
ยำปูไข่ดองปลาร้า (200 บาท)
-
ตำปลาร้ากุ้งสด (100 บาท)
-
คอหมูย่าง (100 บาท)
-
ชุดก๋วยเตี๋ยวหม้อไฟเนื้อ (298 บาท)
-
น้ำแตงโมปั่น (59 บาท)
-
น้ำแจแปนนิสเมล่อนอิตาเลี่ยนโซดา (60 บาท)
มาไล่รสชาติแต่ละเมนูกันเลยนะครับ เริ่มจาก “ยำดะ” เมนูนี้เป็นเมนูที่ต๋งชอบมากเป็นลำดับต้นๆ เลย ขนาดของจานใหญ่มาก และมีเนื้อกับไข่มาให้แบบจัดเต็ม ไม่ว่าจะเป็นกั้ง, ปู, กุ้ง, หอยนางรม, หอยแมลงภู่, หอยแครง, ไข่ปู, ไข่แมงดา, ไข่เค็ม และไข่ปลาริวกิว ใครชอบทานของพวกนี้บอกเลยว่าแซ่บถูกปากถูกใจแน่ๆ แต่ทั้งนี้ผมต้องบอกก่อนว่าบรรดาเนื้อต่างๆ เหล่านี้จะมีทั้งแบบที่ยังดิบอยู่และแบบที่สุกแล้วนะครับ ใครไม่กินอะไรที่ดิบๆ ก็อาจจะต้องบอกทางร้านก่อนหรือไม่ก็ต้องเลี่ยงเมนูนี้ไป แต่โดยรวมแล้วหากใครทานได้นี่เป็นเมนูที่พวกเราขอแนะนำเลยครับ แซ่บ เข้มข้น อร่อย เยอะ คุ้มค่าคุ้มราคามาก และผมขอเตือนไว้ก่อนว่าหากใครมากันแค่ 2-3 คนแล้วอยากจะกินเมนูนี้ โปรดอย่าสั่งเมนูที่เหลือเยอะไปนะครับ เพราะเดี๋ยวอาจจะกินไม่หมดได้ ><
เมนูที่สอง “ยำหมูยออุบลไข่แดง” นี่เป็นอีกหนึ่งเมนูที่ผมกับต๋งชอบมากๆ เพราะเมนูนี้นอกจากรสชาติดีและมีปริมาณของหมูยอเยอะแล้ว เค้ายังใส่ไข่แดงฟองใหญ่ๆ มาให้ถึง 4 ลูกเลยครับ
จานนี้ผมแนะนำอีกเช่นกัน ใครชอบทานยำหมูยอควรสั่งมาลองทานเลย รสชาติของหมูยอเค้าเข้มข้นอร่อยมาก และจากที่ผมได้สอบถามทางพนักงานของร้านเค้ามาก็พบว่าหมูยอของร้านเค้าเป็นหมูยอพริกไทยดำที่ส่งตรงมาจากจังหวัดอุบลราชธานีเลยครับ รวมทั้งเมนูที่มีหมูยอเป็นส่วนประกอบนั้นก็ถือเป็นเมนูยอดฮิตลำดับต้นๆ ของร้านที่ลูกค้าประทับใจในรสชาติด้วยครับ
เมนูที่สาม “ต้มยำไข่ปลาใบมะขามอ่อน” เมนูนี้จะมาเป็นชามขนาดกลางๆ นะครับ แต่ปริมาณของไข่ปลาที่เค้าใส่มานั้นถือว่าเยอะเลย ตอนยกมาเสิร์ฟทีแรกนั้นไข่ฟูแน่น ดูแล้วยั่วน้ำลายมาก ส่วนรสชาติหลังจากที่ได้ชิมแล้วก็ถือว่าสอบผ่านครับ รสชาติกลมกล่อมมีความเผ็ดแซ่บเล็กๆ ทำให้สามารถกินได้เรื่อยๆ และช่วยเบรกรสชาติที่เผ็ดมากๆ ของเมนูอื่นได้เป็นอย่างดี
เมนูที่สี่ “ตำถาด–ไทย” สำหรับเมนูนี้จะมีให้เลือกสั่งทั้งตำไทยและตำลาวนะครับ ใครอยากทานแบบไหนก็เลือกสั่งได้เลย รวมทั้งสามารถระบุความแซ่บความเผ็ดได้อย่างเต็มที่ด้วย ขนาดของถาดและปริมาณของอาหารผมให้อยู่ในระดับกลางๆ ค่อนไปทางเยอะครับ โดยภายในถาดเค้าจะมีการใส่มาทั้งส้มตำ, ไข่ต้ม, หมูยอ, แคปหมู, กากหมู และเกี๊ยวทอด
ในส่วนของรสชาติส้มตำนั้นดีเลยครับ อร่อยเผ็ดแซ่บกำลังดี มันเป็นเผ็ดระดับที่ทำให้ผมกินแล้วต้องซี้ดปากเล็กๆ และต้องหยิบเครื่องเคียงที่อยู่ในถาดขึ้นมาเคี้ยวตาม ซึ่งอย่างที่ผมได้บอกไปก่อนหน้านี้ครับว่าหมูยอของเค้านั้นเด็ดมาก ส่วนเครื่องเคียงอื่นๆ ที่ผมรู้สึกประทับใจอีกก็คือกากหมูครับ
ใครที่อยากกินส้มตำถาดแล้วไม่รู้จะไปหากินที่ไหน ตรงไปที่ร้านนี้ได้เลยครับ อร่อย คุ้มราคาและที่สำคัญเค้ายังเลือกภาชนะใส่ได้เก๋ด้วย โดยภาชนะที่เค้าใส่มานั้นมันจะเป็นเซรามิคที่มีการเลียนแบบสีและลวดลายให้คล้ายๆ กับภาชนะจักสานของทางภาคอีสานครับ ดูแล้วโอเคเลย
เมนูที่ห้า “ยำปูไข่ดองปลาร้า” นี่เป็นอีกหนึ่งเมนูที่แซ่บมากเช่นเดียวกัน ปูไข่ดอง 1 ตัวกับน้ำปลาร้าที่กลิ่นกำลังดีน่าจะทำให้คนที่ชื่นชอบการทานอาหารลักษณะนี้ต้องส่งเสียงซี้ดซ้าดกันเป็นแน่ ขนาดของปูกลางๆ ตัวไม่ใหญ่มาก แต่ก็ถือว่าสมราคาครับ ส่วนน้ำปลาร้านั้นก็ดีเลย
เมนูที่หก “ตำปลาร้ากุ้งสด” รสชาติของเมนูนี้จะค่อนข้างคล้ายกับยำปูไข่ดองปลาร้าจานเมื่อกี้มาก คาดว่าสูตรหรือส่วนผสมน่าจะคล้ายๆ กัน เพียงแต่จานที่แล้วพระเอกของจานคือปูไข่ดอง แต่จานนี้พระเอกจะเปลี่ยนเป็นกุ้งสด 4 ตัวแทน แล้วก็มีเม็ดกระถินโรยหน้ามาด้วย รสชาติโดยรวมแซ่บถูกใจเลยครับ และพวกเราต่างคิดเห็นตรงกันว่าหากเทียบกับจานเมื่อกี้แล้วเมนูตำปลาร้ากุ้งสดนี้มีรสชาติถูกใจพวกเรากว่า แถมราคายังย่อมเยากว่าด้วยครับ
อ้อ กุ้งทั้ง 4 ตัวในเมนูนี้จะเป็นกุ้งดิบนะครับ ใครที่ไม่ทานกุ้งดิบอย่าสั่งมานะ แล้วก็ขนาดกุ้งแต่ละตัวนั้นถือว่าใหญ่เลย
เล่ามาตั้งหกเมนูแล้ว แถมแต่ละเมนูก็ค่อนข้างชมแบบออกหน้าออกตาด้วย ตอนนี้หลายๆ คนก็อาจจะเริ่มคิดแล้วใช่มั้ยว่าพวกเราอวยเกินไปหรือเปล่า อะไรจะรสชาติดีขนาดนั้น ผมขอบอกเลยครับว่าเราทั้งคู่ไม่ได้อวย เราพูดกันตามตรงที่เรารู้สึกเลย เราทานแล้วประทับใจจริงๆ แต่ในบรรดาเมนูที่พวกเราได้ชิมวันนั้นมันก็ไม่ได้ประทับใจทุกเมนูนะ เพราะอย่างเมนู “คอหมูย่าง” จานนี้ พวกเราทั้งคู่ก็คิดว่ามันธรรมดาไปครับ ราคาจานละ 100 บาท แต่ปริมาณของหมูไม่ได้เยอะมาก และรสชาติก็อยู่ในระดับกลางๆ เท่านั้น เอาตรงๆ คือผมคิดว่าไม่ค่อยคุ้มซะด้วยซ้ำ แต่อย่างไรก็ตามก็อาจจะมีหลายคนที่ทานแล้วรู้สึกประทับใจก็ได้ เพราะคอหมูย่างของร้านฝากท้อง อีสานสไตล์นั้นจะไม่ค่อยมีมัน และเน้นไปที่เนื้อค่อนข้างเยอะครับ
ปิดท้ายอาหารคาวกันด้วย “ชุดก๋วยเตี๋ยวหม้อไฟเนื้อ” โดยนอกจากอาหารอีสานประเภทต่างๆ แล้ว ร้านฝากท้อง อีสานสไตล์ก็ยังขายก๋วยเตี๋ยวและหม้อไฟด้วยนะ โดยเค้าจะมีให้เลือกสั่งทั้งหมูและเนื้อเลย หากใครกินหม้อไฟหมูก็จะราคา 198 บาท แต่หากใครกินเป็นหม้อไฟเนื้อก็จะราคา 298 บาท โดยในชุดหม้อไฟนี้เค้าจะมีเส้นมาให้เรียบร้อย และมีให้ถึง 6 ชนิดเลย ได้แก่ เส้นหมี่ขาว, เส้นเล็ก, มาม่า, บะหมี่, เส้นใหญ่ และวุ้นเส้น ใครอยากกินเส้นไหนก็จัดแจงตักและผสมตามใจชอบได้เลยเต็มที่ และหากกินไปเรื่อยๆ แล้วเส้นไม่พอก็สามารถสั่งเพิ่มได้ในราคา 15 บาทต่อชนิดเส้น หรือจะสั่งรวมเป็นเมนูที่ชื่อว่าเรื่องของเส้นที่ราคา 68 บาท และมีเส้นครบทั้ง 6 แบบเลยก็ได้ เพราะจะคุ้มและถูกกว่าครับ
สำหรับรสชาติของหม้อไฟเนื้อกับเส้นต่างๆ นี้ ผมให้อยู่ในระดับกลางๆ ค่อนไปทางดีนะครับ เนื้อต่างๆ ให้มาเยอะดี แล้วก็เนื้อตุ๋นนั้นเปื่อยมาก ทานง่ายเลย แต่ในส่วนของน้ำซุปนั้นผมว่ารสชาติอ่อนไปนิด ไม่ค่อยจัดจ้านซักเท่าไหร่ครับ
และก่อนที่จะเข้าไปสู่บทสรุปของการรีวิวนั้น เรามาตบท้ายกันด้วยเครื่องดื่มอย่าง “น้ำแตงโมปั่น” และ “น้ำแจแปนนิสเมล่อนอิตาเลี่ยนโซดา” กันดีกว่า โดยตอนที่ผมไปทานนั้น ทางร้านฝากท้อง อีสานสไตล์เค้ากำลังมีโปรโมชั่นด้วยว่าหากใครสั่งเครื่องดื่มประเภทอิตาเลี่ยนโซดาแก้วแรกที่ราคา 60 บาท จะสามารถสั่งแก้วที่สองได้ในราคา 16 บาทเท่านั้นครับ
ใครสนใจก็ลองเลือกสั่งดูนะครับ เมนูเครื่องดื่มเค้ามีหลายอย่างเหมือนกัน ขนาดแต่ละแก้วที่เอามาเสิร์ฟก็ใหญ่มาก ใหญ่จนสามารถเรียกว่าเหยือกหรือโถได้เลย แต่ในเรื่องของรสชาตินั้นผมว่ายังไม่เด่นพอครับ กลางๆ และไม่ได้รู้สึกประทับใจอะไร
และทั้งหมดนี้ก็คือประสบการณ์ของผมกับต๋งในการไปลองทานอาหารอีสานที่ร้านฝากท้อง อีสานสไตล์ ปากซอยพหลโยธิน 22 (ตรงข้ามเซ็นทรัลลาดพร้าว) ครับ และเพื่อให้ทุกคนได้เห็นภาพของรีวิวนี้ชัดขึ้น ผมก็เลยทำการสรุปออกมาเป็นหัวข้อต่างๆ ดังนี้นะครับ
วันที่รับประทาน : วันศุกร์ที่ 13 กันยายน 2562
ช่วงเวลา : 13.00 – 15.00 น.
จำนวน : 2 คน
รสชาติอาหาร : ในมุมมองของเรา ร้านฝากท้อง อีสานสไตล์ถือเป็นร้านอาหารอีสานที่รสชาติแซ่บและอร่อยเลยครับ โดยจากเมนูที่ผมกับต๋งได้ชิมในวันนี้พวกเราประทับใจเกือบหมดเลย มีแค่รายการคอหมูย่างรายการเดียวเท่านั้นที่เราคิดว่ารสชาติธรรมดาและไม่สมราคา ส่วนเมนูอื่นๆ ถือว่าถูกปากและสอบผ่านหมด โดยเฉพาะเมนูอย่างยำดะ, ยำหมูยออุบลไข่แดง, ตำถาด และตำปลาร้ากุ้งสด ถือเป็นเมนูที่พวกเราประทับใจเป็นพิเศษเลยครับ
ความหลากหลายของอาหาร : ถือเป็นร้านอาหารอีสานที่มีความหลากหลายพอตัวเลยนะครับ เพราะเค้าไม่ได้มีแค่ส้มตำ, คอหมูย่าง หรือต้มแซ่บแบบหลายๆ ร้าน แต่เค้ามีให้เลือกทานทั้งเมนูตำ, ยำ, ปลา, น้ำพริก, ลาบ, ทอด, ต้ม, อาหารจานด่วน จนไปถึงก๋วยเตี๋ยวและหม้อไฟ ดังนั้นในเรื่องนี้ผมขอให้คะแนนอยู่ในเกณฑ์ดีนะครับ และผมว่าเวลาที่มีกลุ่มใหญ่ๆ แก๊งค์เพื่อนๆ ไปทานกันก็น่าจะถูกใจกับความหลากหลายของร้านกันพอควรเลยครับ
ความสะอาดของร้านและบรรยากาศโดยรวม : ในเรื่องของความสะอาดนั้นถือว่าทำได้ดีทั้งที่นั่งในส่วนที่เป็นแอร์และพัดลมเลย และจากที่ผมสังเกตเวลาที่มีลูกค้าทานเสร็จทางพนักงานของร้านก็จะรีบเข้ามาทำความสะอาดและเก็บโต๊ะด้วยความรวดเร็วเลยครับ ส่วนในเรื่องของบรรยากาศนั้นแม้จะไม่ได้ดูสวยหรูแบบร้านอาหารในโรงแรมหรือร้านอาหารหลายๆ ร้าน แต่การที่ทางร้านเค้าพยายามนำเอาความเป็นอีสานมาสอดแทรก ประกอบกับมีการจัดโต๊ะต่างๆ ได้เหมาะสมตามแบบที่ร้านอาหารห้องแถวที่ดีควรจะเป็น ผมก็ว่ามันโอเคมากแล้วครับ
การบริการของพนักงาน : ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดีครับ สอบถามข้อมูลต่างๆ แล้วได้ข้อมูลที่ครบถ้วน พูดและฟังชัด ส่วนการเสิร์ฟอาหารต่างๆ และการรับออเดอร์ก็ทำได้ดีเช่นเดียวกัน
ความสะดวกของการเดินทาง : เป็นร้านที่ผมว่ามีความสะดวกสบายในการเดินทางมากนะครับ เพราะตำแหน่งที่ตั้งของร้านอยู่ติดกับถนนพหลโยธินเลย สังเกตเห็นได้ชัดเจน และอยู่ใกล้กับป้ายรถเมล์มาก นอกจากนี้หากใครที่ต้องการจะเดินทางไปด้วยรถไฟฟ้าก็สามารถทำได้ง่ายๆ เพราะร้านฝากท้อง อีสานสไตล์นั้นอยู่ห่างจากสถานี MRT พหลโยธิน และสถานีรถไฟฟ้า BTS ห้าแยกลาดพร้าวเพียงแค่ 150 เมตรเท่านั้นครับ ส่วนใครที่คิดว่าจะขับรถส่วนตัวไปที่ร้านนี้ ผมขอเตือนนิดนึงนะครับว่าอย่า เพราะถึงแม้ที่ร้านจะมีที่จอดรถบริเวณหลังร้านไว้บริการ แต่มันก็สามารถจอดได้เพียงแค่ไม่กี่คันเท่านั้น มีโอกาสไปแล้วจะไม่มีที่จอดรถสูง หากใครจะขับรถไป ผมแนะนำว่าจอดรถในห้างแถวๆ นั้น แล้วเดินออกมากินจะดีกว่าครับ
ความคุ้มค่า : หากดูเฉพาะราคาเผินๆ แล้ว หลายๆ คนอาจจะมองว่าราคาอาหารของที่นี่สูงกว่าร้านอาหารอีสานหลายๆ ร้านครับ เพราะเมนูส่วนใหญ่ของเค้าจะเป็นราคา 3 หลัก หรือเริ่มที่ 100 บาทเป็นหลัก แต่จากที่ผมกับต๋งได้เห็นอาหารจานจริงและได้ลองชิมมา ผมบอกเลยว่าราคาอาหารของร้านนี้สมเหตุสมผลจนไปถึงคุ้มค่าในหลายๆ เมนูเลย เพราะแต่ละจานนั้นเค้าให้เครื่องมาเยอะ หรือมีขนาดที่ใหญ่สมกับราคาของเค้าที่ตั้งเอาไว้ จะมีก็แต่เพียงคอหมูย่างรายการเดียวเท่านั้นมีผมว่าราคาแอบแรงไปนิด ส่วนที่เหลือผมว่าโอเคและคุ้มค่ามากครับ กินแล้วไม่รู้สึกว่าแพงเลย ที่สำคัญรสชาติแซ่บด้วยนะ!!
สรุป : สำหรับใครที่เป็นคนชอบทานอาหารอีสาน อยากจะทานอาหารอีสานรสแซ่บๆ ถึงอกถึงใจในร้านอาหารที่ดูสะอาด มีห้องแอร์ มีอาหารให้เลือกหลากหลาย วัตถุดิบต่างๆ ดูดี และให้เยอะ ที่สำคัญยังสามารถสั่งระดับความแซ่บและเผ็ดได้ ร้านนี้ตอบโจทย์เลยครับ เมนูอาหารเยอะ รสชาติดี เดินทางสะดวก และราคาสมเหตุสมผลครับ
ก็จบลงแล้วสำหรับรีวิวนี้ ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านจนจบ และสำหรับผู้ที่ต้องการติดตามเรื่องราวการกินและเที่ยวของผมกับต๋งอย่างใกล้ชิดก็สามารถกดติดตามได้ที่เพจ “ภรรยาหา สามีใช้” ได้เลยครับ ส่วนผู้ที่ต้องการไปทานอาหารที่ร้านนี้หรือต้องการสอบถามข้อมูลต่างๆ เพิ่มเติม ก็สามารถดูรายละเอียดหรือติดต่อได้ที่ช่องทางด้านล่างนี้ได้เลย แล้วพบกันใหม่ในรีวิวหน้า สวัสดีครับ
วันที่เปิดบริการ : ทุกวัน
เวลาเปิดปิด : 11.00 – 23.00 น.
Tel : 092-0928946
หมายเหตุ : บทความนี้เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวของเราในวันที่ลองใช้บริการเท่านั้น ทั้งนี้แต่ละท่านที่ได้มีโอกาสใช้บริการอาจจะได้รับการบริการหรือมีความคิดเห็นที่แตกต่างจากนี้ได้ครับ