เร่เข้ามาจ้า เร่เข้ามา วันนี้ผม นาย “ภรรยาหา สามีใช้” จะพาทุกคนไปรู้จักกับไลน์อาหารบุฟเฟ่ต์นานาชาติ (International Buffet) ที่สามารถนั่งกินได้นานถึง 3 ชั่วโมงครึ่ง ในราคา net แล้ว ไม่เกิน 850 บาท/คน ครับ
สำหรับห้องอาหารที่ผมจะพาทุกคนไปนี้ มีชื่อว่าห้องอาหาร Cafe’ De Nimes (คาเฟ่ เดอร์ นีมส์) ซึ่งตั้งอยู่บริเวณชั้น G ของโรงแรมแกรนด์สุขุมวิท กรุงเทพฯ (Grand Sukhumvit Hotel Bangkok) โดยการเดินทางมายังโรงแรมแห่งนี้สำหรับผู้ที่มีรถส่วนตัว หรือ Taxi ก็ให้ขับรถเข้าไปทางซอยสุขุมวิท 4 แล้วก็ไปตามทางเรื่อยๆ จนเกือบถึงทางออกซอยสุขุมวิท 6 จากนั้นเราก็จะเจอโรงแรมอยู่ทางขวามือครับ (ซอยสุขุมวิท 6 เป็นซอย one way เราไม่สามารถเลี้ยวรถเข้ามาจากถนนสุขุมวิทได้นะครับ) ส่วนใครที่นั่ง BTS ไป ก็ให้ลงที่สถานีนานา แล้วก็เดินเข้าซอยไปประมาณ 200 เมตร ซึ่งถ้าใครจะไปตอนมืดๆ ค่ำๆ เนี่ย ผมแนะนำว่าให้หาเพื่อนเดินไปด้วยนะครับ จะได้รู้สึกอุ่นใจในเวลาเดิน ^^
Disclosure : บทความนี้ได้รับการสนับสนุนจากผู้ให้บริการ แต่ทั้งนี้ความเห็นต่างๆ ที่เกิดขึ้นเป็นความรู้สึกจริงของผมครับ
เมื่อเราไปถึงโรงแรมแล้วเราก็จะเจอห้องอาหาร Café De Nimes อยู่ด้านหน้าของโรงแรมบริเวณใกล้ๆ กับถนนเลย แต่เราจะไม่สามารถเดินเข้าทางนั้นได้นะครับ เราต้องเดินไปด้านข้างของตึกซึ่งเป็นประตูทางเข้าหลักของโรงแรมก่อน จากนั้นก็ให้เลี้ยวซ้ายแล้วก็จะถึงห้องอาหารที่เป็นเป้าหมายของเราในวันนี้ครับ
สำหรับราคาอาหารของ Café De Nimes นั้น โดยปกติราคาสำหรับการทานมื้อเย็นจะอยู่ที่ 1,412 บาท/คน net (รวมเครื่องดื่มเรียบร้อยแล้ว) แต่ช่วงนี้จนถึงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2561 ทางห้องอาหารมีโปรสุดพิเศษดังนี้อยู่
วันจันทร์ – วันพุธ : ราคา 799 บาท/คน net (รวมเครื่องดื่มเรียบร้อยแล้ว)
วันพฤหัสบดี – วันอาทิตย์ : ราคา 847 บาท/คน net (รวมเครื่องดื่มเรียบร้อยแล้ว)
โดยห้องอาหารแห่งนี้จะเปิดบริการตั้งแต่เวลา 18.30 น. – 22.00 น. และเพื่อความมั่นใจว่าเราจะได้โต๊ะนั่ง รวมทั้งได้ทานอาหารในราคานี้ ผมแนะนำว่าให้ทุกคนโทรไปสำรองที่นั่งและสอบถามข้อมูลต่างๆ ก่อนไปใช้บริการอย่างน้อย 1 วัน ที่เบอร์ 02-2079999 นะครับ
ลักษณะโดยทั่วไปของห้องอาหาร Café De Nimes นั้น จะเป็นห้องอาหารที่เพดานสูง มี Station อาหารแยกเป็นหมวดๆ  เช่น On Ice, Grilled, อาหารญี่ปุ่น, สลัด แล้วก็ของหวาน โดยพื้นที่ห้องอาหารนั้นน่าจะสามารถรองรับคนได้ประมาณ 120-130 คนครับ
เราไปเริ่มไล่ดูไลน์อาหารรวมทั้งพูดถึงรสชาติกันเลยนะครับ เริ่มจากจุดแรก Station ที่เป็นทั้ง Grilled Station และไลน์อาหารนานาชาติ จุดนี้จะมีอาหารปิ้งย่างอย่างกุ้งแม่น้ำ, กุ้งลายเสือ และหอยหวาน โดยทางโรงแรมจะทำการย่างให้เราตลอดเวลาอยู่แล้ว ใครอยากทานอะไรก็เดินไปหยิบได้เลย แต่ถ้าใครอยากทานชิ้นไหนเป็นพิเศษก็บอกเชฟได้ครับ
เรื่องของรสชาติและความสดของจุดนี้ ผมว่าทาง Café De Nimes ทำออกมาได้ดีเลยครับ กุ้งแม่น้ำตัวโต มีมันที่หัวเป็นบางตัว ความสดอยู่ในเกณฑ์ดี และทางพนักงานก็ Grilled มาได้ในระดับที่พอเหมาะด้วย เมื่อเรานำกุ้งเนื้อแน่นๆ หวานๆ ไปจิ้มกับน้ำจิ้มซีฟู้ดสุดแซ่บของเค้าก็ทำให้ฟินไปเลย
อ้อ กุ้งลายเสือกับหอยหวาน ก็สดเหมือนกันนะครับ แต่โดยส่วนตัวแล้วผมชอบทานกุ้งแม่น้ำมากกว่า เพราะตัวใหญ่ เนื้อเยอะ แกะเปลือกง่ายกว่าครับ ><
นอกจากกุ้งและหอยหวานแล้ว ที่ Grilled Station นี้ ยังมีเมนูอาหารนานาชาติ รวมถึง Steak ด้วยนะครับ โดยเมนู Steak นั้น จะสามารถสั่งได้ว่าจะเอาอะไรระหว่างเนื้อแกะ, เนื้อเซอร์ลอยน์, ปลากะพง และไส้กรอก ซึ่งผมได้ลองทั้ง 4 ชนิดและขอสรุปรสชาติตามนี้ครับ
เนื้อแกะ : ปรุงมาได้ดีเลย อร่อย นุ่ม และไม่มีกลิ่น ใครที่ชอบทานเนื้อแกะแต่ไม่ชอบกลิ่นน่าจะถูกใจกับการปรุงของที่นี่
เนื้อเซอร์ลอยน์ : ทำได้ดีพอประมาณ เนื้อนุ่ม แต่ยังมีความเหนียวอยู่ ถ้าปรุงสุกน้อยกว่านี้น่าจะดีขึ้น ส่วนซอสที่ราดมานั้นอร่อยและเข้ากันดี
ปลากะพง : รสชาติกลางๆ ไม่มีอะไรโดดเด่น
ไส้กรอก : รสชาติโอเค ทานได้เรื่อยๆ แต่แอบแปลกใจที่ทางห้องอาหารเลือกใช้เป็นไส้กรอกชีส เพราะปกติแล้วจะไม่ค่อยเห็นที่ไหนใช้ในการทำสเต็กซักเท่าไหร่ เมนูนี้คนที่ชอบทานไส้กรอกชีสน่าจะถูกใจครับ
ส่วนของเมนูอาหารนานาชาตินั้น วันที่ผมไปจะมีพิซซ่า, นาน, แพนงหมู, แซลมอนเทริยากิ, ปลาดอลลี่ทอด, ปลาดอลลี่ซอสมะนาว, ผัดผักน้ำมันหอยหวาน แล้วก็อาหารอีก 2-3 อย่าง ซึ่งผมเองก็ไม่ได้ลองชิมทุกรายการนะครับ แต่เท่าที่ได้ลองชิม ผมว่าพิซซ่า, แซลมอนเทริยากิ และปลาดอลลี่ทอด เค้าทำได้ดี ส่วนแป้งนานรสชาติยังไม่ค่อยโดนเท่าไหร่ แป้งไม่เหนียว และไม่ค่อยได้กลิ่นของเนยเลย T_T
ต่อกันที่ไลน์อาหารญี่ปุ่นที่อยู่ใกล้ๆ กัน ที่จุดนี้ทางห้องอาหารจะมีซูชิที่ปั้นไว้เสร็จเรียบร้อยแล้วให้เราคีบ แต่เราสามารถสั่งเมนูซาชิมิเพิ่มได้ โดยประเภทของเนื้อที่มีให้เลือกก็คือแซลมอน, ซาบะ,  ทูน่า และปลาหมึกยักษ์ ส่วนในเรื่องรสชาตินั้นผมว่าไลน์อาหารญี่ปุ่นของที่นี่อยู่ในเกรดกลางๆ เหมาะเอาไว้กินแก้ขัดมากกว่า
ต่อกันที่บริเวณใกล้ๆ กันกับไลน์อาหารญี่ปุ่น จุดนี้จะเป็น Station ของ Seafood on ice, อาหารทะเลนึ่ง, ขนมปัง แล้วก็ต้มยำครับ
ในส่วนของ Seafood on ice นั้น จะมีกุ้ง, กั้งและหอยนางรม ซึ่งความสด อร่อยนั้นอยู่ในเกณฑ์ดีเลย โดยเฉพาะหอยนางรม หอยสด ตัวใหญ่ และรสชาติดีมาก ดังนั้นต๋งซึ่งเป็นคนชอบทานหอยนางรมสดอยู่แล้วก็เลยจัดไป 3-4 จานใหญ่ๆ เลยครับ ><
ส่วนเมนูซีฟู้ดส์นึ่งก็จะมีกุ้ง, หอยแมลงภู่, ปูม้า และปูหิมะ โดยหอยแมลงภู่นั้นตัวใหญ่และสดดี ปูหิมะก็ก้ามโตและสดใช้ได้ ส่วนปูม้าถึงแม้ขนาดตัวจะไม่ใหญ่มาก แต่ในเรื่องความสดก็ถือว่าสอบผ่านครับ สามารถกินได้เรื่อยๆ แค่เหนื่อยจะต้องแกะหลายตัวซักหน่อย ซึ่งทางโรงแรมเองก็เหมือนจะรู้ปัญหานี้ก็เลยอำนวยความสะดวกด้วยการแบ่งปูเป็นส่วนๆ ให้แล้ว ทำให้เราไม่ต้องเอามาแกะทั้งตัวครับ
หมายเหตุ : สำหรับปูหิมะนั้นเหมือนทางโรงแรมจะมีจำนวนต่อวันจำกัดและเป็นเมนูที่คนมาทานสนใจกันมาก ก็เลยเป็นเมนูที่มาไวไปไวพอควร ดังนั้นใครที่สนใจเมนูนี้ก็คงต้องขยันเดินไปดูหลายรอบหน่อยนะครับ
สำหรับขนมปังกับต้มยำซึ่งอยู่ในบริเวณเดียวกันนี้  โดยส่วนตัวผมให้รสชาติของต้มยำสอบผ่านครับ แม้จะไม่จัดจ้านมาก แต่ก็พอทานตัดรสกับอาหารอื่นๆ ได้ แต่ขนมปังผมว่ารสชาติยังธรรมดา ไม่ได้รู้สึกประทับใจอะไร เก็บท้องไว้กินหอยนางรม, กุ้งแม่น้ำและปูดีกว่า ><
ต่อกันที่ไลน์ซึ่งอยู่โดดเด่นบริเวณกลางห้องอาหารกันดีกว่า ไลน์นี้จะมีของทานเล่น, ยำ, สลัด, ผลไม้ แล้วก็เครื่องดื่ม โดยในส่วนของสลัดจะมีทั้งผักสดให้เราเลือกใส่น้ำสลัดเองแล้วก็สลัดที่ทางห้องอาหารปรุงสำเร็จมาแล้ว 5-6 อย่าง
ในส่วนของสลัดผักที่เราต้องหยิบเองนั้น วันนี้ผมกับต๋งไม่ได้ลองทานเลย แต่เท่าที่ดูผักเค้าก็สวยงามน่ากินดี ส่วนสลัดและยำที่ทางห้องอาหารเค้าปรุงมาสำเร็จแล้ว ผมลองชิมครบทุกอัน รสชาติส่วนใหญ่อยู่ในระดับกลางๆ มีเพียงสลัดสาหร่ายวากาเมะ (Wakame) เท่านั้น ที่ถูกปากผมสุดจนต้องไปตักมาทานเพิ่มครับ
สำหรับผลไม้นั้น ก็ถือว่าทำได้ดีตามเกรดมาตรฐานโรงแรมทั่วไป หั่นสวย ดูสะอาด น่าทาน ส่วนรสชาติก็หวานมากน้อยปนกันไปครับ
ต่อกันที่ของหวานครับ ที่นี่มีของหวานให้เลือกทานเยอะเหมือนกัน ตั้งแต่ Strawberry Shortcake, Banoffee, Caramel Custard, Cheesecake, Carrot Cake, Toffee Cake, Nut Pie และ Mixed Berries Pie ส่วนรสชาตินั้นจากที่ผมได้ลองชิม 4-5 อย่าง ถือว่าทาง Café De Nimes ทำได้อยู่ในเกณฑ์ดีเลย อร่อยกว่าไลน์อาหาร International Buffet หลายๆ ที่ แต่ก็ยังไม่ได้ถึงขั้นว้าวจนต้องห้ามพลาดนะครับ
อ้อ ที่นี่เค้ามีไอศกรีมด้วยนะครับ โดยวันที่ผมไปนั้นจะเป็นรส Passion Fruit (เสาวรส) กับ คุ้กกี้ แอนด์ ครีม รสชาติของเสาวรสผมว่าอร่อยดี แต่คุ้กกี้ แอนด์ ครีม ผมว่าหวานไปหน่อย ส่วนท้อปปิ้งที่มีให้เลือกใส่นั้นอยู่ในระดับกลางๆ ครับ
แล้วก็ถ้าใครสังเกตให้ดีๆ บริเวณด้านซ้ายของไลน์ของหวาน จะมี station อาหารพิเศษตั้งอยู่ โดยวันที่ผมไปนั้นเป็นขาแกะอบ และก็เป็นอีกหนึ่งเมนูที่เค้าทำออกมาได้ดีเลย นุ่มและไม่มีกลิ่น เรียกว่าถ้าเป็นเมนูที่เกี่ยวกับแกะ ทาง Café De Nimes ค่อนข้างเชี่ยวชาญเลยครับ
และก่อนที่จะเข้าบทสรุปกัน เดี๋ยวเราไปพูดถึงเรื่องสุดท้ายของที่นี่กันก่อน นั่นก็คือเครื่องดื่มครับ ที่ Café De Nimes จะมีเครื่องดื่มรวมให้เราเรียบร้อยแล้วในไลน์บุฟเฟ่ต์ โดยจะมีน้ำเปล่ากลับน้ำอัดลม ซึ่งน้ำเปล่าเนี่ยจะมีพนักงานของโรงแรมมาคอยเติมให้ ส่วนถ้าใครอยากทานน้ำอัดลมก็ต้องเดินไปตักเองที่ไลน์อาหารตรงกลางห้อง โดยน้ำอัดลมของเค้าจะเป็น Est ที่เป็นขวดใหญ่ครับ ซึ่งโดยส่วนตัวผมอยากให้เค้าติดตั้งเป็นตู้กดมากกว่า เพราะมันสะดวกกว่าการที่ต้องเปิดฝาขวดเท แต่ถ้ามองในแง่ความสะอาด และการดูแลรักษา การเทเป็นขวดก็อาจจะดีกว่าครับ
ส่วนใครที่อยากจะทานชา กาแฟ เป็นการปิดท้ายมื้อ ที่นี่ก็มีให้บริการฟรี โดยมีตู้ชงกาแฟอัตโนมัติ และก็ชาซองของ Twinings ไว้คอยบริการ
และทั้งหมดนี้คือเรื่องราวทั้งหมดที่ผมกับต๋งได้ไปสัมผัสมาในการทานอาหารที่ห้องอาหาร Café De Nimes โรงแรมแกรนด์สุขุมวิท กรุงเทพฯ (Grand Sukhumvit Hotel Bangkok) และเพื่อให้ทุกคนอ่านชัดๆ เข้าใจง่าย เดี๋ยวเราไปไล่สรุปรีวิวในครั้งนี้กันตามแต่ละหัวข้อดังนี้เลยครับ
วันที่รับประทาน : วันเสาร์ที่ 27 มกราคม 2561
ช่วงเวลา : 18.30 – 21.30 น.
จำนวน : 2 คน
รสชาติอาหาร : เป็นห้องอาหารที่มีคุณภาพและรสชาติของ Seafood ที่ดีห้องนึงเลยครับ ทาง Café De Nimes ทำได้ดีทั้งในส่วนของ On ice และ Grilled โดยเฉพาะหอยนางรมสด ทำได้ดีมากๆ ส่วนอาหารประเภทอื่นที่ทำได้ดีเช่นเดียวกันคือเมนูจากแกะและอาหารประเภทสเต็ก ส่วนประเภทอาหารที่ผมว่าไม่ค่อยโดน และดร็อปจากอย่างอื่นมากที่สุดก็คือซุ้มอาหารญี่ปุ่นครับ
ความหลากหลายของอาหาร : แม้จะเป็นไลน์อาหาร International Buffet แต่โดยส่วนตัวแล้วผมคิดว่าประเภทอาหารของที่นี่ค่อนข้างน้อยกว่าที่อื่นพอควร โดยเฉพาะในกลุ่มของอาหารหลักที่ผมคิดว่าหากทางห้องอาหารสามารถเพิ่มอีกซัก 2-3 อย่าง เช่น ก๋วยเตี๋ยว, สปาเกตตี้ น่าจะทำให้ดูหลากหลายน่าสนใจมากขึ้น แต่อย่างไรก็ตามด้วยจำนวนอาหารที่ทาง Café De Nimes มีตอนนี้ หากเรากินหมดทุกอย่างก็ทำให้อิ่มจนจุกได้อยู่ครับ ><
ความสะอาดของร้าน : เรื่องนี้สอบผ่านสบายๆ ไม่ติดปัญหาอะไรครับ และลักษณะของห้องอาหารก็ดูโล่ง เพดานสูง นั่งสบายไม่อึดอัด
การบริการของพนักงาน : จากที่ผมได้รับบริการมา ถือว่าดีและสอบผ่านเลย เก็บจานและเติมน้ำเปล่าได้รวดเร็ว รวมทั้งเมื่อขอความช่วยเหลือเรื่องอื่นๆ ก็ได้รับการบริการที่ดีเช่นเดียวกัน
ความสะดวกของการเดินทาง : เป็นห้องอาหารในโรงแรมบริเวณถนนสุขุมวิทที่เดินทางสะดวกน้อยกว่าหลายๆ ที่ เพราะโรงแรมไม่ได้ติดกับถนนสุขุมวิท ต้องเข้าซอยอีกประมาณ 200 เมตร และซอยก็เป็น one way ด้วย ดังนั้นก็เลยอาจจะทำให้คนที่ไม่เคยไปมาก่อนมึนงงได้ ส่วนในเรื่องที่จอดรถโดยส่วนตัวคิดว่าไม่น่ามีปัญหาอะไรครับ หากไม่ใช่วันที่มีการจัดงานอะไรใหญ่ น่าจะสามารถจอดรถได้อย่างสบาย ส่วนคนที่เดินทางด้วย BTS นั้น แม้ระยะทางจากโรงแรมถึง BTS 200 เมตร จะไม่ใช่ระยะทางที่เดินไกลมาก สามารถเดินได้สบายๆ แต่หากผู้หญิงคนไหนไปทานอาหารตอนค่ำๆ ก็ควรจะหาเพื่อนเดินร่วมทางไปด้วยจะดีกว่าครับ
ความคุ้มค่า : ถ้าเทียบกันที่ราคาเต็ม 1,412 บาทต่อคน ผมว่าเป็นราคาที่ไม่ค่อยคุ้มค่าเท่าไหร่ เพราะมีอีกหลายห้องอาหารในโซนนี้ที่มีโปรโมชั่นที่น่าสนใจกว่า แต่ถ้ามองกันที่โปรโมชั่นที่ทาง Café De Nimes ลด 40-50% เหลือเพียง 799 บาท/คน net (สำหรับวันจันทร์-พุธ) และ 847 บาท/คน net (สำหรับวันพฤหัสบดี-อาทิตย์) ผมว่านี่เป็นราคาที่คุ้มค่าน่าลองมาก และด้วยราคากับคุณภาพซีฟู้ดแบบนี้สามารถสู้กับห้องอาหารหลายๆ ที่ที่มีราคาสูงกว่านี้ได้เลย
สรุป : หากคุณกำลังมองหาห้องอาหารในโรงแรมแถวถนนสุขุมวิทที่คนไม่เยอะ, อาหารประเภทซีฟู้ดส์ดี โดยเฉพาะหอยนางรม, การเติมอาหารต่อเนื่อง เดินไปตักแล้วไม่หงุดหงิด, ไม่เน้นทานปลาดิบและซาชิมิ, พนักงานบริการดี ราคาต่ำกว่า 850 บาท/คน net ที่นี่คือห้องอาหารที่สามารถตอบโจทย์เลยครับ แต่ทั้งนี้ก็ต้องยอมรับในลักษณะของห้องอาหารแห่งนี้ด้วยที่จะมีความหลากหลายของอาหารน้อยกว่าหลายที่ รวมทั้งโรงแรมนั้นตั้งอยู่ในซอย ไม่ได้ติดถนนใหญ่ด้วยครับ
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านจนจบ แล้วพบกันใหม่ในรีวิวหน้า ทั้งนี้ทุกท่านสามารถเข้าไปพบปะพูดคุยเรื่องราวของการกินและเที่ยวของผมกับต๋งแบบใกล้ชิดที่เพจ “ภรรยาหา สามีใช้” ได้เลยครับ และสำหรับใครที่อยากจะดูบรรยากาศของการรีวิวอาหารครั้งนี้ของผมในรูปแบบของภาพเคลื่อนไหวก็สามารถกดดูที่คลิปด้านล่างได้เลย หรือใครที่อยากจะดูข้อมูลห้องอาหารนี้เพิ่มเติมก็กดเข้าไปที่ลิงก์ด้านล่างนี้ได้ครับ
Fanpage Grand Sukhumvit Hotel Bangkok
Tel : 02-2079999
หมายเหตุ : บทความนี้เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวของผมในวันที่ไปใช้บริการเท่านั้นครับ แต่ละท่านที่ได้มีโอกาสไปใช้บริการอาจจะได้รับการบริการที่แตกต่างจากนี้ออกไป