หลังจากที่ร้าน Copper Buffet ชั้น 2 The Sense ปิ่นเกล้า ได้ทำการปิดรีโนเวทร้านครั้งใหญ่ในข่วงต้นปี 2566 ในที่สุดในช่วงต้นเดือนเมษายน 2566 ทางร้าน Copper Buffet ก็ได้กลับมาเปิดบริการอีกครั้งครับ และการกลับมาเปิดในครั้งนี้ต้องบอกว่ามันยิ่งใหญ่ อลังการ และคุ้มค่ากว่าเดิมมาก ๆ เพราะนอกจากทางร้านจะมีการเพิ่มเมนูเด็ด ๆ ใหม่ ๆ เข้ามาเพียบแล้ว ในด้านบรรยากาศก็ยังมีการปรับให้ก้าวไปอีกระดับครับ ทั้งหรูหราดูดี และมีพื้นที่กว้างกว่าเดิมเกือบ 3 เท่า!!
และเพื่อให้ทุกคนได้เห็นภาพของร้าน Copper Buffet โฉมใหม่นี้กันอย่างชัด ๆ ผมก็จะไล่รายละเอียดในแต่ละประเด็นให้ทุกคนอ่านตามนี้เลยครับ
รายละเอียดของร้าน Copper Buffet โฉมใหม่
พิกัด : The Sense ปิ่นเกล้า ชั้น 2
Google Map : https://goo.gl/maps/igfPwAh869kxDhNF7
เวลาเปิด : เปิดทุกวัน โดยจะเปิดบริการเป็นรอบ รอบละ 2 ชั่วโมง และทุกคนจะต้องทำการจองล่วงหน้าก่อนเข้าไปทานเท่านั้น ไม่สามารถ Walk in ได้นะครับ
ที่จอดรถ : สามารถจอดที่ The Sense ปิ่นเกล้าได้เลย และเราสามารถประทับตราบัตรจอดรถที่ร้านได้ครับ
Facebook : Copper Buffet
LINE@ : @Copperbeyondbuffet
ราคา
ร้าน Copper Buffet โฉมใหม่นั้นจะมีหลายราคาให้เราเลือกทานเลยครับ แต่เพื่อให้ทุกคนเข้าใจง่าย ๆ ผมจะขอแบ่งเป็น 2 แบบหลัก ๆ ตามนี้นะครับ
▪ Standard Package : สำหรับราคาในการทานบุฟเฟต์แบบเริ่มต้น หรือ Standard Package นั้น จะอยู่ที่ 1,359 บาท/คนครับ ซึ่งถ้าใครไม่เคยทานร้านนี้มาก่อน หรืออยากลองชิมลางคร่าว ๆ ก่อนว่าการปรับโฉมใหม่ของร้านครั้งนี้เป็นยังไงบ้าง ก็เริ่มจากราคานี้ก่อนได้เลยครับ เพราะแค่นี้คุณก็สามารถทานเมนูอร่อย ๆ ได้ไม่อั้นร่วม 200 เมนูแล้ว อิ่มอร่อยแบบจุก ๆ ชนิดที่เราไม่มีทางลองชิมได้ครบทุกเมนูในครั้งเดียวได้อย่างแน่นอนครับ
▪ Special Package : สำหรับกลุ่ม Special Package นั้น นอกจากเราจะสามารถทานทุกเมนูของ Copper Buffet ตามที่มีใน Standard Package ได้แล้ว มันยังจะมีการเพิ่มพวกเมนูพิเศษต่าง ๆ เข้ามาด้วยครับ เช่น ล็อปสเตอร์, ออสเตรเลียนโทมาฮอคว์, คาเวียร์, เซ็ตอาหาร Michelin Caviar Elite Experience, ปลาหิมะ เป็นต้น ใครที่เป็นแฟนพันธ์แท้ร้านนี้ หรืออยากลองชิมเมนูพิเศษเหล่านี้ก็เลือกจองเป็นกลุ่ม Special Package ได้เลยครับ เค้าจะมีให้เลือกหลายราคาเลย ตั้งแต่ 1,999 บาท/คน จนถึง 4,199 บาท/คน ครับ โดยในแต่ละราคาก็จะมีรายละเอียดของเมนูที่สามารถทานได้ต่างกัน ยังไงก็ดูรายละเอียดให้ดี ๆ ก่อนกดจองนะครับ
ช่องทางจองและดูรายละเอียดของแต่ละราคา :
หมายเหตุ : ทุกราคาไม่ว่าจะเป็น Standard Package หรือ Special Package จะทานได้ 2 ชั่วโมงเท่ากันนะครับ และเราจะต้องเข้าออกตามรอบที่ทางร้านกำหนดครับ
รายชื่อเมนูของ Standard Package
สำหรับใครที่อยากรู้ว่าเมนูอาหารแบบ Standard Package ของร้าน Copper Buffet โฉมใหม่นั้นมีอะไรบ้าง ก็สามารถกดที่นี่ หรือสแกน QR Code ด้านล่างนี้ได้เลยครับ เค้าจะมีบอกไว้ครบ ๆ เลย และบอกด้วยว่าอาหารชนิดนั้นต้องสั่งด้วยวิธีไหนครับ
หมายเหตุ : บางเมนูอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงตามฤดูกาล โดยไม่แจ้งให้ทราบล่วงหน้านะครับ
ระบบการสั่งอาหารภายในร้าน
สำหรับระบบการสั่งอาหารภายในร้าน Copper Buffet โฉมใหม่ จะมีทั้งหมด 2 แบบตามนี้นะครับ
แบบที่ 1 “Serving Station” : แบบนี้จะเป็นการสั่งอาหารและถือกลับมาที่โต๊ะด้วยตัวเองครับ โดยเราจะต้องเดินไปที่สเตชั่นที่เราต้องการทาน จากนั้นก็สั่งและรอถือกลับไปที่โต๊ะครับ
แบบที่ 2 “A La Carte Station” : แบบนี้จะเป็นการสั่งอาหารที่จุดสั่งอาหาร และเดี๋ยวเมื่ออาหารปรุงเสร็จเรียบร้อย ทางพนักงานก็จะนำไปเสิร์ฟให้เราถึงโต๊ะครับ เราไม่ต้องถืออาหารกลับโต๊ะเอง โดยที่จุดสั่งอาหารแต่ละจุดนั้นเราจะสามารถสั่งอาหารได้เกือบ 80 เมนูเลย และเราจะสามารถสั่งกี่เมนู กี่จานก็ได้ ต่อการสั่ง 1 ครั้งครับ
ทั้งนี้ภายในร้านจะมีจุดสั่งอาหารแบบ “A La Carte Station” หลายจุดเลยนะครับ โดยแต่ละจุดจะสามารถสั่งอาหารได้เหมือนกันทุกเมนูเลย และเค้าจะมีชื่ออาหาร รวมถึงภาพอาหารบอกเราอย่างชัดเจนครับ เรียกว่าสั่งได้ง่ายมาก ๆ
สำหรับประเภทอาหารในการสั่งแบบ Serving Station และแบบ A La Carte Station จะเป็นคนละเมนูกันเลยนะครับ (ไม่มีรายการไหนซ้ำกันเลย) ดังนั้นใครที่ไปทานร้านนี้ครั้งแรกก็ลองเดินสำรวจเมนูต่าง ๆ ที่เค้ามีให้ครบก่อนนะ จะได้เลือกทานเมนูที่ถูกใจที่สุดครับ
จุดเด่นของร้าน Copper Buffet โฉมใหม่
- บรรยากาศร้านหรูหรา สวยงาม และดูดีขึ้นกว่าเดิมเยอะมาก ผมเข้าไปเห็นทีแรกประทับใจเลยครับ
- พื้นที่ร้านกว้างกว่าเดิมเกือบ 3 เท่า โดยที่ทางร้านทำการเพิ่มจำนวนโต๊ะจากเดิมแค่ 2 เท่าเท่านั้น ดังนั้นโดยรวมแล้วเวลาที่เราไปทานตอนนี้เราจะรู้สึกว่าร้านโล่ง, กว้าง, นั่งสบายกว่าเดิมเยอะครับ พื้นที่ต่อคนจะเพิ่มมากกว่าเดิมพอควรเลย
- มีเมนูให้เลือกทานเยอะมาก ๆ และแทบไม่มีทางเลยที่คนคนเดียวจะสามารถทานได้ครบทุกเมนูในการไปกินแค่ครั้งเดียว ดังนั้นผมแนะนำว่าใครที่จะไปทานร้านนี้ควรทำการบ้านก่อนไปทานนะว่าเมนูอะไรเด็ดสุด หรือเป็นเมนูที่น่าจะเป็นสไตล์เรามากที่สุดครับ จากนั้นก็ให้เราเลือกสั่งเฉพาะเมนูเหล่านั้นมาชิมก่อน ถ้าชิมหมดแล้วยังพอมีพื้นที่ในกระเพาะเหลือค่อยไล่ชิมเมนูอื่น ๆ ครับ หรือไม่ก็อีกวิธีคือชวนกันไปกินอย่างน้อย 5-6 คน จะได้ลองกันอย่างละนิดละหน่อยครับ
- อาหารแต่ละเมนูของเค้าเลือกใช้วัตถุดิบที่คุณภาพดี และมีรสชาติอร่อยถูกปากผมทั้งนั้นครับ โดยเฉพาะพวกที่เป็นเมนูเนื้อ, หอยนางรม, กุ้ง และปลาดิบ แต่ละอย่างนี่ถึงกับงงว่ามันเป็นบุฟเฟต์ทานได้ไม่อั้นจริง ๆ เหรอ เพราะว่าคุณภาพวัตถุดิบแต่ละอย่างนี่มันเกินมาตรฐานร้านบุฟเฟต์ส่วนใหญ่ไปพอควรเลย
- หลาย ๆ เมนูของเค้ามีกระบวนการปรุงอาหารที่ซับซ้อน และลึกล้ำกว่าร้านบุฟเฟต์ทั่วไปครับ โดยเฉพาะพวกเมนูหมูและเนื้อรมควัน (Smoke) เตาที่เค้าใช้นั้นดีมาก และมีกลิ่น Smoke ที่ชัดมาก ๆ ครับ (ใครที่หาโซนนี้ไม่เจอ ให้เราเดินไปที่บาร์น้ำไนโตร จากนั้นก็เดินเข้าซอยที่อยู่ทางขวาของบาร์น้ำนะครับ มันจะมีโซนเนื้อรมควันใหญ่ ๆ ตั้งอยู่)
- คุณภาพอาหารประเภทซูชิและปลาดิบนั้นดีแบบสู้ร้านอาหารญี่ปุ่นดัง ๆ ได้สบายเลยครับ ใครชอบทานเมนูกลุ่มนี้ถูกใจแน่นอน สด ใหญ่ และสามารถเลือกเฉพาะส่วนที่เราต้องการทานได้เลยครับ (ตอนนี้ทางร้านเพิ่มประเภทปลาเข้ามาอีกพอควรเลย)
- ขนาดการเสิร์ฟแต่ละจานกำลังดี ไม่ใหญ่จนเกินไป ทำให้หนึ่งคนสามารถทานได้หลากหลายพอควร อย่างพวกกะเพราต่าง ๆ, ข้าวผัดมันนเนื้อ ก็ประมาณ 4-5 คำต่อจานเท่านั้นเองครับ
- การจัดจานของแต่ละเมนูสวยงามดูดีเลยครับ โดยบางจานนั้นสามารถเทียบเคียงกับการทานอาหาร A La carte ตามโรงแรมได้เลย
- พนักงานบริการดีและรวดเร็วมากครับ การเก็บจานที่เราทานเสร็จแล้วก็เร็วสุด ๆ นอกจากนี้พนักงานทุกคนก็ยังกระตือรือร้นในการช่วยเหลือต่าง ๆ ด้วยครับ
- ในบรรดาอาหารที่ทางร้านเพิ่มขึ้นมาใหม่นั้น จะมีทั้งเมนูคาวหวานเลยนะครับ และบางเมนูนั้นผมบอกเลยว่ามันอร่อยว้าวมาก ๆ ชนิดที่ห้ามพลาดเลยล่ะ
- ตั้งแต่วันนี้ – 15 พ.ค. 66 ทางร้านจะมีการเสิร์ฟเมนู “ชีสเค้กหน้าไหม้สัญชาติสิงคโปร์” ซึ่งเป็นเมนูสุด Exclusive จากฝีมือมิชลินเชฟ Haikal Johari ด้วยนะครับ ซึ่งเมนูนี้ผมบอกเลยว่ามันอร่อยมาก นุ่มละมุน ลงตัวสุด ๆ ใครที่อยากทานก็ต้องรีบจองไปทานภายในวันที่ 15 พ.ค. 66 นะ โดยเมนูนี้ทางร้านจะจำกัดการเสิร์ฟแค่คนละ 1 ชิ้นเท่านั้นครับ ส่วนเมนูอื่น ๆ นอกเหนือจากนี้สามารถสั่งทานได้ไม่อั้น
เมนูเด็ดใน Standard Package ที่ไม่ควรพลาด
ทุกเมนูที่ผมบอกด้านล่างนี้ มีใน Standard Package ราคา 1,359 บาท/คน ทั้งหมดเลยนะครับ ใครสนใจก็สามารถลองทานได้เลย
- สเต๊กเนื้อออสเตรเลียสันนอก
- ลิ้นวัวซูวี
- เนื้อใบพายออสเตรเลียรมควัน
- คอปเปอร์สโมคกี้พอร์คริบ
- หมูสามชั้นอบ สไตล์จีน
- ปลาซาจินึ่งซอสซัลซ่ามะม่วงยูสุ
- สเต๊กปลามากุโระ
- เซียร์แซลมอนซอสยูสุ
- อกเป็ดรมควันซอสส้ม
- ปลาคอดซอสมิโซะเลม่อนเคเปอร์
- ยำเนื้อย่าง
- ซูปเห็ดทรัฟเฟิล + ครัวซองต์
- ก๋วยเตี๋ยวเรือน้ำตก (มีให้เลือกทั้งเนื้อออสเตรเลียนวากิว, เนื้อออสเตรเลียนวากิว และหมูครับ)
- เฟตตูชินี่หอยเชลล์ซอสครีมทรัฟเฟิล
- ซูชิเนื้อออสเตรเลียนวากิว
- ซูชิปลาไหลญี่ปุ่น
- ซูชิปลาหมึกวาซาบิ
- ซูชิฮามาจิไข่ปลาแซลมอนซอสยูสุ
- ซูชิหอยเชลล์ซอสเมนไทโกะ
- ซูชิปลาซาจิ
- ซูชิทาโกะ สไปซี่มาโย
- มินิชิราชิ
- ซาชิมิต่าง ๆ
- ข้าวกะเพราวากิวไข่ออนเซ็น
- ข้าวกะเพราลิ้นวัวไข่ออนเซ็น
- ข้าวผัดมันเนื้อ
- ข้าวซอยแก้มวัวตุ๋น
- ส้มตำต่าง ๆ
- กุ้งดองซีอิ๊ว
- ปลาหมึกดองซีอิ๊ว
- หนวดปลาหมึกเสียบไม้ย่าง
- หอยนางรมสด
- กุ้งแม่น้ำเผา
- พายแอปเปิ้ล
- พานาคอตต้าวนิลา
- ขนมโค
- มาการองรสต่าง ๆ โดยเฉพาะรสทรัฟเฟิล
- บริยอชไข่เค็มโทส
- ชีสเค้กหน้าไหม้สัญชาติสิงคโปร์ (จำกัดคนละ 1 ชิ้น และมีถึง 15 พ.ค. 66 เท่านั้น)
- น้ำไนโตร (สัมผัสเวลาเราทานมันจะนุ่มกว่าน้ำทั่วไปครับ)
และทั้งหมดนี้ก็คือภาพรวมของ Copper Buffet โฉมใหม่ ปี 2566 ครับ ใครดูแล้วสนใจก็ไปลองทานได้นะ ส่วนตัวผมนั้นรู้สึกประทับใจมากครับ คุณภาพวัตถุดิบแบบนี้ รสชาติแบบนี้ การบริการแบบนี้ และบรรยากาศร้านแบบนี้ มันเป็นการทานบุฟเฟต์ที่คุ้มค่ามาก ๆ ครับ และผมสามารถไปทานได้ทุกเดือนโดยที่ไม่รู้สึกเบื่อเลย เพราะเมนูเค้าเยอะมากจริง ๆ
ช่องทางจอง :
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านจนจบครับ และสำหรับใครที่ต้องการอ่านเรื่องราวการกินและเที่ยวของผมกับต๋งแบบใกล้ชิด ก็สามารถกดติดตามแฟนเพจ “ภรรยาหา สามีใช้” ได้เลยครับ แล้วพบกันใหม่รีวิวหน้า สวัสดีครับ
หมายเหตุ : ภาพในรีวิวนี้อาจจะมีบางเมนูที่ไม่ได้อยู่ในราคา 1,359 บาท/คน นะครับ บางเมนูจะอยู่ใน Special Package ครับ