สวัสดีทุกคนครับ วันนี้ผมนาย “ภรรยาหา สามีใช้” จะพาทุกคนไปรู้จักและลองชิมอาหารที่ร้าน “Ippudo” (อิปปุโดะ) ร้านราเมงสัญชาติญี่ปุ่นที่ใครต่อใครหลายคนบอกว่า รสชาติของร้านต้นตำรับในญี่ปุ่นนั้นอร่อยมากและเป็นหนึ่งในร้านราเมนที่ใครหลายคนมีโอกาสไปญี่ปุ่นแล้วต้องไปลองทาน
แต่ก่อนที่ผมจะพาทุกคนไปรู้จักกับร้าน Ippudo ในประเทศไทยนั้น ผมต้องบอกให้ทุกคนทราบก่อนนะครับว่าผมเองยังไม่เคยลองชิมร้าน Ippudo ที่ญี่ปุ่นเลย ดังนั้นในรีวิวนี้จะไม่มีการพูดถึงหรือเปรียบเทียบว่ารสชาติอาหารที่ไทยกับที่ญี่ปุ่นนั้นเหมือนกันหรือแตกต่างกันอย่างไรนะครับ จะมีบอกแค่ว่าผมรู้สึกอย่างไรกับการได้ลองชิมอาหารที่ไทยเท่านั้น ^^
สำหรับสาขาที่ผมไปลองทานนั้นก็คือชั้น 5 ของเซ็นทรัล ปิ่นเกล้า ใกล้ๆ กับร้าน Sizzler ครับ โดยลักษณะการตกแต่งของร้านนั้นผมว่าอยู่ในเกณฑ์ดีเลยนะครับ ดูสวยงาม น่าเข้าไปทาน บนโต๊ะเองก็มีเครื่องปรุงและเครื่องเคียงต่างๆ วางให้ครบครัน และถ้าใครที่ชอบทานกระเทียมดองน่าจะถูกอกถูกใจเพราะทางร้านเค้ามีกระเทียมดองให้เราทานได้แบบไม่อั้น แถมยังมีที่หนีบกระเทียมวางไว้บนโต๊ะให้เราด้วยครับ
Disclosure : บทความนี้เป็นบทความที่ไม่ได้รับการสนับสนุนจากผู้ให้บริการใดๆ ทั้งสิ้น
ภายในร้าน Ippudo สาขาเซ็นทรัล ปิ่นเกล้านั้น จะมีโต๊ะอยู่ประมาณ 12 ตัว จุคนได้ประมาณ 50-60 คน ส่วนเมนูของร้านนั้นจะมี 2 เล่ม คือเล่มที่เป็นอาหารหลักแล้วก็เล่มที่เป็นเครื่องดื่มและของหวานครับ โดยเล่มที่เป็นอาหารหลักนั้นจะมีเรื่องราวและประวัติของร้านตามสไตล์ร้านสัญชาติญี่ปุ่นล่ะครับ เราก็อ่านๆ กันไปก็จะรู้ว่าร้าน Ippudo นี่เปิดมาแล้ว 30 กว่าปีนะ มี 150 สาขาทั่วโลก แล้วก็ได้รางวัลอะไรมากมายบานตะไท
นอกจากนี้ภายในเล่มก็จะมีเมนูอาหารให้เราเลือกหลากหลายทั้งกลุ่มอาหารทานเล่นอย่างสลัด, ซูชิ จนไปถึงอาหารเด่นของร้านอย่างราเมน ซึ่งอย่างหลังสุดนี่มีหลายหน้า และหลายประเภทมากๆ ใครอ่านแล้วงง หรือไม่เข้าใจก็สอบถามทางพนักงานได้นะครับ เพราะผมก็ใช้บริการเค้าเหมือนกันจะได้รู้ว่าแต่ละอันรสชาติออกแนวไหน เวลาสั่งมาทานจะได้ถูกปากมากขึ้น
ส่วนเมนูอีกเล่มจะเป็นเล่มเล็กๆ และบางกว่า ข้างในจะมีเครื่องดื่มกับของหวานให้เราเลือกสั่ง ซึ่งผมว่าหน้าตาของแต่ละอย่างดูน่าสนใจดีนะครับ
อ้อ ลืมบอกไป ราคาอาหารที่เราเห็นในเมนูนั้นจะเป็นราคาที่ยังไม่รวม Service Charge 10% และ Vat 7% นะครับ ดังนั้นก่อนจะสั่งอะไรก็อย่าลืมคำนวนราคาเผื่อไว้ก่อน ส่วนนี่เป็นเมนูที่ผมสั่งในวันนี้ครับ
  1. Akamaru Kakuni ราคา 280 บาท
  2. Yokohama Iekei ราคา 240 บาท
  3. เกโซ่หนวดปลาหมึกทอด ราคา 130 บาท
  4. แซลมอนโรลย่าง 6 ชิ้น ราคา 240 บาท
  5. ชาเขียวเย็น Refill ราคาแก้วละ 40 บาท
หลังจากรอไม่นานอาหารต่างๆ ก็ทยอยมาเสิร์ฟ ซึ่งว่ากันตามตรงถือว่าอาหารได้เร็วมากๆ เลยล่ะครับ เพราะตอนแรกคิดว่าต้องรอนานกว่านี้ ว่าแล้วเราก็เริ่มไปไล่ดูรสชาติกันแต่ละอย่างกันเลย เริ่มจากสิ่งที่มาเร็วสุดนั่นก็คือ ชาเขียวเย็น
ชาเขียวเย็นของที่นี่ผมว่ารสชาติอยู่ในเกณฑ์ดีเลยครับ แม้จะไม่เข้มข้นมาก แต่ก็ไม่เจือจางเหมือนกับหลายๆ ร้าน และโดยส่วนตัวผมชอบทานที่ความเข้มในระดับนี้เพราะจะไม่รู้สึกขมจนเกินไป นอกจากนี้ทางร้านยังบริการดี เติมไวตลอด ก็เลยรู้สึกว่ารับได้กับราคา 40 บาท/แก้ว
จานถัดมาคือ เกโซ่หนวดปลาหมึกทอด ที่ราคา 130 บาท ซึ่งจริงๆ ตอนดูราคาในเมนูก็แอบคิดอยู่แล้วว่าราคาไม่แพงมากแบบนี้ จานน่าจะไม่ใหญ่นัก แต่ตอนที่พนักงานมาเสิร์ฟที่โต๊ะ ผทก็ยังแอบรู้สึกว่าจานเล็กกว่าที่คาดไปหน่อย T_T ส่วนในเรื่องรสชาตินั้นถือว่าโอเคเลยครับ บีบมะนาวและทานคู่กับซอสที่เค้าให้มา รสชาติลงตัวดี

ต่อกันด้วยเมนูที่ 3 แซลมอนโรลย่าง เมนูที่ทางร้านติดว่า Best Seller ขายดีทุกสาขาทั่วโลก โดยเมนูนี้จะมีให้เราเลือกสั่งแบบ 3 ชิ้น ราคา 150 บาท และแบบ 6 ชิ้น ราคา 240 บาท ซึ่งเมื่อผมคำนวนแล้วพบว่าราคา 6 ชิ้นคุ้มกว่ามาก ผมก็เลยจัดแบบ 6 ชิ้นเลย

สำหรับรสชาติของรายการนี้ถือว่าดีเลย สมแล้วที่เป็น Best Seller แซลมอนนุ่มและชุ่มฉ่ำแต่ไม่อมน้ำมัน นอกจากนี้การปรุงรสด้วยซอสเมโย ไข่เมนไทโกะ และไข่กุ้งโทบิโกะก็ทำมาได้ลงตัวดีครับ
เอาล่ะครับ จัดของทานเล่นไปเสร็จเรียบร้อยแล้ว คราวนี้มาต่อกันที่ราเมนดีกว่า เริ่มจาก Akamaru Kakuni ของภรรยาผม ชามนี้จะเป็นเส้นหยัก และน้ำซุปจะเป็นซุปกระดูกหมูกับโชยุนะครับ รสชาติของน้ำซุปนั้นเข้มข้นใช้ได้เลย โดยหากเรากินเฉพาะน้ำซุปเพียวๆ ก็จะรู้สึกเค็มนิดๆ แต่ถ้ากินพร้อมๆ กับเส้นก็จะทำให้กลมกล่อมและลงตัวมากขึ้นครับ
สำหรับจุดเด่นของราเมนชามนี้ในความเห็นของผมก็คือ หมูสามชั้นขนาดใหญ่ครับ ขนาดของชิ้นหมูนั้นใหญ่มาก ที่สำคัญยังนุ่มละมุนลิ้นสุดๆ เอาเป็นว่า ใครชอบทานน้ำซุปแบบนี้ หมูแบบนี้ สั่งเมนูนี้น่าจะไม่ผิดหวังครับ
หมายเหตุ : หลายคนดูรูปแล้วอาจจะงงๆ ว่าเส้นที่เห็นในรูปนี่เส้นหยักแล้วเหรอ ก็ต้องบอกว่าดูเผินๆ เส้นราเมนจะค่อนข้างเรียบ แต่ถ้าดูใกล้ๆ เทียบกับเมนูที่เป็นเส้นปกติแล้ว จะสามารถเห็นความแตกต่างได้ครับ โดยเมนูนี้เรายังสามารถเลือกสั่งได้อีกด้วยนะครับว่าจะเอาความนุ่มของเส้นในระดับไหนตั้งแต่นุ่ม, ปกติ, แข็ง และแข็งมาก ซึ่งชามที่ผมสั่งมานั้นความนุ่มอยู่ในระดับปกติครับ
ปิดท้ายด้วย Yokohama Iekei เมนูใหม่ของร้านในช่วงนี้ โดยเส้นของชามนี้จะเป็นเส้นปกติ ส่วนน้ำซุปจะเป็นการผสมกันระหว่างซุปไพตัน ที่เป็นไก่ตุ๋นเข้มข้นผสมคอลลาเจน กับซุปทงคัตสึ ที่ต้องเคี่ยวกระดูกหมูนานถึง 18 ชั่วโมง จนกลายเป็นเป็นน้ำซุปที่ขึ้นชื่อของร้าน Ippudo
นอกจากนี้ภายในชามยังประกอบไปด้วยหมูชาชูสามชั้น, หมูชาชูส่วนไหล่, ผักโขม, ผักกะหล่ำ, ไข่ต้มยางมะตูม และสาหร่ายอีก 3 แผ่น ซึ่งรสชาติต่างๆ นั้นผมประทับใจเลยครับ โดยเฉพาะน้ำซุปและเส้นที่ผมชอบมากกว่า Akamaru Kakuni ของภรรยาผม สาหร่ายแผ่นก็รสชาติดี ส่วนหมูชาชูทั้ง 2 แบบนั้นถึงแม้จะรสชาติอร่อยกว่าหลายๆ ร้าน แต่ถ้าให้ผมเลือกกินหมูได้แค่ชิ้นเดียว ผมขอเลือกกินหมูสามชั้นในชามของภรรยาผมมากกว่าเพราะหมูชิ้นนั้นมันนุ่มและอร่อยกว่ามากเลยล่ะครับ ^^
อ้อ ผมลืมพูดในเรื่องขนาดของชามราเมนไป ในหลายๆ เมนูของร้าน Ippudo นั้น เราจะสามารถเลือกสั่งได้ว่าจะเอาชามปกติหรือชามเล็ก แต่ในหลายๆ เมนูก็จะมีให้เลือกสั่งแค่ขนาดปกติเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ซึ่งผมว่าชามปกติของเค้านั้นมันใหญ่มากเลยล่ะครับ เรียกว่ากินชามเดียวอิ่มแน่นอน และผู้หญิงที่กินน้อยๆ หน่อยอาจจะต้องช่วยกัน 2 คนถึงจะกินหมด ดังนั้นถ้าใครคิดว่ากินน้อยก็ลองดูเมนูที่สามารถสั่งชามเล็กได้ หรือไม่ก็ต้องหาคนมาช่วยกินนะครับ ไม่อย่างงั้นเหลือแน่ๆ
ส่วนคนในรูปนี้ เราละไว้ในฐานที่เข้าใจตรงกันเนอะว่าเธอสายแข็ง ><
เอาล่ะครับ ตอนนี้ถึงเวลาของบทสรุปของการรีวิวอาหารมื้อนี้แล้ว เรามาไล่กันไปทีละเรื่องตามเดิมเลยนะครับ
วันที่รับประทาน : วันอาทิตย์ที่ 17 ธันวาคม 2560
สาขา : เซ็นทรัล ปิ่นเกล้า ชั้น 5
ช่วงเวลา : 13.00 – 14.00 น.
จำนวน : 2 คน
รสชาติอาหาร : รสชาติอาหารส่วนใหญ่อยู่ในเกณฑ์ดี โดยเฉพาะแซลมอนโรลและราเมนนั้นถูกปากผมกับภรรยามาก ความอร่อยของเส้น น้ำซุปและหมูนั้นติดอันดับต้นๆ ของร้านราเมนที่ผมชอบตอนนี้เลย
ความหลากหลายของอาหาร : เป็นร้านราเมนที่มีเมนูราเมนให้เลือกเยอะเลยครับ มีประเภทของซุปและเส้นให้เลือกหลากหลายดี หลากหลายจนอาจจะต้องถามพนักงานเลยว่าแต่ละอย่างแตกต่างกันอย่างไร ส่วนเมนูอื่นๆ นอกจากราเมนนั้นก็มีให้เลือกพอประมาณครับ
ความสะอาดของร้าน : สะอาดสะอ้าน และเคลียร์โต๊ะต่างๆ ได้รวดเร็วมากครับ
การบริการของพนักงาน : เป็นจุดเด่นของร้านที่ผมประทับใจอย่างนึงเลย พนักงานบริการดีมาก ตั้งแต่การรับ order, การให้ข้อมูลอาหาร, การ refill น้ำ จนถึงการเก็บโต๊ะ แต่ทั้งนี้ต้องบอกว่าช่วงที่ผมไปใช้บริการนั้น มีคนประมาณ 30% ของร้านนะครับ
ความสะดวกของการเดินทาง : ถ้าพูดถึงสาขาเซ็นทรัล ปิ่นเกล้าที่ผมไปใช้บริการนั้น ผมมองว่าความสะดวกในการเดินทางจะอยู่ในระดับกลางๆ เพราะที่นี่เป็นห้างที่ไม่มีรถไฟฟ้าผ่าน หลักๆ ต้องใช้รถเมล์, taxi และรถส่วนตัว แต่ทั้งนี้ร้าน Ipuudo ยังมีสาขาใน กทม. อีกเกือบ 10 สาขา ดังนั้นในเรื่องนี้ก็คงต้องดูทำเลและความเหมาะสมของการเดินทางของแต่ละคน ใครสะดวกอันไหนก็เลือกไปที่นั่นครับ
ความคุ้มค่า : แม้คุณภาพอาหารและรสชาติจะถูกปากถูกใจผมกับภรรยา อีกทั้งขนาดของชามราเมนก็ใหญ่ แต่ในเรื่องของความคุ้มค่านั้น ผมว่ายังไม่ผ่านครับ เพราะราคาแอบแรงไป โดยส่วนตัวคิดว่าถ้าราคาที่โชว์ในเมนูนั้นเป็นราคาที่ net แล้ว จะดีมากๆ เลย แต่พอเป็นราคาที่ยังไม่รวม service charge และ vat ก็ทำให้ราคาพุ่งขึ้นไปเกือบ 20% เลยทีเดียว
สรุป : ร้าน Ippudo เป็นหนึ่งในร้านราเมนที่ผมชอบในรสชาติอาหารและการบริการ แต่ในเรื่องของราคาและความคุ้มค่านั้นยังทำให้คิดหนักว่าหากต้องจ่ายราคาเต็ม จะย้อนกลับไปกินอีกดีมั้ย แต่ถ้าได้เจอโปรโมชั่นหรือแคมเปญดีๆ ที่ทำให้ประหยัดเงินในกระเป๋าได้ประมาณ 20% ก็คงจะเข้าไปอุดหนุนอีกครับ และถ้ามีโอกาสผมคงจะไปลองทาน Ippudo ต้นตำหรับที่ประเทศญี่ปุ่นดูซักครั้ง ว่ารสชาติจะแตกต่างจากที่ไทยมากมั้ย และจะอร่อยสมคำร่ำลือที่หลายต่อหลายคนเอ่ยปากชมหรือเปล่าครับ
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านจนจบ ทั้งนี้ทุกท่านสามารถเข้าไปพบปะพูดคุยเรื่องราวของการกินและเที่ยวของผมกับต๋งแบบใกล้ชิดที่เพจ “ภรรยาหา สามีใช้” ได้เลยครับ แล้วพบกันใหม่ในรีวิวหน้า สวัสดีครับ
หมายเหตุ : บทความนี้เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวของผมในวันที่ไปใช้บริการเท่านั้นครับ แต่ละท่านที่ได้มีโอกาสไปใช้บริการอาจจะได้รับการบริการที่แตกต่างจากนี้ออกไป