สวัสดีทุกคนครับ วันนี้ผมนาย “ภรรยาหา สามีใช้” จะพาทุกคนไปจิบชายามบ่าย และขนมอร่อยๆ ในราคาสุดคุ้มที่โรงแรม Landmark Bangkok (แลนด์มาร์ค กรุงเทพ) โดยจุดเด่นของชาชุดนี้ก็คือนอกจากจะได้ชา Twinings แล้ว ราคาเฉลี่ยต่อคนยังตกอยู่แค่ประมาณ 320 บาทเท่านั้นเอง เรียกว่าถูกมากๆ สำหรับชุดชาใจกลางเมืองที่มีคุณภาพดีแบบนี้ครับ
Disclosure : บทความนี้ได้รับการสนับสนุนจากผู้ให้บริการ แต่ทั้งนี้ความเห็นต่างๆ ที่เกิดขึ้นเป็นความรู้สึกจริงของผมครับ
สำหรับเซ็ตชายามบ่ายหรือ Afternoon Tea ของโรงแรมแลนด์มาร์ค กรุงเทพนั้น จะเปิดบริการที่ห้องอาหาร Landmark Bakery & Café ชั้น G โดยจะเปิดบริการตั้งแต่ 11.00 น. จนถึง 18.00 น. และจะมีเช็ตชาให้บริการ 2 แบบคือ
เซ็ตสำหรับ 1 ท่าน ราคา 390 บาท ++
เซ็ตสำหรับ 2 ท่าน ราคา 550 บาท ++
โดยเซ็ตสำหรับ 2 ท่าน จะได้ชา 2 ชนิด และได้ขนมมากกว่า 2 ชิ้น ส่วนการเดินทางมายังห้องอาหาร Landmark Bakery & Café นั้นก็ง่ายมาก เพราะห้องอาหารแห่งนี้จะอยู่ที่ด้านหน้าของโรงแรมติดกับถนนสุขุมวิทเลย ดังนั้นเพียงแค่เราลง BTS นานา ทางออก 2 แล้วเดินต่อประมาณ 50 เมตรก็จะถึงห้องอาหารแล้วครับ ส่วนใครที่ขับรถมาก็ดูแผนที่ของโรงแรมตามรูปด้านล่างได้เลย
ลักษณะของห้องอาหาร Landmark Bakery & Café นั้นจะเป็นเคาน์เตอร์ขนาดใหญ่ที่มีเบเกอรี่และไอศกรีมจำหน่ายหลากหลายชนิด โดยหากใครที่สนใจจะทาน Afternoon Tea ก็สามารถแจ้งพนักงานที่บริเวณนี้ได้เลย หรือถ้าใครอยากจะทานไอศกรีมกับเบเกอรี่ต่างๆ เพิ่ม ก็สามารถสั่งที่จุดนี้ได้เช่นกัน โดยจากที่ผมลองเดินดูรอบๆ ก็รู้สึกว่าขนมต่างๆ ของเค้าน่ากินมาก โดยเฉพาะไอศกรีมที่นอกจากจะมีการจำหน่ายเป็น scoop แล้ว ยังมีการจำหน่ายแบบเป็นบุฟเฟ่ต์อีกด้วยในราคาคนละ 240 บาท ++ ครับ
ส่วนในเรื่องของที่นั่งนั้น ภายในห้องอาหารแห่งนี้จะมีการแบ่งที่นั่งออกเป็น 2 โซน โซนแรกก็คือโซน indoor ภายในโรงแรมที่ติดแอร์เย็นฉ่ำ และมีที่นั่งให้เลือกทั้งแบบเป็นโซฟาและเก้าอี้ธรรมดา โดยที่นั่งในโซนนี้จะสามารถนั่งได้ประมาณ 30 คน และช่วงที่ผมไปนั้นทางโรงแรมได้มีการตกแต่งสถานที่ให้เค้ากับธีมคริสมาสต์ด้วย ดูแล้วน่ารักมุ้งมิ้งดีครับ
ส่วนที่นั่งอีกโซนนึงก็คือโซน Outdoor ซึ่งเป็นพื้นที่เดียวกันกับห้องอาหาร Terrace โดยที่นั่งในโซนนี้จะสามารถรองรับคนได้ประมาณ 50 คน
สำหรับวันนี้ผมกับต๋งเลือกที่จะนั่งโซน Outdoor เพราะรู้สึกว่าอากาศค่อนข้างดี แดดไม่ร้อน เหมาะกับการนั่งจิบชาชมบรรยากาศด้านนอกไปเรื่อยๆ โดยเราสองคนเลือกชาที่จะทานคู่กับขนมเป็น English Breakfast และ Pure Peppermint
และนี่ก็คือชุด Afternoon Tea พร้อมกับชาที่เราเลือกครับ
ขนมภายในเซ็ตจะมีทั้งหมด 12 ชิ้นด้วยกัน โดยแบ่งเป็น 3 ชั้น ดังนี้
ชั้นล่าง : Cold cut sandwich, Salmon sandwich และ Chicken sandwich อย่างละ 1 ชิ้น
ชั้นกลาง : Scone จำนวน 4 ชิ้น และแยมสตรอเบอร์รี่กับ Cottage cream
ชั้นบน : Cheese tart, Macaron, Fruit tart, Chocolate tissimo และ Carrot cake อย่างละ 1 ชิ้น
หมายเหตุ : สำหรับเซ็ต 1 คน จะไม่มี Cold cut sandwich และ Carrot cake
สำหรับรสชาติของขนมทั้ง 12 ชิ้นนั้น ต้องบอกว่าผมกับต๋งประทับใจและให้คะแนนอยู่ในเกณฑ์ดีทั้งหมด โดยมีอยู่ 3 เมนูที่พวกเราประทับใจเป็นพิเศษคือ
-
Cold cut sandwich : ในบรรดาแซนวิชทั้ง 3 ชิ้น ชิ้นนี้คือชิ้นที่โดดเด่นที่สุด ด้วยแป้งขนมปังที่ต่างจากชิ้นอื่น มีความหอมนุ่มกำลังดี รวมทั้งรสชาติยังออกหวานนิดๆ ทำให้เมื่อกินรวมกับ cold cut ที่อยู่ตรงกลางแล้วรสชาติลงตัวพอดี
-
Scone : สโคนของที่นี่เป็นสโคนลูกเกดที่มีความหนึบและเนื้อแน่นกำลังดี เนื้อไม่ร่วน ไม่แตกง่าย ทำให้เวลาตัดทานนั้นทำได้ง่าย ส่วนรสชาติของแยมกับ cottage cream นั้นก็อยู่ในเกณฑ์ดีเช่นเดียวกัน โดยตัวผมนั้นชอบที่จะทานคู่กับแยมสตรอเบอร์รี่มากกว่า เพราะแยมสตรอเบอร์รี่ของที่นี่นั้นอร่อยและให้เนื้อเยอะมาก ซึ่งหากใครทานแยมจนหมดแล้วแต่ยังเหลือสโคนอยู่ก็สามารถขอแยมกับทางพนักงานเพิ่มได้นะครับ
-
Cheese tart : เมนูนี้คือเมนูที่เด่นสุดในบรรดาของหวานด้านบน แป้งด้านนอกหอมกรอบ ส่วนชีสด้านในก็แน่นเข้มข้นดีครับ
ส่วนเมนูขนมอื่นๆ นั้น อย่างที่ผมได้บอกไปแล้วว่ารสชาติล้วนแต่อยู่ในเกณฑ์ดี ซึ่งบางคนอาจจะชอบขนมชนิดอื่นมากกว่า 3 รายการด้านบนที่ผมบอกก็ได้ครับ เพราะขนมแต่ละอย่างต่างก็มีจุดเด่นที่ไม่เหมือนกัน เช่น มาการองมันม่วงที่มีความหวานกำลังดี ไม่หวานจี๊ดเหมือนหลายที่, เค้กแครอทที่มีความแน่นของเนื้ออยู่ในระดับกลางๆ และมีการสอดไส้ครีมอยู่ตรงกลาง ทำให้ทานแล้วไม่รู้สึกถึงความเป็นแครอทจ๋าจนเกินไป หรือ Chocolate tissimo ที่เนื้อเค้กมีความนิ่มเหมือนฟองน้ำ ส่วนช็อคโกแลตด้านบนกับที่สอดไส้อยู่ตรงกลางนั้นก็มีความเข้มข้นแต่ไม่ขมติดลิ้น
พูดถึงขนมไปหมดแล้ว ทีนี้เรามาพูดถึงชากันดีกว่า ชาของที่นี่จะเป็นชาของ Twinings ดังนั้นในเรื่องรสชาติจึงเป็นที่เชื่อในคุณภาพได้ นอกจากนี้ที่ Landmark ยังยกระดับความอร่อยของชา Twinings ขึ้นไปอีกระดับด้วยการเสิร์ฟในชุดกาที่มีการอุ่นให้ร้อนตลอดเวลา โดยความร้อนที่ได้จากการอุ่นนั้นจะอยู่ในระดับที่ไม่ร้อนมากจนเกินไป ทำให้เราสามารถจิบชาอร่อยๆ ได้ตลอดเวลา ไม่ต้องกลัวเย็น นอกจากนี้หากใครจิบเพลินจนชาหมดก็สามารถบอกกับพนักงานให้เค้าเติมน้ำร้อนให้ใหม่ได้นะครับ
บอกเลยว่าชุดกาของที่นี่นั้นดีงามมมมม ผมชอบมากและอยากให้หลายๆ ที่เอาเป็นแบบอย่างเลย ><
เอาล่ะ ตอนนี้เราก็รู้จักเซ็ต Afternoon Tea ของ Landmark Bangkok ไปกันครบทุกซอกทุกมุมแล้ว ก่อนที่จะไปทำการสรุปท้ายรีวิวตามสไตล์ผม ผมก็ขอแนะนำอะไรนิดนึงก่อนนะครับว่า สำหรับท่านใดที่ชอบทานอาหารของโรงแรมแลนด์มาร์ค ผมแนะนำให้สมัคร Club Landmark Card ไว้ด้วยนะครับ เพราะบัตรนี้จะสามารถใช้ลดราคาอาหาร A la carte ของทุกห้องอาหารได้สูงสุดถึง 50% เลย ส่วนพวกเครื่องดื่มและเบเกอรี่นั้นจะลดได้ 15-20% ซึ่งชุด Afternoon Tea นี้จะอยู่ในกลุ่มของ Bakery ดังนั้นก็จะลดได้ 20% หรือเหลือราคา net แล้วประมาณ 520 บาท/ชุดเท่านั้นเองครับ ซึ่งเรียกว่าถูกมากๆ
หมายเหตุ : ผมขออนุญาตเซนเซอร์ชื่อและหมายเลขบัตรของผมไว้นะครับ
เอาล่ะครับ ทีนี้ก็ไปอ่านบทสรุปของ Afternoon Tea Set ของโรงแรมแลนด์มาร์ค กรุงเทพ กันได้เลย
วันที่รับประทาน : วันเสาร์ที่ 6 มกราคม 2561
ช่วงเวลา : 14.30 – 16.30 น.
จำนวน : 2 คน
รสชาติอาหาร : รสชาติของขนมทั้ง 12 ชิ้น อร่อยถูกปากผมกับต๋งมากครับ โดยมีอยู่ 3 เมนูที่เราประทับใจเป็นพิเศษก็คือ Cold cut sandwich, Scone และ Cheese Tart ส่วนรสชาติของชานั้น ด้วยชื่อชั้นของชา Twinings ก็น่าจะทำให้คนชอบทานชาไว้วางใจได้อยู่แล้วครับ ยิ่งได้ชุดกาที่มีการอุ่นให้ร้อนตลอดเวลายิ่งไม่ต้องมีอะไรให้กังวลเลย
ความหลากหลายของอาหาร : นอกจากสโคนที่มีจำนวน 4 ชิ้นแล้ว ขนมที่เหลืออีก 8 ชิ้นต่างก็มีความแตกต่างกันออกไป ดังนั้นในความเห็นผมจึงมองว่าเซ็ต Afternoon Tea ของที่นี่สอบผ่านในเรื่องนี้ครับ
ความสะอาดของร้าน : ไม่มีปัญหา สะอาดสะอ้าน และนั่งสบายมาก โดยเฉพาะโซน Outdoor ที่มีที่นั่งให้เลือกหลากหลายแบบ ทั้งแบบที่มีหลังคาขนาดใหญ่คลุมหรือแบบที่มีแค่ร่มอยู่ที่โต๊ะแต่ละตัว ก็เอาเป็นว่าใครชอบแบบไหนก็เลือกนั่งตามใจชอบได้เลย
การบริการของพนักงาน : บริการรวดเร็วมาก มีการเข้ามาสอบถามตลอดว่ารสชาติเป็นอย่างไร ต้องการอะไรเพิ่มหรือเปล่ารวมทั้งมีการนำแยมสตรอเบอร์รี่มาเพิ่มให้โดยที่ยังไม่ได้ขอ
ความสะดวกของการเดินทาง : ถือว่าเป็นห้องอาหารที่เดินทางสะดวกนะครับ เพราะโรงแรมแห่งนี้อยู่ห่างจากสถานี BTS นานา เพียงแค่ 50 เมตรเท่านั้น ส่วนคนที่ขับรถมาทางโรงแรมก็มีที่จอดรถเยอะ แต่ด้วยความที่โรงแรมตั้งอยู่บนถนนสุขุมวิทช่วงต้นๆ ซึ่งเป็นช่วงที่รถติดสาหัสโดยเฉพาะช่วงเย็นของวันทำงาน ดังนั้นใครจะขับรถมาช่วงนั้นก็ต้องทำใจในเรื่องของการเดินทางหน่อยนะครับ
ความคุ้มค่า : ด้วยราคาของเซ็ตสองคนที่อยู่ที่ 550 บาท ++ หรือประมาณ 320 บาท/คน หลังจากที่รวม Service charge 10% และ Vat 7% แล้ว ผมว่าเป็นเช็ตชายามบ่ายที่คุ้มมากๆ นะครับ แม้ขนมหลายอย่างจะได้แค่อย่างละ 1 ชิ้น แต่เมื่อเทียบกับรสชาติ และคุณภาพของชาแล้ว ราคานี้ยังไงก็คุ้ม!! ยิ่งถ้าใครที่มีบัตร Club Landmark Card บอกเลยว่ายิ่งคุ้ม เพราะจะเหลือราคา net แล้วประมาณ 520 บาท/ชุด หรือหารแล้วตกคนละ 260 บาทเองครับ โคตรคุ้ม
สรุป : สำหรับใครที่กำลังหาเซ็ตชายามบ่ายราคาไม่แพงทานอยู่ เซ็ต Afternoon tea ของ Landmark Bangkok น่าจะตอบโจทย์คุณได้ดีเลย โดยเฉพาะคนที่อยู่แถวสุขุมวิทหรือเส้น BTS อยู่แล้ว เพราะเดินทางไปทานได้สะดวกมาก นอกจากนี้พื้นที่นั่งของห้องอาหารแห่งนี้ก็ยังมีให้เลือกทั้ง indoor ที่แอร์เย็นฉ่ำ หรือแบบ outdoor ที่ได้บรรยากาศชิวๆ ข้างนอก ทำให้น่าจะตอบโจทย์ lifestyle และความชอบของแต่ละคนเป็นอย่างดี นอกจากนี้หากใครมาทานแล้วรู้สึกว่าอยากจะหาอะไรทานเพิ่มเติมอีก ที่ห้องอาหารแห่งนี้ก็ยังมีเบเกอรี่และไอศกรีมไว้บริกาด้วย เรียกว่าครบเครื่องลงตัวไปเลยครับ ^^
ก็จบลงแล้วสำหรับรีวิวนี้ สำหรับใครที่อยากจะดูบรรยากาศของการรีวิวอาหารครั้งนี้ในรูปแบบของภาพเคลื่อนไหวก็สามารถกดดูที่คลิปด้านล่างได้เลยครับ ส่วนใครที่อยากจะสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับห้องอาหารแห่งนี้ก็สามารถเข้าไปดูรายละเอียดต่อที่ลิงก์ด้านล่างนี้ได้ครับ
Tel : 02-2540404
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านจนจบ แล้วพบกันใหม่ในรีวิวหน้า และทุกท่านสามารถเข้าไปพบปะพูดคุยเรื่องราวของการกินและเที่ยวของผมกับต๋งแบบใกล้ชิดที่เพจ “ภรรยาหา สามีใช้” ได้เลยครับ สวัสดีครับ
หมายเหตุ : บทความนี้เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวของผมในวันที่ไปใช้บริการเท่านั้นครับ แต่ละท่านที่ได้มีโอกาสไปใช้บริการอาจจะได้รับการบริการที่แตกต่างจากนี้ออกไป