Max Beef เกษตรศาสตร์ คือหนึ่งในร้านขายเนื้อสดและเนื้อย่างที่ขึ้นชื่ออยู่พอควรครับ โดยเฉพาะคนที่ใช้ชีวิตอยู่แถวๆ ม.เกษตรศาสตร์ บางเขน ซึ่งตัวผมเองก็เคยได้มีโอกาสลองทานไป 1-2 ครั้งครับ ดังนั้นเมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมาพอผมได้ไปทำธุระแถวๆ นั้น ประกอบกับเป็นช่วงเที่ยงๆ พอดี ผมจึงไม่รีรอที่จะชวนภรรยาผมไปนั่งโซ้ยเนื้อย่างที่ร้านนี้กันครับ
แต่ด้วยความที่ผมไม่ได้ไป ม.เกษตร นานแล้ว จึงจำได้แค่ลางๆ ว่าร้านอยู่แถวสนามอินทรีย์ใกล้ๆ กับถ.วิภาวดี ดังนั้นผมจึงขับรถไปตามสัญชาตญานและก็เจอตึก KU Avenue ทางซ้ายมือ ผมเห็นหน้าตาคุ้นๆ จึงรีบหาที่จอดรถและเดินไปหาร้านทันทีครับ
.
.
.
.
แต่หลังจากที่ผมเดินไปเดินมา 2-3 รอบผมก็ไม่เจอหน้าตาร้านที่ตัวเองเคยมานั่งกินซักที เจอแต่ร้านชื่อเหมือนกัน จึงคิดว่า อ้อ….สงสัยมันเปลี่ยนชื่อและขยายกิจการมั้ง ก็เลยตัดสินใจพาภรรยาเดินเข้าร้านไปครับ โดยหน้าตาร้านที่ผมเข้าไปเป็นแบบนี้นะครับ
Disclosure : บทความนี้เป็นบทความที่ไม่ได้รับการสนับสนุนจากผู้ให้บริการใดๆ ทั้งสิ้น
จริงๆ ก่อนจะเข้าร้านผมก็มีด้อมๆ มองๆ ป้ายต่างๆ ที่หน้าร้านอยู่ซักพักแล้วก็คิดว่า เออ…เดี๋ยวนี้เมนูมันเปลี่ยนไปเยอะนะ ไม่มีปิ้งย่างแล้ว มีแต่สเต็กกับก๋วยเตี๋ยว แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก กะว่าพอเข้าไปในร้านก็คงมีเมนูปิ้งย่างแบบเดิมที่ผมเคยกินมั้ง
และพอผมเข้าไปในร้าน ได้สำรวจเมนูแบบละเอียดแล้วก็พบว่า ชัดเลย ผมเข้าร้านผิดแน่!!
สำหรับเมนูของร้านนั้นจะเน้นอาหารอยู่ 5-6 ประเภทด้วยกัน ได้แก่ ก๋วยเตี๋ยว, สเต็ก, ข้าว, สลัด, เบอร์เกอร์ แล้วก็อาหารทานเล่น โดยก๋วยเตี๋ยวนั้นเราสามารถสั่งได้หลายอย่างไม่ว่าจะเป็นก๋วยเตี๋ยว เกาเหลา ชามเดี่ยวหรือชุดหม้อไฟครับ
หลังจากที่ผมกับภรรยาวิเคราะห์แบบทุกอณูของเมนู เราก็สั่งอาหารตามนี้ครับ
-
ข้าวหน้าเนื้อย่าง
-
Prime Rib Steak
-
เกาเหลาเนื้อ
-
ขนมปังกระเทียมชีส
-
น้ำเปล่า
ระหว่างรออาหารผมก็สำรวจร้านด้วยสายตาไปเรื่อยๆ แล้วก็พบว่าขนาดของร้านนี้ไม่ใหญ่มากนัก มีโต๊ะราวๆ 10 โต๊ะ จุคนได้ประมาณ 40 คน ซึ่งวันที่ผมไปนั้นก็นั่งกันเต็มทุกโต๊ะเลย ส่วนนึงคงเป็นเพราะเป็นช่วงเที่ยงพอดีด้วยครับ และก็ที่ร้านแห่งนี้นอกจากจะติดแอร์แล้วก็ยังมี Wifi บริการด้วยครับ ดังนั้นหลายๆ คนน่าจะชอบครับ
ผมนั่งรอไม่ถึง 10 นาที อาหารก็เริ่มลำเลียงมาเสิร์ฟครับ เรามาเริ่มจากเจ้านี่ก่อนแล้วกันครับกับ Prime Rib Streak ในราคา Promotion 320 บาท/จาน ขนาดจานและเนื้อใหญ่มากกกก เห็นครั้งแรกถึงกับตกใจ ไม่เชื่อลองเทียบขนาดชิ้นเนื้อกับส้อมดูได้เลยครับ
จานนี้เป็นเมนูที่ภรรยาผมสั่งนะครับ โดยความสุกเธอเลือกมาเป็นมีเดียมครับ รสชาติโดยรวมๆ ต้องบอกว่ากลางๆ ค่อนไปทางดี และเมื่อเทียบกับราคาและขนาดแล้วถือว่าคุ้มค่าครับ เพียงแต่ตอนแรกพวกเราสองคนแอบหวังในเรื่องรสชาติไว้มากกว่านี้ครับ
โดยปัญหาหลักของจานนี้คือ เนื้อยังเหนียวไปหน่อย ทั้งที่สั่งแบบมีเดียมแล้ว และด้วยขนาดของชิ้นเนื้อที่ค่อนข้างใหญ่ทำให้ระดับความสุกของแต่ละส่วนไม่เท่ากันเลย บางส่วนก็ยังแดงไปมาก แต่บางส่วนนี่เข้าขั้นสุกแบบ well done ไปแล้วครับ
ต่อกันที่จานที่สอง ของผมครับ ข้าวหน้าเนื้อย่างราคา 80 บาทครับ เทียบปริมาณเนื้อทีได้แล้วก็ถือว่าสมเหตุสมผลอยู่ครับ ส่วนรสชาติที่ได้นั้นยังไม่ค่อยประทับใจเท่าไหร่ ตัวเนื้อยังคงเหนียวไปกว่าที่หวังพอควรครับ
ต่อกันที่จานที่ 3 ซึ่งเป็นของผมเช่นกัน สั่งมากินกับข้าวหน้าเนื้อย่างนี่แหละครับ กับเกาเหลาเนื้อครับ ชามละ 85 บาท โดยขนาดชามที่ได้นี่ถือว่าใหญ่เลยครับ
ตัวชามที่ใส่ออกแบบมาได้ดีมาก ป้องกันปัญหาเรื่องตะเกียบหล่นระหว่างเดินมาเสิร์ฟได้เป็นอย่างดี ฮา
ในชามเกาเหลาเนื้อนี้จะมีอยู่ 2 อย่างหลักๆ ก็คือ “ลูกชิ้นเนื้อ” และก็ “เนื้อสด” ครับ ซึ่งปริมาณก็ถือว่าได้เยอะนะครับ รสชาติของน้ำซุปจะคล้ายๆ กับน้ำซุปก๋วยเตี๋ยวเรือแต่ออกหวานกว่า ส่วนรสชาติชองลูกชิ้นและเนื้อสด ถือว่าดีงามมากกกกกกกก ประทับใจที่สุดในวันนี้ครับ มิน่าล่ะ…ทุกโต๊ะสั่งแต่ก๋วยเตี๋ยว ไม่ก็หม้อไฟมานั่งกินกันหมดเลย แล้วผมกับภรรยาจะสั่ง 2 จานแรกมาทำไม T___T
.
.
มาถึงจานที่ 4 จานสุดท้ายกันแล้วครับ กับขนมปังกระเทียมชีส มาเสิร์ฟในตะกร้าสวยๆ แบ่งได้ 6 ชิ้นด้วยกัน ชีสเยิ้มๆ คนรักชีสน่าจะชอบครับ ข้อแนะนำสำคัญคือ ควรรีบกิน อย่าทิ้งไว้นานนะครับ ^^
ครับ และตอนนี้ก็ถึงเวลาเช็คบิลครับ ยอดรวมทั้งหมดของมื้อนี้คือ 628 บาทครับ เป็นค่าอาหาร 571 บาทและค่า Service Charge 10% อีก 57 บาทครับ และอยากจะบอกว่าหลังจากที่ผมกับภรรยาเดินออกจากร้านเพื่อเดินกลับไปที่รถนั้น เราสองคนก็มองเห็นร้านปิ้งย่าง Max Beef ที่เราตามหาและอยากจะมากินว่ามันอยู่ตึกข้างๆ นั่นเอง T___T #สะเทือนไตมากๆ
แต่เอาเถอะ ถือว่าเราสองคนได้เปิดประสบการณ์ร้านใหม่ๆ มีสุขมีทุกข์ปนกันไป ว่าแล้วเราไปดูรายละเอียดบทสรุปของมื้อนี้กันดีกว่าครับ
รสชาติอาหาร : โดยรวมๆ รสชาติอาหารประเภทต่างๆ ที่ผมได้ลองทานถือว่าดี มีคุณภาพครับ อาจจะไม่ใช่ที่สุดแต่ก็ไม่เสียดายเงินแน่นอนครับ ตัวเนื้อและลูกชิ้นในเกาเหลานั้นถือว่าดีมาก ควรสั่งกินอย่างยิ่งครับ ส่วนเมนูสเต็กและข้าวหน้าเนื้อย่างนั้นก็อยู่ในเกณฑ์ดีเช่นเดียวกัน
ความหลากหลายของอาหาร : ถึงเป็นร้านขนาดไม่ใหญ่มาก แต่ก็มีความหลากหลายในระดับนึงนะครับทั้งเบอร์เกอร์ สเต็ก ก๋วยเตี๋ยว สลัด เรียกได้ว่ามาเป็นกลุ่มไม่เกิน 10 คน ยังพอรับมือไหว สามารถสั่งเมนูที่ไม่ซ้ำกันมาลองทานได้อยู่ครับ
ความสะอาดของร้าน : ไม่มีปัญหาอะไรในข้อนี้ครับ สะอาดเรียบร้อยดีครับ
การบริการของพนักงาน : บริการได้รวดเร็วดีครับ อาจจะไม่ได้ยิ้มแย้มมากมาย แต่ก็สอบผ่านครับ
ความสะดวกของการเดินทาง : ด้วยตำแหน่งของร้านที่ตั้งอยู่ในมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์นั้น ฐานลูกค้ากลุ่มใหญ่คงน่าจะเป็นนักศึกษาและอาจารย์เป็นหลัก คนนอกคงไม่สะดวกมากินซักเท่าไหร่ เพราะสถานที่ก็ไม่ได้ใหญ่มาก หากมาช่วงเที่ยงๆ นี่อาจจะไม่มีที่นั่งได้ และเรื่องที่สำคัญก็คือที่จอดรถน้อยมากครับ ถ้าดวงไม่ดีจริงนี่อาจจะต้องวนหาที่จอดรถหลายรอบเลยครับ ไม่ก็ต้องเสี่ยงจอดตรงขาวแดงแล้ววัดดวงเอาครับ
ความคุ้มค่า : ตัวเกาเหลาเนื้อผมค่อนข้างประทับใจในรสชาติและปริมาณเนื้อสดที่ได้ครับ ดังนั้นจานนี้ผมให้สอบผ่าน ส่วน Prime Rib Steak นั้นก็ได้เนื้อชิ้นใหญ่มากกก ถือว่าคุ้มค่ามาก ถ้าไปข้างนอกหรือร้านอื่นนี่ ราคาเท่านี้อาจจะได้เนื้อชิ้นเล็กกว่านี้ 20-30% ได้ครับ ส่วนข้าวหน้าเนื้อย่างกับขนมปังกระเทียมชีสอยู่ในระดับความคุ้มค่ากลางๆ ครับ
สรุป : หากคุณอยู่แถวเกษตรและเป็นคนที่ชอบทานเนื้อสดในก๋วยเตี๋ยว ผมแนะนำให้คุณมาลองครับ ถ้ามาคนเดียวก็สั่งเป็นชาม ถ้ามา 2-3 คนก็สั่งเป็นหม้อไฟครับ น่าจะสนุกและฟินดี ตัวร้านทำอาหารได้เร็ว แม้คนจะเยอะก็รอไม่นาน แอร์เย็น มี Wifi พร้อม ราคาสมเหตุสมผล ติดอย่างเดียวก็คือเรื่องที่จอดรถที่อาจจะหายากซักหน่อยครับ แต่ถ้าใครเป็นพวกชอบทานเนื้อล้วนๆ เน้นปิ้งย่าง แนะนำครับ……แนะนำว่าให้เดินไปตึกข้างซ้ายมือของร้านนี้ แล้วจะเจอ Max Beef อีกร้านนึงที่ผมตั้งใจจะมากินในตอนแรกครับ T____T
ก็จบลงแล้วสำหรับรีวิวนี้ครับ ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านจนจบ แล้วพบกันใหม่ในรีวิวหน้า ขอให้ทุกท่านมีความสุขกับการกิน ไม่ตก ไม่หล่นเวลาเข้าร้านอาหารนะครับ และสำหรับผู้ที่ต้องการติดตามเรื่องราวการรีวิวต่างๆ ที่รวดเร็วทันใจ สามารถกดติดตามได้ที่เพจ ภรรยาหา สามีใช้ ได้เลยครับ
———————————————————————————–
รายละเอียดของการไปใช้บริการมื้อนี้ของผมตามนี้ครับ
วัน : อาทิตย์ที่ 18 กันยายน 2559
ช่วงเวลา : 11.50-12.40 น.
จำนวน : 2 คน
หมายเหตุ : บทความนี้เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวของผมในวันที่ไปใช้บริการเท่านั้นครับ แต่ละท่านที่ได้มีโอกาสไปใช้บริการอาจจะได้รับการบริการที่แตกต่างจากนี้ออกไป