สวัสดีทุกท่านครับ วันนี้ผมนาย “ภรรยาหา สามีใช้” จะพาทุกท่านไปรู้จักร้านอาหารแห่งนึงที่มีความโดดเด่นในเรื่องของวัตถุดิบที่นำมาใช้ในการปรุงอาหารครับ โดยร้านนี้มีชื่อว่า “Veggie Mill” ครับ
หน้าตาของร้านจะเป็นอาคารชั้นเดียวสีฟ้า โดดเด่นสะดุดตาด้วยกังหันลมขนาดใหญ่ครับ โดยบริเวณข้างๆ ร้านจะมีอีกหนึ่งร้านที่ชื่อว่า “Milky Mill” ซึ่งผมเข้าใจว่าน่าจะเป็นร้านของเครือญาติกันเพราะชื่อคล้ายๆ กันเลยครับ โดยทั้ง 2 ร้านนี้เราสามารถสั่งอาหารข้ามไปมากันได้ครับ แต่เวลาชำระเงินต้องแยกกันชำระนะครับ @[email protected]
Disclosure : บทความนี้เป็นบทความที่ไม่ได้รับการสนับสนุนจากผู้ให้บริการใดๆ ทั้งสิ้น
สำหรับการเดินทางมาที่ร้าน Veggie Mill นั้นก็ไม่ยากครับ เราสามารถค้นหาใน Google Map แล้วมาตามทางได้เลยครับ รับรองว่าไปถูก ไม่หลงแน่นอน แต่ถ้าใครไม่สะดวกกับการดู Google Map ก็ดูแผนที่ข้างล่างนี้แล้วตรงดิ่งไปที่ซอยสวนผัก 32 ได้เลยครับ โดยเจ้าซอยสวนผัก 32 นี้สามารถเข้าได้หลายทางมากๆ เลยครับ
หมายเหตุ : ขอขอบคุณแผนที่จาก Facebook ของทางร้านด้วยนะครับ
เมื่อเราเดินทางมาถึงหน้าร้านแล้ว เราก็เลือกจอดรถตามสะดวกได้เลยครับ โดยที่บริเวณหน้าร้านจะสามารถจอดรถได้ราวๆ 5-6 คัน ส่วนบริเวณหลังร้านจะมีพื้นที่ที่สามารถจอดได้อีกราวๆ 20 คันได้เลยครับ ดังนั้นร้านนี้จึงไม่น่าจะมีปัญหาเรื่องของที่จอดรถซักเท่าไหร่ เพราะว่าตัวร้านเองมีขนาดไม่ใหญ่ มีโต๊ะราวๆ 20 โต๊ะเท่านั้นเองครับ ซึ่งการแบ่งโต๊ะนั่งนั้นจะแบ่งออกเป็น 3 โซนหลักๆ ดังนี้ครับ
โซนแรก : บริเวณอาคารหลักของร้านที่มีกังหันลมขนาดใหญ่ครับ (Open air)
โซนที่สอง : ตรงนี้จะเป็นโซน Outdoor มีร่มเล็กๆ คอยกั้นแสงแดด และจะอยู่ใกล้ๆ กับสนามเด็กเล่นของทางร้านครับ สำหรับโซนนี้จะมีโต๊ะแค่ 2-3 ตัวเท่านั้นเองครับ และเป็นโซนที่น่าจะเหมาะกับช่วงเวลาตอนเย็นๆ ที่แดดไม่แรงครับ
โซนที่สาม : อาคารห้องกระจกติดแอร์ครับ โดยใครที่เลือกนั่งโซนนี้ต้องจ่ายเงินเพิ่มคนละ 10 บาทด้วยนะครับ
ตัวผมเองนั้นเลือกนั่งบริเวณโซนที่สองครับ เพราะโซนที่ 1 มันเต็ม และก็เมื่อดูจากบรรยากาศแล้วการนั่งในโซนที่ 2 น่าจะดีกว่า เพราะเป็นช่วงเวลาเย็นๆ แล้ว อีกทั้งผมก็ไม่อยากจ่ายเงินเพิ่มเพื่อไปนั่งในห้องแอร์ด้วยครับ > <
สำหรับเวลาเปิดบริการของร้านนี้ก็คือ 11.00 น. – 20.00 น. (ปิดบริการทุกวันศุกร์) ส่วนรายละเอียดของวันที่ผมไปทานก็ตามนี้ครับ
วันเสาร์ที่ 1 ตุลาคม 2559
เวลา 17.30-19.00 น
จำนวน 2 คน
เอาล่ะครับ…….เมื่อผมได้โต๊ะเรียบร้อยแล้ว ทีนี้ก็ได้เวลาสำรวจเมนูกันแล้วครับ ตัวเมนูอาหารคาวของทางร้านจะมี 2 หน้าครับ ประกอบไปด้วยสเต็ก, ข้าว, สปาเกตตี้, ของทานเล่น, สลัดแล้วก็ซุปครับ ส่วนเมนูของเครื่องดื่มก็จะมีทั้งน้ำผักผลไม้ปั่น แล้วก็พวกชา กาแฟ เครื่องดื่มร้อนเย็นต่างๆ ครับ
ถ้าใครที่สังเกตภาพเมนูของร้านดีๆ จะเห็นว่ามีการเขียนข้อความในเมนูประมาณว่า “มั่นใจในคุณภาพวัตถุดิบของทางร้านที่ผ่านการคัดสรรอย่างดี โดยเฉพาะผักสดๆ ซึ่งเค้าทำการปลูกแบบอนามัย” ใช่แล้วครับ……ร้านนี้เป็นร้านอาหารที่มีการทำฟาร์มผักออแกนิคด้วยนั่นเองครับ ซึ่งถือว่าเป็นจุดเด่นและเป็นวัตถุดิบสำคัญในหลายๆ เมนูของทางร้านเลยครับ
โดยตรงโต๊ะที่ผมนั่งอยู่นั้นสามารถที่จะมองเห็นบริเวณที่ทางร้านปลูกผักเหล่านี้ได้อย่างชัดเจนเลยครับ และสำหรับท่านที่สนใจจะไปเดินเล่นดูผักใกล้ๆ หรือเข้าไปถ่ายรูป ก็สามารถที่จะทำได้นะครับ
และเมื่อเรารู้จุดเด่นของทางร้านแบบนี้แล้ว แน่นอนว่าหนึ่งในเมนูที่เราไม่ควรพลาดที่จะสั่งก็คือ “สลัด” นั่นเองครับ และในที่สุดผมกับภรรยาก็สั่งอาหารทั้งหมดตามนี้ครับ
พอร์คชอป 149 บาท
สลัดผักรวม (เพิ่ม Topping เบคอน) 104 บาท
ปีกไก่นิวออลีน 69 บาท
น้ำ Veggie Mix ปั่น 40 บาท
น้ำเปล่าและน้ำแข็ง 12 บาท
สำหรับคนที่สนใจในเรื่องของผักออแกนิคที่ทางร้านปลูกไว้ อยากจะซื้อไปทำอาหารกินต่อที่บ้าน ทางร้านเค้าก็มีจำหน่ายในส่วนนี้ด้วยนะครับ
หลังจากที่ผมสั่งอาหารไปเสร็จ ผมก็ใช้เวลาในการนั่งรอไม่นาน อาหารแต่ละอย่างก็ทยอยมาเสิร์ฟครับ โดยในจุดนี้ผมได้เจอทั้งเรื่องที่ประทับใจและไม่ประทับใจของพนักงานที่ร้านไปพร้อมๆ กันครับ นั่นคือพนักงานบางคนก็อัธยาศัยดีมาก (ผมเดาว่าน่าจะเป็นเจ้าของร้าน เพราะเอาใจใส่ดี พูดคุยไพเราะ รวมทั้งแอคทีฟมากด้วย) และก็มีพนักงานบางคนก็ไม่ค่อยมี Service Mind เลย คือ หน้าค่อนข้างบึ้ง บริการค่อนข้างช้า ที่สำคัญเสิร์ฟอาหารผิดโต๊ะบ่อยมาก โดยโต๊ะผมเจอเสิร์ฟผิดไป 2 ครั้ง แถมครั้งหลังนี่บอกว่าเป็นเพราะผมย้ายโต๊ะนั่งอีก ซึ่งจริงๆ แล้วผมไม่ได้ย้ายไปไหนเลย นั่งอยู่โต๊ะเดิมตั้งแต่แรกครับ @[email protected]
เอาล่ะครับ มาดูหน้าตาอาหารรวมๆ ก่อนดีกว่าครับว่าหน้าตาจะดูดีแค่ไหนครับ
โดยส่วนตัวผมว่าอาหารแต่ละอย่างที่เค้าทำมา หน้าตาดีนะครับ ดูน่าทานเลยทีเดียว ทีนี้เรามาไล่กันในเรื่องรสชาติของแต่ละรายการดีกว่าครับ
เริ่มจากพอร์คช็อปครับ ขนาดจานค่อนข้างใหญ่เลยครับ เนื้อก็ชิ้นใหญ่ใช้ได้ครับ ยาวประมาณซัก 1 คืบ แต่พอหั่นๆ ไปแล้วรู้สึกเนื้อน้อยไปหน่อย ไม่ค่อยอิ่มเท่าไหร่ ><
ตัวเนื้อหมูนั้นนุ่มใช้ได้เลยครับ รสชาติติดหวานไปนิด ส่วนผักสดร่อยดีครับ น้ำสลัดก็แปลกดีเป็นน้ำสลัด Beetroot สีชมพู รสชาติเปรี้ยวนิดๆ แต่โดยรวมก็ไม่ได้แตกต่างจากน้ำสลัดทั่วไปนะครับ สำหรับจานนี้เทียบกับราคาแล้วถือว่าสอบผ่านครับ
จานที่สอง สลัดผักรวมเพิ่มเบคอนครับ จานนี้ร้านเค้าเสิร์ฟในชามไม้สวยเลยทีเดียวครับ มีน้ำสลัด 2 แบบ ได้แก่น้ำสลัดญี่ปุ่นที่เป็นงาขาว รสชาติออกมันๆ อร่อยดีครับ ส่วนอีกอันนั้นเป็นน้ำสลัดที่ทำมาจากแครอท รสชาติเปรี้ยวนิดๆ ปนซ่าหน่อยๆ ครับ
ในส่วนของคุณภาพผักนี่ต้องยกให้เค้าครับ ดีงาม สมแล้วที่ปลูกเองหลังร้าน ส่วนน้ำสลัดมีดีคนละอย่าง รสชาติคนละแบบเลย ใครชอบแบบไหนตัดสินใจเองจะดีกว่าครับ
ต่อกันที่จานที่สามครับ “ไก่นิวออลีน” ในหนึ่งจานจะมีทั้งหมด 4 ชิ้น รสชาตินั้นถือว่าดีครับ อร่อยถูกปากเลย แต่เมื่อเทียบกับราคา 69 บาทต่อจานแล้วผมว่าราคานี้แพงไปหน่อยครับ อย่างน้อยควรจะมีซัก 5 ชิ้นครับ
ต่อไปก็คือ Veggie Mix ปั่น ซึ่งเป็นเครื่องดื่มที่ทางร้านแนะนำ โดยมีส่วนผสมที่สำคัญคือ ผักสลัดที่ปลูกเองปั่นรวมกับมะนาว เกลือ และไซรัปสูตรพิเศษครับ แก้วนี้บอกเลยว่าอร่อยมาก!! เป็นน้ำผักที่กินได้ไม่ยาก กินแล้วกินได้เรื่อยๆ อร่อยสมกับที่ทางร้านแนะนำจริงๆ ครับ
ตอนนี้ผมกับภรรยาก็จัดการในส่วนของของคาวเรียบร้อยแล้วครับ ลำดับต่อไปเราจึงมองไปที่ของหวานของร้านข้างๆ ที่ชื่อ Milky Mill ครับ โดยเราสามารถสั่งข้ามมาทานได้เลยครับ เพียงแต่ต้องแยกจ่ายเงินก่อนเท่านั้นเอง สำหรับเมนูของของหวานก็จะเป็นพวกบิงชู, ไอศรีม, วอฟเฟิล หรือพวกเครื่องดื่มที่มีนมเป็นส่วนผสมครับ ซึ่งอันหลังนี่เค้าเคลมว่าเป็นเครื่องดื่มนมสดแท้ 100% นะครับ
ปล. บิงชูของร้านนี้มีการโปรยเชิญชวนได้ดึงดูดใจมากว่า “ฟินทุกคำ……ถ่ายรูปสวยทุกเมนู” > <
ผมกับภรรยาสั่งเป็น “บิงชูเมลอน+สตรอเบอรี่” ครับ ราคา 269 บาท นั่งรอซัก 10 นาทีทางพนักงานของร้านก็นำมาเสิร์ฟครับ แต่ด้วยความที่มันเริ่มมืดแล้วผมก็เลยถ่ายรูปมาได้ไม่ค่อยสวยเท่าไหร่ครับ T_T
ขนาดของบิงชูถ้วยนี้ค่อนข้างใหญ่ครับ ตัวเมลอนอร่อยหวานดีครับ ส่วนสตรอเบอรี่ก็เป็นสตรอเบอรี่สด มีไอศรีมวานิลโปะมาข้างบนด้วยอีก 1 ลูก รสชาติไอศรีมใช้ได้ครับ รวมๆ แล้วเรื่องรสชาติของจานนี้อร่อย สอบผ่าน ปริมาณเยอะเหมาะกับการกินกับแฟนหรือเพื่อนมากๆ ครับ
เอาล่ะครับ ก็มาถึงช่วงท้ายของการรีวิวแล้ว ผมขออนุญาตสรุปโดยจะแยกรายละเอียดในแต่ละหัวข้อดังนี้นะครับ
รสชาติอาหาร : โดยรวมๆ รสชาติของอาหารทั้งหมดผมค่อนข้างประทับใจนะครับ โดยเฉพาะเมนูที่มีพวกผักเข้ามาเกี่ยวข้อง คุณภาพของผักนั้นดี สด อร่อยจริงๆ และสิ่งที่ผมประทับมากๆ ก็คือเจ้า Veggie Mix ปั่นครับ เป็นน้ำผักปั่นที่อร่อยจริงๆ ครับ
ความหลากหลายของอาหาร : ความหลากหลายของอาหารถือว่าอยู่ในระดับกลางๆ ครับ เน้นในพวกสลัด สเต็ก ซุป ซึ่งเป็นประเภทอาหารที่ทานแล้วไม่ค่อยอ้วน ไม่ทำร้ายร่างกายมากครับ ซึ่งในแต่ละประเภทนั้นก็มีแยกย่อยรายละเอียดลงไปอีกพอควร ดังนั้นผมว่าเป็นอีกร้านนึงที่เหมาะกับการพาครอบครัวใหญ่ๆ มาทานได้เลยครับ
ความสะอาดของร้าน : ไม่มีปัญหาอะไรในข้อนี้ครับ สะอาด ดูดีครับ
การบริการของพนักงาน : ในส่วนนี้ผมเจอทั้งที่ประทับใจแล้วก็ไม่ประทับใจครับ บางคนก็บริการดีมาก แอคทีฟ ตอบสนองรวดเร็ว แต่บางคนก็ดูไม่ค่อยมี Service Mind เท่าไหร่ โดยเฉพาะการที่เหมือนจะเถียงลูกค้าด้วยว่าไม่ได้เสิร์ฟผิดโต๊ะ แต่เป็นเพราะผมย้ายโต๊ะเองหรือเปล่า @[email protected]
ความสะดวกของการเดินทาง : ตำแหน่งที่ตั้งของร้านนี้เหมาะสำหรับคนที่มีรถส่วนตัวเท่านั้นครับ ไม่เช่นนั้นจะเดินทางมาได้ยากมากครับ ทั้งนี้ในส่วนของที่จอดรถนั้นถือว่ามีปริมาณพอเพียงกับโต๊ะที่ทางร้านมีครับ
ความคุ้มค่า : หลายๆ เมนูผมให้ความคุ้มค่าอยู่ในระดับดีครับ เช่น พอร์คชอป, สลัด, น้ำปั่น กลุ่มนี้คือเทียบรสชาติ คุณภาพ ปริมาณที่ได้แล้ว ไม่เสียดายเงินครับ ส่วนไก่นิวออลีนนั้นถึงแม้รสชาติจะอร่อยแต่ผมว่าราคาสูงไปหน่อยครับ (ต้องบอกว่าส่วนหนึ่งในการคิดเรื่องความคุ้มค่าของผม ผมจะมองเทียบกับเรื่องทำเลด้วยนะครับ โดยการที่ร้านตั้งอยู่ในทำเลแบบนี้ แล้วตั้งราคาระดับนี้ผมถือว่าแอบสูงไปหน่อยครับ หลายๆ รายการถ้าลดลงมาได้อีกซัก 10-20 บาทนี่ผมว่ากำลังสวยเลยครับ)
สรุป : หากคุณเป็นคนที่ชอบทานอาหารเพื่อสุขภาพ อาศัยอยู่แถวสวนผัก ตลิ่งชัน ราชพฤกษ์ และไม่มีปัญหาเรื่องของการเดินทาง นี่เป็นหนึ่งในร้านที่ควรหาโอกาสมาครับ ไม่ว่าจะมากับเพื่อน กับแฟนหรือครอบครัวใหญ่ๆ ที่มีทั้งคนสูงอายุหรือเด็กๆ เพราะเมนูของทางร้านน่าจะเหมาะกับทุกเพศทุกวัย มีห้องแอร์ไว้บริการ อีกทั้งยังมีสนามเด็กเล่นเล็กๆ อีกด้วยครับ นอกจากนี้ใครที่ชอบทานพวกบิงชู หรือพวกเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของนมก็น่าจะชอบร้านนี้เช่นเดียวกันครับ เพราะแถวๆ นี้หาร้านขายบิงชูยากเหมือนกันครับ
ก็จบลงแล้วสำหรับรีวิวนี้ ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านจนจบ แล้วพบกันใหม่ในรีวิวหน้าครับ สำหรับผู้ที่ต้องการติดตามเรื่องราวการรีวิวต่างๆ ที่รวดเร็วทันใจ สามารถกดติดตามได้ที่เพจ ภรรยาหา สามีใช้ และสำหรับท่านที่อยากจะได้ข้อมูลของร้านนี้เพิ่มเติม สามารถเข้าไปดูข้อมูลตามลิงก์ด้านล่างได้เลยครับ
Facebook : Veggie Mill
หมายเหตุ : บทความนี้เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวของผมในวันที่ไปใช้บริการเท่านั้นครับ แต่ละท่านที่ได้มีโอกาสไปใช้บริการอาจจะได้รับการบริการที่แตกต่างจากนี้ออกไป
Facebook Comments