สวัสดีทุกคนครับ วันนี้ผมนาย “ภรรยาหา สามีใช้” จะพาทุกคนไปรู้จักกับ Copper Buffet (คอปเปอร์ บุฟเฟ่ต์) อีกหนึ่งร้านอาหารบุฟเฟ่ต์คุณภาพดี และยังเป็นร้านที่ผมอยากจะไปทานมากๆ ในช่วงก่อนหน้านี้ เพราะทุกครั้งที่ผมได้เห็นภาพอาหารจากเพจของทางร้าน หรือภาพจากที่คนรอบตัวผมไปกิน มันก็ทำให้ผมน้ำลายไหล ทุรนทุราย อยากจะไปลองชิมด้วยตัวเองซักครั้งว่ามันจะดีงามเหมือนที่หลายๆ คนบอกไว้หรือเปล่า และในที่สุดวันนี้ฝันของผมก็เป็นจริงแล้วครับ!!

โดยภาพรวมคร่าวๆ ของร้าน Copper Buffet (คอปเปอร์ บุฟเฟ่ต์) นั้นจะเป็นร้านอาหารที่ให้บริการอาหารบุฟเฟ่ต์แบบนานาชาติ (International Buffet) นะครับ โดยจะมีอาหารให้เราเลือกทานหลายอย่างมาก ตั้งแต่ไทย, ญี่ปุ่น แล้วก็ยุโรป และปัจจุบันนี้ทางร้าน Copper Buffet มีอยู่เพียงสาขาเดียวเท่านั้นก็คือที่ The Sense ปิ่นเกล้านะครับ ใครที่ยังไม่เคยมาที่ The Sense ปิ่นเกล้า ก็สามารถดูแผนที่ด้านล่างนี้ได้เลย มาไม่ยาก ตำแหน่งที่ตั้งของเค้าจะอยู่ใกล้ๆ กับเซ็นทรัล ปิ่นเกล้าเลยครับ

Disclosure : บทความนี้ได้รับการสนับสนุนจากผู้ให้บริการ แต่ทั้งนี้ความเห็นต่างๆ ที่เกิดขึ้นเป็นความรู้สึกจริงของผมครับ

เมื่อเรามาถึงที่ The Sense ปิ่นเกล้า ก็ให้เราสังเกตที่ชั้น 3 หรือที่มุมซ้ายบนของภาพนะครับ เราจะเห็นชื่อร้าน Copper Buffet อยู่ โดยใครที่ขับรถมาก็สามารถจอดรถในอาคารจอดรถของเค้าและนำบัตรไปขอประทับตราที่ร้านได้เลยครับ

หมายเหตุ : ถ้าดูตามลักษณะของอาคาร The Sense ปิ่นเกล้า จากภายนอก เราจะเห็นว่าร้าน Copper Buffet นั้น อยู่ที่ชั้น 3 ของอาคาร แต่ด้วยความที่อาคารนี้จะมีการเรียกชั้นล่างสุดเป็นชั้น G ชั้นถัดมาคือชั้น 1 และชั้นบนสุดคือ ชั้น 2 ดังนั้นตามสื่อต่างๆ ก็เลยจะบอกว่าร้าน Copper Buffet นั้นอยู่ที่ชั้น 2 ของอาคาร ซึ่งคนที่จะไปทานอาหารที่นี่ก็อย่างงนะครับ ให้เราเดินขึ้นบันไดเลื่อนไปยังชั้นบนสุดก็พอรับรองเจอร้านอย่างแน่นอน

สำหรับราคาการทานอาหารบุฟเฟ่ต์ของที่นี่นั้น จะมีราคาตามนี้เลยครับ

  • ผู้ใหญ่ ราคา 987 บาท/คน net (รวมเครื่องดื่มแล้ว)
  • เด็กต่ำกว่า 90 cm ทานฟรี
  • เด็กสูงระหว่าง 90-120 cm ราคา 300 บาท/คน net (รวมเครื่องดื่มแล้ว)
  • เด็กสูงกว่า 120 cm คิดราคาผู้ใหญ่

โดยใครที่มีบัตรสมาชิกของทางร้านนั้นจะสามารถใช้ลดค่าอาหารได้ 10% เหลือ 888 บาท/คน net ในกรณีที่จ่ายเงินสด และลดได้ 5% เหลือ 938 บาท/คน net ในกรณีที่จ่ายด้วยบัตรเครดิต ซึ่งเราสามารถใช้บัตรสมาชิกเพียงใบเดียวลดค่าอาหารได้ทั้งโต๊ะเลยครับ ส่วนค่าสมัครบัตรสมาชิกนั้นจะอยู่ที่ 699 บาท/ปี เมื่อสมัครแล้วสามารถใช้งานได้ทันทีครับ

นอกจากนี้บัตรสมาชิกของร้าน Copper Buffet ยังสามารถใช้เป็นส่วนลด 15% ในเดือนเกิดของผู้ที่สมัครบัตรสมาชิกด้วยครับ(ลด 15% ในกรณีที่จ่ายด้วยเงินสด ส่วนกรณีจ่ายด้วยบัตรเครดิตจะลด 5% เท่าเดิม) โดยทางร้านจะมีการตรวจสอบบัตรประชาชนด้วยว่าข้อมูลตรงกับผู้สมัครบัตรสมาชิกตัวจริงหรือไม่ แต่ในกรณีที่เราใช้ทานอาหารในวันอื่นๆ ที่ไม่ได้รับสิทธิ์ส่วนลดเดือนเกิด 15% นั้น เราสามารถยืมบัตรสมาชิกของเพื่อนๆ ไปใช้ได้เลยครับ เพราะทางร้านจะให้สิทธิ์ทุกคนที่ถือบัตรมาเลย ไม่จำเป็นต้องเป็นคนที่สมัครบัตรโดยตรงก็ได้

และเท่านั้นยังไม่พอ ใครที่มีบัตรสมาชิกของร้าน Copper Buffet ก็ยังจะได้รับสิทธิ์พิเศษที่ต้องทำให้โต๊ะอื่นตาร้อนผ่าวๆ ไปตามกัน โดยสิทธิ์นี้จะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ สำหรับในช่วงเดือนเมษายน 2561 จะเป็นการรับล็อบสเตอร์ย่างหรือล็อบสเตอร์อบชีส มูลค่า 990 บาทฟรีๆ โดยบัตรสมาชิก 1 ใบ จะสามารถรับได้สูงสุด 2 จาน/ครั้ง (1 จาน ต่อ 2 คน) ซึ่งถ้าจะอธิบายให้ง่ายๆ ก็คือ ถ้าเราไป 1-2 คน ก็จะได้รับ 1 จาน, ถ้าเราไป 3-4 คน ก็จะได้รับ 2 จาน แต่ถ้าเราไปมากกว่า 4 คนขึ้นไป ก็จะได้รับแค่ 2 จานเท่านั้น โดยคนที่รับสิทธิ์ทานเมนูล็อบสเตอร์ไปแล้วจะไม่สามารถรับสิทธิ์ส่วนลดค่าอาหาร 5-10% ในมื้อนั้นๆ ได้ แต่คนที่เกินจาก 4 ท่านขึ้นไป และไม่ได้รับสิทธิ์ในการทานล็อบสเตอร์ก็จะสามารถรับสิทธิ์ส่วนลดค่าอาหาร 5-10% ในมื้อนั้นได้ครับ

บอกเลยว่าใครที่ตั้งใจจะไปทานอาหารที่ร้านนี้และยังไม่มีบัตรสมาชิก ผมแนะนำให้สมัครเลยครับ คุ้มมาก โดยเฉพาะถ้ารอบแรกไปกัน 4 คนขึ้นไปนี่เป็นอะไรที่คุ้มสุดๆ เพราะล็อบสเตอร์ที่เป็นเมนูพิเศษของร้านตอนนี้มันอร่อยและดีงามมากกกกกกก

เอาล่ะ คราวนี้เรามาพูดถึงเรื่องเวลาในการทานอาหารของที่นี่กันดีกว่า ร้าน Copper Buffet นั้น จะมีเวลาให้เราทานอาหารทั้งหมด 2 ชั่วโมง (120 นาที) โดยในแต่ละวันทางร้านจะมีรายละเอียดของการเปิดบริการและรอบเวลาที่ให้บริการแตกต่างกันออกไปตามนี้ครับ

วันจันทร์ – วันพฤหัส : เปิดตั้งแต่ 16.30 – 22.30 น. (ไม่มีการกำหนดรอบ สามารถเริ่มกินตอนไหนก็ได้)

วันศุกร์ : เปิด 2 ช่วงเวลา โดยช่วงกลางวันเปิดตั้งแต่ 11.30-15.00 น. ส่วนช่วงเย็นเปิดตั้งแต่ 16.30 – 22.30 น. (ไม่มีการกำหนดรอบ สามารถเริ่มกินตอนไหนก็ได้)

วันเสาร์, วันอาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ : เปิดบริการเป็นรอบเวลา รอบละ 2 ชั่วโมง โดยจะเปิดทั้งหมด 4 รอบ ดังนี้

  • รอบที่ 1 : 11.00 – 13.00 น.
  • รอบที่ 2 : 13.30 – 15.30 น.
  • รอบที่ 3 : 17.00 – 19.00 น.
  • รอบที่ 4 : 19.30 – 21.30 น.

ใครจะไปทานวันไหนก็ดูเวลาการให้บริการของเค้าให้ดีๆ นะครับ เดี๋ยวไปถึงแล้วจะเก้อ อดกิน แล้วก็ผมแนะนำว่าหากเราต้องการจะไปวันไหนก็ควรจะโทรไปจองที่นั่งก่อนที่เบอร์ 092-2811818 นะครับ เพราะที่ร้านนี้เค้ามีคนไปทานเต็มแทบทุกรอบเลยครับ @_@

เล่าข้อมูลเกี่ยวกับราคาและเวลาการให้บริการไปเรียบร้อยแล้ว คราวนี้เรามาดูบรรยากาศที่หน้าร้านและภายในร้านกันดีกว่าครับ

บริเวณหน้าร้าน Copper Buffet นั้นจะมีการจัดเก้าอี้ไว้ให้นั่งรอเป็นจำนวนมาก ดังนั้นใครที่มาถึงก่อนเวลาที่เค้าจะเปิดให้บริการก็ไม่ต้องกังวลไปครับ เดินไปบอกพนักงานที่บริเวณประตูทางเข้าร้าน แจ้งชื่อและจำนวนที่เราสำรองโต๊ะไว้ รวมทั้งบอกเรื่องการใช้สิทธิ์บัตรสมาชิกกับพนักงาน จากนั้นทางพนักงานก็จะให้หมายเลขโต๊ะเรามา เมื่อทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยเราก็เดินหาที่นั่งเหมาะๆ รอที่หน้าร้านเพื่อรอเวลาประตูเปิดได้เลยครับ ^^

ส่วนนี่เป็นบรรยากาศภายในร้านครับ ผมว่าเค้าตกแต่งออกมาได้สวยดีนะครับ ดูโปร่ง โล่ง สบายตา น่านั่งมากๆ ซึ่งจากที่ผมลองคำนวนด้วยสายตาคร่าวๆ ก็คิดว่าในแต่ละรอบเค้าน่าจะสามารถรองรับลูกค้าได้ประมาณ 180 คนครับ

สำหรับใครที่ไปทานในวันเสาร์-อาทิตย์ หรือวันหยุดนักขัตฤกษ์ และต้องไปทานตามรอบเวลานั้น ผมแนะนำให้ไปถึงก่อนเวลาประมาณ 15 นาทีนะครับ เพราะเมื่อถึงเวลาเราก็จะได้เข้าไปทานได้เลย โดยที่บริเวณหน้าร้านนั้นจะมีพนักงานที่ถือไมโครโฟนคอยประชาสัมพันธ์ข้อมูลต่างๆ ให้เราทราบอยู่เป็นระยะ เช่น เรื่องบัตรสมาชิก, เมนูแนะนำ, อีกกี่นาทีประตูเปิด โดยในช่วงแรกที่ประตูเปิด ทางร้านจะขออนุญาตให้ผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีปัญหาด้านสุขภาพเข้าไปก่อน ซึ่งเป็นเรื่องที่ทำให้ผมประทับใจกับทางร้านมากครับ

และเมื่อเราเข้าไปในร้านแล้วเราก็จะเจอกับไลน์อาหารมากมาย จนทำให้พื้นที่โต๊ะของเราไม่สามารถวางอาหารได้ทุกชนิดพอ โดยอาหารที่ทุกคนเห็นในภาพด้านล่างนี้ยังไม่ถึงครึ่งของอาหารทั้งหมดที่เค้ามีให้บริการเลยครับ

เพื่อให้ทุกคนเห็นภาพง่ายขึ้น ผมก็เลยจะขอแบ่งกลุ่มไลน์อาหารของ Copper Buffet ออกเป็นทั้งหมด 7 หมวดดังนี้ครับ

หมวดที่ 1 : Seafood on ice

หมวดที่ 2 : ซูชิ และ ซาชิมิ

หมวดที่ 3 : อาหารไทย

หมวดที่ 4 : ขนมปัง, สลัด, Cold Cut และผลไม้

หมวดที่ 5 : อาหารพิเศษประเภทอื่นๆ

หมวดที่ 6 : ของหวาน

หมวดที่ 7 : เครื่องดื่ม

โดยผมจะพาทุกคนไปรู้จักแต่ละหมวดไล่ตามลำดับกันไปเลย เริ่มจากหมวดแรก Seafood on ice อาหารในหมวดนี้จะมีอยู่ 3 อย่าง คือ กุ้ง, หอยแมลงภู่ แล้วก็หอยนางรม โดยไลน์นี้เมื่อเราเดินผ่านประตูเข้าไปก็จะมองเห็นได้อย่างชัดเจนทางด้านซ้ายมือของเราครับ

ในเรื่องของการจัดอาหารในไลน์นี้ผมว่าดูสวยงามในระดับปานกลาง เพราะทางร้าน Copper Buffet ไม่ได้วางกุ้งและหอยจนล้นภาชนะเหมือนกับที่เราเห็นในไลน์บุฟเฟ่ต์หลายๆ ที่ แต่เราไม่ต้องตกใจไปนะครับว่าของจะมีน้อย ทานได้ไม่กี่ตัวก็หมด เพราะทางร้านจะมีการเติมอยู่ตลอดเวลา เรียกว่ากินไปเถอะครับ กินได้ไม่อั้น กินได้เต็มที่เลย อย่างวันที่ผมไปใช้บริการนั้นผมก็เห็นทุกโต๊ะกินกันอย่างต่อเนื่องและไม่พบปัญหาเรื่องของไม่พอ หรือของหมดเลยครับ

ส่วนเรื่องของคุณภาพและรสชาติของอาหารในหมวดนี้ผมให้อยู่ในเกณฑ์ที่ดีเลยครับ ความสดของกุ้ง, หอยแมลงภู่และหอยนางรมนั้นดีมาก ส่วนในเรื่องของขนาดนั้นผมว่าขนาดของกุ้งอยู่ในระดับกลางๆ ส่วนหอยแมลงภู่และหอยนางรมนั้นตัวใหญ่ใช้ได้เลยครับ อวบอิ่มดูน่ากินมาก โดยเฉพาะหอยนางรมที่แค่เห็นก็น้ำลายไหลแล้ว

เอาเป็นว่าใครที่ชอบทานกุ้ง, หอยแมลงภู่ และหอยนางรมน่าจะถูกใจกับคุณภาพอาหารของที่นี่ครับ ส่วนเรื่องของน้ำจิ้มซีฟู้ดนั้น ทาง Copper Buffet ก็ปรุงมาได้รสจัดจ้านโดนใจเลย แถมเค้ายังตักใส่ถ้วยเล็กๆ ไว้ให้เราเรียบร้อยแล้วโดยที่เราไม่ต้องตักเองอีกด้วย ซึ่งด้วยความลงตัวหลายๆ อย่างของอาหารในหมวดนี้ ทำให้ผมคิดว่าน่าจะมีหลายๆ คนที่เดินวนไปมาโดยเน้นกินแค่หมวดนี้หมวดเดียวครับ ><

ต่อกันที่หมวดที่ 2 หมวดที่จะเรียกว่าอาหารญี่ปุ่นก็ไม่เต็มปาก เพราะที่หมวดนี้จะมีอาหารอย่างซูชิและซาชิมิให้เราทานเท่านั้น แต่อย่างไรก็ตามด้วยคุณภาพของปลาดิบ รวมทั้งการฟิวชั่นของส่วนผสมต่างๆ ก็ทำให้หมวดนี้เป็นอีกหนึ่งหมวดที่ผมกับต๋งประทับใจในวันนั้นเลยครับ

คุณภาพของแซลมอนนั้นดีมากเลยครับ ลายสวย ชิ้นหนา และมีส่วนท้องให้ด้วย ส่วนซูชิประเภทต่างๆ ที่ทาง Copper Buffet มีให้บริการนั้นก็มีรสชาติอยู่ในเกณฑ์ที่ดี ข้าวคำไม่ใหญ่เกินไป ทำให้เราสามารถกินอาหารอื่นๆ ต่อได้อีกเยอะ โดยเมนูซูชิที่ผมคิดว่าสายเนื้อไม่ควรจะพลาดก็คือซูชิหน้าวากิวครับ ส่วนสิ่งที่ผมอยากจะให้ทาง Copper Buffet เพิ่มเติมในส่วนนี้อีกนิดก็คือการเพิ่มชนิดปลาดิบอย่างทูน่า, ซาบะ หรือปลาหมึกยักษ์ลงไป เพราะตอนนี้เหมือนจะมีแซลมอนเป็นตัวเอกแค่อย่างเดียวครับ

ต่อกันที่หมวดที่ 3 อาหารไทย บอกตามตรงครับ หมวดนี้ผมกับต๋งไม่ได้ลองทานกันเลย เพราะอิ่มมากๆ จากอาหารหมวดอื่น โดยวันที่ผมไปนั้นเมนูอาหารที่เค้ามีบริการก็ได้แก่ ปลาดอลลี่นึ่งมะนาว, ไส้กรอกหมู, ไก่ย่างซอสบาร์บีคิว, ขาหมูพะโล้ แล้วก็ขนมจีนแกงเขียวหวานไก่

หน้าตาอาหารโดยรวมๆ ผมว่าดูสวยงามน่ากินนะครับ และรสชาติน่าจะอร่อยใช้ได้เลย แต่เหมือนหมวดนี้จะเป็นลูกเมียน้อยยังไงก็ไม่รู้เพราะเป็นหมวดที่ผมเห็นคนเดินมาตักน้อยที่สุดเลยครับ เอาเป็นว่าใครที่ชอบอาหารไทยก็ลองชิมดูแล้วกัน ไม่แน่มันอาจจะอร่อยมากจนคุณลืมปลาดิบและ Seafood on ice ไปเลยก็ได้ ><

หมวดที่ 4 อาหารพิเศษประเภทอื่นๆ หมวดนี้ผมไม่รู้ว่าจะเรียกยังไงดี เพราะมันมีอาหารหลากหลายประเภทมากตั้งแต่สเต็ก, กุ้งแม่น้ำเผา, ซุป, พิซซ่า, ของทอด, ก๋วยเตี๋ยว, สปาเกตตี้ จนไปถึงส้มตำ เรียกว่าเป็นหมวดที่มีแต่อาหารน่ากินทั้งนั้น ใครสนใจอยากจะกินอาหารที่หมวดนี้ก็เดินไปตรงกลางร้านแล้วเลือกสั่งได้เลยครับ หลายๆ เมนูจะเป็นเมนูที่ทางเชฟปรุงให้ใหม่เดี๋ยวนั้นเลย เราอยากกินอะไรก็สั่งและบอกเบอร์โต๊ะเราไป เดี๋ยวอีกซักพักเค้าจะนำอาหารไปเสิร์ฟให้ที่โต๊ะเราครับ

สำหรับเมนูที่ผมไม่อยากให้ทุกคนพลาดในหมวดนี้เลยก็คือ สเต็กเนื้อวากิว, ซี่โครงหมูบาร์บีคิว, ซุปเห็ดทรัฟเฟิล, กุ้งแม่น้ำเผา แล้วก็ก๋วยเตี๋ยวน้ำตกเนื้อวากิวครับ

ในส่วนของสเต็กเนื้อวากิวนั้นเราสามารถสั่งระดับความสุกได้หลากหลายเลย ซึ่งวันนี้ผมกับต๋งสั่งมาเป็น Rare และทางเชฟปรุงออกมาได้ดูน่ากินมาก ขนาดชิ้นเนื้อกำลังดี ไม่ใหญ่หรือเล็กเกินไป การจัดจานก็ดูสวยงาม ส่วนรสชาตินั้นดีมากครับ เนื้อนุ่ม เคี้ยวง่าย เด้งสู้ฟันนิดๆ เมนูนี้ผมแนะนำเลยว่าใครชอบเนื้อต้องจัด!!

ส่วนอาหารประเภทสเต็กอีกสองอย่างที่ผมได้ลองทานก็คือซี่โครงหมูบาร์บีคิว แล้วก็สเต็กปลาแซลมอนซอสเทอริยากิ ในเรื่องของรสชาตินั้นทำได้ดีทั้งคู่ ซี่โครงหมูบาร์บีคิวนุ่มและมีกลิ่นหอมของบาร์บีคิว ใครที่ชอบทานซี่โครงหมูอ่อนน่าจะถูกใจ ส่วนสเต็กปลาแซลมอนซอสเทอริยากินั้นก็ย่างมาได้ดี ผิวหนังกรอบ เคี้ยวกำลังสนุก โดยที่เนื้อตรงกลางก็ยังไม่แห้งจนเกินไป

อ้อ จุดที่ผมค่อนข้างชอบมากของอาหารประเภทสเต็กนี้ก็คือความเร็วในการปรุงอาหาร, ความสวยงามในการจัดจาน แล้วก็ขนาดของชิ้นเนื้อที่กำลังเหมาะสมครับ คือไม่ได้ให้เล็กจนน่าเกลียด และก็ไม่ได้จัดชิ้นใหญ่มากจนทำให้เราอิ่มแล้วทานเมนูอื่นไม่ไหว

ต่อกันด้วยอีก 2 เมนูที่ห้ามพลาดในหมวดนี้ นั่นก็คือ กุ้งแม่น้ำเผาและก็ซุปเห็ดทรัฟเฟิล โดยกุ้งแม่น้ำเผานั้นทางเชฟจะทำการย่างใส่จานไว้ให้เราเรียบร้อยแล้ว ในหนึ่งจานจะมีกุ้งทั้งหมด 3 ตัว ขนาดของกุ้งอยู่ในระดับกลางๆ ใครต้องการทานก็ให้หยิบไปทีละจาน เมื่อทานหมดแล้วก็ค่อยเดินมาหยิบใหม่

สำหรับในเรื่องรสชาติของกุ้งนั้นผมให้อยู่ในเกณฑ์ที่ดีครับ สดและมีมันกุ้งด้วย เมื่อจิ้มกับน้ำจิ้มซีฟู้ดของทางร้านที่รสชาติจัดจ้าน มันเป็นอะไรที่อร่อยลงตัวมาก

ส่วนนี่คือซุปเห็ดทรัฟเฟิล เมนูที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากของ Copper Buffet หลายๆ คนติดใจเมนูนี้มากจนต้องวนกลับมากินซ้ำหลายรอบ และแน่นอนว่ารวมทั้งต๋งด้วยเหมือนกัน ซุปเห็ดทรัฟเฟิลของเค้านั้นมีความเข้มข้น หอมมัน และอร่อยลงตัวมากๆ ครับ โดยที่จุดนี้จะมีพนักงานคอยตักซุปใส่ถ้วยเล็กๆ ให้เรา ขนาดของถ้วยแอบเล็กไปนิดนึง แต่ก็นะของมันเติมได้ตลอดเวลาอยู่แล้วแถมรอคิวไม่นานด้วย เดินไปเติมหลายๆ รอบก็ได้ จะได้กินซุปที่ร้อนๆ ตลอดเวลาด้วย

สำหรับใครที่ไม่ถูกปากกับซุปเห็ดทรัฟเฟิล ที่จุดนี้จะมีซุปมิโสะแล้วก็พิซซ่ากับขนมปังกระเทียมไว้บริการเราด้วยนะครับ ใครสนใจอันไหนก็ลองชิมดู แต่วันนั้นผมกับต๋งไม่ได้ลองชิมเลย

ต่อกันด้วยเมนูสุดท้ายที่ผมอยากจะแนะนำในหมวดนี้ นั่นก็คือก๋วยเตี๋ยวน้ำตกเนื้อวากิว โดยที่จุดนี้เค้าจะมีบริการก๋วยเตี๋ยวหมูด้วยนะครับ ใครที่ไม่ทานเนื้อก็สามารถกินได้ หรือหากใครต้องการกินเป็นก๋วยเตี๋ยวธรรมดา หรือเกาเหลาก็สามารถสั่งได้เช่นเดียวกัน

ในเรื่องของรสชาติก๋วยเตี๋ยวน้ำตกเนื้อวากิวนั้นเป็นอะไรที่ถูกปากผมมาก เค้าปรุงมาได้ดีเลย ความเผ็ดและความจัดจ้านอยู่ในเกณฑ์ที่อาจจะทำให้หลายๆ คนต้องร้องซี้ดซ้าดเบาๆ ส่วนใครที่ไม่ทานเผ็ดผมแนะนำว่าให้บอกพนักงานเค้าก่อนนะครับ เดี๋ยวเค้ามาเสิร์ฟแล้วจะทานไม่ได้

ในชามก๋วยเตี๋ยวนั้นจะมีทั้งเนื้อสดและเนื้อเปื่อย ปริมาณเนื้อที่ให้มาเยอะใช้ได้ ส่วนความนุ่มและรสชาติของเนื้อนั้นก็อยู่ในเกณฑ์ที่ดีครับ ถือว่าเป็นก๋วยเตี๋ยวเนื้อที่อร่อยถูกปากผมชามนึงเลย

จบจากเมนูที่ผมกับต๋งอยากจะแนะนำเป็นพิเศษในหมวดนี้แล้ว คราวนี้เราไปดูเมนูอื่นๆ ที่อยู่ในหมวดนี้กันต่อดีกว่าว่ามีอะไรให้เราทานกันอีกบ้าง ซึ่งผมต้องขอชี้แจงไว้ก่อนนะครับว่าเมนูอื่นๆ ที่ผมกำลังจะพูดถึงต่อไปนี้นั้นไม่ใช่ไม่อร่อย หรือไม่ถูกปากผมนะครับ เพียงแต่ว่าเมื่อเทียบกับเมนูที่ผมพูดถึงก่อนหน้านี้แล้ว เมนูเหล่านั้นถูกปากผมกว่ามากครับ แต่ทั้งนี้ลิ้นและความชอบของแต่ละคนต่างก็ไม่เหมือนกัน ดังนั้นถ้าใครที่ได้มีโอกาสไปที่ร้านนี้ ผมแนะนำว่าให้ลองชิมทุกอย่าง อย่างละนิดอย่างละหน่อยก่อน อันไหนที่ถูกใจที่สุดค่อยสั่งเบิ้ล เผื่อบางทีเราอาจจะชอบไม่เหมือนกัน เราจะได้ไม่พลาดโอกาสกินของอร่อยๆ ไปครับ

สำหรับเมนูอื่นๆ ในหมวดนี้ที่ผมได้ทานในวันนั้นก็ได้แก่ ผัดไทยกุ้งแม่น้ำ, ส้มตำ, ของทอด แล้วก็สปาเกตตี้คาโบนาร่า

ในส่วนของผัดไทยกุ้งแม่น้ำนั้นผมว่าเส้นแฉะไปนิดนึง แต่กุ้งแม่น้ำที่ใส่มาในจานนั้นดี ตัวใหญ่ใช้ได้ ใครอยากจะลองทานเมนูนี้ก็ลองสั่งดูได้นะครับ ทางร้านเค้าทำมาในขนาดจานที่ไม่ใหญ่ เส้นไม่เยอะมาก ตักกิน 6-7 คำก็หมดแล้ว

ต่อกันที่ของทอด ผมเลือกหยิบเทมปุระ, ไก่ทอด แล้วก็เฟรนช์ฟรายส์มาลอง เทมปุระนั้นกุ้งตัวใหญ่ใช้ได้ รวมทั้งความกรอบของแป้งก็อยู่ในเกณฑ์ที่ดี ไม่มีการอมน้ำมัน ส่วนไก่ทอดนั้นก็อร่อยเช่นเดียวกัน รสชาติคล้ายๆ กับไก่ไม่มีกระดูกของ KFC และเมนูนี้ถือเป็นเมนูของทอดที่รสชาติถูกปากผมที่สุดครับ ส่วนรสชาติของเฟรนช์ฟรายส์นั้นอยู่ในระดับกลางๆ ไม่ได้มีอะไรโดดเด่นเป็นพิเศษ

กลุ่มเมนูถัดมาคือพวกสปาเกตตี้ เมนูเหล่านี้ทาง Copper Buffet ก็มีให้เราเลือกสั่งหลายอย่างเลยครับ ใครชอบเนื้อวากิว, เบคอน หรือซีฟู้ดก็จัดไป ส่วนวันนี้ผมกับต๋งขอเลือกทานเป็นสปาเกตตี้คาโบนาร่า ซึ่งรสชาติที่ได้ก็อยู่ในเกณฑ์ที่ดีครับ ส่วนขนาดของจานนั้นทาง Copper Buffet ก็ทำมาได้ในปริมาณที่พอเหมาะกับการกินบุฟเฟ่ต์แบบนี้อีกแล้ว ปริมาณไม่เยอะจนเกินไป ทำให้เราสามารถกินเมนูอื่นต่อได้อย่างสบายๆ

ปิดท้ายหมวดนี้ด้วยเมนูที่หลายๆ คนคาดไม่ถึงว่าจะมี นั่นก็คือส้มตำ!! โดยทาง Copper Buffet นั้นมีส้มตำให้เราเลือกสั่งทั้งส้มตำปู, ส้มตำปูปลาร้า, ส้มตำไทย, ส้มตำไทยไข่เค็ม และส้มตำไทยปู ผมเองได้ลองสั่งส้มตำไทยไข่เค็มมาทาน และก็พบว่ารสชาตินั้นดีกว่าที่คาดมากครับ ใครที่อยากจะทานอะไรแก้เลี่ยน หรืออยากจะทานส้มตำอร่อยๆ ที่ไว้ใจได้ในเรื่องของความสะอาด ก็สามารถสั่งมาทานได้เลย

จบหมวดที่ 4 อาหารพิเศษประเภทต่างๆ กันไปแล้ว ไม่รู้ว่าแต่ละคนจะอิ่มกันหรือยัง ถ้าใครยังไม่อิ่มก็ตามผมไปต่อกับหมวดที่ 5 ซึ่งเป็นหมวดสุดท้ายของอาหารคาวกันได้เลยครับ

หมวดที่ 5 นี้จะเป็นหมวดของขนมปัง, สลัด, Cold Cut แล้วก็ผลไม้ ที่หมวดนี้ผมได้ลองชิมเพียงเล็กน้อย โดยการนำเอาส่วนผสมต่างๆ มาจัดรวมกันเป็นสลัดหนึ่งจาน ซึ่งในเรื่องของคุณภาพ, ความสวยงาม และความหลากหลายของอาหารนั้น ผมให้อยู่ในเกณฑ์ที่ดีครับ มีอะไรให้เลือกทานเยอะดีทั้งผักและธัญพืช นอกจากนี้อาหารต่างๆ ก็หน้าตาสวยงามดูน่ากิน ส่วนในเรื่องของรสชาตินั้นผมให้อยู่ในเกณฑ์กลางๆ ไม่ได้ประทับใจอะไรมาก เพราะมีทั้งเมนูที่ถูกปากมากและไม่ค่อยถูกปากเท่าไหร่ เช่น พาร์ม่าแฮมที่ผมรู้สึกว่าเค็มเกินไป หรือน้ำสลัดซีซาร์ที่ค่อนข้างเค็มจนทำให้รสชาติไม่เหมือนกับน้ำสลัดซีซาร์ที่ผมเคยกิน ส่วนเมนูที่ถูกปากมากหน่อยก็คืออกเป็ดรมควัน อร่อยและเป็นอะไรที่หาทานในไลน์บุฟเฟ่ต์อื่นได้ยาก

สำหรับคนที่ไม่มีบัตรสมาชิกก็จะเป็นการปิดไลน์อาหารคาวกันที่หมวดนี้ แต่สำหรับคนที่มีบัตรสมาชิก Copper Buffet ก็จะมีสิทธิ์ได้ทานเมนูพิเศษสุดอร่อยฟรีๆ โดยในช่วงเดือนเมษายน 2561 นั้น จะเป็นเมนูล็อบสเตอร์อบชีสกับล็อบสเตอร์ย่าง ใครชอบทานแบบไหนก็จัดไปได้เลย โดยบัตรสมาชิก 1 ใบ จะสามารถรับสิทธิ์ได้สูงสุด 2 จาน (1 จาน ต่อ 2 คน)

ผมกับต๋งได้ลองทานล็อบสเตอร์อบชีส และบอกเลยว่านี่เป็นเมนูอาหารคาวที่ดีที่สุดของพวกเราในวันนั้นเลย ล็อบสเตอร์ตัวใหญ่ เนื้อแน่น เด้งกรุบนิดๆ แถมยังหอมชีสที่อบมาอีกด้วย เรียกว่ากลมกล่มลงตัวมากๆ นอกจากนี้ทาง Copper Buffet ยังได้ทำการเอาเนื้อมาไว้ที่ด้านบนของเปลือกล็อบสเตอร์ให้เราเรียบร้อยแล้วด้วย ดังนั้นมันจึงทานได้ง่ายมาก เผลอแป๊บเดียวก็หมดแล้วครับ ><

แนะนำเป็นพิเศษสำหรับใครที่มีบัตรสมาชิกควรจะเลือกสั่งเมนูนี้มาทานยั่วน้ำลายโต๊ะอื่นๆ มากกว่าที่จะใช้สิทธิ์รับส่วนลดค่าอาหาร 5-10% ครับ ส่วนใครที่ยังไม่มีบัตรสมาชิกก็ลองตัดสินใจดูนะครับว่า ค่าสมัครบัตร 699 บาท/ปี กับสิทธิพิเศษต่างๆ มันคุ้มมั้ย

ต่อกันที่หมวดที่ 6 ของหวาน ที่หมวดนี้จะอยู่ทางขวามือของประตูทางเข้า มีการจัดโซนไว้อย่างสวยงามและมีพนักงานหน้าตาน่ารักคอยบริการเราอยู่ โดยของหวานนั้นจะมีให้เราเลือกสั่งถึง 5 อย่างด้วยกัน ได้แก่ ฮันนี่โทสต์, โมจิลาวา, ช็อคโกแลตลาวา, ค็อฟฟี่คาราเมล และวาฟเฟิล ซึ่งเราไม่ต้องกังวลนะครับว่าเราจะสั่งไม่ถูกเพราะทาง Copper Buffet นั้นมีการทำตัวอย่างไว้ให้เราดูอย่างชัดเจนแล้ว

สำหรับผมกับต๋งในวันนั้น เราได้ลองของหวานไปทั้งหมด 4 อย่าง คือกินแทบทุกอย่างยกเว้นวาฟเฟิลอย่างเดียว โดยในความเห็นเรานั้น เราคิดว่าของหวานทั้ง 4 อย่างที่เราได้ชิมไปรสชาติดีหมดเลย แต่ถ้าหากจะให้อธิบายรสชาติแต่ละอย่างก็ตามนี้เลยครับ

ฮันนี่โทสต์ : ขนมปังอบมาได้ดี หอมและนุ่ม แต่ในเรื่องของรสชาตินั้นผมต้องบอกไว้ก่อนนะครับว่ามันจะค่อนข้างหวานไปหน่อย เพราะพนักงานที่ร้านใส่น้ำผึ้งมาเยอะมาก ใครที่ไม่ทานหวานก็บอกพนักงานไว้ก่อนก็ดี สำหรับเมนูนี้เราสามารถเลือกไอศกรีมมาทานคู่กันได้นะครับ ใครอยากทานรสไหนก็จัดไป

โมจิลาวา : เป็นเมนูที่ผมว่าไม่ควรจะชื่อนี้เลย เพราะผมว่าแป้งไม่เหมือนโมจิเลย @_@ ภาพรวมทั้งหน้าตาและรสชาติดูเหมือนซาลาเปาลาวาไข่เค็มมากกว่าครับ ใครที่ชอบทานซาลาเปาไข่เค็มน่าจะถูกใจ เพราะขนาดของลูกไม่ใหญ่ แถมแป้งไม่หนาเกินไปด้วย

ช็อคโกแลตลาวา : เมนูนี้ใครที่ชอบทานช็อคโกแลตเข้มๆ น่าจะถูกใจครับ รสชาติเข้มดี ต๋งชอบเมนูนี้ และแน่นอนว่าสำหรับคนที่ไม่ชอบทานช็อคโกแลตเข้มๆ แบบผมก็ต้องบอกว่ามันขมไป T_T

ค็อฟฟี่คาราเมล : รสชาติจะเป็นการผสมผสานกันระหว่างกาแฟแล้วก็คาราเมล ซึ่งผมว่าเค้าผสมออกมาได้ลงตัวดีนะครับ รสชาติโดยรวมจะคล้ายๆ กับการกินลูกอมโกปีโก้ ใครที่ชอบทานลูกอมชนิดนี้น่าจะถูกใจครับ

ส่วนใครที่ไม่ชอบทานของหวาน ที่ Copper Buffet นี้ก็มีไอศกรีมให้เราเลือกทานหลายรสเลยครับ ไม่ว่าจะเป็นวานิลลา, ช็อคโกแลต, ชาไทย, ชาเขียว, กาแฟ, เสาวรส, มะพร้าว และราสเบอร์รี่ โดยผมได้ลองชิมทั้งหมด 4 รส ได้แก่ ชาไทย, ชาเขียว, เสาวรส และมะพร้าว รสชาติโดยรวมอยู่ในเกณฑ์ที่ดี ถือว่าเป็นไอศกรีมที่อร่อยและเข้มใช้ได้ จะมีก็แต่รสมะพร้าวที่ผมรู้สึกว่าอ่อนไปนิด ถ้าปรับให้เข้มกว่านี้ได้จะดีมากเลยครับ

พูดถึงของคาวไปแล้ว ของหวานก็เล่าไปแล้ว คราวนี้ก็คงต้องมาปิดท้ายกันที่เครื่องดื่มใช่มั้ยครับ สำหรับการทานอาหารที่ Copper Buffet นั้น เค้าจะมีการรวมเครื่องดื่มไว้ให้เราเรียบร้อยแล้ว โดยเครื่องดื่มที่เค้ามีบริการเราก็ได้แก่ โค้ก, แฟนต้า, สไปรท์, น้ำเปล่า, กาแฟ และน้ำหวานอย่างชาเขียวมะลิ, ลิ้นจี่ และฟรุ้ตพันซ์ ซึ่งจากที่ผมได้ลองชิมน้ำหวานทั้ง 3 อย่างหลังนั้น ก็พบว่ารสชาติอยู่ในเกณฑ์ที่ดี ไม่หวานจนเกินไป แต่อันไหนจะถูกปากใครมากที่สุดก็คงต้องไปลองชิมเองนะครับ

และทั้งหมดนี้ก็คือเรื่องราวที่ผมได้ไปพบเจอมาจากการไปทานอาหาร International Buffet ที่ร้าน Copper Buffet ชั้น 2 The Sense ปิ่นเกล้า และเพื่อให้ทุกคนเห็นภาพที่ชัดเจนขึ้น ผมก็ขอสรุปการรีวิวออกมาเป็นหัวข้อต่างๆ ตามนี้นะครับ

วันที่รับประทาน : วันศุกร์ที่ 6 เมษายน 2561
ช่วงเวลา : 17.00 – 19.00 น.
จำนวน : 2 คน

รสชาติอาหาร : รสชาติอาหารส่วนใหญ่อยู่ในเกณฑ์ที่ดีจนถึงดีมาก นอกจากนี้ในเรื่องความสวยงามของอาหาร และการจัดวางต่างๆ ก็อยู่ในเกณฑ์ที่ดีด้วย โดยจากที่ผมกับต๋งได้ลองชิมอาหารหลายๆ ประเภทในวันนั้น เราพบว่ามีเมนูที่รู้สึกว่าไม่ค่อยถูกใจเลยก็แค่พาร์มาแฮมกับน้ำซีซาร์สลัดเท่านั้นเอง ส่วนเมนูอื่นๆ ถือว่าโอเคหมดเลยครับ และสำหรับเมนูที่ผมอยากจะแนะนำเป็นพิเศษก็ได้แก่ ล็อบสเตอร์อบชีส (สำหรับคนที่มีบัตรสมาชิก), Seafood on ice, กุ้งแม่น้ำเผา, สเต็กเนื้อวากิว, ซี่โครงหมูบาร์บีคิว, ซุปเห็ดทรัฟเฟิล แล้วก็ก๋วยเตี๋ยวน้ำตกเนื้อวากิวครับ

ความหลากหลายของอาหาร : เป็นไลน์บุฟเฟ่ต์นอกโรงแรมที่มีความหลากหลายของอาหารเยอะมาก มีทั้งไทย, ญี่ปุ่น และยุโรป นอกจากนี้ก็ยังมีพวกซีฟู้ด, สลัดและของทานเล่นให้ทานด้วย ดังนั้นในเรื่องความหลากหลายนี้จึงสอบผ่านสบายๆ สามารถชวนเพื่อนกลุ่มใหญ่ๆ หรือพาครอบครัวไปทานได้โดยไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องไปถึงแล้วจะหาเมนูถูกใจทานไม่ได้ครับ

ความสะอาดของร้าน : ข้อนี้ผมประทับใจมากนะครับ ผมว่าทางร้าน Copper Buffet มีการจัดร้านออกมาได้ดี ดูสวยงาม น่านั่ง ไม่รู้สึกอึดอัดแม้คนจะเข้าไปใช้บริการเต็มทุกโต๊ะ ส่วนในเรื่องความสะอาดนั้นก็อยู่ในเกณฑ์ที่ดีครับ เพราะก่อนที่จะเริ่มเปิดให้บริการในแต่ละรอบ ทางพนักงานของร้านเค้าไล่ทำความสะอาดทุกพื้นที่เลยครับ @_@

การบริการของพนักงาน : เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ผมประทับใจเลยครับ พนักงานบริการดี รวดเร็ว พูดเพราะ เก็บจานชามบนโต๊ะเราเร็วมาก และนอกจากนี้เวลาที่เราต้องการความช่วยเหลืออะไรก็ได้รับการตอบสนองที่ดีมากๆ

ความสะดวกของการเดินทาง : The Sense ปิ่นเกล้า ถือว่าเป็น Community Mall ที่เดินทางสะดวกในระดับนึงนะครับ เพราะแม้จะไม่มีรถไฟฟ้า BTS หรือ MRT ผ่าน แต่บริเวณนั้นก็มีรถเมล์ให้บริการหลายสายมาก ส่วนใครที่ขับรถไปเองก็ยังไม่ต้องเผชิญปัญหาเรื่องรถติดมาก การจราจรโดยรวมของถนนแถวนี้อยู่ในระดับที่เคลื่อนไหวได้เรื่อยๆ จนถึงถนนโล่งขับสบายในหลายๆ เวลาเลย

ความคุ้มค่า : กับราคาอาหาร 987 บาท/คน net (รวมเครื่องดื่ม) เทียบกับการได้ทานอาหารหลากหลายประเภทแบบนี้ คุณภาพอยู่ในเกณฑ์ที่ดีถึงดีมากแบบนี้ รวมทั้งยังสามารถนั่งทานได้ถึง 2 ชั่วโมง ผมว่าเป็นราคาที่เหมาะสมเลยนะครับ เพราะคุณภาพของอาหารรวมไปถึงการบริการต่างๆ ของร้าน Copper Buffet นั้นสามารถเทียบชั้นกับห้องอาหารในโรงแรมหลายๆ ที่ได้อย่างสบายเลย และสำหรับใครที่เป็นสมาชิกของร้านยังสามารถเลือกรับส่วนลด 5-10% หรือเมนูพิเศษของทางร้านได้ และนั่นจะยิ่งทำให้เรากินอาหารมื้อนั้นคุ้มค่ามากขึ้นกับเงินที่จ่ายออกไปครับ

สรุป : สำหรับใครที่กำลังมองหาไลน์อาหาร International Buffet คุณภาพดี มีอาหารประเภทเนื้อ, ซีฟู้ด, แซลมอนและของหวานที่โดดเด่น และเริ่มรู้สึกเบื่อหรือไม่สะดวกกับการไปทานอาหารที่โรงแรม ร้าน Copper Buffet ถือเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมสำหรับคุณเลยครับ อาหารและการบริการของที่นี่อยู่ในเกณฑ์ที่ดี คุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไป ถึงแม้เราอาจจะต้องคอยเช็คว่าวันไหนร้านเปิดบริการตอนไหนบ้าง หรือต้องคอยกังวลเรื่องรอบบริการที่เราอาจจะไปไม่ทัน แต่โดยรวมๆ แล้ว Copper Buffet ก็ยังเป็นร้านที่ผมอยากจะแนะนำให้ทุกคนหาโอกาสไปทานซักครั้ง และสำหรับใครที่ไปทานแล้วประทับใจในรสชาติ ผมแนะนำให้คุณสมัครบัตรสมาชิกไว้เลยครับ!!

ก็จบลงแล้วสำหรับรีวิวนี้ สำหรับใครที่ต้องการติดตามเรื่องราวของการกินและเที่ยวของผมกับต๋งแบบใกล้ชิดก็สามารถติดตามได้ที่เพจ “ภรรยาหา สามีใช้” ได้เลยครับ ส่วนใครที่ต้องการจะสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับร้าน Copper Buffet รวมทั้งสำรองโต๊ะก็สามารถเข้าไปที่ช่องทางด้านล่างนี้ได้เลย แล้วพบกันใหม่ในรีวิวหน้า สวัสดีครับ

Fanpage : Copper Buffet

Tel : 092-2811818

หมายเหตุ : บทความนี้เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวของผมในวันที่ไปใช้บริการเท่านั้นครับ แต่ละท่านที่ได้มีโอกาสไปใช้บริการอาจจะได้รับการบริการที่แตกต่างจากนี้