เมือง Aizu-Wakamatsu (ไอซึวากามัตซึ) ถือเป็นหนึ่งในเมืองที่คนมาเที่ยวจังหวัด Fukushima (ฟุกุชิมะ) มักจะต้องมาเยือนเสมอ เพราะที่เมืองแห่งนี้นอกจากจะมีสถานที่เที่ยวที่สวยงามทั้งธรรมชาติและสถาปัตยกรรมแล้ว เมืองแห่งนี้ก็ยังมีเรื่องราวมากมายในประวัติศาสตร์ของประเทศญี่ปุ่นโดยเฉพาะเรื่องราวของซามูไร จนทำให้เมือง Aizu-Wakamatsu ถูกขนานนามว่า “เมืองแห่งซามูไร”
และสำหรับสถานที่แรกที่คนมาที่เมืองแห่งนี้มักจะต้องไปเยือนนั่นก็คือ Tsuruga Castle (ซึรึกะ คาสเซิล) หรือปราสาทนกกระเรียนนั่นเอง โดยตัวผมกับต๋งก็ได้มีโอกาสไปเยือนปราสาทแห่งนี้แล้วเมื่อเดือนสิงหาคม 2560 ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ผมได้มีโอกาสมาเที่ยวที่เมืองแห่งนี้ครับ โดยทุกท่านที่สนใจสามารถตามไปอ่านบทความฉบับก่อนได้ที่ลิงก์ด้านล่างนี้เลยครับ
Disclosure : บทความนี้ได้รับการสนับสนุนจากจังหวัดฟุกุชิมะ แต่ทั้งนี้ความเห็นต่างๆ ที่เกิดขึ้นเป็นความรู้สึกจริงของผมครับ
สำหรับการมาเยือนปราสาท Tsuruga Castle ในครั้งที่แล้วนั้นต้องถือว่าผมโชคไม่ค่อยดีเท่าไหร่เพราะท้องฟ้าไม่เป็นใจให้ผมถ่ายรูปเลย ดังนั้นพอผมได้มีโอกาสกลับมาที่เมือง Aizu-Wakamatsu อีกครั้ง ผมก็เลยคาดหวังว่าจะได้ภาพสวยๆ จากปราสาทแห่งนี้ไปชดเชยกับครั้งที่ผ่านมาโดยผมได้วางแผนมาที่ปราสาทนี้ถึง 2 วัน เพื่อที่จะได้เพิ่มโอกาสที่ผมจะได้รูปที่ดีกลับไป โดยในวันแรกที่ผมมานั้นเป็นช่วงเย็นของวันพฤหัสที่ 8 กุมภาพันธ์ 2561 และสิ่งที่รอคอยผมอยู่ก็คืออากาศที่หนาวเหน็บ หิมะที่โปรยปราย ถนนที่ว่างเปล่าไร้ผู้คน แล้วก็ปราสาทนกกระเรียนที่สวยงามอยู่ท่ามกลางหิมะแบบนี้ครับ
จริงๆ แล้วปราสาท Tsuruga นั้นจะเปิดบริการทุกวันตั้งแต่เวลา 8.30 น. – 17.00 น. ซึ่งหากไม่มีอะไรที่ผิดปกติจริงๆ ปราสาทแห่งนี้จะต้องมีนักท่องเที่ยวหรือคนเดินไปมาบ้าง เพราะที่นี่ถือเป็นสถานที่เที่ยวที่มีชื่อเสียงที่สุดของเมืองนี้ แต่ด้วยความที่วันที่ผมไปนั้นเป็นช่วงเย็นของวันที่มีหิมะตกแทบจะตลอดทั้งวัน อีกทั้งยังเป็นวันธรรมดาด้วยก็เลยทำให้แทบจะไม่มีใครมาที่ปราสาทแห่งนี้เลย ซึ่งนั่นก็ทำให้ผมสามารถเก็บภาพปราสาทแห่งนี้ท่ามกลางหิมะที่ปกคลุมได้อย่างสบายๆ ครับ
และนี่ก็คือภาพบรรยากาศรอบๆ Tsuruga Castle ภาพของต้นไม้และทางเดินที่ปกคลุมไปด้วยหิมะขาวโพลน ภาพที่ผมคิดว่าสวยมากสำหรับคนที่ไม่ค่อยได้เห็นหิมะอย่างผม แต่ท่ามกลางความสวยงามแบบนี้ สิ่งที่เราต้องแลกมานั่นก็คือความหนาวครับ อากาศในตอนนั้นหนาวแบบสุดๆ ไปเลย แถมยังมีหิมะโปรยปรายตลอดเวลาด้วย เรียกว่าถ้าใครเตรียมพร้อมมาไม่ดีนี่ คงต้องรีบเผ่นภายใน 20 นาทีแน่ๆ ครับ
ผมกับต๋งถ่ายภาพรอบๆ ปราสาทได้ประมาณ 1 ชั่วโมง เราสองคนก็ต้องยอมแพ้ให้กับความหนาวและตัดสินใจกลับที่พัก โดยระหว่างทางการเดินกลับไปที่จุดรอรถบัสนั้นเราก็ได้แวะถ่ายรูปอีก 2-3 จุด ซึ่งหากใครที่เตรียมตัวมาดีๆ หน่อย มีชุดและอุปกรณ์พร้อมก็น่าจะได้ภาพดีๆ กลับไปพอควรเลยครับ
และวันถัดมา ซึ่งก็คือวันศุกร์ที่ 9 กุมภาพันธ์ 2561 ผมกับต๋งก็ได้เดินทางกลับไปที่ปราสาท Tsuruga อีกรอบ โดยวันนี้ที่ปราสาทจะมีงานเทศกาลพิเศษประจำปีที่เรียกว่า Painted Candle Festival ด้วย ซึ่งงานนี้จะมีเพียงปีละ 1 ครั้งเท่านั้น โดยจะจัดปีละ 2 วัน ในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ ภายในงานจะมีการตกแต่งเทียนสวยงามเป็นจำนวนมาก ซึ่งในปี พ.ศ. 2561 ได้มีการจัดงานเทศกาล Painted Candle Festival ในวันที่ 9-10 กุมภาพันธ์ โดยทางเมือง Aizu-Wakamatsu ก็ได้ทำการโปรโมทงานนี้ตั้งแต่ที่สถานีรถไฟเลยครับ




ส่วนในเรื่องการเดินทางไปยังปราสาท Tsuruga นั้นก็ง่ายมากๆ เพราะที่เมืองแห่งนี้จะมีรถบัส Aizu Loop Bus บริการรอบเมือง โดยจะแบ่งออกเป็น 2 สาย คือสายสีแดง (Akabe) และสายสีเขียว (Haikara-san) ซึ่งรถทั้งสองสายนี้ต่างก็มีจุดตั้งต้นที่สถานี Aizu-Wakamatsu และวิ่งผ่านสถานที่เที่ยวทั้งหมดในเมืองเหมือนกัน เพียงแต่สายสีแดงจะวิ่งตามเข็มนาฬิกา และสายสีเขียวจะวิ่งทวนเข็มนาฬิการวมทั้งมีเที่ยวรถบริการเยอะกว่าครับ
สำหรับในการขึ้นรถทั้งสองสายนี้ก็ง่ายๆ เพราะรถทั้งสองสายนี้จะมีจุดเริ่มต้นจากสถานี Aizu-Wakamatsu ที่จุดเดียวกันและสลับกันออกทุกๆ 15 นาที ค่ารถคนละ 210 เยน/เที่ยว และมีรอบบริการตามภาพด้านล่างนี้ครับ ใครจะไปรอบไหนก็ดูเวลาดีๆ เพราะถ้าหากเราขึ้นจากหน้าสถานี Aizu-Wakamatsu นั้น จะเห็นว่ารถสายสีเขียวจะใช้เวลาในการนั่งรถแค่ 20 นาทีเท่านั้น ส่วนสายสีเขียวจะใช้เวลาในการนั่งรถนานถึง 31 เลยทีเดียว
หมายเหตุ : จุด Bus Stop หน้าปราสาท Tsuruga นั้นจะชื่อ Tsurugajo Iriguchi ซึ่งก็คือจุด H14 ของสายสีเขียว และจุด A27 ของสายสีแดงนะครับ
หลังจากที่ผมกับต๋งนั่งรถ Aizu Loop Bus มาลงที่ป้าย Tsurugajo Iriguchi เรียบร้อยแล้ว เราสองคนก็เดินต่อไปตามเส้นทางเดิมเมื่อวานนี้เพื่อไปชมเทศกาลเทียนของปราสาท Tsuruga ซึ่งสิ่งที่เราทั้งสองคนเห็นภาพแตกต่างจากเมื่อวานอย่างชัดเจนก็คือการที่มีป้ายบอกรายละเอียดการจัดงาน และการที่บริเวณทางเดินรอบๆ ปราสาทนั้นมีการตกแต่งด้วยเทียนที่สวยงามเป็นจำนวนมากครับ
หมายเหตุ : Painted Candle Festival นั้น จะเริ่มจุดเทียนตอนประมาณ 17.30 น. – 21.00 น. โดยผมแนะนำให้รีบมาตั้งแต่ 17.00 นะครับ เพื่อที่เราจะได้เก็บภาพบรรยากาศรอบๆ ปราสาทในขณะที่มีแสงได้ รวมไปถึงยังสามารถถ่ายภาพลวดลายของเทียนได้แบบเต็มๆ แท่งได้อีกด้วย
และนี่ก็คือภาพปราสาท Tsuruga ในยามเย็น ก่อนที่พระอาทิตย์จะลาลับขอบฟ้า ซึ่งต้องบอกว่าเป็นวันที่ผมโชคดีมากๆ เพราะสภาพอากาศวันนี้แตกต่างจากเมื่อวานสุดๆ ท้องฟ้าสวยงาม ฟ้าสีครามสดใส และไม่มีหิมะตกเลยครับ
อ้อ สำหรับใครที่มาชมความงามรอบๆ ปราสาท Tsuruga โดยไม่ได้เข้าไปในตัวปราสาทนั้น ไม่ว่าจะเป็นวันปกติหรือวันที่มีงานเทศกาล Painted Candle Festival ก็จะสามารถเข้าชมได้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายนะครับ ส่วนใครที่อยากเข้าไปในปราสาทก็จะมีค่าเข้าคนละ 410 เยน โดยในวันปกติปราสาทจะเปิดตั้งแต่ 8.30 น. – 17.00 น. แต่ในวันที่มีงานเทศกาลจะเปิดให้เข้าได้จนถึง 20.00 น. เลยครับ ซึ่งใครที่ไม่เคยมาก่อนผมแนะนำให้เข้าไปในปราสาทด้วยนะครับ แต่สำหรับผมกับต๋งเราเคยมากันแล้วดังนั้นวันนี้เราก็เลยขอเก็บภาพรอบๆ ด้านนอกเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
ภาพนี้เป็นภาพที่พระอาทิตย์ลาลับขอบฟ้าไปแล้ว ความมืดเริ่มปกคลุม และแสงจากเทียนตามจุดต่างๆ ก็เริ่มส่องแสงมากขึ้น รวมไปถึงที่ตัวปราสาทก็ได้มีการฉายไฟสีม่วงเพื่อเพิ่มความสวยงามและความโดดเด่น
ผมให้ดูภาพความสวยงามของ Painted Candle Festival กันยาวๆ เลยนะครับ โดยที่งานนี้เราจะได้เห็นปราสาท Tsuruga ในแบบที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน ได้เห็นความสวยงามจากเทียนรูปแบบต่างๆ ที่เค้าจัดวางไว้รอบๆ ปราสาท และถ้าใครที่ขึ้นไปยังชั้นบนสุดของปราสาทก็จะได้เห็นภาพมุมสูงที่ทางผู้จัดเค้าได้วางเทียนในสนามหญ้าหน้าปราสาทเป็นข้อความและรูปภาพบางอย่างครับ
นอกจากนี้ถ้าใครอยากจะเพ้นท์ลายเทียนด้วยตัวเอง หรือจะซื้อเทียนสำเร็จรูปมาวางที่ปราสาทแห่งนี้ด้วยก็สามารถทำได้ครับ โดยเค้าจะมีร้านที่เปิดบริการอยู่ใกล้ๆ ปราสาท ใครที่สนใจก็สามารถคลิกที่นี่เพื่อตามไปดูข้อมูลเพิ่มเติมได้เลยครับ











และทั้งหมดนี้ก็คือเรื่องราวของผมกับต๋งที่ได้มีโอกาสแวะไปเยี่ยมชมความงามของ Tsuruga Castle เมือง Aizu-Wakamatsu จังหวัด Fukushima ในช่วงฤดูหนาวและเทศกาลเทียน Painted Candle Festival ครับ ก็เอาเป็นว่าใครที่ได้มีโอกาสไปเมืองนี้และชอบดูปราสาทของประเทศญี่ปุ่นก็ไม่ควรพลาดที่จะแวะไปชมที่นี่ครับ โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาวที่ตัวปราสาทจะมีความสวยงามท่ามกลางหิมะสีขาว ส่วนถ้าใครอยากจะไปชมเทศกาลเทียน Painted Candle Festival แบบผมก็สามารถติดตามวันจัดงานของเค้าได้ที่เวบนี้เลย http://gokujo-aizu.com/iti/en/e-event โดยภายในงานเค้าจะมีอาหารขายด้วยนะครับ เป็นบูทเล็กๆ ประมาณ 5-6 บูท ราคาอาหารประมาณ 300-500 เยน ใครหิวก็เลือกซื้อกินได้เลย รสชาติอร่อยดีครับ ^^
อ้อ สำหรับใครที่ตั้งใจจะมางานเทศกาล Painted Candle Festival ก็ต้องทำใจเรื่องรถขากลับด้วยนะครับ เพราะรถบัสจะมีให้บริการถึงแค่ประมาณ 17.50 น. เท่านั้น หลังจากนั้นเราต้องเลือกแล้วว่าจะนั่ง Taxi หรือเดินกลับ โดยผมกับต๋งเราเลือกจะเดินกลับโรงแรม Aizu-wakamatsu Washington Hotel ที่อยู่แถวๆ สถานี Aizu-Wakamatsu ซึ่งมีระยะห่างจากปราสาทประมาณ 2.5 กิโลเมตรครับ
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านจนจบ ทั้งนี้หากใครที่อยากจะติดตามเรื่องราวของการกินและเที่ยวของผมกับต๋งแบบใกล้ชิดก็สามารถกดติดตามได้ที่เพจ “ภรรยาหา สามีใช้” ได้เลยครับ แล้วพบกันใหม่ สวัสดีครับ
หมายเหตุ : บทความนี้เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวของผมในวันที่ไปใช้บริการเท่านั้นครับ แต่ละท่านที่ได้มีโอกาสไปใช้บริการอาจจะได้รับการบริการที่แตกต่างจากนี้ออกไป