สวัสดีทุกท่านครับ วันนี้ผมนำรีวิวบุฟเฟต์อาหารเม็กซิกันจากโรงแรมแห่งหนึ่งมาฝากครับ ก่อนจะเข้าสู่ช่วงของการรีวิวอาหารนั้นผมต้องขออนุญาตเล่าที่มาที่ไปของการได้ไปรีวิวครั้งนี้ให้ละเอียดก่อนนะครับ เพราะมันเหมือนจะมี Story……นิดๆ (มั้ง)
เริ่มเรื่องก็คือผมมักจะเป็นคนที่ชอบไปชิม ไปลองอาหารอะไรแปลกๆ ใหม่ๆ อยู่เสมอ โดยจะเห็นได้ชัดคือเวลาเข้าไปที่ร้านอาหารใหม่ๆ ที่ไม่เคยไป ผมมักจะสนใจและสั่งอาหารที่ชื่อเมนูแปลกๆ อยู่เป็นประจำ ซึ่งมันก็อร่อยบ้าง ไม่อร่อยบ้าง ตามแต่บุญแต่กรรมผมแหละครับ ฮา
ทีนี้ด้วยความที่ผมเริ่มเอียนกับอาหารญี่ปุ่น จีน เกาหลี inter ปิ้งย่าง ชาบูและ อีสาน ผมจึงเริ่มมองหาอะไรที่แปลกๆ ใหม่ๆ จากเดิมบ้าง และในที่สุดก็พบว่ามันมีอาหารเม็กซิกันแบบบุฟเฟต์ด้วย!!
เอาล่ะสิ ฟังชื่อดูน่าสนใจดี ผมจึงได้ลองหาข้อมูลเพิ่มเติมทั้งใน internet และจากเพื่อนๆ รอบตัวใน facebook ว่าอาหารเม็กซิกันเนี่ยรสชาติเป็นอย่างไร เพราะลึกๆ ในใจก็ยังลังเลกลัวว่ามันจะไม่อร่อย ไม่ถูกปาก และการไปกินครั้งนึงก็ไม่ใช่ถูกๆ แถมผมไปกินทีละ 2 คนด้วย หากไม่อร่อย ไม่ถูกปากแล้ว นอกจากจะเสียทรัพย์แล้วผมยังอาจจะยังต้องเสียตัว…….เอ้ย ไม่ใช่ เจ็บตัวด้วยครับ
ซึ่งเสียงจากคนรอบๆ ตัวส่วนใหญ่ของผมก็บอกแตกออกไปหลายทางมากทั้งอร่อย ทั้งรสจัด ทั้งไม่ถูกปากเลย และหนักกว่านั้นคือมีคนนึงบอกว่ากินทีไรท้องเสียทุกทีด้วย เอาล่ะสิ จะเอายังไงดี ผมก็คิดแล้วคิดอีก? จนเวลาผ่านไปนานพอดูเหมือนกัน จนผมแทบจะลืมไปแล้วว่าเคยอยากกิน – -” จู่ๆ ก็เหมือนฟ้าประทานพรมาให้ผม เพราะมีพี่ที่รู้จักท่านนึงได้ให้ของขวัญวันเกิดภรรยาผมมาเป็น “คูปองทานอาหารของบุฟเฟต์เม็กซิกัน” ที่ผมอยากจะกินมาจำนวน 2 ใบ >< ต้องกราบขอบพระคุณพี่คนนั้นเป็นอย่างสูงครับ (จากที่ผมสอบถามมา พบว่าพี่เค้าซื้อมาจากงานไทยเที่ยวไทยครับ และน่าจะลดราคาลงจากราคาปกติประมาณ 200 บาท/คนครับ)
ผมขอเปิดด้วยรูปแรกเป็นรูปนี้ก่อนเลยละกันครับ โฉมหน้าเจ้าของวันเกิดที่ทำให้วันนั้นผมมีลาภปากครับ
Disclosure : บทความนี้เป็นบทความที่ไม่ได้รับการสนับสนุนจากผู้ให้บริการใดๆ ทั้งสิ้น
Resize_ROD_8190เอาล่ะครับ หลังจากที่ผมมีคูปองฟรีอยู่ในมือแล้ว ผมก็ทำการเลือกวันที่จะไปกินทันที โดยวันที่ผมเลือกจะไปนั้นคือวันเสาร์ที่ 11 ตุลาคม 57 ครับ ซึ่งบุฟเฟต์อาหารเม็กซิกันของที่นี่นั้นจะมีเฉพาะวันเสาร์ เวลา 12.00-15.00 น. เท่านั้นครับ
เมื่อถึงวันผมก็รีบตื่นแต่เช้า จัดเตรียมกล้องและเลนส์อย่างเต็มที่เพราะตั้งใจว่าจะทำรีวิวดีๆ ซักฉบับ เนื่องจากข้อมูลของที่นี่หาอ่านได้น้อยมากและคาดว่าจะมีคนที่ยังไม่รู้จักและอยากจะลองไปทานแบบผมเยอะครับ เมื่อผมเตรียมอุปกรณ์เสร็จแล้วก็ขับรถออกจากบ้านตรงดิ่งไปที่ที่หมายของวันนี้ ร้าน Senor Pico ในโรงแรมแรมแบรนท์ ซอยสุขุมวิท 18 ครับ (ชื่อร้านอ่านว่า ซินญอร์ปิโก้ หรือแปลว่า คุณชายปิโก้ นั่นเองครับ)
ด้วยอารามที่ตื่นเต้นจัด และอยากจะเข้าไปเป็นคนแรกๆ เพื่อที่จะได้ถ่ายรูปอย่างสบายๆ และมีเวลากินอย่างเหลือเฟือ ผลปรากฏว่าผมเลยไปถึงโรงแรมตั้งแต่ 11.15 น. หรืออีกตั้ง 45 นาทีก่อนที่ห้องอาหารจะเปิด ทีนี้ก็เงิบ นั่งรอจนเมื่อยล่ะสิครับ T_T
ช่างมันเถอะ มาเร็วเตรียมการไว้ก่อนดีกว่ามาช้าแล้วกัน งั้นเริ่มจากการถ่ายรูปเล่นแถวๆ โรงแรมและหน้าร้านฆ่าเวลาดีกว่า
หน้าตาโปสเตอร์ของร้าน Senor Pico ที่ติดในโรงแรมครับ ราคาคือ 599++ บาท/ท่าน (รวมแล้วก็ราวๆ 705 บาท/ท่านครับ)
Resize_ROD_8184
ด้วยความที่เหลือเวลาอีกนานจัด ผมจึงได้เดินถ่ายรูปไปเรื่อยๆ ทั้งในโรงแรมและบริเวณหน้าร้านอาหารที่เค้าจัดไว้ให้ครับ
อ้อ ร้าน Senor Pico นี่อยู่บริเวณชั้น 1 ของโรงแรมนะครับ แต่ต้องขึ้นบันไดไปสองรอบ อาจจะงงๆ นะครับ เพราะโรงแรมนี้เค้าเรียงชั้นล่างสุดคือ G ถัดมาคือ M และถัดมาคือชั้น 1 ครับ
Resize_ROD_8196
Resize_ROD_8781
Resize_ROD_8207 Resize_ROD_8781 Resize_ROD_8196
หลังจากผมเดินถ่ายรูปแถวนั้นไปมาหลายรอบ ก็ถึงเวลา 12.00 ซักที  และเมื่อพนักงานเอ่ยปากว่าร้านพร้อมเปิดบริการแล้ว ตาผมก็ลุกวาวทันที แต่ประโยคสนทนาต่อจากนี้ก็ทำเอาผมใจแป้ว
พนักงาน : ไม่ทราบว่าได้จองไว้มั้ยคะ
ผม : ปล่าวครับ
พนักงาน : ต้องขออภัยด้วยนะคะ วันนี้โต๊ะเราทุกตัวถูก booking ไว้หมดแล้ว
ผม : (คิดในใจ ฮ๊ะ!! ซวยแล้วตู)
พนักงาน : แต่เรามีโต๊ะเสริมให้อีกห้องนึงที่ติดกันค่ะ ไม่ทราบว่าสนใจมั้ยคะ
ผม : สนใจครับ (จังหวะนี้อะไรก็เอาล่ะฟระ)
พนักงาน : ถ้างั้นรบกวนเชิญทางนี้ค่ะ
หลังจากที่พนักงานพาผมและภรรยาเดินไปที่โต๊ะ จากตอนแรกที่ผมคิดในใจว่าวันนี้ซวยแน่ๆ เมื่อถึงโต๊ะผมถึงกับยิ้มออกมาแทนครับ เพราะห้องอาหารที่ผมได้ไปนั่งแทนนั้น มีโต๊ะติดกระจกบานใหญ่ที่มีแสงธรรมชาติเข้ามามากกว่าโต๊ะปกติในห้องของ Senor Pico ซึ่งทำให้ผมสามารถถ่ายรูปที่โต๊ะได้ง่ายขึ้นกว่าเดิมมาก
หลังจากที่ผมวางของที่โต๊ะแล้วผมก็รีบเดินไปที่ไลน์อาหารเลยทันทีเพื่อจะรีบถ่ายรูปก่อนที่แขกท่านอื่นๆ จะมา เริ่มจากฝั่งซ้ายมือก่อนเลยแล้วกันนะครับ เพราะมีเมนูเดียวนั่นคือสลัดครับ ลักษณะการจัดวางผมว่าวางได้ค่อนข้างสวย น่ากินมาก โดยเฉพาะสีของพวกผักผลไม้ที่วางตกแต่ง ช่วยให้ดูแล้วรู้สึกถึงความเป็นเม็กซิกัน colorful มากครับ
Resize_ROD_8210
Resize_ROD_8215
Resize_ROD_8216
Resize_ROD_8220
Resize_ROD_8226
Resize_ROD_8228
อ้อ เนื่องจากว่าเมนูอาหารของที่นี่ค่อนข้างเยอะมากครับ ผมคนเดียวคงไม่สามารถชิมได้หมดอย่างแน่นอน รวมทั้งมีบางอย่างที่ผมเองก็ไม่กล้าลองด้วย ดังนั้นในเรื่องของรสชาติอาหารของการรีวิวครั้งนี้นั้นจะเป็นความรู้สึกของผมและภรรยาปนๆ กันไปนะครับ และผมขออธิบายให้ชัดเจนตรงนี้ว่า
“เราสองคนไม่ใช่นักรีวิว หรือคนที่มีลิ้นเทพในการชิมอาหาร เป็นเพียงแค่คนที่ชอบถ่ายรูปและชอบกินเท่านั้น ดังนั้นเรื่องรสชาติหากผมเขียนไปไม่ถูกใจใคร หรือไปชิมแล้วไม่เป็นอย่างที่ผมรีวิวบอก หรือผมเขียนส่วนผสมผิดด้วยความไม่รู้ ก็ต้องกราบขออภัยเป็นอย่างสูงครับ”
สำหรับบรรดาสลัดนั้นผมไม่ได้ชิมครับ เพราะผมไม่เน้นผัก – -” ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของคุณภรรยาผมไป ซึ่งเธอก็บอกว่าโอเค สด ตามมาตรฐานสลัดทั่วๆ ไป
จบจากด้านซ้ายแล้วมาต่อที่ด้านขวากันครับ ตรงนี้จะมีหลายเมนูเลย โดยข้อดีของไลน์อาหารที่นี่คือ ส่วนใหญ่จะมีป้ายชื่อกำกับไว้อย่างชัดเจน โดยบรรทัดบนน่าจะเป็นชื่ออาหารภาษาสเปน (มั้งครับ) แล้วบรรทัดล่างๆ จะอธิบายเป็นภาษาอังกฤษครับ เริ่มจากรายการนี้ก่อนแล้วกันนะครับ “Croquetas de  maiz y chile poblano” หรือ ครอกเก้ นั่นเองครับ เมนูนี้ผมชิมแล้วเฉยๆ ครับ ยังไม่ได้จดในรายการที่ต้องมาซ้ำรอบสอง
Resize_ROD_8243 Resize_ROD_8249
ถัดมาเหมือนเป็นเมนูขึ้นชื่อของที่นี่ และใครมาก็คงจะอยากลองด้วยหน้าตาที่แปลกไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน เมนูนี้ชื่อว่า “Huevos rellenos”
ด้วยหน้าตาที่เห็นเป็นไข่เด่นชัด ทำให้เราอาจจะเดารสชาติและส่วนประกอบมันผิดได้ จริงๆ แล้วข้างในไข่นั้นหลักๆ คือทูน่าเลยครับ เรื่องรสชาติ ผมคิดว่ามันเค็มนิดๆ แต่เป็นเมนูที่คิดว่าใครมาก็ควรจะต้องลองซักครั้งครับ
หมายเหตุ : รูปที่โพสต์ในกระทู้นี้อาจจะไม่ได้เรียงตามลำดับเวลาที่ถ่ายนะครับ แต่ผมนำมาเรียบเรียงโพสต์ใหม่เพื่อให้เกิดความลื่นไหลในการอ่านที่ดีครับ
Resize_ROD_8233Resize_ROD_8546Resize_ROD_8640
เมนูถัดมาคือ “Empanada de Atun” หรือทูน่าพัฟนั่นเองครับ เมนูนี้รสชาติกลางๆ ครับ
Resize_ROD_8238
ถัดมาคือเหล่าฝูงทาโก้ “Tacos” อาหารประจำชาติและขึ้นชื่อของเม็กซิโกครับ หลายๆ คนแนะนำว่าให้ลองชิมจากเมนูนี้ก่อน มีหลายแบบเลยครับทั้งเนื้อ ไก่ และแบบแข็งหน้าตาเหมือนกระหรี่ปั๊บ รวมทั้งแบบแป้งนิ่มๆ เหมือนโรตีสายไหมครับ
เรื่องรสชาติผมว่ากลางๆ ครับ โดยผมชอบแบบนิ่มๆ มากกว่าครับ แต่ติดที่จืดไปนิดนึง ซึ่งผมมารู้ทีหลังว่าในร้านเค้ามีซอสหลายแบบให้หยิบไปใช้ได้ครับ
หมายเหตุ : ผมไม่ได้ชิมทุกแบบนะครับ เดี๋ยวจะมาเล่าสาเหตุตอนท้ายๆ ว่าทำไมผมถึงไม่ได้ชิมหมดทุกแบบครับ
Resize_ROD_8288
Resize_ROD_8286
Resize_ROD_8258Resize_ROD_8265
Resize_ROD_8285
Resize_ROD_8548
Resize_ROD_8551
เมนูถัดมาหาป้ายชื่อไม่เจอครับ  แต่เป็นปลาแซลมอนรมควันกับสลัดครับ ตกแต่งสวยงามโดยวางอยู่บนครกครับ
เมนูนี้แนะนำเลยครับ อร่อยมากกกก แต่ตอนที่ถือไปที่โต๊ะ ให้หยิบไปเฉพาะถาดข้างบนนะครับ ไม่ต้องเอาครกไปด้วย มิฉะนั้นจะหนักและโดนพนักงานมาบอกแบบผมว่าจริงๆ แล้วเค้าห้ามเอาไปที่โต๊ะ T_T
Resize_ROD_8301Resize_ROD_8306
Resize_ROD_8610
Resize_ROD_8611
ถัดมาคือครับ Ceviches เหมือนจะมีทั้งหมด 3 แบบ คือ กุ้ง, ทูน่า และแซลมอน ที่ผมกินไปก็คือกุ้ง และ แซลมอนครับ รสชาติโอเคสอบผ่านครับ
Resize_ROD_8312
Resize_ROD_8315
ถัดมาครับ จะวางคู่กัน อันนึงเป็นถ้วยเล็กๆ และอีกอันนึงเป็นชามครับ
อันที่เป็นถ้วยเล็กๆ ผมกินแต่ข้างล่าง ส่วนไม้เสียบๆ ข้างบนไม่ได้กินครับ เพราะไม่ค่อยถนัดพวกผักเท่าไหร่ (ฮา) รสชาติโอเคครับ
ส่วนที่เป็นถ้วยนั้น เป็นทูน่ากับแป้งกรอบๆ อันนี้ผมชอบเลยครับ โดยเฉพาะแป้งกรอบๆ นี่ชอบมากครับ กรุบๆ เคี้ยวเพลินดีครับ
Resize_ROD_8320
Resize_ROD_8331
Resize_ROD_8558
ถัดมาคือ cold soup หรือซุปเย็นครับ ตอนแรกผมคิดว่ามันคือเครื่องดื่ม – -” พึ่งรู้ว่าคนเม็กซิกันเค้ากินซุปเย็นกัน
มีทั้งหมด 3 แบบครับ คือ อะโวกาโด, มะเขือเทศ แล้วก็ข้าวโพด
โดยส่วนตัวชอบข้าวโพดสุด เพราะถ้าเป็นมะเขือเทศนั้นผมชอบกินเป็นลูกสดๆ มากกว่าที่เป็นน้ำอยู่แล้ว ส่วนอะโวกาโดนั้นผมเป็นคนไม่ชอบกินอยู่แล้วครับ
Resize_ROD_8343
Resize_ROD_8745
Resize_ROD_8753
เมนูถัดมาหน้าตาเหมือนกระหรีปั๊บอีกแล้ว น่าจะเป็นเนื้อหมูนะครับ เมนูนี้คุณภรรยาผมเธอชอบมากครับ
Resize_ROD_8564
Resize_ROD_8354
Resize_ROD_8623
เมนูนี้ชื่อ “Tacos de pato y salsa de tamarindo” เป็นไม้เสียบเนื้อชิ้นไม่ใหญ่มากครับ แต่ผมไม่ได้ชิมเพราะตำแหน่งที่วางมันไม่เด่นพอถ่ายรูปเสร็จ แล้วเดินมาตักอาหารก็เลยลืมนึกถึงไปเลย – -”
เท่าที่อ่านดูตอนนั่งทำรูป ก็น่าจะเป็นทาโก้เนื้อเป็ดกับซอสมะขามครับ อ่านแล้วก็แอบเสียดายเหมือนกันที่ลืมชิม – -”
Resize_ROD_8376
ต่อมาเหมือนจะเป็นซอสหรือน้ำจิ้มครับ ทำจากอะโวกาโดครับ โดยใครที่ไม่ชอบรสชาติที่ร้านทำไว้ สามารถจะปรุงเพิ่มเองได้จากเครื่องปรุงที่วางไว้ข้างๆ กันครับ
อย่างที่บอกผมไม่ค่อยชอบอะโวกาโดอยู่แล้ว ดังนั้นเมนูนี้จึงไม่ได้ชิมครับ
Resize_ROD_8356
Resize_ROD_8368
อันนี้เป็นหน้าตาของซอสเครื่องปรุงต่างๆ ครับ วางไว้บนชั้นติดไว้ข้างผนังครับ เท่าที่ดูน่าจะมีหลายรสชาติ หลายแบบ แต่ผมไม่เชี่ยวชาญเลยไม่ได้หยิบมาลองซักอันครับ
Resize_ROD_8567
จบจากไลน์ด้านขวามือแล้ว มาต่อที่ไลน์บริเวณที่ 3 หน้าเวทีครับ จะมีหม้อดินเหมือนหม้อขนมจีนวางอยู่ 5 อันครับ
มาดูกันว่ามีอะไรกันบ้างดีกว่าครับ หม้อแรกคือ “Arroz con rajas” หน้าตาเหมือนข้าวผัด ซึ่งผมประเมินแล้วว่ามันจะตัดกำลังผมเยอะเกินไป ดังนั้นเมนูนี้ผมขอผ่านไปไม่ชิมครับ ฮา
Resize_ROD_8379
Resize_ROD_8391
หม้อที่ 2 “Frijoles refritos” ถั่วอบอะไรซักอย่าง เมนูนี้ผมก็ไม่ได้ลองครับ
Resize_ROD_8393
หม้อที่ 3 “Papas con queso y tocino” เป็นมันบดผสมชีสและเบคอน เมนูนี้ภรรยาผมชิมและเธอบอกว่าชอบมาก รสชาติเผ็ดนิดๆ ด้วยเครื่องเทศครับ
Resize_ROD_8396
หม้อที่ 4 “Albondigas” คือ Meat Ball ครับ อันนี้ภรรยาผมก็เป็นคนชิม เธอบอกว่าอร่อย ถูกปาก รสชาติคล้ายๆ กับหม้อที่ 3 ครับ
Resize_ROD_8399
หม้อสุดท้าย หม้อที่ 5 ตอนนี้แขกคนอื่นๆ เริ่มทยอยเข้ามาในร้านแล้ว โชคดีมากที่ผมถ่ายไลน์อาหารหลักครบแล้ว เหลือแค่เครื่องดื่มและของหวานซึ่งไม่น่าจะโดนกดดันด้วยสายตามาก เพราะคนที่มาน่ายังไม่รีบไปที่ 2 ไลน์นี้เท่าไหร่
หม้อนี้ชื่อว่า “Costillas de cerdo” หรือ ซี่โครงหมูอบบาร์บีคิวครับ เมนูนี้อร่อยมากกก ห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง เนื้อหมูอบมาได้ดี เปื่อย กินได้ง่ายมาก เมนูนี้ถึงกับมีเบิ้ล 2 รอบครับ
Resize_ROD_8401
จบจากไลน์อาหารหลักซักที หันไปเหลือบดูเหลือรูปอีกเยอะมากกกกก T_T ต้องขออภัยเลยที่รูปในรีวิวนี้เยอะมากครับ เพราะถ่ายมาแล้วผมเสียดาย อยากจะลงแทบทุกรูป
มาเริ่มที่ไลน์เครื่องดื่มกันครับ ไลน์เครื่องดื่มจะแบ่งออกเป็น 2 แบบหลักๆ แบบแรกคือโต๊ะ Bloody Marry ครับ หรือน้ำมะเขือเทศอันเลื่องชื่อนั่นเอง มีให้เลือก 2 แบบ แบบแรกเป็นค็อกเทลคือผสมวอดก้า และแบบที่สองคือม็อกเทลไม่มีวอดก้าครับ
โดยส่วนตัวเราสองคนได้ยินชื่อเสียงของเครื่องดื่มประเภทนี้มานานและคิดว่าตัวเองมีความสามารถพอที่จะกินน้ำมะเขือเทศได้ จึงสั่งไปทันทีและเพื่อความคุ้มจึงจัดแบบมีวอดก้าด้วย หลังจากที่พนักงานผสมให้เราเสร็จและยิ้มหน้าตาระรื่นถ่ายรูปกับแก้วที่สวยงามกันเรียบร้อยแล้ว เราก็ทดลองชิม พร้อมกับพูดพร้อมกันว่า “มันไม่ใช่อ่ะ เครื่องดื่มนี่มันไม่ใช่แนวของเรา T_T”
Resize_ROD_8409
Resize_ROD_8586
Resize_ROD_8595
ต่อจาก Bloody Mary ที่สุดจะบรรยายแล้ว ก็มาสู่เครื่องดื่มอีก 4 ชนิดเรียกตามลำดับจากซ้ายไปขวาได้แก่ ข้าว, มะขาม, มะพร้าว และมะนาว ครับ โดยทั้ง 4 อย่างผมว่าสอบผ่านหมด อร่อยมาก โดยเฉพาะน้ำข้าวผมกินไปหลายแก้วมาก
Resize_ROD_8411
Resize_ROD_8598
จบจากไลน์หน้าเวทีแล้ว ตอนนี้ก็มาถึงไลน์สุดท้ายแล้ว คือไลน์ของหวาน ขนมหวาน ณ จุดนี้ผมต้องรีบถ่ายภาพมากเพราะคนเริ่มทยอยมามากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว
อันนี้เป็นภาพโดยรวมกว้างๆ ครับ
Resize_ROD_8444
มาเริ่มเจาะทีละอันครับ อันนี้ผมคิดว่ามันไม่น่าจะกินได้ น่าจะเอาไว้แต่งเฉยๆ
Resize_ROD_8449
อันที่ให้กินน่าจะเป็นอันนี้ครับ เป็นฟรุ๊ตสลัด โดยตอนถ่ายรูปเล็งไว้ในใจแล้วว่าจะต้องกิน แต่สุดท้ายไม่ได้กินเพราะอิ่มเกินไป ฮา
Resize_ROD_8451
ถัดมาเมนูนี้บอกเลยว่าอร่อยมากกกทั้งคัสตาร์ดที่อยู่ข้างบนและช็อคโกแลตที่อยู่ข้างล่าง โดยปกติผมไม่ค่อยชอบกินช็อคโกแลตเพราะว่ามันขม แต่เมนูนี้ยอมเลย เพราะผสมกันลงตัวและช็อคโกแลตนุ่ม ที่สำคัญไม่ขมด้วยครับ
Resize_ROD_8456
ถัดมาคือ “Manzanas de feria” หรือแอปเปิ้ลที่เคลือบช็อคโกแลตไว้ มีทั้งช็อคโกแลตธรรมดา และไวท์ช็อคโกแลตครับ
เข้าใจว่าเมนูนี้เด็กๆ น่าจะถูกใจมาก เพราะดูแล้วน่ารัก น่ากินดีครับ ไม่เชื่อดูเด็กที่โต๊ะผมสิครับ ลัลล้ามาก
Resize_ROD_8465
Resize_ROD_8728
Resize_ROD_8731
Resize_ROD_8733
เมนูต่อมาชื่อว่า “Cucuruchos” เมนูนี้หน้าตาเหมือนไอศรีมเลย มี ทั้งหมด 3 แบบ แต่ไม่ต้องถามรสชาติผมนะครับ เพราะไม่ได้ชิมครับ
Resize_ROD_8476
ถัดมาชื่อ “Arroz con leche” จานสีฟ้าเป็นพุดดิ้งข้าว ส่วนที่เป็นถ้วยเล็กๆ นั่นคือเสาวรสครับ
รสชาติอร่อย สอบผ่านทั้งคู่ครับ
Resize_ROD_8482Resize_ROD_8484
เมนูต่อมาหน้าตาดูน่ากินอีกแล้วครับ ตอนแรกผมคิดว่าจะเป็นน้ำตาลก้อนแข็งๆ ที่ไหนได้มันคือมาร์ชเมโลนั่นเอง รสชาติโอเคครับ กลางๆ ไม่ได้ประทับใจอะไรเป็นพิเศษครับ
Resize_ROD_8492Resize_ROD_8735
ต่อมาคือ “Halelnut Eclair” หรือ เอแคร์นั่นเอง แต่สิ่งที่ต่างจากปกตินิดนึงคือแป้งจะกรอบและแข็งกว่าครับ เมนูนี้รสชาติกลางๆ ไม่ได้ประทับใจอะไรเป็นพิเศษครับ
Resize_ROD_8509
เมนูของหวานถัดมาอีก 6-7 อย่าง ผมขอโพสต์รวมๆ เลยแล้วกันนะครับ เพราะไม่แน่ใจว่าชื่ออะไรกันบ้าง เนื่องจากป้ายชื่อมันวางใกล้กัน กลัวจะบอกผิดไป และก็เมนูเหล่านี้ผมไม่ได้ชิมซักอย่างเพราะอิ่มมากครับ T_T
Resize_ROD_8513
Resize_ROD_8519
Resize_ROD_8521
Resize_ROD_8529
Resize_ROD_8532
Resize_ROD_8536
มาถึงของหวานที่ผมได้ชิมกันบ้างครับ เมนูนี้เหมือนจะเป็นขนมประจำชาติและขึ้นชื่อของเม็กซิโกครับ เนื่องจากผมหาป้ายชื่อเมนูไม่เจอและอยากรู้ว่ามันเรียกว่าอะไรกันแน่ จึงแอบสอบถามพนักงานและได้ความว่ามันชื่อ “ชูโรส” ครับ ลักษณะเป็นแท่งแป้งกรอบๆ มีการเคลือบอะไรไว้หลายแบบ แต่จะเน้นที่ช็อคโกแลตเป็นพิเศษ เพราะมีหม้อดินใส่ช็อคโกแลตอยู่ตรงกลางเลย คนที่ชอบกินช็อคโกแล็ตน่าจะชอบมากครับ
เมนูนี้ขายดีมาก เพราะพอแขกเริ่มทยอยมาซักพัก ผมเดินมาอีกรอบว่าจะชิมพบว่ามันหายไปเพียบเหลือแค่ไม่กี่ชิ้น ที่เคลือบแบบแปลกๆ มีคนหยิบไปหมดแล้ว เหลือแต่แบบแป้งปล่าวๆ แล้วต้องราดช็อคโกแลตลงไปเอง ซึ่งสำหรับผมที่ไม่ค่อยชอบช็อคโกแลตก็คิดว่ามันขมไปครับ แต่ตัวแป้งอร่อยดี แถมร้อนด้วยคาดว่าพนักงานน่าจะพึ่งมาเติมใหม่ๆ โดยสรุปวันนั้นผมได้ชิมแค่แบบเดียวไว้มีโอกาสไปชิมครั้งจะรีบไปหยิบแบบอื่นๆ มาตุนไว้ตั้งแต่แรก  ฮา
Resize_ROD_8414
Resize_ROD_8422
Resize_ROD_8438
ในที่สุดผมก็สำรวจและถ่ายภาพอาหารในไลน์ครบหมดแล้ว เหลือบไปดูรอบๆ ก็เห็นว่าคนเริ่มทยอยกันมาแน่นร้านมากขึ้นเรื่อยๆ คงถึงเวลาที่ผมต้องรีบไปช่วงชิงหาอะไรใส่ท้องบ้างแล้วสิ
งั้นไปดูบรรยากาศของคนในร้านกับภาพอาหารบนโต๊ะผมกันนะครับ อย่างที่บอกว่าเนื่องจากวันนี้มีคน booking เต็มทำให้ผมและคน walk in อื่นๆ ต้องมานั่งอีกห้องที่อยู่ถัดกัน ซึ่งผมชอบมากกว่าเนื่องจากแสงธรรมชาติเยอะกว่าในห้องอาหารปกติของ Senor Pico ครับ แต่ก็มีข้อเสียคือต้องเดินไปยังไลน์อาหารไกลกว่าปกติครับ
Resize_ROD_8569Resize_ROD_8630Resize_ROD_8635Resize_ROD_8644
Resize_ROD_8616
Resize_ROD_8658
Resize_ROD_8679
Resize_ROD_8689
Resize_ROD_8697
Resize_ROD_8708
หลังจากที่ผมทานไปได้ซักพักก็มีนักร้องสไตล์เม็กซิกันขึ้นมาร้องเพลง บรรเลงดนตรีกันบนเวทีครับ ผมก็เลยหยิบกล้องมาถ่ายภาพ ซึ่งคนขวามือของภาพนี่อัธยาศัยดีมาก หันมาเห็นกล้องปั๊บก็ยิ้มแอคชั่นทันที ><
แต่เนื่องจากโต๊ะที่นั่งของผมนั้นอยู่นอกห้องอาหารนี้ดังนั้นถ้าผมไม่เดินมาตักอาหาร ผมก็จะอดเห็น ก็เป็นอะไรที่น่าเสียดายเหมือนกันครับ T_T
Resize_ROD_8648
Resize_ROD_8649
เอาล่ะ ทีนี้มาดูกันต่อว่า เหตุผลอะไรกันนะ? ที่ทำให้ผมนั้นกินเมนูที่ผ่านๆ มาได้น้อยจัง มีหลายเมนูมากๆ ที่ไม่ได้ชิม ไม่ได้มาเล่าสู่กันฟัง
นั่นก็เพราะว่าห้องอาหารแห่งนี้ มันสามารถสั่งเมนู a la carte ได้ด้วยครับ และมีเมนูให้เลือกถึง 10 เมนูเลยครับ!!
ใครที่สนใจสามารถขอเมนูจากพนักงานได้เลยครับ หน้าตาจะเป็นแบบนี้ครับ สีส้มๆ เข้ากับบรรยากาศมาก
Resize_ROD_8677
เมนูเต็มๆ ทั้ง 10 รายการ โดยผมสั่งไปทั้งหมด 5 รายการ ได้แก่ รายการที่ 1, 2, 3, 7 และ 8
ลองอ่านรายการดูนะครับ ว่าอะไรเป็นอะไรบ้างครับ
1413562332-ROD8704JPG-o
หน้าตารายการที่ 1 “Chile Relleno De Marisco” เป็นพริกหยวกเม็กซิกันกับซีฟู้ดส์ครับ
ตอนพนักงานมาเสิร์ฟผมแอบอึ้งกับขนาดพริกหยวกเหมือนกันว่ามันใหญ่มาก รสชาติออกเผ็ดๆ หน่อย แปลกดี ใครชอบทานของแปลก ชอบทานเผ็ดน่าจะชอบ ผมคิดว่าเมนูนี้มาถึงแล้วควรลองสั่งมาชิมครับ
Resize_ROD_8717
Resize_ROD_8721
เมนูถัดมาชื่อ “Huachinango Embarrado En Chintlextle Con Patatas Rustidas” เป็นข้าวผัดแล้วก็ราดด้วยปลาครับ ปลาอร่อยมาก  ส่วนข้าวผมว่าเฉยๆ ครับ
Resize_ROD_8703
เมนูต่อมาชื่อว่า “Fajitas De Res” หรือเนื้อกระทะย่างร้อนครับ เสิร์ฟพร้อมซอสหรือน้ำจิ้ม 2 แบบ ซาวน์ครีม กับ อะโวกาโด ครับ
ผมว่าจานนี้ใครชอบทานเนื้อน่าจะถูกใจครับ อ้ามมมมมมมมมมมมมมมม
Resize_ROD_8666
Resize_ROD_8669
อ้อ ลืมไปครับ จานเนื้อย่างกะทะร้อนเมื่อกี้ จะเสิร์ฟพร้อมแป้งเปล่าด้วยอีกอย่างนะครับ โดยใครจะเลือกกินเฉพาะเนื้อก็ได้หรือเอาแป้งห่อเนื้อก็ได้ครับ
เมนูถัดมาชื่อว่า “Quesadillas De Jalapenos” จานนี้ตอนที่ผมเห็นพนักงานเอามาเสิร์ฟครั้งแรก สารภาพตามตรงว่าน้ำลายไหลเลย แป้งกับชีสเยิ้มๆ แล้วก็คิดต่อว่าข้างในมีเห็ดผสมด้วยน่าจะอร่อยมากแน่ๆ
พอตัดกินคำแรกปั๊บ T___T ไหนเห็ดนี่มันพริกหยวกนี่
พอได้สติเลยหันไปดูเมนูอีกที แล้วก็พบว่าผมสั่งผิดจริงๆ ครับ เมนูที่ผสมเห็ดนั้นคือเมนูที่ 6 แต่ผมคงจะจิ้มพลาดไปสั่งเป็นเมนู 7 ที่เป็นพริกหยวกแทน ชื่อมันคล้ายๆ กัน ยังไงดูดีๆ อย่าพลาดแบบผมนะครับ
จานนี้ไม่ขอวิจารณ์นะครับ เพราะผมไม่ชอบพริกหยวกเท่าไหร่ แต่คิดลึกๆ ในใจว่าถ้าสั่งมาถูกอันน่าจะฟินน่าดู T_T
Resize_ROD_8711Resize_ROD_8714
แล้วในที่สุดก็ถึงเมนู a la carte จานสุดท้ายแล้วครับ จานนี้ชื่อว่า “Tacos Pastor” หรือทาโก้แบบนิ่มๆ ครับ เสิร์ฟแบบเต็มๆ คำมาก  มาพร้อมกับน้ำจิ้ม
จากนี้ผมว่าอร่อยเลยครับ แต่กินยากมาก เพราะคำใหญ่มาก จะยัดเข้าปากคำเดียวหมดมันโหดไป
สำหรับเมนูทาโก้แบบนิ่มจานนี้ถ้าเทียบกับทาโก้ที่อยู่ในไลน์ ผมให้จานนี้อร่อยชนะขาดลอยครับ

Resize_ROD_8654

ตอนนี้ก็หมดทุกเมนูที่ผมได้ชิมไปแล้วครับ อิ่มมากๆ แต่ยังเหลือเมนูอีกเยอะเลยที่ไม่ได้ชิม แอบเสียดายเหมือนกันครับ
อันนี้เป็นภาพที่ผมไปแอบถ่ายโซนห้องครัวในขณะที่พ่อครัวกำลังขมักเขม้นทำอาหาร a la carte ตามใบสั่งครับ

Resize_ROD_8585

Resize_ROD_8651

Resize_ROD_8650

หลังจากกินเพลินๆ ถ่ายรูปเพลินๆ แต่อิ่มแบบจริงจังมาก ผมก็เหลือบมามองนาฬิกา แล้วก็พบว่าเป็นเวลาเกือบ 15.00 น. ซึ่งเป็นเวลาที่ห้องอาหารจะปิดแล้วครับ
ผมจึงเรียกพนักงานและทำการเช็คบิล โดยชำระด้วยบัตร Voucher 2 ใบที่ภรรยาผมได้มาเป็นของขวัญวันเกิดครับ หลังจากนั้นก็เดินออกจากห้องอาหาร แต่ขณะที่กำลังจะเดินพ้นร้านก็ได้ยินเสียงเฮฮา สนุกสนานบางอย่างดังมาจากในร้าน ผมก็หันไปแล้วพบว่า มีกลุ่มฝูงชนกลุ่มใหญ่กลุ่มนึงล้อมวงกลมอยู่บริเวณกลางร้าน ผมจึงเดินเข้าไปใกล้ๆ แล้วพบว่า เด็กๆ กำลังผลัดกันเอาไม้ตีไปยังตุ๊กตาผึ้งที่แขวนอยู่
เรียกได้ว่าผลัดกันตีแบบเอาจริงเอาจรัง รุนแรง และดูสนุกมาก สอบถามพนักงานก็ได้ความว่าเป็นกิจกรรมของทางร้านครับ เมื่อตีตุ๊กตาไปเรื่อยๆ จะมีลูกอมร่วงลงมาครับ เป็นกิจกรรมที่เด็กๆ วัยกำลังซนน่าจะชอบกันมากแน่ๆ ครับ

Resize_ROD_8757

Resize_ROD_8760

เอาล่ะครับ ในที่สุดก็ถึงภาพสุดท้ายเสียที ไม่เคยคิดมาก่อนว่าตัวเองจะรีวิวและโพสต์อะไรได้ยาวขนาดนี้ ยาวมากกกกกก เล่นเอามึน
มาสรุปกันดีกว่าสุดท้ายผมคิดยังไงกับการไปทานวันนี้ครับ
รสชาติอาหาร : สำหรับผมถือว่าอร่อย ถูกปาก หลายๆ เมนูชอบมาก กินง่ายกว่าที่คิด แต่ก็มีหลายเมนูเหมือนกันที่เฉยๆ และถึงขั้นไม่ถูกปาก เช่น อะโวกาโด พริกหยวก Bloody marry เป็นต้น ซึ่งเป็นความชอบไม่ชอบส่วนบุคคลของผมกับภรรยาเป็นทุนเดิมอยู่แล้วนะครับ
ความหลากหลายของเมนู : ถือว่าเยอะมาก กินคนเดียวไม่หมดทุกรายการแน่ๆ ต้องเลือกกิน การไปหลายคนจะได้เปรียบจะได้ชิมกันคนละนิดคนละหน่อย เมนูของหวานก็มีหลายรายการมาก รวมทั้งไอศรีมด้วยแต่ผมไม่ได้ถ่ายภาพมาครับ มี 2 รส คือ วนิลา กับ เสาวรส ครับ (มีข้อตินิดนึงคือบางเมนูไม่มีป้ายชื่อหรือวางไว้ใกล้ๆ กัน ทำให้เกิดอาการงงและไม่กล้ากินครับ)
พนักงาน : บริการดีมากครับ ยิ้มแย้มใจใส่ เอาใจใส่ โดยที่นี่มีทั้งพนักงานเป็นคนไทยและต่างชาตินะครับ ใครถนัดภาษาไหนก็เดินเข้าไปพูดคุยสอบถามได้ครับ
การเดินทาง : สะดวก มีที่จอดรถเยอะ หากเดินทางด้วยรถไฟฟ้าก็ไม่น่าจะไกลจากสถานีอโศกมาก คิดว่าน่าจะพอเดินไหวครับ
ราคา : หากกินราคาเต็ม 599 บาท++ หรือ 705 บาท/ท่าน (หากผมคำนวนไม่ผิดนะครับ) ผมคิดว่ามันแพงไปนิดนึง แต่หากคิดว่าอาหารพวกนี้ไม่ได้มีขายทั่วไป และหากไม่ได้กินแบบบุฟเฟต์ อาหารเม็กซิกันจานนึงก็หลายร้อยแล้วก็ถือว่าเป็นราคาที่คุ้มครับ โดยส่วนตัวหากผมถือว่าผมไปใช้บริการในฐานะคนซื้อ Voucher ในงานไทยเที่ยวไทยที่ราคา 499 บาท/ท่าน net แล้ว ราคานี้ผมถือว่าคุ้มมากๆ ครับ และยิ่งหากเป็นคนที่ชอบทานอาหารเม็กซิกันเป็นทุนเดิมอยู่แล้วผมว่าน่าจะยิ่งคุ้มสุดๆ ครับ
ขอบพระคุณทุกๆ ท่าน ที่ทนอ่านด้วยความหิวมาจนถึงบรรทัดนี้ครับ ขอบคุณมากๆ ครับ แล้วพบกันใหม่ในรีวิวหน้าถ้าผมมีเงินครับ…..ฮา สำหรับผู้ที่ต้องการติดตามเรื่องราวการรีวิวต่างๆ ที่รวดเร็วทันใจ สามารถกดติดตามได้ที่เพจ ภรรยาหา สามีใช้ ได้เลยครับ

Resize_ROD_8770

หมายเหตุ : บทความนี้เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวของผมในวันที่ไปใช้บริการเท่านั้นครับ แต่ละท่านที่ได้มีโอกาสไปใช้บริการอาจจะได้รับการบริการที่แตกต่างจากนี้ออกไปครับ