สวัสดีทุกคนครับ วันนี้ผมนาย “ภรรยาหา สามีใช้” จะพาทุกคนเปลี่ยนบรรยากาศจากการกินปิ้งย่างและชาบู ไปเป็นการกินติ่มซำ All you can eat กันดีกว่า โดยเป้าหมายของเราในวันนี้ก็คือห้องอาหาร The Golden Palace ของโรงแรมวินเซอร์ สวีทส์ สุขุมวิท 20 นั่นเองครับ
สำหรับโรงแรมวินเซอร์ สวีทส์ นี้ต้องบอกว่าเป็นหนึ่งในโรงแรมที่ครอบครัวของแฟนผมผูกพันค่อนข้างมาก เพราะเป็นโรงแรมเก่าแก่ที่เปิดมาหลายสิบปีแล้ว นอกจากนี้บ้านของเธอในอดีตรวมทั้งโรงเรียนที่เธอเรียนก็ยังอยู่ใกล้ๆ กับโรงแรมแห่งนี้ด้วย ก็เลยทำให้ได้มีโอกาสแวะเวียนไปทานอาหารรวมถึงเบเกอรี่ที่โรงแรมแห่งนี้บ่อยๆ และเมื่อวันนี้เธอและน้องๆ ได้มีโอกาสกลับมาชิมอาหารที่นี่อีกก็เลยทำให้ภาพในอดีตหลายๆ ภาพผุดขึ้นมาเลยครับ
การเดินทางมายังโรงแรมวินเซอร์ สวีทส์ นั้นสามารถมาได้หลายทางเลย ตั้งแต่การนั่งรถเมล์, BTS, MRT, Taxi หรือการขับรถมาเอง โดยที่ตั้งของโรงแรมนั้นจะอยู่ในซอยสุขุมวิท 18 และซอยสุขุมวิท 20 ห่างจากปากซอยประมาณ 200 เมตรและอยู่ห่างจากสถานี BTS อโศกกับ MRT สุขุมวิทประมาณ 800 เมตรครับ สำหรับคนที่มาด้วยรถเมล์, BTS, MRT นั้น ผมแนะนำให้เดินเข้าที่ซอยสุขุมวิท 20 นะครับ จากนั้นจะเห็นโรงแรมอยู่ฝั่งขวามือ ส่วนคนที่ขับรถมาเองนั้นผมแนะนำให้เข้าซอยสุขุมวิท 18 แล้วจะเห็นอาคารจอดรถจะอยู่ฝั่งซ้ายมือ โดยอาคารจอดรถที่นี่มีหลายชั้นดีครับ แต่ทางขึ้นแต่ละชั้นนั้นค่อนข้างแคบนิดนึง ใครที่ขับรถไม่เก่งอาจจะต้องระมัดระวังหน่อย ^^
Disclosure : บทความนี้ได้รับการสนับสนุนจากผู้ให้บริการ แต่ทั้งนี้ความเห็นต่างๆ ที่เกิดขึ้นเป็นความรู้สึกจริงของผมครับ
เมื่อเรามาถึงที่โรงแรมก็ให้เราไปที่ชั้น 2 แล้วก็จะเจอห้องอาหาร The Golden Palace ที่หน้าตาจีนจ๋าแบบนี้อยู่
อ้อ…สำหรับคนที่ขับรถมานั้น สามารถกดลิฟท์จากอาคารจอดรถมาที่ชั้น P1 ได้เลยนะครับ มันจะเชื่อมกับชั้น 2 ของโรงแรมพอดี
พอเราเข้ามาในห้องอาหารก็จะพบกับห้องอาหารที่มีโต๊ะจีนขนาดใหญ่อยู่เต็มไปหมด ผมลองกะด้วยสายตาคร่าวๆ แล้ว ทั้งห้องอาหารนี้น่าจะสามารถจุคนได้ประมาณ 120 คนครับ และสำหรับคนที่มาเป็นกลุ่มเล็กๆ แค่ 2 คนเค้าก็มีโต๊ะเล็กไว้คอยบริการด้วย แต่เชื่อเถอะว่ามากินอาหารแบบนี้แม้จะมาน้อยๆ คน แต่ผมว่ามันต้องใช้โต๊ะใหญ่ๆ เข้าไว้ ไม่งั้นวางไม่พอแน่ๆ  ><
ในส่วนของการทานอาหารที่นี่นั้นจะแบ่งเป็น 2 ประเภท คือแบบบุฟเฟ่ต์ (All you can eat) หรือแบบสั่งเป็นจานๆ (A la carte) โดยวันนี้ผมจะพาทุกท่านไปทานทั้ง 2 แบบเลย เพราะมีอาหารหลายๆ รายการที่ทางห้องอาหารภูมิใจนำเสนอและอยากให้ลองชิมดู
สำหรับราคาและเวลาในการเปิดบริการติ่มซำบุฟเฟ่ต์ (All you can eat) นั้นจะแบ่งเป็น 2 ช่วงเวลาและมีราคาแตกต่างกันดังนี้
บุฟเฟ่ต์มื้อกลางวัน (เปิดบริการเวลา 11.30-14.30 น.) : ราคา 655 บาท/คน Net
บุฟเฟ่ต์มื้อกลางคืน (เปิดบริการเวลา 18.00-22.30 น.) : ราคา 755 บาท/คน Net
ในช่วงกลางคืนนั้นทางห้องอาหารจะมีหูฉลามเพิ่มให้นะครับ และราคาดังกล่าวยังไม่รวมเครื่องดื่ม ใครที่อยากจะสั่งเครื่องดื่มก็ลองดูราคาในเมนูอีกที ส่วนแก๊งค์ผมนั้นเลือกสั่งเครื่องดื่ม Refill ราคา 95 บาท/คน net โดยจะมีให้เลือกระหว่างเก๊กฮวย (ร้อน/เย็น) และชาจีน (ร้อน/เย็น) ใครที่ชอบอะไรหวานๆ หน่อยก็จัดเก๊กฮวยไป ส่วนใครที่ไม่ค่อยชอบทานน้ำหวานๆ ก็จัดชาจีนไปครับ
หมายเหตุ : ทางห้องอาหาร The Golden Palace นั้นมีการเล่นดนตรีสดจากกู่เจิ้งให้ฟังด้วยนะครับ และพิเศษสุดๆ คือช่วงนี้ทางห้องอาหารมี Promotion มา 3 จ่าย 2 ด้วย ซึ่งเป็นอะไรที่ผมว่าน่าสนใจมากๆ เพราะจะทำให้ราคาต่อคนในมื้อกลางวันเหลืออยู่ที่ 437 บาท/คน เท่านั้นเอง (ราคายังไม่รวมเครื่องดื่ม) นอกจากนี้ทางห้องอาหารยังมีโปรโมชั่นพิเศษต่อที่ 2 ให้สำหรับแฟนเพจ “ภรรยาหา สามีใช้” ด้วย เพียงบอกว่าเป็นแฟนเพจและทำการถ่ายรูป, Check in และ Add line ก็รับส่วนลดพิเศษ on top ไปอีก 10% ทั้งมื้อกลางวันและมื้อกลางคืนเลยครับ (หมดเขตโปรโมชั่นพิเศษต่อที่ 2 วันที่ 31 ต.ค. 60 นะครับ) 
เอาล่ะที่นี้เรามาดูกันดีกว่าว่าหากเรากินบุฟเฟ่ต์หรือ All you can eat นั้นจะสามารถสั่งอะไรได้บ้าง โดยหลักการในการสั่งก็ง่ายๆ เลยคือทางห้องอาหาร The Golden Palace จะมีเมนูหน้าตาแบบนี้ให้เรา ด้านนึงจะเป็นเมนูพิเศษที่มีการจำกัดว่าโต๊ะนึงจะสามารถสั่งได้กี่จาน หรือคนนึงจะสั่งได้กี่จาน ส่วนอีกหน้านึงนั้นจะเป็นรายการอาหารที่เราสามารถสั่งได้ไม่อั้นครับ
หน้าตาหน้าเมนูพิเศษจะแบ่งเป็น 4 หมวดดังนี้
หมวดที่ 1 : Hors D’oeuvrse หมวดนี้จะเป็นอาหารจานพิเศษจากเชฟ โดยเราสามารถเลือกทานได้ทั้งหมด 2 เมนู/โต๊ะ (เมนูละ 1 จาน) ซึ่งรายการที่มีให้เลือกนั้นได้แก่ ไก่แช่เหล้า, เป็ดย่างฮ่องกงและหมูแดงอบน้ำผึ้ง, สลัดปูอัด, กระเพาะปลาผัดแห้ง, ผักทิพรส และสลัดซีฟู้ด
หมวดที่ 2 : Soup หมวดนี้จะสามารถสั่งได้ 1 ถ้วย/คน โดยรายการที่มีให้เลือก ได้แก่ ซุปกระเพาะปลาน้ำแดง, ซุปเสฉวน, ไก่ตุ๋นเยื่อไผ่, ซุปข้าวโพดไก่เส้น และเกี๊ยวกุ้งน้ำ
หมวดที่ 3 : Rice & Noodle หมวดนี้จะสามารถสั่งได้ 1 เมนู/โต๊ะ โดยทางเชฟจะทำการแบ่งมาเป็นจานขนาดเล็กแยกเป็นคนๆ ให้เรียบร้อย เวลาทานจะได้ทานง่ายๆ สำหรับรายการที่มีให้เลือกในส่วนนี้ก็ได้แก่ ข้าวผัดหยางเจา, ข้าวผัดคะน้าปลาเค็ม, ข้าวผัดหนำเลี๊ยบหมูสับ, ก๋วยเตี๋ยวราดหน้าหมู, ก๋วยเตี๋ยวราดหน้าปลาเต้าซี่, เส้นหมี่ราดหน้าปลาน้ำแดง แล้วก็โกยซี่หมี่
หมวดที่ 4 : Desserts หมวดนี้จะสามารถสั่งได้ 1 ถ้วย/คน โดยมีให้เลือกทั้งหมด 4 รายการได้แก่ สาคูแคนตาลูป, เต้าฮวยฟรุ๊ตสลัด, บัวลอยน้ำขิงแล้วก็ผลไม้รวม
หมายเหตุ : สำหรับหน้าตาเมนูที่ผมถ่ายภาพมานี้ จะเป็นเมนูเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2560 แต่เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2560 ทางห้องอาหารได้มีการปรับเปลี่ยนหน้าตาเมนูอาหารใหม่ และปรับเปลี่ยนรายการอาหารเล็กน้อย ซึ่งอาจจะไม่ตรงกับรีวิวนี้ 100% แต่ทุกท่านสามารถอ่านรีวิวนี้จนจบและดูรายละเอียดของเมนูใหม่ที่มีการปรับเปลี่ยนที่ด้านล่างสุดของรีวิวได้เลยครับ
ถัดมาเป็นเมนูหน้าที่ 2 ซึ่งจะเป็นเมนูที่เราสามารถสั่งได้ไม่อั้น มีรายการอาหารให้เลือกสั่งมากกว่า 30 รายการ โดยหลักๆ ก็จะเป็นพวกเมนูติ่มซำที่เราคุ้นชื่อและคุ้นหน้าคุ้นตากันอย่าง ซาลาเปา, ขนมจีบปู, ขนมจีบกุ้ง, ฮะเก๋า, สาหร่ายไส้กุ้ง, เผือกทอด, ฟองเต้าหู้ทอด จนไปถึงเมนูแปลกๆ อย่างกุ้งตะไคร้, เกี๊ยวกุ้งทอด, กุ้งนึ่งมะนาว และแซลมอนนึ่งมะนาวครับ
รู้เรื่องเมนูกันไปแล้ว ทีนี้เราไปดูหน้าตาอาหารจริงๆ พร้อมกับรสชาติอาหารในความคิดของผมกันดีกว่า เริ่มจากพวกอาหารพิเศษที่มีการสั่งได้จำกัดอย่างหมวด Hors D’oeuvrse, Soup แล้วก็ Rice & Noodle กันก่อนนะครับ
สำหรับหมวด Hors D’oeuvrse นั้น ผมได้ลองทานทั้งหมด 4 รายการ ได้แก่ ไก่แช่เหล้า, เป็ดย่างฮ่องกงและหมูแดงอบน้ำผึ้ง, สลัดปูอัด แล้วก็กระเพาะปลาผัดแห้งครับ ซึ่งตรงนี้ถือว่าเป็นกรณีพิเศษนะครับที่ได้ลองทาน 4 รายการ เพราะปกตินั้นในส่วนนี้จะได้แค่ 2 รายการ/โต๊ะเท่านั้น ส่วนเรื่องของรสชาติก็ตามนี้เลยครับ
ไก่แช่เหล้า : อร่อยถูกปากดีครับ ไก่นุ่ม และกลิ่นของเหล้ากำลังดีไม่ฉุนหรือแรงเกินไป
เป็ดย่างฮ่องกงและหมูแดงอบน้ำผึ้ง : จานนี้ประทับใจมาก เป็ดย่างนั้นหนังกรอบ เนื้อบาง ส่วนหมูแดงนั้นชิ้นหนานุ่ม อร่อยถูกปากทั้งคู่จนอยากจะสั่งอีกเลย แต่ทำไม่ได้ 555555
สลัดปูอัด : ดูแปลกไม่เหมือนกับอาหารจีนและติ่มซำซักเท่าไหร่ แต่ทานแล้วก็รู้สึกดีครับ สามารถตัดเลี่ยนและเบรกตัวเองจากการทานอาหารพวกแป้งและเนื้อเยอะๆ ได้เป็นอย่างดีเลย เพราะในจานจะประกอบไปด้วยผลไม้และปูอัด ซึ่งเป็นของอ่อนๆ ที่สามารถทานได้ง่ายๆ หมดเลยครับ
กระเพาะปลาผัดแห้ง : จานนี้ผมเฉยๆ ครับ ไม่ได้โดดเด่นมากเท่าจานอื่น
สำหรับขนาดของอาหารในหมวด Hors D’oeuvrse นั้นจะเป็นจานขนาดกลางๆ ไม่ได้เล็กหรือใหญ่มาก ผมว่ากำลังเหมาะกับการทาน 2-3 คน ส่วนกลุ่มไหนที่มาเป็นกลุ่มใหญ่กว่านั้นอาจจะรู้สึกว่าน้อยไปหน่อยครับ
ต่อมาเป็นซุปนะครับ ซุป 2 รายการที่ผมลองชิมก็คือ ซุปกระเพาะปลาน้ำแดง และซุปเสฉวน โดยตัวผมเองค่อนข้างประทับใจซุปกระเพาะปลาน้ำแดง เพราะให้เนื้อมาเยอะดี ส่วนซุปเสฉวนนั้นผมว่าอยู่ในระดับมาตรฐานทั่วๆ ไป รสชาติเปรี้ยวๆ และปริมาณเนื้อในซุปนั้นน้อยไปนิดนึงครับ
ก็เอาเป็นว่าใครชอบทานอาหารสไตล์ไหนก็ลองสั่งมาในแบบที่ตัวเองชอบครับ หรือจะลองสั่งเป็นไก่ตุ๋นเยื่อไผ่, ซุปข้าวโพดไก่เส้น หรือเกี๊ยวกุ้งน้ำแทนก็ได้ครับ แต่ผมแนะนำนิดนึงว่าสำหรับอาหารหมวดนี้นั้นเราควรจะต้องรีบทานตอนที่ยังร้อนๆ อยู่ เพราะหากทิ้งไว้นานแล้วรสชาติจะตกลงไปพอควร
ถัดมาเป็นหมวด Rice & Noodle โดยรายการที่ผมเลือกคือก๋วยเตี๋ยวราดหน้าปลาเต้าซี่ ซึ่งโดยปกติแล้วอาหารหมวด Rice & Noodle นี้ ทางห้องอาหารจะตักแบ่งใส่ถ้วยหรือจานมาให้เป็นคนๆ ตามจำนวนคนที่ทานอาหาร แต่สำหรับมื้อนี้พิเศษหน่อยตรงที่ทางห้องอาหารได้จัดมาเป็นจานใหญ่ให้ผมได้ถ่ายรูปก่อนครับ
สำหรับรสชาติจานนี้ผมว่าอร่อยดีครับ เนื้อปลานุ่ม และสดดีครับ แต่ปริมาณเนื้อปลาแอบน้อยไปนิด ถ้าได้เพิ่มอีกซัก 2-3 ชิ้นนี่น่าจะแจ่มมากๆ
เอาล่ะ ก่อนที่เราจะไปที่ของหวาน เราไปดูหน้าตาและรสชาติติ่มซำต่างๆ ที่ผมสั่งมาทานก่อนแล้วกัน โดยจะเริ่มจากเมนูที่เราสามารถสั่งมาทานได้เรื่อยๆ ไม่มีจำกัดใน All you can eat ก่อนนะครับ
สำหรับเมนูที่ผมสั่งมาลองทานก็ได้แก่ กุ้งทอดตะไคร้, ฟองเต้าหู้ทอด, แซลมอนนึ่งมะนาว, กุ้งนึ่งมะนาว, ขนมจีบปู, ขนมจีบกุ้ง, เห็ดหอมหน้ากุ้ง, สาหร่ายไส้มันปู, ซาลาเปาหมูแดง, ซาลาเปาไส้ครีม, เผือกทอด, เกี๊ยวกุ้งทอด, ฮะเก๋าหอยเชลล์, ฮะเก๋ากุ้ง, ก๋วยเตี๋ยวหลอดกระเพาะหมู, ซี่โครงหมูเต้าซี่, ขาไก่เต้าซี่ แล้วก็เห็ดหอมหน้ากุ้งครับ
รสชาติโดยรวมๆ นั้นต้องบอกว่าอยู่ในเกณฑ์ดีและดีมากครับ ไม่มีเมนูไหนที่พวกผมไม่ประทับใจ เต็มที่ก็คืออยู่ในเกณฑ์มาตรฐานโรงแรม กินได้ แต่ไม่สั่งเพิ่มเท่านั้นเอง >< สำหรับจุดเด่นของติ่มซำที่นี่ตามความคิดผมคือขนาดชิ้นที่ใหญ่ เนื้อแน่น ไส้เยอะครับ โดยเฉพาะเมนูที่มีกุ้งเป็นส่วนประกอบนั้นต้องบอกว่ากุ้งมาเยอะ มาแน่น และเนื้อเด้งดีมากๆ ครับ บางเมนูนี่ผมว่ามีเนื้อกุ้งอัดมา 2-3 ตัวใน 1 ชิ้นได้เลย ดังนั้นสำหรับคนที่ชอบกินติ่มซำ ชอบกินกุ้งแล้วน่าจะประทับใจเลยครับ
สำหรับเมนูอาหารที่ผมและเพื่อนๆ ประทับใจและคิดว่าโดดเด่นที่สุดในมื้อก็ได้แก่ แซลมอนนึ่งมะนาว ซึ่งเป็นปลาแซลมอนนึ่งโดยที่มีกุ้งโปะอยู่ด้านบน รสชาติอร่อยมากกกกกก เบ็ดเสร็จมื้อนั้นพวกผมน่าจะสั่งมากันประมาณ 10 เข่งได้ ส่วนเมนูอื่นๆ ที่ประทับใจไล่ๆ ลงมาก็ได้แก่ กุ้งนึ่งมะนาว, ฟองเต้าหู้ทอด, ขนมจีบกุ้ง, เผือกทอด, เกี๊ยวกุ้งทอด, ฮะเก๋ากุ้ง แล้วก็ฮะเก๋าหอยเชลล์
สำหรับใครที่รู้สึกยังไม่จุใจ อยากจะสั่งเพิ่มนอกเหนือจากเมนู All you can eat ทางห้องอาหาร The Golden Palace ก็มีอาหารอีกหลายรายการที่อร่อยและน่าทดลองนะครับ เช่น
ปลาสองสีนึ่งมะนาว (ราคา 185 บาท) : เมนูนี้จะคล้ายๆ กับปลาแซลมอนนึ่งมะนาว แต่จะแบ่งเป็นปลาแซลมอน 1 ชิ้น และปลาหิมะอีก 1 ชิ้น รสชาติดีมากๆ ครับ
ก้ามปูม้านึ่งผงกะหรี่ (ราคา 150 บาท) : ก้ามปูใหญ่และสดมาก เนื้อเยอะ อร่อยดีครับ ใครชอบทานผัดผงกะหรี่น่าจะถูกใจ
ปอเปี๊ยะมายองเนส (ราคา 130 บาท) : เมนูนี้แปลกดีครับ จะเป็นของหวานก็ไม่ใช่ ของคาวก็ไม่เชิง ส่วนรสชาตินั้นผมว่าอารมณ์ประมาณกินโรตีกล้วยครับ
ข้าวเหนียวทอดไส้แกงกะหรี่ไก่ (ราคา 155 บาท) : เป็นอีกเมนูที่แปลกดี ใครที่ชอบทานแกงกะหรี่น่าจะชอบหรืออย่างลอง กินแล้วรู้สึกได้อารมณ์เหมือนกินของหวานเหมือนกันครับ
ซาลาเปาครีมลาวา (ราคา 155 บาท) : อันนี้อร่อยมากกกก ไส้ไหลเยิ้มออกมาเลย คือถ้าเป็นไปได้อยากจะให้เค้าเอารายการนี้บรรจุไว้ในเมนูบุฟเฟ่ต์หลือเกิน เพราะเป็นเมนูที่ผมชอบทานมาก ชนิดที่ว่าถ้าผมไปห้องอาหารไหนแล้วเจอเมนูนี้แล้วจะต้องดิ้นๆ สั่งมาลองกินตลอดเลย 55555
ปิดท้ายกันที่ของหวานนะครับ ใครที่ทานแบบบุฟเฟ่ต์หรือ All you can eat นั้น จะสามารถเลือกสั่งได้คนละ 1 ถ้วย จาก 4 รายการนี้ ได้แก่ สาคูแคนตาลูป, เต้าฮวยฟรุ๊ตสลัด, บัวลอยน้ำขิง และผลไม้รวม ซึ่งวันนั้นพวกผมก็ลองสั่งมาทานทุกแบบเลย  โดยในเรื่องรสชาตินั้นผมว่าอยู่ในเกณฑ์กลางๆ ไม่ได้รู้สึกประทับใจอะไรมาก ที่ดูโดดเด่นสุดน่าจะเป็นบัวลอยน้ำขิงครับ ก็เอาเป็นว่าสำหรับหมวดนี้ผมคิดว่าเหมือนจะเป็นการกินปิดฉากมื้อให้ครบตามกระบวนการซะมากกว่า ใครที่เน้นอิ่ม เน้นอร่อย ให้ไปเน้นที่ของคาวก่อนหน้านี้เป็นหลักนะครับ
เอาล่ะครับ หลังจากตะลุยกินมายาวๆ ตอนนี้ก็ได้เวลามาถึงบทสรุปของการรีวิวห้องอาหาร The Golden Palace ของโรงแรมวินเซอร์ สวีทส์ สุขุมวิท 20 กันแล้ว เดี๋ยวเรามาไล่กันไปทีละเรื่องตามเดิมเลยแล้วกันนะครับ
วันที่รับประทาน : วันเสาร์ที่ 5 สิงหาคม 2560
ช่วงเวลา : 11.30 – 14.30 น.
จำนวน : 5 คน
รสชาติอาหาร : รสชาติอาหารส่วนใหญ่อยู่ในเกณฑ์ดีครับ โดยเฉพาะแซลมอนนึ่งมะนาว และติ่มซำที่มีส่วนผสมของกุ้ง เนื้อกุ้งเด้ง ชิ้นโต เต็มปากเต็มคำมาก ส่วนกลุ่มอาหารที่ไม่ประทับใจที่สุดก็คือบรรดาของหวานที่ผมว่ารสชาติอยู่ในระดับธรรมดาๆ ไม่ได้โดดเด่นเท่าอาหารคาวครับ
ความหลากหลายของอาหาร : เฉพาะเมนูอาหารในติ่มซำ All you can eat ที่เราสามารถสั่งได้ไม่อั้นมากกว่า 30 รายการนั้นก็ถือว่าเยอะและหลากหลายพอควรแล้ว เมื่อนำไปรวมกับอาหารอีก 4 หมวด ที่แต่ละโต๊ะยังสามารถสั่งได้อีก ก็ถือว่ามีความครบครันและความหลากหลายมากกว่าห้องอาหารหลายๆ ที่เลย เพราะหลายๆ ห้องอาหารจะไม่สามารถสั่งเมนูที่เป็นพวกข้าว, เส้น หรืออาหารจานกลางแบบนี้ได้ครับ เรียกได้ว่าข้อนี้สอบผ่านได้คะแนนนำโด่งเลย
ความสะอาดของร้าน : สะอาด สะอ้าน ไม่ติดประเด็นอะไรในข้อนี้ครับ
การบริการของพนักงาน : ในเรื่องการรับ order และการ service ต่างๆ ที่โต๊ะถือว่าดีเลย แต่จุดที่ผมแอบไม่ประทับใจหน่อยก็คือรู้สึกว่าเวลาในการรออาหารแอบนานไปนิดครับ ทั้งๆ ที่คนในห้องอาหารไม่ได้เยอะมากเท่าไหร่ ซึ่งก็ทำให้หลายๆ ครั้งการกินอาหารแอบขาดช่วงไปบ้าง สำหรับประเด็นนี้ผมก็ไม่แน่ใจนะครับว่าจะมาจากกระบวนการทำอาหารในหลายๆ ประเภทที่ต้องใช้เวลานานหรือเปล่า แต่หากทางห้องอาหารสามารถปรับตรงนี้ได้อีกหน่อยจะดีมากๆ เลย
ความสะดวกของการเดินทาง : สำหรับคนที่ขับรถส่วนตัวไปไม่น่าจะมีปัญหาซักเท่าไหร่ เพราะที่จอดรถมีหลายชั้นดี แต่อาจจะต้องระมัดระวังตรงทางเลี้ยวขึ้นแต่ละชั้นนิดนึง เพราะค่อนข้างแคบ รวมทั้งต้องเสี่ยงกับรถติดสุดๆ ในช่วงเวลาเร่งด่วน ส่วนคนที่เดินทางด้วยรถไฟฟ้า BTS และ MRT นั้น อาจจะคล่องตัวในเรื่องของเวลา แต่ก็ต้องเดินไกลนิดนึงนะครับ หรือถ้าไม่อยากเดินก็ใช้การนั่งรถมอเตอร์ไซด์รับจ้างเอา นั่งแป๊บเดียวก็ถึงครับ
ความคุ้มค่า : เมื่อเทียบรสชาติอาหารกับราคาบุฟเฟ่ต์มื้อกลางวันที่ 655 บาท/คน Net และบุฟเฟ่ต์มื้อกลางคืนที่ 755 บาท/คน Net (ราคายังไม่รวมเครื่องดื่ม) ต้องบอกตรงๆ ว่าดูจะสอบผ่านในด้านความคุ้มค่าไปแบบเฉียดฉิว แต่ถ้ามองว่าตอนนี้ทางห้องอาหารมีโปรโมชั่นมา 3 จ่าย 2 อยู่ ต้องบอกว่าเป็นอะไรที่คุ้มมากๆ เพราะจะทำให้ราคามื้อกลางวันตกอยู่ที่ 437 บาท/คน net และมื้อกลางคืนอยู่ที่ 504 บาท/คน net (ราคายังไม่รวมเครื่องดื่ม) ซึ่งเป็นราคาที่น่าสนใจมากๆ กับการได้กินติ่มซำอร่อยๆ ไม่อั้นและสามารถนั่งทานได้ยาวๆ ถึง 3 ชั่วโมงแบบนี้ครับ
สรุป : บุฟเฟ่ต์ติ่มซำของห้องอาหาร The Golden Palace โรงแรมวินเซอร์ สวีทส์ สุขุมวิท 20 นั้น เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจมากๆ สำหรับคนที่ต้องการทานติ่มซำอร่อยๆ กุ้งเน้นๆ สามารถนั่งทานได้ยาวๆ และไม่ต้องกังวลเรื่องงบจะบานปลาย โดยจุดเด่นของห้องอาหารนี้ก็คือขนาดชิ้นโต รสชาติอร่อย กุ้งโดดเด่น และมีเมนูจานกลางให้เลือกด้วย นอกจากนี้ในด้านราคาก็ถือว่าไม่แพงเลยยิ่งถ้าเกิดสามารถรวบรวมคนไปแบบหารด้วยเลข 3 ลงตัว เพื่อที่จะได้ใช้สิทธิ์โปรโมชั่นมา 3 จ่าย 2 มันจะเป็นอะไรที่คุ้มค่ามากๆ ส่วนในเรื่องจุดด้อยของบุฟเฟต์มื้อนี้ในความคิดผมนั้นก็คือการจำกัดจำนวนเมนูจานกลางต่อโต๊ะที่อาจจะทำให้เวลาที่มีกลุ่มคนใหญ่ๆ ไปอย่าง 6 คนหรือ 9 คน อาจจะทานไม่พอได้ ตรงนี้ผมอยากจะให้ทางห้องอาหารลองดูความเหมาะสมของอาหารจานกลางกับจำนวนคนที่ไปรับประทานอีกทีครับ ถ้าสามารถปรับตามจำนวนคนได้จะเป็นอะไรที่ดีมากๆ สุดท้ายนี้ก็เอาเป็นว่าใครที่กำลังเล็งๆ บุฟเฟ่ต์ติ่มซำอยู่ และรับได้กับช่วงราคาประมาณนี้ สถานที่ในพิกัดนี้ ก็ลองแวะเวียนไปชิมกันดูนะครับ ไม่แน่ว่าคุณอาจจะประทับใจอาหารในมื้อนั้นเหมือนกับกลุ่มพวกผมก็ได้ ^^
หมายเหตุ : จากที่ผมได้แจ้งไปในตอนต้นๆ ว่า หลังจากที่ผมได้ไปลองทานอาหารที่ห้องอาหาร The Golden Palace มาประมาณหนึ่งอาทิตย์ ทางห้องอาหารก็ได้มีการปรับเปลี่ยนเมนูอาหารเล็กน้อย โดยเมนูอย่างแซลมอนนึ่งมะนาวจะไม่อยู่ในบุฟเฟ่ต์แล้ว แต่จะมีเมนูอย่างฝั่นโก๋แต้จิ๋ว, กุยช่ายนึ่ง, ข้าวเหนียวห่อใบบัวเข้ามาแทน ก็เอาเป็นว่าลองดูเมนูใหม่แล้วเปรียบเทียบในเรื่องของความคุ้มค่าอีกทีนะครับ เพราะดูๆ แล้วเมนูใหม่ก็น่าลองหลายรายการเหมือนกัน
ก็จบลงแล้วสำหรับรีวิวนี้ สำหรับผู้ที่ต้องการติดตามเรื่องราวการรีวิวต่างๆ ที่รวดเร็วทันใจ ก็สามารถกดติดตามได้ที่เพจ ภรรยาหา สามีใช้ ได้เลยครับ
หมายเหตุ : บทความนี้เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวของผมในวันที่ไปใช้บริการเท่านั้นครับ แต่ละท่านที่ได้มีโอกาสไปใช้บริการอาจจะได้รับการบริการที่แตกต่างจากนี้ออกไป