โครเอเชีย น่าจะเป็นอีกหนึ่งเมืองท่องเที่ยวที่หากคนชอบถ่ายรูปได้มีโอกาสเดินทางไปเยี่ยมเยือนแล้วจะต้องหลงรักมันมากอย่างแน่นอน เพราะที่นี่นอกจากจะเป็นเมืองบรรยากาศเท่ๆ ที่กำลังมาแรงแซงทางโค้งในหมู่นักท่องเที่ยวชาวไทยในขณะนี้แล้ว ที่นี่ยังมีโลเคชั่นของเมืองสุดคลาสสิคสวยๆ ติดอันดับต้นๆ ในแถบทะเลเมดิเตอร์เรเนียนซึ่งถูกการันตีด้วยการเป็นสถานที่ถ่ายทำซีรียส์ดังระดับโลกอย่างเรื่อง Game of Thrones อีกด้วย และแน่นอนว่าโลเคชั่นสวยๆ ปังๆ แบบนี้คนที่รักการถ่ายรูปจะต้องไม่อยากพลาดมันแน่ๆ ใช่มั้ยครับ ว่าแล้วเราก็ไปส่องกันดีกว่าว่าในโครเอเชียนั้นมีพิกัดสวยๆ น่าถ่ายรูปที่ไหนกันบ้าง ตามไปกันเลยคร้าบบบบบบ
อ้อ แต่ก่อนที่จะแวะไปดูภาพและข้อมูลของสถานที่สวยๆ แต่ละที่ในโครเอเชีย ผมขอแนะนำก่อนนะครับว่าหากใครไม่อยากปวดหัวกับการคิดแผนการเดินทาง รวมทั้งจองที่พักต่างๆ ลองไปเที่ยวกับทางทัวร์ดูนะครับ เพราะเราจะได้เที่ยวแบบสบายๆ ไม่ต้องแพลนอะไรให้ยุ่งยาก เก็บเสื้อผ้าแล้วไปเที่ยวอย่างเดียวก็พอ โดยทัวร์เที่ยวโครเอเซียที่ผมอยากจะแนะนำให้ทุกคนรู้จักนั่นก็คือ ทัวร์ครับ (Tourkrub) นั่นเอง หาทัวร์ครบจบที่ทัวร์ครับ เที่ยวสบายๆ ง่ายๆ จบแน่นอนครับ ^^
จองทัวร์โครเอเชียกับทัวร์ครับ (Tourkrub) คลิกเลย
1. เมืองเก่าดูบรอฟนิค (Dubrovnik Old Town)
เขตเมืองเก่าดูบรอฟนิค (Dubrovnik Old Town) ที่นี่ถือเป็นหนึ่งในแลนด์มาร์กที่สำคัญเป็นอันดับต้นๆ ของโครเอเชีย บริเวณริมชายฝั่งด้านตะวันออกของทะเลเอเดรียติก และที่นี่ยังถูกจัดให้เมืองท่าและเมืองท่องเที่ยวยอดนิยมที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งในแถบเมดิเตอร์เรเนียนด้วยครับ เพราะด้วยบรรยากาศสุดคลาสสิคที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของอาคารบ้านเรือนแบบดั้งเดิม มีการก่ออิฐโชว์แนวสีเนื้อพร้อมหลังคากระเบื้องสุดชิคสีส้มตัดกับท้องฟ้าสีฟ้า บวกกับน้ำทะเลสีเขียวเทอร์ควอยซ์ ในสไตล์ผสมผสานระหว่างแนวโกธิค เรเนซองส์ และบาโรกที่ไม่เหมือนใคร มันก็เลยทำให้ใครที่ได้มาเห็นมาเยือนที่นี่ต่างก็ประทับใจและต้องรัวชัตเตอร์กันไม่ยั้งเลยครับ
พิกัด : Dubrovnik Old Town
2. เมืองซาเกร็บ (Zagreb)
เมืองหลวงของโครเอเชียและยังเป็นหนึ่งในเมืองที่น่าเที่ยวมากที่สุดแห่งหนึ่งของยุโรป เพราะที่นี่มีการผสมผสานโลกยุคเก่าแบบดั้งเดิมกับโลกยุคใหม่อันทันสมัยได้อย่างลงตัว อีกทั้งยังคงเสน่ห์ความคลาสสิคแบบเดิมๆ ของยุโรปเอาไว้ได้เป็นอย่างดี โดยตัวเมืองซาเกร็บ (Zagreb) นั้นเป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์มายาวนานตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 11 และยังเป็นศูนย์กลางการศึกษา, ศิลปวัฒนธรรม และการเมืองของโครเอเชียอีกด้วย ดังนั้นจึงไม่ต้องแปลกใจเลยว่าทำไมที่นี่จึงเป็นหนึ่งในสถานที่เที่ยวที่น่าสนใจมาก เพราะนอกจากทัศนียภาพสวยๆ ของเมืองแล้ว สถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ของเมืองนี้ก็มีความน่าสนใจมากมายทั้งพิพิธภัณฑ์, โบสถ์, อาคารเก่าแก่ที่สวยงาม ใครที่เป็นนักท่องเที่ยวสายศิลปวัฒนธรรมหรือชอบอะไรแนวๆ นี้ ต้องห้ามพลาดเมืองนี้เลยครับ
พิกัด : Zagreb
3. เมืองเวอร์บนิค (Vrbnik)
ออกจากเมืองหลวง เราก็มุ่งตรงไปสู่เมืองบนเกาะที่รายล้อมไปด้วยธรรมชาติแบบทุ่งหญ้าชานเมืองชนบทอันเขียวขจีอย่างเมืองเวอร์บนิค (Vrbnik) กันดีกว่าครับ โดยที่นี่นอกจากจะมีอากาศที่บริสุทธิ์และสายลมทะเลสุดชิลแล้ว ยังมีชุมชนเมืองยุคสมัยกลางดั้งเดิมที่ตั้งอยู่บนหน้าผาสูงชันกว่า 48 เมตร เหนือท้องทะเลกว้างสุดสายตา แบบพาโนราม่าซ้ายก็ทะเล ขวาก็ทะเลด้วยครับ และเมืองเล็ก ๆ ที่ดูเหมือนจะเป็นแค่ทางผ่านสำหรับนักท่องเที่ยวหลายๆ คนเมืองนี้ มันถือว่าเป็นสวรรค์ชั้นยอดของคนที่ชอบการถ่ายรูปและกำลังมองหาเลโลเคชั่นสวยๆ ที่ไม่เหมือนใครเลย ใครที่ชอบถ่ายภาพในเมืองเล็กๆ บรรยากาศสวยๆ มีความชิลและความเป็นส่วนตัวสูงก็ล็อคพิกัดเมืองเวอร์บนิค (Vrbnik) แห่งนี้ ไว้ได้เลยครับ
พิกัด : Vrbnik
4. เมืองโรวินจ์ (Rovinj)
เมืองโรวินจ์ (Rovinj) คือเมืองท่าตากอากาศที่มีความงดงามมากที่สุดแห่งหนึ่งในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนบนแหลมอิสเตรียของประเทศโครเอเชีย โดยที่สถานที่นี้คุณจะได้เห็นความงามแบบดั้งเดิมของวิถีชาวประมงโครเอเชีย ผ่านบ้านเมืองสุดคลาสสิคบนเกาะที่อัดแน่นไปด้วยศิลปวัฒนธรรม โบสถ์โบราณสวยๆ และป้อมปราการเก่าแก่ที่ยืนหยัดผ่านช่วงเวลาของสงครามโลกมาได้ ใครที่มีความชื่นชอบทั้งด้านการถ่ายภาพและเรื่องราวของประวัติศาสตร์ต่างๆ ที่เมืองนี้จะสามารถตอบโจทย์คุณได้เป็นอย่างดีเลย เพราะนอกจากจะมีประวัติศาสตร์มากมายให้คุณได้ศึกษาแล้ว ในเรื่องความสวยงามของสถานที่, ทิวทัศน์, ท้องฟ้า, สายลม, แสงแดด และผืนน้ำ ที่นี่ก็เด็ดไม่แพ้ใครเลยครับ!!
พิกัด : Rovinj
5. เมืองโทรเกียร์ (Trogir)
อีกหนึ่งเมืองที่มีบรรยากาศสุดคลาสสิคของประเทศโครเอเชีย โดยเมืองโทรเกียร์ (Trogir) นั้นเป็นเมืองประวัติศาสตร์ที่อยู่ริมฝั่งทะเลเอเดรียติก และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก (UNESCO) ในปี ค.ศ. 1997 ครับ และด้วยทัศนียภาพที่มีสไตล์เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวในแนวกรีก-โรมัน อีกทั้งยังถูกโอบล้อมด้วยท้องทะเลกว้าง กับทัศนียภาพสวยๆ ของน้ำทะเลสีเทอร์ควอยซ์ โดยมีท้องฟ้าสีฟ้าสดเป็นฉากหลัง ทำให้เมืองนี้กลายเป็นหนึ่งในโลเคชั่นสวยๆ ในบรรยากาศสุดชิลของโครเอเชียที่ไม่ว่าคุณจะหันกล้องไปมุมไหน ก็น่าถ่ายรูปไปซะหมดทุกมุมเลยครับ
พิกัด : Trogir
6. เมืองฮวาร์ (Hvar Town)
เมืองฮวาร์ (Hvar Town) เป็นเมืองชายทะเลเล็กๆ ทางชายฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศโครเอเชียที่มีความน่ารักและทรงเสน่ห์ในฉบับเมืองท่าโบราณ ด้วยบ้านเรือนหลังเล็กๆ สไตล์เดิมๆ ที่สร้างจากปูนก่ออิฐโชว์แนว และหลังคาเก๋ๆ สีส้มสดใสแนวโกธิค – เรเนซองส์ และบาโรก อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของประเทศโครเอเชีย บวกกับทัศนียภาพอันแสนโรแมนติกริมชายฝั่งทะเลตามสไตล์เมืองท่าริมชายหาด ทำให้ที่เมืองนี้ดูน่ารักน่าถ่ายรูปไปซะหมดทุกมุมเลย
ใครที่ไม่ชอบความวุ่นวายในเมืองใหญ่ๆ ลองแวะมาที่เมืองนี้และเดินเล่นรอบๆ เมืองดูนะครับ โดยเฉพาะบริเวณชายหาดเล็กๆ ของเมืองฮวาร์ มันเป็นอีกหนึ่งพิกัดสวยๆ ของโครเอเชียที่น่าจะทำให้หลายๆ คนรู้สึกประทับใจและรู้สึกผ่อนคลายจากความเหนื่อยล้ารวมถึงความเครียดต่างๆ ได้เป็นอย่างดีเลย
พิกัด : Hvar Town
7. เมืองสปลิท (Split)
เมืองตากอากาศริมทะเลที่มีบรรยากาศสบายๆ และแสนสงบเงียบที่ชื่อว่าเมืองสปลิท (Split) แห่งนี้ ตั้งอยู่ท่ามกลางทัศนียภาพอันสุดคลาสสิคของเมืองเก่าของโครเอเชีย อีกทั้งภายในเมืองนี้ยังเป็นที่ตั้งของสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของประเทศโครเอเชียอย่างพระราชวังไดโอคลีเชียน (Diocletian’s Palace) พระราชวังเก่าแก่อายุกว่าพันปีกับสถาปัตยกรรมสไตล์โรมันที่ได้รับประกันความงดงามทางสถาปัตยกรรมด้วยการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก (UNESCO) เมื่อปี ค.ศ. 1979 อีกด้วย ดังนั้นไม่ต้องสืบหรือสาธยายให้ยุ่งยากเลยว่าเมืองนี้จะเป็นอีกหนึ่งเมืองที่เหมาะสำหรับคนชอบถ่ายรูปมากแค่ไหนครับ
พิกัด : Split
8. อุทยานแห่งชาติพลิตวิเซ่ (Plitvice National Park)
อุทยานแห่งชาติอันมีชื่อเสียงโด่งดังของโครเอเชียแห่งนี้ตั้งอยู่บริเวณตอนกลางของประเทศใกล้กับเขตชายแดนของประเทศบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา โดยอุทยานแห่งชาติที่มีพื้นที่ครอบคลุมกว่า 296 ตารางกิโลเมตรแห่งนี้ได้รับการจดทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก (UNESCO) ในปี ค.ศ. 1979 โดยมีไฮไลท์อยู่ที่ทะเลสาบสีเคอร์ควอยซ์ขนาดใหญ่ที่มีน้ำใสปิ๊ง รวมถึงน้ำตกขนาดใหญ่ท่ามกลางธรรมชาติที่เขียวชอุ่มสมบูรณ์ของผืนป่าโครเอเชีย และทีเด็ดที่ห้ามพลาดเมื่อเราได้มีโอกาสมาเยี่ยมเยือนที่นี่ก็คือสะพานไม้ที่ทอดยาวผ่านกลางทะเลสาบและลัดเลาะอิงแอบไปตามแนวหน้าผาน้ำตก เพราะตลอดเส้นทางนี้คุณจะได้สัมผัสกับธรรมชาติสุดอลังการในแบบแนบชิดสุดๆ พร้อมด้วยการชมทิวทัศน์สวยสะดุดใจแบบเต็มๆ ตา ในบรรยากาศที่ยากจะหาจากที่อื่นได้ครับ
พิกัด : Plitvice National Park
9. อุทยานแห่งชาติครึกคา (Krka National Park)
อุทยานแห่งชาติครึกคา (Krka National Park) อุทยานแห่งชาติอันเป็นที่ตั้งของน้ำตกที่ได้ชื่อว่าสวยงามที่สุดในทวีปยุโรป น้ำตกสกราดินสกี บูค (Skradinski Buk) โดยน้ำตกแห่งนี้ถือเป็นไฮไลท์ที่สำคัญที่สุดในการมาเที่ยวที่อุทยานแห่งชาติแห่งนี้เลยครับ เพราะตัวน้ำตกนั้นนอกจากจะมีขนาดใหญ่และมีความสูงถึง 37.5 เมตรแล้ว น้ำตกแห่งนี้ยังอยู่บนแม่น้ำครึกคา (Krka River) ซึ่งรายล้อมไปด้วยผืนป่าอันอุดมสมบูรณ์สีเขียวชอุ่มอีกด้วย และแน่นอนว่านี่คืออีกหนึ่งพิกัดโลเคชั่นสวยๆ ที่นักเที่ยวผู้หลงใหลในการถ่ายรูปสายธรรมชาติไม่ควรพลาดเมื่อได้มีโอกาสมาเที่ยวโครเอเชียครับ
พิกัด : Krka National Park
10. อุทยานแห่งชาติคอร์นาติ (Kornati National Park)
อีกหนึ่งอุทยานทางธรรมชาติของโครเอเชียแต่เป็นอุทยานทางธรรมชาติที่มีรูปแบบแตกต่างออกไปจาก 2 อุทยานก่อนหน้านี้ เพราะอุทยานแห่งชาติคอร์นาติ (Kornati National Park) นั้นเป็นอุทยานแห่งชาติทางทะเลที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยทรัพยากรทางทะเล รวมถึงหาดทรายสีขาวเนียน โขดหิน และหน้าผามากมาย นอกจากนี้ยังเป็นอุทยานแห่งชาติที่เต็มไปด้วยเกาะแก่งน้อยใหญ่กว่า 140 เกาะ บนชายฝั่งดัลเมเชี่ยน (Dalmatian) อีกด้วย
คุณลองหลับตาแล้วจินตนาการภาพตามดูสิครับว่าโขดหิน หน้าผา และเกาะแก่งมากมายเหล่านี้มันจะสวยงามเพียงไหนเมื่อมันถูกโอบล้อมไปด้วยท้องทะเลสีเทอร์ควอยซ์และท้องฟ้าอันสดใส ยิ่งวันไหนอากาศดีๆ แดดอ่อนๆ พร้อมกับมีสายลมและเสียงคลื่นคลอเคล้าแบบเบาๆ อย่างลงตัวด้วยแล้วล่ะก็ถ่ายรูปกันจนเพลินเลยล่ะ ใครที่ชอบถ่ายรูปทะเล และชอบสายลม เสียงคลื่น พร้อมทั้งแสงแดดแบบนี้ อย่าลืมจดที่นี่ไว้เป็นหนึ่งในโลเคชั่นที่คุณต้องมาด้วยนะ
พิกัด : Kornati National Park