บุฟเฟ่ต์ติ่มซำถือเป็นอาหารอีกประเภทนึงที่ผมและครอบครัวของภรรยาผมชอบทานมากโดยเฉพาะในวันสำคัญต่างๆ แต่ทุกครั้งที่เราตัดสินใจจะเลือกไปทานบุฟเฟ่ต์ติ่มซำนั้นเรามักจะติดปัญหาอยู่ 2 อย่าง คือ ราคาค่อนข้างแรง เพราะโดยเฉลี่ยแล้วบุฟเฟ่ต์ติ่มซำตามโรงแรมนั้นจะราคาตกคนละเกือบ 1,000 บาทเลย ส่วนเรื่องที่สองนั้นก็คือบุฟเฟ่ต์ติ่มซำส่วนใหญ่มักจะเปิดให้บริการเฉพาะมื้อกลางวันเท่านั้น ซึ่งในหลายๆ ครั้งครอบครัวของผมกับภรรยาก็ไม่ค่อยสะดวกไปทานในมื้อกลางวันซักเท่าไหร่ ดังนั้นพวกเราจึงได้แต่แอบหวังว่ามันจะมีบุฟเฟ่ต์ติ่มซำที่สามารถตอบโจทย์ 2 ข้อนี้ของพวกเราได้ และในที่สุดคำขอภายในใจของพวกเราก็สัมฤทธิ์ผลแล้วครับ เพราะวันนี้ผมได้มีโอกาสไปเจอกับบุฟเฟ่ต์ติ่มซำเกรดโรงแรมห้าดาวที่เปิดให้บริการตั้งแต่ 11.30 น. – 22.00 น. แถมยังมีราคาต่อคนที่ย่อมเยาอีกด้วย โดยราคาของผู้ใหญ่จะอยู่ที่ 578 บาท/คน net และราคาของเด็กจะอยู่ที่ 289 บาท/คน net เท่านั้นเองครับ!! และที่สำคัญในเรื่องของคุณภาพอาหารและรสชาติก็ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดีอีกด้วย เรียกว่ากินแล้วคุ้มค่าคุ้มราคากันเลย ว่าแล้วจะรอช้าอยู่ทำไมตามไปอ่านรีวิวนี้กันต่อยาวๆ ได้เลยครับ!!
Disclosure : บทความนี้ได้รับการสนับสนุนจากผู้ให้บริการ แต่ทั้งนี้ความเห็นต่างๆ ที่เกิดขึ้นเป็นความรู้สึกจริงของผมครับ
สำหรับบุฟเฟ่ต์ติ่มซำหรือ Dimsum All you can eat ที่ผมจะพาทุกคนไปรู้จักในวันนี้นั้นจะเป็นของห้องอาหาร The Mulberry Chinese Cuisine (เดอะ มัลเบอร์รี่ ไชนีส คูซีน) โรงแรม The Berkeley Hotel Pratunam (เดอะ เบอร์เคลีย์ ประตูน้ำ) ครับ โดยห้องอาหารแห่งนี้จะตั้งอยู่ที่ชั้น 10 ของโรงแรม ส่วนตำแหน่งที่ตั้งของโรงแรมนั้นก็ไปได้ง่ายมากๆ เพราะโรงแรม The Berkeley Hotel Pratunam นั้นจะตั้งอยู่บริเวณประตูน้ำ ข้างๆ กับตึก Palladium (พาลาเดียม) เยื้องๆ กับห้าง Platinum (แพลตตินั่ม) แหล่งช็อปปิ้งเสื้อผ้าราคาถูกมากมายนั่นเองครับ
ใครที่ไปโรงแรมนี้ไม่ถูกก็ลองดูแผนที่ด้านล่างนี้ได้นะครับ ขับรถไปไม่ยาก ที่จอดรถเยอะมาก แถมสามารถจอดได้ยาวๆ ถึง 6 ชั่วโมงเลย ส่วนใครที่ไม่มีรถส่วนตัวก็สามารถไปได้ทั้งรถเมล์, แท็กซี่ หรือไม่ก็รถไฟฟ้า BTS โดยสถานีรถไฟฟ้า BTS ที่ใกล้ที่สุดน่าจะเป็นสถานีชิดลมครับ เดินประมาณ 800-900 เมตรก็ถึงโรงแรมแล้วครับ
เมื่อเรามาถึงโรงแรมแล้วก็ให้เรากดลิฟท์ขึ้นไปที่ชั้น 10 ได้เลย และเดี๋ยวเราก็จะเจอกับห้องอาหาร The Mulberry Chinese Cuisine อยู่ทางซ้ายมือ โดยด้านหน้าห้องอาหารจะมีสิงโตสีทองตัวใหญ่ 2 ตัว แล้วก็เคาน์เตอร์ต้อนรับอยู่ ใครที่สงสัยอะไรหรือต้องการสอบถามข้อมูลต่างๆ ก็สามารถสอบถามกับพนักงานที่เคาน์เตอร์นี้ได้เลยครับ
ส่วนภายในห้องอาหารนั้นจะมีการแบ่งออกเป็น 2 โซน โซนแรกก็คือโซนสำหรับนั่งรับประทานอาหารของพวกเรา โดยโซนนี้จะมีโต๊ะเก้าอี้ตั้งอยู่เป็นจำนวนมาก มีทั้งโต๊ะกลมขนาดใหญ่ที่สามารถรองรับคนได้ 8-10 คน จนไปถึงโต๊ะสี่เหลี่ยมเล็กๆ สำหรับนั่งรับประทาน 2-4 คนครับ บรยากาศโดยรวมของโซนนี้ถือว่าโอเคครับ เพดานค่อนข้างสูง ที่นั่งนั่งสบาย โต๊ะแต่ละตัวไม่ได้วางชิดกันมาก ส่วนจำนวนโต๊ะเก้าอี้ที่รองรับได้นั้นน่าจะประมาณ 120 คนครับ
ส่วนนี่จะเป็นอีกโซนนึงครับ โซนนี้จะอยู่ตรงข้ามกับโซนที่เรานั่งรับประทานอาหารเมื่อกี้นี้ โดยโซนนี้จะเป็นโซนที่ทางพ่อครัวเค้าประกอบอาหารต่างๆ ให้เราทานครับ ใครอยากจะเดินมาดูก็เดินมาได้นะ มันอยู่ตรงข้ามกับโซนที่เรานั่งเลย แถมเค้ายังทำเป็นครัวที่ตั้งใจเปิดให้เราดูได้ชัดๆ ด้วย เพราะว่าผนังด้านนึงของเค้าจะเป็นกระจกใสยาวตลอดแนว ทำให้เราสามารถมองเห็นอิริยาบถต่างๆ ของพ่อครัวได้อย่างชัดเจนเลยครับ
เอาล่ะ คราวนี้เรามาดูในเรื่องของราคา, รายละเอียดการทาน รวมถึงเมนูต่างๆ ที่เราจะสามารถทานกันได้ในบุฟเฟ่ต์ติ่มซำไลน์นี้กันดีกว่าครับ โดยผมจะขอพูดถึงเรื่องของราคาและวันเวลาที่เค้าเปิดให้บริการก่อนนะครับ ใครที่สนใจจะได้มีข้อมูลประกอบการตัดสินใจตั้งแต่เนิ่นๆ เลยว่าวัน, เวลา, ราคา มันได้มั้ย จะได้ไม่ต้องเสียเวลาอ่านยาวๆ ครับ
ประเภทอาหาร : บุฟเฟ่ต์ติ่มซำ
ห้องอาหาร : The Mulberry Chinese Cuisine (เดอะ มัลเบอร์รี่ ไชนีส คูซีน)
วันที่เปิดให้บริการ : ทุกวัน
เวลาที่เปิดให้บริการ : 11.30 น. – 22.00 น. (ทานได้ครั้งละ 2 ชั่วโมง)
ราคาปกติสำหรับผู้ใหญ่ : ราคา 899++ บาท/คน (ไม่รวมเครื่องดื่ม)
ราคาปกติสำหรับเด็ก : เด็กอายุ 5-12 ปี ราคา 499++ บาท/คน (ไม่รวมเครื่องดื่ม), เด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี รับประทานฟรี (ไม่รวมเครื่องดื่ม)
ราคาพิเศษเมื่อจองล่วงหน้าผ่านลิงก์ : เมื่อทำการจองล่วงหน้าผ่านลิงก์นี้ จะได้รับสิทธิ์ราคาพิเศษลด 50% โดยผู้ใหญ่จะเหลือเพียงท่านละ 578 บาท/คน net (ไม่รวมเครื่องดื่ม) และเด็กอายุ 5-12 ปี เหลือเพียง 289 บาท/คน net (ไม่รวมเครื่องดื่ม)
หมายเหตุ : ระยะเวลาสิ้นสุดโปรโมชั่นลด 50% เมื่อจองผ่านลิงก์ คือ วันที่ 30 มิถุนายน 2563 และสำหรับท่านที่ต้องการทานเก๊กฮวยกับชาจีน (ร้อน/เย็น) Free Flow จะมีค่าใช้จ่ายคนละ 100 บาท/คน net
ครับ หลังจากที่เราทราบราคาและรายละเอียดต่างๆ ของบุฟเฟ่ต์ติ่มซำไลน์นี้กันแล้ว คราวนี้เราไปดูเรื่องประเภทอาหารที่เค้ามีให้เลือกทานกันบ้างดีกว่า โดยทางห้องอาหารเค้าจะมีการแบ่งอาหารออกเป็นทั้งหมด 5 หมวดตามนี้ครับ และสำหรับอาหารในหมวดที่ 2-5 นั้น เค้าจะมีการจำกัดว่าหนึ่งคนสามารถสั่งได้เพียง 1 เมนู และจะได้รับเพียง 1 จานเท่านั้น ส่วนอาหารในหมวดที่ 1 ที่เป็นติ่มซำนั้นจะไม่มีการจำกัดจำนวนครับ แต่ละคนจะสามารถสั่งกี่รายการก็ได้ และสามารถสั่งได้เรื่อยๆ ไม่มีอั้นครับ
หมวดที่ 1 : อาหารประเภทติ่มซำ มีทั้งหมด 24 รายการ สามารถเลือกสั่งได้ทั้งหมดและไม่มีการจำกัดการสั่งใดๆ
หมวดที่ 2 : อาหารประเภทบาร์บีคิวและผัก มีทั้งหมด 8 รายการ เราสามารถสั่งได้คนละ 1 เมนู (1 จาน) เท่านั้น
หมวดที่ 3 : อาหารประเภทซุป มีทั้งหมด 4 รายการ เราสามารถสั่งได้คนละ 1 เมนู (1 ถ้วย) เท่านั้น
หมวดที่ 4 : อาหารประเภทข้าวและก๋วยเตี๋ยว มีทั้งหมด 7 รายการ เราสามารถสั่งได้คนละ 1 เมนู (1 จาน) เท่านั้น
หมวดที่ 5 : ของหวาน มีทั้งหมด 4 รายการ เราสามารถสั่งได้คนละ 1 เมนู (1 ถ้วย) เท่านั้น
และนอกจากอาหารทั้ง 5 หมวดนี้แล้ว ทางห้องอาหารเค้ายังมีการจัดอาหารเซ็ตเล็กๆ มาเป็นออเดิร์ฟให้เราทานระหว่างนั่งรออาหารรอบแรกด้วยครับ โดยออเดิร์ฟนี้เค้าจะเลือกเอาเมนูเด็ด 5 รายการจากอาหารในหมวดที่ 2 มาทำให้เราทาน ใครที่ยังลังเลอยู่ว่าอาหารในหมวดนี้จะสั่งเป็นอะไรมาทานดีก็ลองชิมรสชาติในออเดิร์ฟของเค้าก่อนก็ได้ครับ โดย 5 เมนูเด็ดที่เค้านำมาจัดจานให้เราทานก่อนนั้นจะประกอบไปด้วย หมูกรอบ, เป็ดย่างฮ่องกง, หมูแดงอบน้ำผึ้ง, ไก่แช่เหล้า และยำแมงกระพรุนน้ำมันงา ซึ่งจากที่ผมได้มีโอกาสลองทานนั้นผมว่ารสชาติของทั้ง 5 รายการนี้ดีหมดเลยนะ แต่ถ้าถามว่าอะไรที่ผมทานแล้วประทับใจที่สุดก็น่าจะเป็นหมูกรอบกับหมูแดงอบน้ำผึ้งครับ สองเมนูนี้โดดเด่นกว่าเพื่อนมากๆ และเป็นสองเมนูที่ผมขอแนะนำเป็นพิเศษเลยว่าควรต้องสั่งมาทานเพิ่มในการสั่งอาหารจากหมวดที่สองครับ ><
หมายเหตุ : สำหรับปริมาณของอาหาร 5 รายการในจานออเดิร์ฟนั้น ทางห้องอาหารจะมีการจัดให้เหมาะสมกับจำนวนคนที่มาทานในแต่ละโต๊ะ โดยภาพที่ทุกคนเห็นด้านล่างนี้จะเป็นปริมาณทีเค้าจัดไว้สำหรับคนทานประมาณ 3 คนครับ และเมนูออเดิร์ฟนี้เราจะไม่สามารถสั่งเพิ่มได้อีกแล้วนะครับ จะได้รับเพียงโต๊ะละหนึ่งเซ็ตเท่านั้น
เอาล่ะ คราวนี้เรามาไล่ดูหน้าตากับรสชาติอาหารในแต่ละหมวดกันดีกว่าครับ โดยในเรื่องของรสชาติอาหารนั้นผมจะขอพูดแบบรวมๆ ไม่ได้ลงรายละเอียดมากนะ เพราะเมนูอาหารมันเยอะเหลือเกิน แถมผมยังไม่สามารถชิมได้หมดด้วยครับ @_@
เริ่มจากหมวดแรกที่เป็น “อาหารประเภทติ่มซำ” และเราทุกคนสามารถสั่งได้ไม่อั้น สั่งได้เรื่อยๆ ก่อนเลยนะครับ อาหารในหมวดนี้จะมีทั้งหมด 24 รายการ ตามรายชื่อด้านล่างนี้เลย
- เสี่ยวหลงเปา
- เกี๊ยวผักขมชีส
- ขนมจีบกุ้ง
- ฮะเก๋ากุ้ง
- ขาเป็ดเป๋าฮื้อน้ำแดง
- เบคอนซอสพริกกระเทียม
- ก๋วยเตี๋ยวหลอดหมูแดง
- ปลากะพงนึ่งซีอิ๊ว
- แซลมอนกุ้งซอสเทริยากิ
- กุ้งนึ่งมะนาว
- สาหร่ายกุ้งมันปู
- ปลากะพงนึ่งเต้าซี่
- บล็อคโคลี่มันปู
- ซาลาเปาหมูแดง
- ซาลาเปาไข่เค็มลาวา
- ซาลาเปาเผือก
- ซาลาเปาหมูสับ
- กุยช่ายทอด
- เกี๊ยวกุ้งทอด
- ซาลาเปาอบหิมะ
- ฮะเก๋าวาซาบิ
- ขนมผักกาดทอดหน้ากุ้ง
- เผือกทอด
- ฟองเต้าหู้ทอด
รสชาติอาหารโดยรวมๆ ของหมวดนี้ถือว่าทำได้ดีเลยครับ และมีหลายเมนูมากที่ผมทานแล้วรู้สึกประทับใจจนต้องสั่งซ้ำอีก คุณภาพโดยรวมของแต่ละเมนูดี ขนาดแต่ละชิ้นใหญ่เต็มปากเต็มคำ และมีการอัดไส้ต่างๆ เช่น หมู, กุ้ง, ปลา มาได้เยอะดี ใครที่ชอบทานอาหารประเภทติ่มซำผมว่าน่าจะประทับใจกับการมาทานอาหารที่นี่พอควรเลยครับ
สำหรับรายการอาหารในหมวดนี้ที่ผมอยากจะแนะนำให้ทุกคนลองทานเป็นพิเศษนั้นมันจะมีอยู่หลายรายการเลย และเพื่อให้ทุกคนเข้าใจง่ายๆ ผมจะขอแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มนะครับ กลุ่มแรกคือเมนูติ่มซำปกติ โดยเมนูของกลุ่มนี้ที่ผมอยากจะแนะนำให้ลองทานก็คือ เสี่ยวหลงเปา, ขนมจีบกุ้ง, ฮะเก๋ากุ้ง, ปลากะพงนึ่งซีอิ๊ว, แซลมอนกุ้งซอสเทริยากิ, กุ้งนึ่งมะนาว, ซาลาเปาหมูแดง และซาลาเปาไข่เค็มลาวาครับ เสี่ยวหลงเปานั้นแป้งบาง น้ำซุปอร่อย ส่วนพวกขนมจีบกุ้ง, ฮะเก๋ากุ้ง และเมนูอื่นๆ นั้นก็ทำได้ดีเลย เนื้อต่างๆ จัดมาให้เต็มปากเต็มคำดีครับ
ส่วนอาหารกลุ่มที่สองของติ่มซำที่ผมอยากจะให้ลองทานนั้น มันจะเป็นอาหารที่ผมว่ามันไม่ค่อยมีโอกาสเจอที่ไหนครับ โดยเมนูที่ผมอยากแนะนำก็คือ เบคอนซอสพริกกระเทียม, กุยช่ายทอด, ซาลาเปาอบหิมะ และฮะเก๋าวาซาบิครับ เมนูเบคอนซอสพริกกระเทียมนั้นผมพึ่งจะเคยเจอที่นี่เป็นครั้งแรกเลย อร่อยและชุ่มซอสดี แถมคำใหญ่ด้วย ใครที่ชอบทานเบคอนราดซอสหวานๆ ควรสั่งมาลองทานครับ ส่วนกุยช่ายทอดนั้นก็ทำได้ดีมากๆ อร่อยจนผมต้องขอทานเพิ่มอีกลูกเลย และสำหรับซาลาเปาอบหิมะกับฮะเก๋าวาซาบินั้นสองเมนูนี้จะค่อนข้างแปลกกว่าใครเพื่อน โดยผิวด้านนอกของซาลาเปาอบหิมะนั้นจะมีความกรอบไม่เหมือนกับซาลาเปาทั่วๆ ไป ส่วนไส้ด้านในนั้นจะเป็นไส้หมูแดง รสชาติดีเลยครับ ใครที่อยากจะทานซาลาเปาที่แป้งกรอบๆ แต่ไม่ได้ทอดมาทั้งลูกแบบซาลาเปาทอดลองสั่งดูนะครับ ส่วนฮะเก๋าวาซาบิที่มีเปลือกด้านนอกเป็นสีเขียวนั้นอันนี้จะเป็นฮะเก๋าทอดนะครับ ตัวมันเองไม่ได้มีรสเผ็ดหรือรสของวาซาบิตามสีเขียวที่เราเห็น แต่รสชาติของวาซาบินั้นจะอยู่ในน้ำจิ้มที่เสิร์ฟคู่กันครับ ทานแล้วอร่อยเข้ากันดี แถมตัวแป้งนั้นก็ทอดมาได้กรอบไม่อมน้ำมันด้วยครับ
ต่อกันที่หมวดที่สอง “อาหารประเภทบาร์บีคิวและผัก” อาหารในหมวดนี้จะมีทั้งหมด 8 รายการ และเราสามารถสั่งได้คนละ 1 เมนู (1 จาน) เท่านั้นครับ
- ไก่แช่เหล้า
- ยำแมงกระพรุนน้ำมันงา
- ขาหมูเย็น
- ผักกาดแก้วน้ำมันหอย
- ผักคะน้าฮ่องกงกระเทียม
- หมูกรอบ
- เป็ดย่างฮ่องกง
- หมูแดงอบน้ำผึ้ง
ด้วยความที่อาหารหมวดนี้มีทั้งผักและเนื้อผสมกัน ดังนั้นหากมองในเรื่องของความคุ้มค่าเป็นหลัก ผมว่าอาหารที่เป็นประเภทเนื้อจะดูน่าสนใจน่าสั่งมากกว่าครับ โดยเมนูที่ผมอยากจะแนะนำมากที่สุดก็คือหมูกรอบกับหมูแดงอบน้ำผึ้ง สองเมนูนี้เด็ดมาก ส่วนเมนูอื่นๆ อย่างไก่แช่เหล้า, ยำแมงกระพรุนน้ำมันงา, ขาหมูเย็น และเป็ดย่างฮ่องกงนั้น ผมว่าอยู่ในระดับกลางๆ ครับ ไม่ได้เด่นมาก แต่ถ้าใครชอบทานเนื้อเหล่านี้เป็นพิเศษ หรือไม่ก็ไปกันหลายคนแล้วอยากจะลองชิมหลายๆ อย่างก็สามารถเลือกสั่งมาได้ครับ รสชาติกับคุณภาพถือว่าสอบผ่าน เพียงแต่อาจจะว้าวไม่สู้สองเมนูแรกเท่านั้น และสำหรับใครที่ไปเป็นกลุ่มใหญ่จริงๆ สามารถสั่งได้หลายเมนูมากๆ หรือไม่ก็เป็นคนที่อยากจะทานพวกผัดผักต่างๆ เมนูผัดผักอย่างผักกาดแก้วน้ำมันหอยและผักคะน้าฮ่องกงกระเทียมนั้นก็ถือว่าน่าสนใจนะครับ อร่อยทั้งสองเมนูเลย
หมวดที่สาม “อาหารประเภทซุป” อาหารในหมวดนี้จะมีทั้งหมด 4 รายการ และเราจะสามารถสั่งได้คนละ 1 เมนู (1 ถ้วย) ครับ
- ซุปสามแซ่-ปูอัด
- ซุปปลาเก๋าต้มบ๊วย
- ซุปเสฉวนทะเล
- ซุปผักโขมไข่เยี่ยวม้า
สำหรับในส่วนของซุปนี้ผมได้ลองชิม 3 เมนูนะครับ ได้แก่ ซุปสามแซ่-ปูอัด, ซุปเสฉวนทะเล และซุปผักโขมไข่เยี่ยวม้า โดยรวมรสชาติของทั้ง 3 โอเคเลยครับ ตัวซุปเสฉวนทะเลนั้นจะมีรสชาติที่จัดกว่าเพื่อน คือจะออกเปรี้ยวและเผ็ดนิดๆ ส่วนซุปสามแซ่-ปูอัดกับซุปผักโขมไข่เยี่ยวม้านั้นจะรสชาติกลางๆ ครับ ไม่ได้มีรสอะไรเด่นมาก สามารถตักทานได้เรื่อยๆ
ทั้งนี้ทั้งสามซุปที่ผมได้ทานนั้นถือว่าเค้าให้เครื่องต่างๆ มาเยอะดีครับ ส่วนขนาดของถ้วยก็ถือว่าใหญ่พอควร เพราะมันสามารถที่จะแบ่งทาน 2 คนได้เลย ^^
หมวดที่สี่ “อาหารประเภทข้าวและก๋วยเตี๋ยว” อาหารในหมวดนี้จะมีทั้งหมด 7 รายการ และเราจะสามารถสั่งได้คนละ 1 เมนู (1 จาน) เท่านั้นครับ
- ก๋วยเตี๋ยวราดหน้าหมู
- ข้าวห่อใบบัว
- โกยซีหมี่
- บะหมี่ผัดฮกเกี้ยน
- ข้าวผัดหยางโจว
- ข้าวผัดคะน้าปลาเค็ม
- ข้าวผัดเป็ดย่างซอสเอ็กซ์โอ
สำหรับอาหารในประเภทนี้ผมได้ลองทางทั้งหมด 5 รายการครับ ได้แก่ ข้าวห่อใบบัว, บะหมี่ผัดฮกเกี้ยน, ข้าวผัดหยางโจว, ข้าวผัดคะน้าปลาเค็ม และข้าวผัดเป็ดย่างซอสเอ็กซ์โอ โดยรายการที่ผมทานแล้วประทับใจที่สุดก็คือข้าวห่อใบบัวกับข้าวผัดเป็ดย่างซอสเอ็กซ์โอครับ โดยเฉพาะข้าวผัดเป็ดย่างนั้นรสชาติเด่นกว่าใครเพื่อนเลย อร่อยและมีรสชาติต่างๆ กลมกล่อมลงตัวที่สุด ส่วนอีก 3 รายการที่เหลือนั้นรสชาติอยู่ในระดับกลางๆ ครับ สามารถสั่งมาทานได้ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคนเลย และผมต้องขอบอกไว้ก่อนนะครับว่าอาหารในแต่ละจานของหมวดนี้ถือว่าปริมาณค่อนข้างเยอะเลย หนึ่งจานที่เราสั่งมานั้นอาจจะแบ่งทานกันคนละนิดคนละหน่อยได้ 3-4 คนเลยครับ ยังไงก่อนที่จะสั่งลองประเมินความพร้อมของท้องแต่ละคนก่อนนะครับว่าจะรับอาหารหนักๆ อย่างข้าวและเส้นได้มากแค่ไหนครับ
หมวดที่ห้า “ของหวาน” อาหารในหมวดนี้จะมีทั้งหมด 4 รายการ และเราจะสามารถสั่งได้คนละ 1 เมนู (1 ถ้วย) ครับ
- เต้าฮวยฟรุ๊ตสลัด
- แปะก๊วยรวมมิตร (ร้อนและเย็น)
- บัวลอยน้ำขิง
- สาคูแคนตาลูป
ของหวานในหมวดนี้ผมกับต๋งได้ลองทานแค่ 2 เมนูนะครับ ได้แก่ เต้าฮวยฟรุ๊ตสลัดกับแปะก๊วยรวมมิตรเย็น ขนาดของถ้วยอยู่ในขนาดมาตรฐาน คือ 1 ถ้วยทานได้ 1 คนพอดี ส่วนรสชาตินั้นผมว่าแปะก๊วยรวมมิตรเย็นอร่อยดีครับ แต่เต้าฮวยฟรุ๊ตสลัดอันนี้ทานแล้วรู้สึกว่าแปลกและไม่ค่อยโดนใจซักเท่าไหร่ เหมือนเค้าใส่น้ำมะลิหรือกลิ่นมะลิลงไปเยอะเกิน อีกทั้งเนื้อของเต้าฮวยก็ไม่ได้มีรสชาติที่โดดเด่นด้วยครับ
ก็เอาเป็นว่าใครอยากลองทานอะไรเป็นการปิดท้ายมื้อก็ลองพิจารณากันอีกทีนะครับ เพราะของหวานแต่ละอย่างก็เป็นของหวานคนละสไตล์ อีกทั้งแต่ละคนก็อาจจะมีความชอบที่ไม่เหมือนกันด้วยครับ
และทั้งหมดนี้ก็คือประสบการณ์ของผมกับต๋งหลังจากที่ได้มีโอกาสไปลองทานบุฟเฟต์ติ่มซำที่ห้องอาหาร The Mulberry Chinese Cuisine (เดอะ มัลเบอร์รี่ ไชนีส คูซีน) ชั้น 10 โรงแรม The Berkeley Hotel Pratunam (เดอะ เบอร์เคลีย์ ประตูน้ำ) ครับ โดยรวมๆ ต้องบอกว่านี่เป็นบุฟเฟ่ต์ติ่มซำหรือ Dimsum All you can eat ที่ผมรู้สึกประทับใจทั้งในเรื่องรสชาติ, คุณภาพ และความคุ้มราคาเลย แต่ทั้งนี้เพื่อให้ทุกคนเห็นภาพต่างๆ ชัดเจนขึ้น ผมก็เลยจะทำการสรุปทิ้งท้ายแยกเป็นหัวข้อต่างๆ ตามเดิมนะครับ ยังไงค่อยๆ อ่านและพิจารณากันอีกทีนะว่าบุฟเฟ่ต์ติ่มซำนี้จะโดนใจคุณหรือเปล่าครับ
วันที่รับประทาน : วันจันทร์ที่ 13 มกราคม 2563
เวลา : 18.00 น. – 21.00 น.
จำนวน : 9 คน
รสชาติอาหาร : จากที่ผมกับต๋งได้ลองทานอาหารบุฟเฟ่ต์ติ่มซำไลน์นี้มาประมาณ 70% ของเมนูทั้งหมดที่เค้ามีให้บริการ ผมว่าคุณภาพอาหารและรสชาติต่างๆ อยู่ในเกณฑ์ดีนะครับ อาหารส่วนใหญ่รสชาติถูกปากผม แทบไม่มีเมนูไหนเลยที่กินแล้วรู้สึกว่าเค้าควรจะต้องปรับปรุง นอกจากนี้เค้ายังมีเมนูเด็ดๆ ที่ผมกินแล้วรู้สึกประทับใจจนอยากสั่งซ้ำอีกหลายเมนูเลย เช่น หมูกรอบ, หมูแดงอบน้ำผึ้ง, เสี่ยวหลงเปา, ขนมจีบกุ้ง, ฮะเก๋ากุ้ง, แซลมอนกุ้งซอสเทริยากิ, กุ้งนึ่งมะนาว, ซาลาเปาหมูแดง, กุยช่ายทอด, ซาลาเปาอบหิมะ เป็นต้น ดังนั้นในเรื่องของรสชาติอาหารนี้ผมถือว่าสอบผ่านและคิดว่าหลายๆ คนไปทานแล้วน่าจะรู้สึกประทับใจเช่นเดียวกันครับ
ความหลากหลายของอาหาร : นี่เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่เค้าทำได้ดีครับ เพราะนอกจากจะมีประเภทของติ่มซำให้เลือกสั่งได้ไม่อั้นจำนวน 24 เมนูแล้ว เค้ายังมีอาหารประเภทบาร์บีคิว, ผัก, ซุป, ข้าว, ก๋วยเตี๋ยวและของหวานให้เลือกสั่งด้วย ดังนั้นต่อให้เราไปทานเป็นกลุ่มใหญ่ๆ ซัก 5-6 คนขึ้นไปก็น่าจะยังรู้สึกดีกับความหลากหลายของอาหารของเค้าอยู่ และดีไม่ดีจะยิ่งรู้สึกสนุกกับการสั่งมากขึ้นด้วย เพราะคนยิ่งไปเยอะยิ่งสั่งได้หลายเมนู ช่วยกันกินคนละคำสองคำ สนุกดีครับ แถมยังไม่ต้องกังวลด้วยว่าเวลาที่สั่งอาหารประเภทข้าวหรือก๋วยเตี๋ยวที่เป็นจานใหญ่ๆ มานั้นจะทานหมดหรือเปล่า อย่างไรก็ตามโดยส่วนตัวผมแอบคิดอยู่ลึกๆ ว่าถ้าหากทางห้องอาหารเค้ามีการเพิ่มเมนูติ่มซำลงไปอีกซัก 5-10 เมนู หรือเปิดโอกาสให้เราสั่งอาหารประเภทบาร์บีคิวและผักจากคนละ 1 เมนูเป็น 2 เมนูได้ มันน่าจะยิ่งทำให้ไลน์บุฟเฟ่ต์ติ่มซำนี้มีความสมบูรณ์และสร้างความประทับใจให้คนที่มาใช้บริการเพิ่มมากขึ้น ก็ได้แต่หวังว่าสิ่งที่ผมคิดลึกๆ นี้มันจะเป็นจริงได้ในอนาคตนะครับ
ความสะอาดของสถานที่และบรรยากาศโดยรวม : ในเรื่องของความสะอาดนั้นผมให้อยู่ในเกณฑ์ดีนะครับ ส่วนในเรื่องของบรรยากาศโดยรวมนั้นผมให้อยู่ในระดับกลางๆ ถือว่าทำได้ตามมาตรฐานโรงแรม 4-5 ดาว ห้องอาหารเพดานค่อนข้างสูง โต๊ะแต่ละตัววางค่อนข้างห่างกัน นั่งทานแล้วมีความเป็นส่วนตัว ไม่รู้สึกอึดอัดอะไร แต่ในเรื่องของความหรูหราหรือความสวยงามนั้นไม่ได้มีอะไรที่โดดเด่นมากครับ
การบริการของพนักงาน : ข้อนี้ผมให้กลางๆ นะครับ เพราะวันที่ผมไปใช้บริการนั้นมีคนมาใช้บริการเพียง 20% ของพื้นที่ห้องอาหารเท่านั้น ซึ่งในบางจังหวะก็ดูเหมือนว่าพนักงานเองก็ยังดูแลไม่ทั่วถึงซักเท่าไหร่ ดังนั้นผมก็เลยแอบคิดว่าถ้ามีลูกค้าไปใช้บริการเยอะกว่านี้ ก็อาจจะทำให้การบริการต่างๆ ล่าช้ากว่านี้ได้ครับ
ความสะดวกของการเดินทาง : สำหรับข้อนี้ผมให้กลางๆ ค่อนไปทางดีนะครับ เพราะถึงแม้โรงแรม The Berkeley Hotel Pratunam นั้นจะตั้งอยู่ในทำเลดีใจกลางเมืองอย่างย่านประตูน้ำ แต่ด้วยความที่บริเวณโรงแรมนั้นไม่ได้อยู่ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้า BTS มากนัก ต้องเดินประมาณ 1 กิโลเมตร ดังนั้นก็เลยทำให้ความสะดวกของการไปใช้บริการของหลายๆ คนน่าจะลดลงพอควร แต่สำหรับใครที่เดินทางด้วยรถเมล์หรือขับรถส่วนตัวไปนั้นก็ไม่น่าจะมีอะไรต้องกังวลมาก เพราะที่ตั้งของโรงแรมนั้นหาค่อนข้างง่าย มีที่จอดรถเยอะ จอดได้นาน อีกทั้งบริเวณโรงแรมนั้นยังมีรถเมล์ผ่านหลายสายด้วยครับ
ความคุ้มค่า : ผมขอพูดถึงเฉพาะราคาของผู้ใหญ่แล้วกันนะครับ สำหรับราคาปกติของบุฟเฟ่ต์ติ่มซำไลน์นี้จะอยู่ที่ 899++ บาท/คน (ไม่รวมเครื่องดื่ม) หรือคิดเป็นประมาณ 1,059 บาท/คน net ซึ่งต้องบอกว่าหากเราต้องจ่ายเงินด้วยราคานี้จริงๆ มันจะเป็นราคาที่แรงและไม่คุ้มค่าเท่าไหร่ครับ แต่ด้วยความที่ทางห้องอาหารเค้ากำลังมีโปรโมชั่นลด 50% เมื่อจองผ่านลิงก์ ทำให้ราคาต่อคนของผู้ใหญ่เหลืออยู่เพียงคนละ 578 บาท net เท่านั้น (ราคาไม่รวมเครื่องดื่ม) ซึ่งถ้าเป็นราคานี้ผมบอกเลยว่ามันคุ้มค่าน่าไปโดนมากๆ ครับ ประเภทอาหารหลากหลาย อาหารส่วนใหญ่คุณภาพดี สามารถสั่งพวกเมนูติ่มซำได้ไม่อั้น และยังมีพวกเมนูอาหารจีนอื่นๆ ให้สั่งได้อีกอย่างละนิดละหน่อย แถมสามารถนั่งยาวๆ ได้ 2 ชั่วโมง ดังนั้นต่อให้เราต้องจ่ายค่าน้ำอย่างชาจีนกับเก๊กฮวย (ร้อน/เย็น) Free Flow เพิ่มเข้าไปอีกคนละ 100 บาท net กลายเป็นคนละ 678 บาท net มันก็ยังเป็นราคาที่ผมว่าน่าสนและคุ้มค่ากว่าหลายๆ ที่อยู่ดีครับ
สรุป : ใครที่กำลังมองหาห้องอาหารโรงแรม 4-5 ดาวที่มีติ่มซำบุฟเฟ่ต์บริการทั้งวันตั้งแต่เช้าจนถึงค่ำ (11.30 น. – 22.00 น.) มีเมนูอาหารให้เลือกหลากหลาย คุณภาพโดยรวมดี และเน้นทานอาหารประเภทติ่มซำเป็นหลัก ส่วนเมนูอาหารจีนอื่นๆ เป็นตัวเสริม บุฟเฟ่ต์ติ่มซำของห้องอาหาร The Mulberry Chinese Cuisine นี้ถือว่าตอบโจทย์เลยนะครับ ยิ่งใครที่มีงบประมาณไม่เกินคนละ 700 บาท และไม่ซีเรียสเรื่องสถานที่ว่าจะต้องหรูหราหรือติดกับรถไฟฟ้า BTS ที่นี่ยิ่งเป็นตัวเลือกที่เหมาะมาก แต่ถ้าใครเป็นคนที่กำลังมองหาบุฟเฟ่ต์ติ่มซำที่มีอาหารหลากหลายสุดๆ มีติ่มซำให้เลือกมากกว่า 50 ประเภท มีพวกหมูหัน, เป็ดปักกิ่งให้ทานไม่อั้นด้วย อีกทั้งยังต้องการสถานที่ที่เดินทางสะดวก สามารถลงจากรถไฟฟ้าแล้วเดินแค่ 2-3 นาทีถึง ที่นี่น่าจะยังไม่ใช่สิ่งที่คุณกำลังมองหาครับ ก็ลองพิจารณาดูนะครับว่าคุณกำลังมองหาห้องอาหารแบบไหนอยู่ แล้วก็อย่าลืมนะครับว่าโปรโมชั่นลด 50% เมื่อจองบุฟต์ติ่มซำนี้ผ่านลิงก์ด้านบนนั้น มันจะสิ้นสุดแค่วันที่ 30 มิถุนายน 2563 เท่านั้นนะครับ ^^
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านจนจบ และสำหรับใครที่ต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบุฟเฟ่ต์ติ่มซำไลน์นี้หรือต้องการสำรองที่นั่งก็สามารถติดต่อได้ที่ช่องทางด้านล่างนี้เลยครับ ส่วนท่านใดที่ต้องการติดตามเรื่องราวของการกินและเที่ยวของผมอย่างใกล้ชิดก็สามารถกดติดตามได้ที่เพจ “ภรรยาหา สามีใช้” ได้เลย แล้วพบกันใหม่ในรีวิวหน้า สวัสดีครับ
Facebook : The Berkeley Hotel Pratunam
Tel : 02-309-9999 ต่อ 3134
หมายเหตุ : บทความนี้เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวของผมในวันที่ไปใช้บริการเท่านั้น ทั้งนี้แต่ละท่านที่ได้มีโอกาสไปใช้บริการอาจจะได้รับการบริการหรือความรู้สึกที่แตกต่างจากนี้ได้