สวัสดีทุกท่านครับ วันนี้ผมนาย “ภรรยาหา สามีใช้” จะขอพาทุกท่านไปพบกับหนึ่งในร้านซูชิที่ใครต่อใครเอ่ยปากชมว่าคุณภาพดีและมีเมนูให้เลือกหลากหลายครับ ร้านนี้ก็คือร้าน “Sushi Hana” นั่นเองครับ
ร้าน Sushi Hana อ่านว่า ซูชิฮานะ เป็นร้านอาหารญี่ปุ่นที่ปัจจุบันมีราวๆ 10 สาขาได้ครับ โดยสาขาแรกที่สร้างชื่อและทำให้หลายๆ คนรู้จักก็คือสาขาพระราม 3 แต่สำหรับวันนี้สาขาที่ผมจะพาทุกๆ ท่านไปทานกันนั้นคือสาขาราชพฤกษ์นะครับ
Sushi Hana สาขาราชพฤกษ์ ตั้งอยู่ตรงข้ามกับ The Walk ราชพฤกษ์ครับ โดยจะเป็นพื้นที่โล่งๆ มีร้านอาหารอยู่ 3-4 ร้านในบริเวณนั้นครับ ซึ่งพื้นที่โล่งๆ ตรงนี้จะอยู่ระหว่าง Home Pro กับ โชว์รูม Mazda ครับ คิดว่าน่าจะหาได้ไม่ยากครับ เมื่อเราเลี้ยวรถเข้าไปแล้วก็จะเจอหน้าร้านแบบนี้เลยครับ ส่วนสถานที่จอดรถก็เลือกจอดในลานกว้างได้ตามอัธยาศรัยครับ พื้นที่จอดรถค่อนข้างเยอะแต่เป็น outdoor ไม่มีหลังคานะครับ หากไปตอนกลางวันจะมีคนเอาผ้าคลุมมาคลุมกระจกหน้ารถให้ครับ
Disclosure : บทความนี้เป็นบทความที่ไม่ได้รับการสนับสนุนจากผู้ให้บริการใดๆ ทั้งสิ้น
เมื่อเราก้าวเข้าไปในร้านจะพบว่าร้านมีลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้ายาว ด้านขวามือจะเป็นห้อง VIP สำหรับคนที่มาเป็นกลุ่มใหญ่ ส่วนบริเวณตรงกลางจะเป็นที่ทำอาหารของเชฟ และเก้าอี้หน้า Counter ที่จะเห็นการทำอาหารของเชฟอีก 27 ที่ และปิดท้ายด้วยโต๊ะที่กระจายอยู่ทั่วร้านทั้งโต๊ะใหญ่ โต๊ะเล็ก ซึ่งรวมๆ กันแล้วร้านนี้น่าจะสามารถจุคนได้ประมาณ 100-120 คนได้ครับ
สำหรับรายละเอียดของการไปทานอาหารของผมก็ตามนี้ครับ
วันอาทิตย์ที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2559
เวลาประมาณ 12.45-13.45 น.
สาขา ราชพฤกษ์
จำนวน 2 คน
เมื่อพนักงานพาผมไปนั่งที่โต๊ะแล้วก็ได้นำเมนูอาหารมาให้ดูครับ โดยเมนูจะมี 2 อย่าง อย่างแรกจะเป็นเมนูอาหารราคาปกติ เป็นเล่มใหญ่ๆ มีเมนูอาหารให้เลือกเยอะเลยครับ ส่วนแบบที่ 2 จะเป็นเมนู Promotion ราคาพิเศษ เป็นแผ่นขนาด A4 มีด้านหน้ากับด้านหลัง โดยด้านนึงจะเป็นราคา Promotion สำหรับคนทั่วไป กับอีกด้านนึงจะเป็นราคา Promotion สำหรับคนที่ถือบัตรสมาชิกของร้านครับ
หลังจากที่ผมพิจารณาอาหารและราคาแล้วก็เลยตัดสินใจสมัครบัตรสมาชิกของร้านในราคา 300 บาทครับ โดยสามารถที่จะใช้สิทธิ์ได้เลยทันทีในวันแรกที่สมัครครับ ซึ่งสิทธิ์ที่ได้ก็ตามนี้ครับ
-
ลดราคาอาหารที่เป็นราคาปกติลง 15% กรณีที่จ่ายด้วยบัตรเครดิต และลด 10% กรณีที่จ่ายเงินสด
-
รับส่วนลด 20% ในช่วงวันเกิด (ระยะเวลาที่ใช้ได้คือ 7 วัน ตั้งแต่ก่อนวันเกิด 3 วัน, วันเกิด และหลังวันเกิด 3 วัน)
-
สามารถสั่งอาหารราคา Promotion พิเศษ สำหรับสมาชิกได้
-
สามารถสั่งอาหารราคา Promotion พิเศษ สำหรับลูกค้าทั่วไปได้
โดยรายการอาหารราคา Promotion พิเศษของลูกค้าทั่วไปกับลูกค้าที่ถือบัตรสมาชิกนั้นจะเป็นคนละรายการอยู่แล้วครับ ไม่มีรายการอะไรที่ซ้ำกัน สำหรับสาเหตุหลักที่ผมยอมสมัครสมาชิกวันนี้ก็เพราะว่า Promotion พิเศษสำหรับสมาชิกมีอยู่ 1 รายการที่น่าสนใจมากนั่นก็คือ เอ็นกาวะ ซูชิ (ครีบปลาตาเดียว) ที่ลดราคาจาก 120 บาท เหลือ 72 บาทครับ และทั้งหมดนี้คือรายการอาหารที่ผมสั่งในรอบแรกครับ
-
Engawa Sushi (เอ็นกาวะ ซูชิ) 2 คำ
-
Sakuradai Sushi (ซากุระได ซูชิ) 1 คำ
-
Salmon Sushi (แซลมอน ซูชิ) 2 คำ
-
Engawa Hana (เอ็นกาวะ ฮานะ) 1 คำ
-
Salmon Toro Sashimi (แซลมอน โทโร ซาชิมิ) 1 ที่
-
Niku Alaska Maki (นิกุ อลาสกา มากิ) 1 ที่
หลังจากที่พนักงานรับ Order ไปเสร็จ ซักพักพนักงานก็นำชาเขียวเย็นที่ผมสั่งไปมาเสิร์ฟพร้อมกับของทานเล่นครับ โดยชาเขียวของที่นี่เสิร์ฟฟรีนะครับไม่คิดเงินเพิ่ม รสชาติโอเค อร่อยดีครับ ส่วนของทานเล่นมีสองอย่างคือ ถัวแระญี่ปุ่น กับไก่ทอดครับ
เอาล่ะครับ ตอนนี้อาหารก็มาเสิร์ฟแล้วครับ เริ่มจากจานแรกที่มีหลายคนแนะนำให้ผมทาน นั่นก็คือ Salmon Toto Sashimi ครับ มาเสิร์ฟในจานขนาดใหญ่ มีเนื้อทั้งหมด 5 ชิ้น ลายสวยงามดีครับ ขนาดของเนื้อปลาก็ค่อนข้างหนาครับ
รสชาติอร่อยดี เด้ง มันเต็มๆ คำ คนที่ชอบทานมันๆ และเนื้อส่วนนี้อยู่แล้วน่าจะประทับใจเหมือนกับแฟนผมครับ แต่โดยส่วนตัวผมเองนั้นผมไม่ค่อยชอบทานเนื้อส่วนที่มันๆ แบบนี้เท่าไหร่ครับ ผมชอบทานที่เป็นเนื้อธรรมดามากกว่าครับ
สำหรับราคาของจานนี้อยู่ที่ 380 บาทนะครับ
เมนูถัดมาครับ Niku Alaska Maki หรือข้าวห่อเนื้อวากิวแซลมอนเผา เมนูนี้จะมีการเอาเนื้อวากิวไปเบิร์นนิดๆ แล้วก็ห่อด้วยแซลมอนที่ผ่านการเบิร์นด้านนอกอีกทีนึง และมีไข่กุ้งดำเป็นทอปปิ้งด้านบนครับ ดูจากส่วนประกอบแล้วน่าจะเป็นเมนูที่ผมชอบมากเมนูนึงเลยครับ แต่ปรากฏว่ารสชาติที่ได้ผมว่ามันยังไม่ค่อยลงตัวเท่าที่ควรครับ ที่สำคัญรสชาติตัวแซลมอนนั้นกลบเนื้อวากิวแทบจะเกลี้ยงเลยครับ
เมนูนี้มาเสิร์ฟทั้งหมด 6 คำนะครับ โดยจะมาเสิร์ฟในชั้นขั้นบันไดแบบนี้ครับ ไม่ได้จัดมาในจานเหมือนในเมนูนะ สำหรับราคาโดยปกติจานนี้จะอยู่ที่ 480 บาท แต่มี Promotion ลด 40% เหลือ 288 บาทครับ
เมนูถัดมาครับ Salmon Sushi กับราคาปกติ 70 บาท/คำ ขนาดของชิ้นปลาที่ได้ถือว่ายาวใช้ได้ แต่ความหนาไม่มากเท่าไหร่ เรื่องรสชาติถือว่าดี อร่อย สอบผ่าน คุ้มราคาที่จ่ายครับ
ต่อกันที่ Engawa Sushi หรือครีบปลาตาเดียว กับราคาปกติที่ 120 บาท/คำ แต่ใช้สิทธิ์ราคาพิเศษสำหรับผู้ถือบัตรสมาชิกเหลือเพียง 72 บาท/คำ จานนี้ถือว่าโอเค และคุ้มมากๆ ครับ หายากมากที่จะได้ Engawa Sushi ราคา 72 บาท/คำ แล้วได้เนื้อปลาชิ้นขนาดนี้ อร่อยขนาดนี้ครับ
เมนูต่อมา Engawa Hana เมนูนี้จะประกอบไปด้วยครีบปลาตาเดียวที่ผ่านการเบิร์นแล้วพันรอบข้าวที่ด้านล่าง จากนั้นมีปลาดิบสับคลุกซอสและไข่ปลาแซลมอนเป็นทอปปิ้งด้านบนครับ องค์ประกอบที่ให้มานั้นจัดเต็มมาก มีราคาต่อคำที่ 210 บาท แต่ผมใช้สิทธิ์ราคาบัตรสมาชิกจึงเหลือราคาอยู่ที่ 126 บาท/คำ ครับ
รสชาติที่ได้อร่อยนะครับ แต่โดยส่วนตัวถ้าให้เลือกทานใหม่ ผมคงเลือกกิน Engawa Sushi ธรรมดา 2 คำ ที่ราคา 144 บาทดีกว่าครับ เพราะรู้สึกว่าคุ้มกว่าและอร่อยถูกปากกว่าครับ
ต่อกันที่เมนูสุดท้ายของการสั่งรอบแรก Sakuradai Sushi ที่มีทอปปิ้งเป็นพริก, ผักและปรุงรสมาเปรี้ยวจี้ดจ้าดมากอย่างกับต้มยำอะไรซักอย่าง ผลที่ได้ก็คือกลบรสชาติปลาไปแทบจะหมดเลยครับ T_T
โดยส่วนตัวผมไม่ค่อยประทับใจเมนูนี้เท่าไหร่ครับ เพราะคิดว่าการกินซูชินั้นน่าจะคือการได้ลิ้มลองรสชาติของความเป็นปลามากกว่านี้ครับ สำหรับเมนูนี้ราคาอยู่ที่ 60 บาทต่อคำครับ
หลังจากจบ Set แรกแล้ว ผมก็มาเปิดดูเมนูดูว่ามีอะไรที่น่าลองอีกแล้วก็ได้มา 1 รายการครับ นั่นคือ Salmon Skin Sushi ก็เลยสั่งมาเพิ่มอีก 1 ที่ และก็ด้วยความที่ประทับใจในรสชาติของ Engawa Sushi มาก ก็เลยจัดเพิ่มมาอีก 1 คำครับ
ระหว่างที่รออาหารรอบใหม่มา เรามาดูน้ำซุปของที่นี่กันก่อนครับ น้ำซุปของที่นี่จะเป็นซุปใสครับ รสชาติอร่อย ถูกปากผมเลยครับ ในน้ำซุปจะมีเส้นบุกด้วยนะครับ นอกจากนี้ซุปของที่นี่เติมให้ฟรีเรื่อยๆ เลยนะครับ และมาเติมให้เร็วมาก โดยพนักงานจะถือถ้วยซุปใหม่มาให้เลยครับ
สำหรับการสั่งอาหารเพิ่มรอบหลังนี้ แม้จะสั่งแค่ไม่กี่รายการแต่ว่าค่อนข้างใช้เวลารอนานกว่ารอบแรกมากครับ เพราะด้วยปริมาณคนที่เข้ามาในร้านเยอะขึ้นกว่าตอนแรกที่ผมเข้ามาตอนแรกครับ ผมก็เลยมีเวลาสังเกตดูเชฟทำนู่นนี่ไปนานพอควรเลยครับ
และในที่สุดเมนูที่สั่งไปรอบหลังก็มาเสิร์ฟครับ Salmon Skin Sushi 1 ที่ กับ Engawa Sushi อีก 1 คำ
สำหรับ Salmon Skin Sushi นั้น 1 ที่จะได้ 2 คำนะครับ โดยคำแรกจะมีทอปปิ้งเป็นอะโวกาโด ส่วนคำที่สองจะมีทอปปิ้งเป็นไข่กุ้ง ผมกับภรรยารับผิดชอบกันคนละคำตามความถนัด ภรรยาผมจัดอะโวกาโด ผมจัดไข่กุ้ง รสชาติที่ได้ถือว่าโอเคนะครับ โดยตัวแซลมอลนั้นมีหนังติดมาด้วยตามชื่อของเมนูเลยครับ
ราคาของเมนูนี้ปกติอยู่ที่ 210 บาท/ที่ (2 คำ) แต่มี Promotion สำหรับลูกค้าทั่วไปลด 40% เหลือ 126 บาท/ที่ หรือคิดเป็น 63 บาท/คำครับ
หลังจากที่ผมทาน Set นี้เสร็จแล้วก็ได้สอบถามพนักงานเกี่ยวกับของหวานหรือผลไม้ ซึ่งทางร้าน Sushi Hana นั้นมีบริการแตงโมให้ฟรีสำหรับทุกท่านครับ ขนาดชิ้นใหญ่ดีครับ ได้คนละ 2 ชิ้น เนื้อแตงโมแช่เย็นมาอย่างดี รสชาติหวานเลยครับ อร่อย เป็นการปิดท้ายมื้อที่ดีมากครับ
เอาล่ะครับ ทีนี้ก็ถึงเวลาเช็คบิลกันแล้วครับ ค่าเสียหายสำหรับมื้อนี้ทั้งหมดก็ 1,619 บาท แบ่งเป็นค่าต่างๆ ก็ตามนี้ครับ
-
ค่าบัตรสมาชิก 300 บาท
-
Service charge 70 บาท โดยที่นี่จะคิด Service charge เป็นราคาต่อคนที่ 35 บาท/คน นะครับ ไม่ว่าจะกินมากกินน้อย กินถูกกินแพง ราคาเดียวกันหมดครับ
-
ค่าอาหาร 1,249 บาท
เมื่อหักค่าบัตรสมาชิกออกมูลค่าอาหารมื้อนี้จริงๆ ก็จะอยู่ที่ 1,319 บาท คือ 659.50 บาท/คน ครับ ทีนี้มาดูการสรุปข้อมูลในแต่ละหัวข้อกันดีกว่าครับ ว่าผมคิดเห็นอย่างไรครับ
รสชาติอาหาร : โดยรวมๆ รสชาติอาหารดีเลยครับ วัตถุดิบที่เอามาใช้ถือว่ามีคุณภาพที่ดีกว่าหลายๆ ร้าน สำหรับเมนูที่ผมประทับใจมากๆ ก็คือ Engawa Sushi กับ Salmon Toro Sashimi ครับ ส่วนเมนูอาหารพวกฟิวชั่นต่างๆ นั้นวัตถุดิบใส่ให้มาเต็มๆ คำแต่ผมคิดว่ามันยังไม่ค่อยเข้ากันเท่าไหร่ โดยส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะผมไม่ค่อยชอบทานพวกฟิวชั่นซูชิเท่าไหร่อยู่แล้วครับ นานๆ ถึงจะเจออะไรที่ผสมมาแล้วลงตัวถูกปากซักทีครับ
ความหลากหลายของอาหาร : ความหลากหลายของอาหารเยอะมากครับ ทั้งที่เป็นข้าวปั้น, ซาชิมิ และก็ข้าวหน้าต่างๆ ครับ โดยเท่าที่ผมดูมีเนื้อปลาหลายชนิดที่ไม่ค่อยได้เห็นในร้านอื่นๆ ด้วยนะครับ
ความสะอาดของร้าน : สะอาด ดูดี ไม่มีอะไรต้องติครับ
การบริการของพนักงาน : ถือว่าดีครับ บริการฉับไวโดยเฉพาะการเติมน้ำชาเขียวกับซุปครับ ส่วนการสอบถามเรื่อง Promotion ต่างๆ ก็ได้คำตอบที่ดีครับ
ความสะดวกของการเดินทาง : สำหรับสาขาราชพฤกษ์นั้น เป็นสาขาที่น่าจะเหมาะกับคนที่มีรถเป็นหลักครับ มีสถานที่จอดรถค่อนข้างมาก ไม่น่ามีปัญหาเรื่องที่จอดรถไม่เพียงพอ โดยช่วงกลางวันรถอาจจะร้อนหน่อยเพราะไม่มีหลังคา ส่วนใครที่ไม่สะดวกทานที่สาขานี้ก็ยังมีอีกเกือบ 10 สาขาให้เลือกทานครับ
ความคุ้มค่า : โดยปกติเวลาผมไปทานอาหารประเภทซูชิที่ร้านใหม่ๆ ผมมักจะเทียบราคาอาหารกับคุณภาพในเมนูพื้นฐาน อย่าง Salmon Sushi, Engawa Sushi, Unagi Sushi หรือ Salmon Sashimi ครับ ซึ่งบางเมนูของ Sushi Hana ก็ถือว่าสอบผ่านในเรื่องคุณภาพและความคุ้มค่าสบายๆ เช่น Salmon Sushi หรือ Engawa Sushi โดยเฉพาะ Engawa Sushi ในรอบนี้ถือว่าคุ้มมากกับราคา Promotion 72 บาท/คำ ส่วน Unagi Sushi หรือข้าวปั้นหน้าปลาไหลนั้นผมไม่ได้ลองครับ เพราะไม่มี Promotion และผมดูแล้วราคาตั้งมันสูงไปหน่อยครับ ส่วน Salmon Sashimi กับ Salmon Toro Sashimi นั้น ผมว่าราคาแอบสูงไปนิด โดย Salmon Sashimi ราคาอยู่ที่ 290 บาท/ที่ ส่วน Salmon Toro Sashimi นั้นอยู่ที่ 380 บาท/ที่ แม้จะได้ลดราคา 10-15% แต่เมื่อเทียบราคากับความคุ้มค่าแล้ว ผมว่าเมนูนี้ที่ Sushi Hiro ชนะไปขาดลอยเลยทีเดียวครับ
สรุป : Sushi Hana เป็นอีก 1 ร้านที่ขายซูชิคุณภาพดี มีอาหารให้เลือกหลากหลาย วัตถุดิบที่นำมาใช้ดีสมตามราคาครับ แต่ด้วยราคาตั้งที่สูงไปหน่อย ทำให้เป็นอุปสรรคสำคัญสำหรับหลายๆ คน รวมทั้งผมด้วย ทางร้านจึงมีการจัด Promotion ประจำเดือนอย่างต่อเนื่อง ลดถึง 40-50% เลยทีเดียว ทั้งลูกค้าธรรมดาและลูกค้าที่มีบัตรสมาชิก โดยในวันธรรมดาจันทร์-ศุกร์นั้น ทางร้านยังมี Promotion พิเศษเพิ่มอีกด้วย ดังนั้นใครที่มีบ้านหรือที่ทำงานอยู่ใกล้ร้านน่าจะชอบในส่วนนี้มากเพราะเท่าที่ผมดูราคา Promotion วันธรรมดาแล้วน่าสนใจหลายรายการมากครับ สำหรับบัตรสมาชิกมูลค่าการสมัคร 300 บาท และสามารถใช้สิทธิ์ได้ทันทีในวันนั้นโดยส่วนตัวผมมองว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มนะครับ เพราะสามารถรับส่วนลดพิเศษประจำเดือน รวมทั้งอาหารราคาปกติยังลด 15% ในกรณีที่จ่ายด้วยบัตรเครดิต และ 10% ในกรณีที่จ่ายด้วยเงินสดครับ (ออกจะเป็นร้านที่แปลกๆ นิดนึงที่จ่ายด้วยบัตรเครดิตแล้วได้ส่วนลดเยอะกว่าเงินสดครับ แต่การทำแบบนี้ทำให้ได้ใจผู้บริโภคอย่างผมไปเต็มๆ เลยครับ) เรียกว่าจ่ายเพียงครั้งเดียวและที่เหลือคอยติดตาม Promotion ของร้านเป็นระยะๆ เอา คอยดูเมนูเด็ดที่เราคิดว่าคุ้มและถูกปากแล้วค่อยจัดครับ อย่างบางเดือนผมเห็นว่ามี Promotion ลดราคา Salmon Sashimi 50% จาก 290 บาท เหลือเพียง 145 บาท/ที่ ด้วยครับ ซึ่งมันน่าสนใจมากๆ ครับ
สุดท้ายสิ่งที่ผมประทับใจร้านนี้อีกอย่างนึงก็คือ การคิดราคา Service charge เป็นราคาต่อคนที่ 35 บาท ไม่ได้คิดตามมูลค่าอาหาร ทำให้สามารถประหยัดค่าใช้จ่ายได้อีกเล็กน้อย เพราะอย่างมื้อนี้ถ้าคิดตามมาตรฐานร้านทั่วไปที่ 10% ผมต้องจ่ายค่า Service charge ประมาณ 125 บาท แต่มื้อนี้ผมจ่ายไปแค่ 70 บาทเท่านั้นครับ ทำให้สามารถประหยัดเงินไปได้ 55 บาทเลยครับ
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านจนจบ แล้วพบกันใหม่ในรีวิวหน้าครับ สำหรับผู้ที่ต้องการติดตามเรื่องราวการรีวิวต่างๆ ที่รวดเร็วทันใจ สามารถกดติดตามได้ที่เพจ ภรรยาหา สามีใช้ และสำหรับท่านที่อยากจะได้ข้อมูลของร้านนี้เพิ่มเติม สามารถเข้าไปดูข้อมูลตามลิงก์ด้านล่างได้เลยครับ
หมายเหตุ : บทความนี้เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวของผมในวันที่ไปใช้บริการเท่านั้นครับ แต่ละท่านที่ได้มีโอกาสไปใช้บริการอาจจะได้รับการบริการที่แตกต่างจากนี้ออกไปครับ
