“น่าน” ถือเป็นจังหวัดท่องเที่ยวแบบสโลว์ไลฟ์ที่กำลังยอดฮิตติดอันดับต้นๆ ในตอนนี้เลยก็ว่าได้ เพราะเป็นจังหวัดที่มีธรรมชาติสวยงามแบบเมืองเหนือ ล้อมรอบด้วยภูเขาสลับซับซ้อน อากาศดีตลอดปี วิถีชีวิตและวัฒนธรรมหลายๆ อย่างก็น่าประทับใจ ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจเลยที่ใครต่อใครหลายคนรอบตัวเราจึงเลือกน่านเป็นจุดหมายของการเดินทางในช่วงนี้ แต่สำหรับใครที่ยังแอบลังเลอยู่ในใจว่าหนาวนี้จะไปเที่ยวไหนดี หรือยังไม่มีแพลนจะไปเที่ยวไหนเลย ผมอยากให้ลองอ่านบทความนี้จนจบก่อนนะครับ ไม่แน่คุณอาจจะเลือกได้เลยว่าวันหยุดข้างหน้านี้ คุณจะต้องไปนอนชิลชิลใช้ชีวิต Slow life อยู่ที่ “น่านไง……(แบบ)ไม่ต้องคิดมาก”
แต่ก่อนจะออกเดินทางกันก็อย่าลืมเข้าไปสอดส่องและจองที่พักที่ถูกใจกันไว้ก่อนนะครับ จะได้ไม่ต้องเครียดตอนไปถึงที่นั่นว่าคืนนี้จะนอนที่ไหนดี และเพื่อความสะดวกสบายในการจองก็ขอแนะนำเช่นเดิมเลยว่าให้เราเข้าไปจองที่ Traveloka ซึ่งเป็นเว็บไซต์สำหรับจองที่พักและตั๋วเครื่องบินชั้นนำดูนะครับ เพราะเค้าได้รวมที่พักในน่านทั้งหมดไว้แล้วตามลิงก์นี้ https://www.traveloka.com/th-th/hotel/thailand/region/nan-10000213 สำหรับวิธีการจองก็ง่ายๆ ไม่ต้องใช้บัตรเครดิตก็สามารถจองได้ และที่พิเศษก็คือสำหรับใครที่ชอบจองผ่านแอพพลิเคชั่นก็อาจจะได้ราคาที่ถูกกว่าปกติอีกด้วยครับ
เอาล่ะ เมื่อจองที่พักอะไรเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้เราก็พร้อมที่จะไปเยือนเมืองน่านแล้ว ไปกันเลยครับ
จุดแรกเรามาเริ่มจากตัวเมืองกันก่อนนะครับ โดยที่แรกที่เราไม่ควรพลาดเวลาไปเยี่ยมเยียนเมืองน่านก็คือ “วัดพระธาตุเขาน้อย” เพราะวัดนี้มีความโดดเด่นสุดๆ ตรงที่ตัวพระธาตุตั้งอยู่บนยอดเขาน้อย และบริเวณลานหน้าพระธาตุจะเป็นจุดที่เราสามารถมองเห็นและดื่มด่ำกับวิวเมืองน่านแบบพาโนราม่าที่สวยงามมากๆ ได้ครับโดยเฉพาะในช่วงพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตก นอกจากนี้สถานที่แห่งนี้ยังเป็นสถานที่สำคัญทางพระพุทธศาสนาอีกด้วยเพราะเป็นที่ประดิษฐานพระธาตุและพระพุทธมหาอุดมมงคลนันทบุรีศรีน่าน พระพุทธรูปปางประทานพร สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดน่านครับ
ต่อจาก “วัดพระธาตุเขาน้อย” เราก็ลงเขาไปยัง “วัดภูมินทร์” วัดที่มีภาพวาดฝาผนังปู่ย่าม่านกระซิบรักที่มีชื่อเสียงโด่งดัง และถือเป็นแลนด์มาร์คอีกหนึ่งแห่งของจังหวัดน่านที่ใครๆ ก็ต้องไปเลยทีเดียว โดยนอกจากภาพปู่ย่าม่านกระซิบรักแล้วบนฝาผนังยังมีภาพจิตรกรรมสีฝุ่นที่เล่าเรื่องชาดก ตำนานพื้นบ้าน และวิถีชีวิตของชาวน่านในอดีตให้เราได้ศึกษากันอีกด้วย ที่สำคัญพระอุโบสถในวัดภูมินทร์ยังเป็นที่ประดิษฐานพระประธานจตุรพักตร์ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ของจังหวัดน่านที่ควรไปสักการะเพื่อความเป็นสิริมงคลในชีวิตเราอีกด้วย สำหรับสถานที่ตั้งของวัดภูมินทร์นั้นก็อยู่ใกล้ๆ กับถนนคนเดิน ดังนั้นเมื่อเราออกจากวัดแล้วก็จะสามารถไปเที่ยวถนนคนเดินต่อแบบชิลชิลได้เลยครับ
ตอนนี้เราก็เก็บไฮไลท์ที่สำคัญในตัวเมืองน่านได้ 2 จุดแล้ว ต่อไปเรามาออกจากตัวเมืองแล้วไปเที่ยวอำเภออื่นๆ ในน่านกันดีกว่าครับ โดยเริ่มจาก “อำเภอปัว” ซึ่งอยู่ห่างจากอำเภอเมืองน่านประมาณ 60 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง โดยอำเภอปัวเป็นอำเภอเล็กๆ ตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติที่นอกจากจะมีความสวยงามแบบที่คนเมืองกรุงไม่ค่อยได้มีโอกาสสัมผัสแล้วที่นี่ยังมีความโดดเด่นทางวัฒนธรรมอีกด้วย เพราะมีหลายชนเผ่าอาศัยอยู่ เช่น ชาวไทยลื้อ ชาวเผ่าม้ง ชาวเผ่าเมี่ยน และชาวเผ่าลัวะ เป็นต้น โดยจุดเด่นของที่นี่คือทุ่งนาเขียวขจีสุดลูกหูลูกตากับบรรยากาศที่บริสุทธิ์สดชื่น ดังนั้นที่นี่จึงกลายเป็นอีกหนึ่งสถานที่ยอดฮิต สำหรับคนที่อยากใช้ชีวิตแบบสโลว์ไลฟ์ อยากจะสูดอากาศบริสุทธิ์ให้เต็มปอด แต่ถ้าจะให้ดีสุดๆ แนะนำว่าควรจะนอนค้างที่อำเภอแห่งนี้ซักคืนนะครับ
มาต่อกันที่อีกหนึ่งอำเภอท่องเที่ยวที่น่าสนใจในจังหวัดน่านกับ “อำเภอบ่อเกลือ” โดยจุดเด่นของที่นี่ก็คือบ่อเกลือ ตามชื่ออำเภอเลย ตัวอำเภอบ่อเกลือจะอยู่ห่างจากอำเภอเมืองน่านประมาณ 80 กิโลเมตร มีบ่อเกลือสินเธาว์อยู่ 2 บ่อ และเป็นบ่อเกลือบนภูเขาแห่งเดียวในประเทศไทย สำหรับใครที่มาเที่ยวที่นี่นอกจากจะได้ชมธรรมชาติ ภูเขา ไร่นา และบ่อเกลือแล้ว ยังจะได้ชมกระบวนการต้มเกลือแบบโบราณจากชาวบ้านของอีกด้วยครับ
สุดท้ายเรามาจบกันที่สถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังสุดๆ ของจังหวัดน่านกันดีกว่ากับ “ดอยเสมอดาว อุทยานแห่งชาติศรีน่าน” สถานที่ที่คนรักธรรมชาติ รักการชมทะเลหมอก ชมวิวบนภูเขาสูง ต้องห้ามพลาดโดยเด็ดขาด โดยที่ยอดดอยเสมอดาวจะเป็นลานกว้างไว้สำหรับชมพระอาทิตย์ขึ้น พระอาทิตย์ตก และทะเลหมอกในยามเช้าแบบพาโนรามาที่สวยสุดๆ แห่งนึงของประเทศไทย นอกจากนี้สิ่งที่เป็นจุดเด่นของที่นี่ก็คือช่วงกลางคืนที่มืดสนิท เพราะเราจะสามารถนอนดูดาวที่เรียงรายเต็มท้องฟ้ากับหวานใจเราได้แบบโรแมนติกสุดๆ ไปเลยครับ
