ช่วงระหว่างวันที่ 24 มี.ค. – 3 เม.ย. 66 ผมกับต๋งได้มีโอกาสไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่นมา 11 วันครับ และหนึ่งในสถานที่ที่พวกเราชอบมาก ๆ ในทริปนั้นก็คือ “Kinosaki Onsen (คิโนซากิ ออนเซ็น)” ครับ มันเป็นเมืองเล็ก ๆ ที่อากาศดีมาก เย็นสบายแบบ 10 องศาต้น ๆ มีแม่น้ำสายเล็ก ๆ ไหลผ่านตรงกลางเมือง มีออนเซ็นและโรงอาบน้ำร้อนสาธารณะดี ๆ ให้แช่ถึง 7 แห่ง และที่สำคัญในช่วงที่พวกผมไปนั้นซากุระในเมืองกำลังสวยสุด ๆ เลยครับ สวยแบบทั้งตอนกลางวันและกลางคืนเลย

บรรยากาศเมือง Kinosaki Onsen
บรรยากาศเมือง Kinosaki Onsen

และเพื่อให้ทุกคนเห็นภาพของเมืองคิโนซากิออนเซ็นแห่งนี้ชัดขึ้น ผมก็เลยเขียนรีวิวนี้ขึ้นมาเพื่อบอกเล่ามุมต่าง ๆ ที่น่าสนใจครับ ตั้งแต่จุดเด่นของเมือง จนไปถึงรายละเอียดของออนเซ็นทั้ง 7 แห่ง และวิธีการซื้อ 1 Day Pass ที่จะทำให้เราสามารถเข้าไปใช้บริการได้ไม่อั้นตลอด 1 วันเต็มครับ

เอาล่ะ ถ้าพร้อมแล้วก็ไปไล่อ่านกันทีละเรื่องกันเลยครับ

จุดเด่นและรายละเอียดที่สำคัญของเมืองนี้

  • เมืองคิโนซากิออนเซ็นเป็นเมืองเล็ก ๆ ที่อากาศดี และยังมีเสน่ห์ของความเป็นเมืองชนบทของญี่ปุ่นอยู่พอควรครับ แต่ว่าในระยะหลังนี้ก็เริ่มมีร้านอาหารสมัยใหม่ หรือคาเฟ่เข้ามาเบียดบังร้านดั้งเดิมบ้างแล้วนะ ดังนั้นถ้าใครชอบบรรยากาศแบบดั้งเดิม ไม่ค่อยชอบอะไรที่สมัยใหม่มาก ก็ควรจะต้องรีบไปนะครับ ก่อนที่เมืองมันจะเริ่มเปลี่ยนแปลงไปมากกว่านี้
  • เมืองนี้เป็นเมืองที่มีออนเซ็น หรือโรงอาบน้ำร้อนสาธารณะอยู่ภายในเมืองมากถึง 7 แห่งครับ และแต่ละแห่งต่างก็มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวด้วย ดังนั้นผมแนะนำว่าใครที่ได้มีโอกาสไปที่เมืองนี้ ก็ควรจะต้องลองใช้บริการให้ครบทุกที่นะ
  • เมืองนี้เป็นเมืองที่เราจะเจอคนใส่ชุดยูกาตะและสวมรองเท้าเกี๊ยะเดินไปมาเต็มเมืองเลยครับ แต่ดูแล้วน่ารักดีนะ ผมชอบมาก
บรรยากาศเมือง Kinosaki Onsen
บรรยากาศเมือง Kinosaki Onsen
  • เมืองนี้เป็นเมืองที่ที่พักหลายแห่งจะไม่มีห้องอาบน้ำบริการในตัวที่พักครับ ดังนั้นใครที่อยากอาบน้ำก็ต้องไปใช้บริการที่โรงอาบน้ำร้อนสาธารณะทั้ง 7 แห่งแทนครับ ซึ่งที่พักส่วนใหญ่จะมีชุดยูกาตะ รวมถึงของที่จำเป็น เตรียมไว้ให้เราออกไปใช้บริการที่โรงอาบน้ำเหล่านั้นเรียบร้อยแล้ว
  • เราสามารถซื้อบัตรอาบน้ำ 1 Day Pass ได้ในราคา 1,500 เยน/คน ครับ โดยบัตรนี้จะทำให้เราสามารถเข้าไปอาบน้ำที่โรงอาบน้ำร้อนสาธารณะหรือออนเซ็นทั้ง 7 แห่งได้ตลอดทั้งวันเลย ส่วนถ้าใครอยากจะเข้าไปอาบแค่ครั้งเดียวก็จะราคา 800 เยน/คนครับ แต่ส่วนตัวผมว่าแบบรายวันคุ้มกว่ามาก ๆ เลยล่ะ
  • การซื้อบัตรอาบน้ำแบบ 1 Day Pass นั้นจะสามารถซื้อได้ทุกโรงอาบน้ำเลยครับ โดยตัวบัตรจะมี QR Code อยู่ พอเราจะเข้าไปใช้บริการที่โรงไหนก็เอา QR Code ที่บัตรไปสแกนที่บริเวณทางเข้าของโรงอาบน้ำนั้น ๆ ได้เลยครับ โดยตำแหน่งที่ตั้งของโรงอาบน้ำแต่ละที่จะอยู่ไม่ห่างกันมากนัก เราสามารถเดินไปได้ทุกที่เลยครับ
  • ทุกโรงอาบน้ำจะมีสบู่, แชมพู และไดร์เป่าผมบริการทั้งหมดครับ รวมถึงมีตู้ล็อคเกอร์ให้เราเก็บของต่าง ๆ ด้วย ดังนั้นเราเตรียมไปแค่ผ้าเช็ดตัวก็พอครับ (ตู้ล็อคเกอร์ใช้ฟรี ไม่ต้องจ่ายเงินเพิ่มนะครับ)
  • ทุกโรงอาบน้ำจะมีหน้าจอหรือโทรทัศน์ขนาดใหญ่ไว้คอยแสดงกราฟฟิคให้เราเห็นว่า ตอนนี้แต่ละโรงกำลังมีคนไปใช้บริการมากน้อยแค่ไหนครับ ถ้าเราเห็นว่าโรงไหนคนกำลังเยอะเราก็เลี่ยงไปก่อนครับ
  • ในแต่ละอาทิตย์โรงอาบน้ำทุกที่จะมีวันหยุดนะครับ (หยุดวันเดิมตายตัว) โดยวันที่ทั้ง 7 โรงจะเปิดพร้อมกันก็คือวันเสาร์และอาทิตย์ครับ
  • ร้านข้าวหน้าปลาดิบที่อยู่ชั้น 2 ของร้านขายปลา อร่อยคุ้มดีครับ โดยเฉพาะแบบหน้าปลา 11 อย่าง ราคาประมาณ 2,200 เยน (550 บาท) แต่ได้ชามใหญ่มากกกกกก และคุณภาพดีเลยครับ!!

แผนที่และเวลาเปิดปิดของออนเซ็นทั้ง 7 แห่ง

หมายเลข 1 : Satonoyu Onsen เปิดบริการเวลา 13.00 น. – 21.00 น. (ปิดทุกวันจันทร์)

หมายเลข 2 : Jizouyu Onsen เปิดบริการเวลา 7.00 น. – 23.00 น. (ปิดทุกวันศุกร์)

หมายเลข 3 : Yanagiyu Onsen เปิดบริการเวลา 15.00 น. – 23.00 น. (ปิดทุกวันพฤหัสบดี)

หมายเลข 4 : Ichinoyu Onsen เปิดบริการเวลา 7.00 น. – 23.00 น. (ปิดทุกวันพุธ)

หมายเลข 5 : Goshonoyu Onsen เปิดบริการเวลา 7.00 น. – 23.00 น. (ปิดทุกวันพฤหัสบดี)

หมายเลข 6 : Mandarayu Onsen เปิดบริการเวลา 15.00 น. – 23.00 น. (ปิดทุกวันพุธ)

หมายเลข 7 : Kounoyu Onsen เปิดบริการเวลา 7.00 น. – 23.00 น. (ปิดทุกวันอังคาร)

จากข้อมูลด้านบนจะเห็นว่าวันที่โรงอาบน้ำร้อนสาธารณะหรือออนเซ็นทั้ง 7 แห่ง จะเปิดบริการครบทุกที่พร้อมกันก็คือ วันเสาร์และอาทิตย์ครับ ดังนั้นใครที่แพลนไปที่เมืองคิโนซากิออนเซ็น 2 วันนี้ ก็จะสามารถเก็บได้ครบทุกที่เลยครับ ส่วนตำแหน่งที่ตั้งของทั้ง 7 โรงก็ตามนี้เลยครับ

วิธีการซื้อบัตรแช่ออนเซ็นแบบ 1 Day Pass

เราสามารถซื้อได้ทุกโรงอาบน้ำเลยครับ โดยตัวบัตรจะมี QR Code อยู่ พอเราจะเข้าไปใช้บริการที่โรงอาบน้ำไหนก็เอา QR Code ที่บัตรไปสแกนที่บริเวณทางเข้าของโรงอาบน้ำนั้น ๆ ได้เลย สะดวกและง่ายมาก ๆ ครับ

ราคาผู้ใหญ่ : 1,500 เยน/คน

ราคาเด็ก : 650 เยน/คน

รายละเอียดเชิงลึกของออนเซ็นทั้ง 7 แห่ง

หมายเลข 1 : Satonoyu Onsen

ที่นี่จะอยู่ใกล้สถานีรถไฟสุด ๆ ครับ เรียกว่าเดินออกจากสถานีปั๊บแล้วเลี้ยวขวาก็ถึงเลย ขนาดบ่อแช่ตัวของที่นี่ใหญ่มาก และมีหลายบ่อด้วย โดยตัวบ่อปกติแบบที่แช่ในห้องปิดนั้นสามารถลงไปแช่ได้ 30 คนพร้อมกันสบาย ๆ ครับ นอกจากนั้นเค้ายังมีบ่อจากุชชี่อีก 2 บ่อ รวมถึงมีบ่อ outdoor บริเวณชั้นบนที่เป็นดาดฟ้าด้วย โดยตัวบ่อ outdoor นั้นบรรยากาศดีมากครับ และมีขนาดใหญ่ใช้ได้เลย โดยรวม ๆ แล้วที่นี่ถือว่าดีงามครบเครื่องเลยล่ะ แต่ว่าข้อเสียของที่นี่ก็คือเปิดช้า และปิดเร็วกว่าเพื่อนครับ แค่ 3 ทุ่มเค้าก็ปิดแล้ว ส่วนอีก 6 โรงที่เหลือนั้นปิด 5 ทุ่มหมดเลยครับ

หมายเลข 2 : Jizouyu Onsen

ขนาดบ่อแช่ตัวของที่นี่ค่อนข้างเล็กครับ และมีแค่บ่อเดียวเลย โดยจากการประเมินของผมคิดว่ามันน่าจะสามารถจุคนได้พร้อมกันประมาณ 25 คนครับ ทั้งนี้ที่นี่จะเป็นโรงอาบน้ำร้อนสไตล์ดั้งเดิมนะ คือบริเวณผนังกั้นระหว่างห้องเพศชายกับเพศหญิงจะไม่ได้ปิดยาวจนถึงเพดาน มันจะมีช่องว่างด้านบนเว้นไว้อีกพอควร ทำให้เราได้ยินเสียงของอีกเพศข้ามมาด้วยครับ

หมายเลข 3 : Yanagiyu Onsen

บ่อแช่ตัวของที่นี่เล็กมากครับ และน่าจะเล็กสุดในทั้ง 7 แห่งเลย โดยบ่อของเค้านั้นลงไปแค่ 7-8 คนก็เต็มแล้ว แต่ว่าน้ำของที่นี่ร้อนมากเลยนะ และผมว่าน่าจะร้อนที่สุดใน 7 แห่งแล้ว ใครที่อยากลองแบบร้อนถึงใจ มาที่นี่ได้เลยครับ

หมายเลข 4 : Ichinoyu Onsen

ขนาดบ่อแช่ตัวของที่นี่จะใหญ่กว่าของหมายเลข 2 เล็กน้อยครับ แต่จะยังไม่เท่ากับหมายเลข 1 นะ และนอกจากบ่อแบบปกติที่เป็นบ่อใหญ่แบบ Indoor แล้ว ที่นี่เค้ายังมีบ่อแบบ Open air ที่สามารถรองรับได้อีกประมาณ 15 คนด้วยนะครับ โดยตัวบ่อ Open air นี้เค้าจะจำลองให้มีความคล้ายถ้ำ (cave) บรรยากาศและฟีลต่าง ๆ ดีเลย ผมแนะนำให้เดินออกไปลองแช่ดูนะครับ

หมายเลข 5 : Goshonoyu Onsen

ส่วนตัวแล้วผมยกให้โรงนี้เป็นที่สุดเลยครับ ใครไม่ได้ไปคือพลาดมาก โรงนี้นี่สวยงามดูดีตั้งแต่โครงสร้างด้านนอกเลย และพอเราเข้าไปด้านในก็จะเจอกับบ่อ outdoor ขนาดใหญ่ที่มีความสวยงามเป็นธรรมชาติสุด ๆ มีทั้งน้ำตก, มีทั้งการเล่นระดับ, มีการทำเป็นโขดหิน, มีที่นั่งพัก รวมถึงมีบ่อจากุชชี่นวดหลังด้วยครับ ใครที่เป็นสายเอาท์ดอร์ หรืออยากแช่ออนเซ็นฟีลธรรมชาติซักครั้งต้องมาที่นี่เลย ส่วนใครที่ชอบบ่อแบบปิด (แช่ในห้อง indoor ปกติ) ที่นี่จะไม่มีบ่อแบบนั้นบริการนะ เค้าจะมีแค่บ่อแบบ outdoor อันเดียวเลยครับ

หมายเลข 6 : Mandarayu Onsen

ตำแหน่งที่ตั้งของโรงนี้จะอยู่ค่อนข้างไกลจากโรงอื่น ๆ หน่อยนะครับ เวลาเดินไปมันจะแตกแยกออกนอกเส้นทางนิดนึง ส่วนในเรื่องขนาดของบ่อแช่ตัวนั้นก็ค่อนข้างเล็กครับ ลงได้ 12 คนก็เต็มแล้ว แต่ยังดีที่เค้ามีบ่อเดี่ยวแบบ open air อีก 2 บ่อ รวมถึงรูปแบบกับตัวโครงสร้างตึกเค้าก็ดูเก่าแก่คลาสสิคดีครับ มันให้ความรู้สึกเหมือนกับเวลาเราอ่านเจอในการ์ตูนญี่ปุ่นเลย แล้วก็ที่บ่อแห่งนี้จะมีตู้กดนมและนมกาแฟอัตโนมัติด้วยนะครับ ใครสนใจก็ลองกดดูได้ กินหลังจากที่พึ่งแช่น้ำร้อนเสร็จใหม่ ๆ มันจะได้ฟีลและเข้าถึงความเป็นญี่ปุ่นอีกขั้นครับ

หมายเลข 7 : Kounoyu Onsen

ที่โรงนี้จะมีทั้งบ่อแช่ indoor แบบปกติ และบ่อแช่แบบ outdoor นะครับ โดยตัวบ่อแบบปกตินั้นจะลงได้ประมาณ 25 คน ส่วนบ่อแบบ outdoor จะลงได้ประมาณ 12 คน แล้วก็บ่อ outdoor ของที่นี่นั้นสวยดูดีเลยครับ มันจะเป็นบ่อ outdoor ฟีลธรรมชาติ มีการจัดตกแต่งด้านต่าง ๆ ได้อย่างลงตัวเลย

ใครสนใจโรงอาบน้ำไหนเป็นพิเศษก็ลองวางแผนไปใช้บริการดูนะ และถ้าใครไหวผมแนะนำให้เก็บครบทั้ง 7 แห่งนะครับ โดยหากแต่ละแห่งเราใช้เวลาอยู่ซัก 20-25 นาที การใช้บริการครบทั้ง 7 แห่ง เมื่อรวมกับเวลาเดินไปมาแล้วก็จะอยู่ที่ประมาณ 3 ชั่วโมงครับ

หมายเหตุ : สำหรับโรงอาบน้ำที่ผมชอบมากที่สุดก็คือหมายเลข 5 ตามมาด้วยหมายเลข 1, 7 และ 4 นะครับ

และทั้งหมดนี้ก็คือภาพรวมของเมืองคิโนซากิออนเซ็น (Kinosaki Onsen) ครับ ใครสนใจก็ลองวางแผนไปเที่ยวที่นี่ได้ ใช้เวลาเดินทางไปจากโอซาก้าประมาณ 2-3 ชั่วโมง และถ้าจะให้ดีผมว่าควรนอนที่เมืองนี้อย่างน้อยซัก 1 คืนนะครับ มันจะได้ซึมซับบรรยากาศต่าง ๆ ได้อย่างเต็มที่ โดยถ้าใครไม่รู้ว่าจะพักที่ไหนดีลองอ่านรีวิวด้านล่างนี้ก่อนก็ได้ครับ มันเป็นที่พักที่ผมเคยใช้บริการมา และผมว่ามันคุ้มราคาเลยครับ ห้องกว้าง, สะอาด, มีของให้ครบเลย ที่สำคัญอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟคิโนซากิออนเซ็นมาก เดินแค่ 1 นาทีก็ถึงแล้วครับ

ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านจนจบนะครับ และสำหรับที่อยากจะติดตามเรื่องอื่น ๆ ของผมเพิ่มเติม ก็สามารถกดติดตามที่แฟนเพจ “ภรรยาหา สามีใช้” ได้เลยครับ ขอบคุณครับ