ภูเก็ตเป็นเมืองที่มีเสน่ห์มากมาย มีความลงตัวทั้งที่กิน ที่เที่ยว และวัฒนธรรมต่างๆ ในที่เดียวกันอย่างพอดิบพอดี จนทำให้ UNESCO ได้ยกให้ภูเก็ตกลายเป็น Creative City of Gastronomy เลยทีเดียวครับ
สำหรับวันนี้ผมจะพาทุกท่านไปเที่ยวเขตเมืองเก่าของภูเก็ตเพื่อชมภาพ Street Art สวยๆ ที่มีความเกี่ยวข้องกับความเป็นภูเก็ตครับ โดยภาพถ่ายในทริปนี้ทั้งหมดยกเว้นภาพแผนที่เมืองภูเก็ตนั้นเป็นการถ่ายจากมือถือ Huawei P9 ทั้งหมดนะครับ ^^
เอาล่ะครับ ถ้าพร้อมแล้วไปชมกันเลยครับ ว่ามันจะสนุกและสวยงามขนาดไหนครับ
Disclosure : บทความนี้เป็นบทความที่ไม่ได้รับการสนับสนุนจากผู้ให้บริการใดๆ ทั้งสิ้น
Street Art ในเขตเมืองเก่าจะมีทั้งหมด 12 ภาพด้วยกันครับ เรียกว่า “12 ผนัง 12 ภาพ 12 วิถีชาวภูเก็ต” ดังนั้นก่อนอื่นเรามารู้จักที่มาที่ไปของ Street Art ชุดนี้กันก่อนดีกว่าครับ
Street Art หรือศิลปะริมถนนชุดนี้ เป็นผลงานที่สร้างสรรค์โดยศิลปินชั้นนำของประเทศไทย ภายใต้โครงการ F.A.T Phuket (Food Art Old Town) 12 ผนัง 12 ภาพ 12 วิถีชาวภูเก็ต โดยโครงการนี้เกิดจากความร่วมมือของกลุ่ม So Phuket ซึ่งเป็นการรวมตัวของลูกหลานชาวภูเก็ต และศิลปิน Street Art ชั้นนำของเมืองไทย โดยมีจุดหมายสำคัญคือต้องการประชาสัมพันธ์เรื่องที่ภูเก็ตได้รับคัดเลือกจาก UNESCO ให้เป็น Creative City of Gastronomy นั่นเองครับ ดังนั้นภาพทั้ง12 ภาพ จึงสะท้อนวิถีชีวิตของคนภูเก็ตที่ผูกพันกับอาหารในโอกาสหรือเทศกาลต่างๆ นั่นเองครับ โดยรายละเอียดของทั้ง 12 ภาพก็มีดังนี้ครับ
1. วิวาห์บาบ๋า งานมงคลที่มีอาหารคาวหวานหลากหลายแทนคำอวยพร
2. อาหารเช้าภูเก็ต เบ้าหลอมทางวัฒนธรรมผ่านรสชาติของอาหารจากเสี่ยวโบ๋ยแบบจีน จนถึงขนมจีนแบบไทย และโรตีแกงแบบมุสลิม ที่ทุกคนต้องตื่นเช้ามาชิม
3. กาแฟยามบ่ายกับวัฒนธรรม “กินโกปี้” ที่สื่อถึงความสัมพันธ์อันเหนียวแน่นของเพื่อนฝูงผ่านขนมคาวหวาน และชากาแฟถ้วยโปรด
4. การคลอดลูก กับการมอบเอี๋ยวปึ่ง ไข่ต้มย้อมสีแดง และขนมอังกู๊สีแดงสด ใส่เซี่ยนหนา เดินแจกจ่ายตามบ้านแสดงความขอบคุณญาติพี่น้องในวาระต้อนรับสมาชิกใหม่ในบ้าน
5. ขนมเด็กวัยเรียน สะท้อนความสนุกสนาน และสีสันกับความทรงจำในวัยซุกซน
6. พ้อต่อ ขนมเต่าสีแดง เครื่องหมายแห่งการมีอายุยืน
7. ตรุษจีน การก้าวย่างสู่ปีใหม่ ร่วมเฉลิมฉลอง และพบปะญาติพี่น้อง แจกอั่งเปาลูกหลาน นับเป็นเทศกาลที่เรียงร้อยอาหารกับวิถีชีวิตที่ชัดเจนมากที่สุด
8. กินผัก งานบุญที่โด่งดังไปทั่วโลก กับอาหารบริสุทธิ์ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น และดีต่อสุขภาพ
9. ไหว้เทวดา ด้วยผลไม้ และขนมหวาน บนความตระการตาของสีสันกับการคารวะรู้คุณเทวดาที่อำนวยพรให้ก้าวเข้ามาสู่ปีใหม่ที่สดใส
10. รถเข็น แผงลอย อาหารอร่อยหลายเมนู สะท้อนความเป็นอยู่ในวิถีชีวิตประจำวันที่เรียบง่ายและอร่อยล้ำ
11. ครัวในบ้าน รสชาติจากมือแม่ที่คุ้นลิ้น กับสูตรเฉพาะบ้านที่อร่อยมาแต่เกิด
12. ปิกนิกริมเล และงานเดินเต่า อาหารวันหยุดของคนภูเก็ตกับการพักผ่อนในอดีตที่ทำอาหารมาอร่อยริมทะเลกันพร้อมหน้าพร้อมตา
ทริปนี้เราสองคนเริ่มต้นกันที่สี่แยกแถวน้ำครับ โดยเรากะว่าจะใช้เวลาในการเก็บภาพทั้งหมดแบบชิวๆ ไปเรื่อยๆ ครับ
แต่ก่อนที่เราจะเริ่มเดินอย่างจริงจังนั้น เราก็เหลือบไปเห็นร้านโกปี้พอดี และเพื่อให้เข้ากับภาพ Street Art ที่เรากำลังจะไปดูกัน เราก็เลยจัดหมูสะเต๊ะมาก่อน 1 ชุดครับ ><
เมื่อเรากินเสร็จแล้ว ก็ได้เวลาออกเดินทาง โดยจุดหมายในการเดินของเราจะเป็น 4 จุดในภาพนี้ครับ ซึ่งเราจะเดินเรียงตามลำดับ 1-2-3-4 แต่สำหรับท่านอื่นๆ สามารถเดินได้ตามใจชอบ ไม่ต้องตามรูทเราก็ได้นะครับ
หมายเหตุ : ขอขอบพระคุณภาพแผนที่เมืองภูเก็ตจาก internet นะครับ
จากสี่แยกแถวน้ำเราก็ได้เดินมาจนถึงถนนพังงา จนเห็นหอนาฬิกาสวยๆ แบบนี้ที่หัวมุมถนนครับ
จากนั้นให้เราทำการเลี้ยวขวาไปตามถนนพังงา ซักพักจะเห็นตรอกซอยแคบๆ ซึ่งเป็นทางเข้าที่จอดรถของโรงแรมสินทวี เราก็จะเห็นภาพเจ้านกตัวนี้อยู่ครับ
ภาพนี้เป็นภาพนกแก๊ก นกพื้นถิ่นของเมืองภูเก็ตครับ
ถัดมาเป็นภาพนี้ครับ ภาพกาแฟยามบ่ายกับวัฒนธรรม “กินโก้ปี้” ที่สื่อถึงความสัมพันธ์อันเหนียวแน่นของเพื่อนฝูงผ่านขนมคาวหวาน และชากาแฟถ้วยโปรดครับ โดยในภาพมีขนมภูเก็ตซ่อนอยู่หลายชิ้น แต่ด้วยความเป็นศิลปินวาดดังนั้นบางอย่างจึงไม่ได้อยู่ในรูปร่างที่มันควรจะเป็นครับ แต่จะมีสีของอาหารหรือลักษณะเด่น ๆ ของอาหารชนิดนั้นซ่อนอยู่ เอาเป็นว่าลองหากันดูนะครับ เค้าบอกว่ามีทั้งโอ๊ะเอ๋ว ถั่วแดง และอื่นๆ อีกมากมาย แต่ผมหาอะไรไม่เจอเลย T_T
ตรงข้ามกับภาพเมื่อกี้ก็จะเป็นภาพนี้ครับ โดยภาพนี้จะมีรูปทรงดูคล้ายบ้านสไตล์ชิโนโปรตุกีสที่ถนนถลาง เป็นบ้านสองชั้น ชั้นล่างเว้าเข้าไปด้านใน มีพื้นที่ว่างหน้าบ้าน ข้างๆ เป็นกระเบื้องเคลือบแบบสมัยโบราณครับ ที่สำคัญภาพนี้มาจากตัวหนังสือภาษาจีนที่แปลว่า ความสุข และความสุขอยู่ข้างหน้าเรานี่เอง ดูกันออกมั้ยครับ?
ส่วนผม สารภาพตามตรง ดูไม่ออกครับ T___T
ถัดจากนั้น ถ้าเราเดินต่อมาอีกหน่อยก็จะเจอกับอีกภาพนึงซึ่งอยู่ตรงหน้าโรงแรมสินทวีเลยครับ แต่ภาพนี้เราอาจจะต้องรู้พิกัดและหันหลังกลับไปมองนะครับ ไม่งั้นอาจจะเดินผ่านแบบผมในตอนแรกได้ครับ แต่สำหรับคนที่เดินย้อนมาอีกทางจะเห็นภาพนี้ชัดเจนครับ
ภาพนี้ดูเผินๆ จะเป็นภาพหน้าเสือ แต่จริงๆ แล้วได้มีการซ่อนความหมายของเทศกาลกินเจ ซึ่งเป็นเทศกาลอันยิ่งใหญ่ของจังหวัดภูเก็ตเอาไว้ครับ โดยในภาพจะประกอบไปด้วยสัญลักษณ์หลายๆ อย่างที่เราจะพบในเทศกาลกินเจ อาทิ ประทัด, ตะเกียง 9 ดวง ครับ
โดยอีกฝั่งนึงของถนน เยื้องๆ กับภาพเสือกินเจนี้ก็จะภาพน่ารักๆ อยู่เป็นระยะๆ ครับ
ส่วนภาพนี้ดูแล้วเหมือนสิงโตตัวยาวๆ เลยครับ
ตรงข้ามกับภาพสิงโตตัวยาวๆ นั้นจะเป็นภาพที่ผมคิดว่ามันเด็ดมาก นั่นคือภาพลูกเจี๊ยบที่กำลังเล่นอะไรประมาณไคท์เซิร์ฟอยู่แต่ปลายเชือกอีกด้านนั้นเป็นเต่า!!
ส่วนมืออีกข้างของลูกเจี๊ยบนั่นก็ถือกระป๋องสีพ่นผนังบ้านเค้าอยู่ @_@
ภาพนี้หมายถึงปิกนิกริมเล และงานเดินเต่า อาหารวันหยุดของคนภูเก็ตกับการพักผ่อนในอดีตที่ทำอาหารมาอร่อยริมทะเลกันพร้อมหน้าพร้อมตาครับ
ผมชอบสีสันของผนังแถวนี้จริงๆ ครับ สวยงาม ได้ใจครับ
หลังจากนั้นเราก็เดินมาเรื่อยๆ พอเจออะไรสีสดๆ หรือดูแล้วน่าสนใจก็ลองถ่ายรูปดู เพื่อทดสอบประสิทธิภาพเจ้ามือถือตัวนี้ในวันแดดดีๆ ครับ
ส่วนโรงแรมนี้ก็สวยดีเช่นเดียวกัน เคยอ่านรีวิวมา อ่านเสร็จแล้วอยากลองพักมากกกกกกกก
ถัดจากโรงแรมออนออนมานิดนึงก็จะเจอ ศาลเจ้าแสงธรรมครับ เลี้ยวเข้าไปในศาลเจ้าจะเจอภาพนี้อยู่ครับ
อยากจะบอกว่าศาลเจ้าแห่งนี้เป็นอะไรที่ทำให้ผมประทับใจและประหลาดใจมาก เพราะตอนที่ผมเดินมานั้นข้างนอกแดดร้อนเปรี้ยงๆ มาก แต่พอเลี้ยวเข้าศาลเจ้ามา ปรากฏว่าลมเย็น พัดสบายมาก ชนิดแบบว่าหายเหนื่อยเลยและน้องที่มาด้วยกันยังประหลาดใจเลยครับ
เลยศาลเจ้าแสงธรรมมานิดนึงจะเจอภาพนี้ครับ ภาพวาดที่แสดงถึงวิถีชีวิตของคนภูเก็ต สะท้อนถึงวัฒนธรรมที่หยั่งลึกลงไปในจิตใจ โดยภาพทางฝั่งขวาจะเห็นคุณลุงหน้าตาใจดีกำลังทำโอวต้าวอยู่ครับ
ตำแหน่งภาพ: หัวถนนพังงา (ช่วงตัดกับถนนเยาวราช) บนผนังตึกร้านซินเซ่งหลอง
ถึงคุณลุงจะหน้าตาใจดี ดูมีความสุขกับการทำอาหาร แต่ว่ารู้มั้ยครับ #คุณลุงทำอาหารช้ามาก #ผมนี่ยืนรอนานแล้วนะครับ #ทำไมคุณลุงไม่ขยับตัวเลย
เมื่อผมเดินมาถึงหัวถนนพังงาฝั่งที่ตัดกับถนนเยาวราชผมก็เลี้ยวขวาและเดินไปเรื่อยๆ โดยมีเป้าหมายคือถนนดีบุก ซึ่งเป็นจุดที่ 2 ในแผนที่ครับ ระหว่างทางผมก็เดินถ่ายรูปอะไรไปเรื่อยครับ
เดินมาซักพักก็เจอภาพในจุดที่ 2 ครับ เป็นผนังที่มีหลายภาพและยาวเหยียดเลยครับ แต่ผมดูไม่ค่อยรู้เรื่อง ประกอบกับมีรถจอดบังด้วยก็เลยเดินต่อไปยังจุดที่ 3 เลยครับ
โดยจากจุดเมื่อกี้ให้เราเลี้ยวขวาและเดินตามถนนดีบุกมาเรื่อยๆ จนเจอซอยรมณีย์ที่อยู่ตรงข้ามกับวัดพุทธมงคนิมิตครับ ในซอยรมณีย์นี้จะเจอตึกเก๋ๆ สีสวยๆ อยู่เยอะแยะเลยครับ
เดินมาสุดซอยรมณีย์เราก็จะเจอกับถนนถลางและภาพนี้ซึ่งเป็นภาพในจุดที่ 3 ครับ ภาพของน้องมาร์ดีอันโด่งดังในชุดขนมเต่าสีแดง ขนมที่เป็นเครื่องหมายแห่งการมีอายุยืนและเป็นขนมที่ชาวภูเก็ตใช้ในงานพ้อต่อ (วันสารทจีนของคนภูเก็ต) โดยตรงหางเต่าจะมีคำว่า “สมหวัง” อยู่ด้วยครับ ยังไงก็ลองสังเกตดูนะครับ
ใกล้ๆ กับภาพน้องมาร์ดี ก็จะเจอภาพนี้เด่นเป็นสง่าครับ เป็นภาพนกที่ประกอบขึ้นจากขนมเด็กในวัยเรียน สะท้อนความสนุกสนานและสีสันกับความทรงจำในวัยซุกซน รวมทั้งชิ้นส่วนของรถโพถ้อง และอื่นๆ อีกมากมาย
และอย่างเช่นเดียวกับหลายภาพที่ผ่านมา บางอย่างมันไม่ได้อยู่ในลักษณะปกติที่เราคุ้นเคยครับ ดังนั้นเราต้องใช้จินตนาการเข้ามาช่วยครับ @_@
จบจากจุดที่ 3 เราก็เดินเลี้ยวขวาไปตามถนนถลางจนไปถึงถนนเยาวราช แล้วก็ให้เราเลี้ยวขวา เดินไปเรื่อยๆ จนถึงสี่แยกถนนกระบี่ เมื่อถึงสี่แยกก็ให้เราเลี้ยวซ้ายไปตามถนนกระบี่จนเราเจอตึกหน้าตาแบบนี้ครับ
อาจจะดูเหมือนไกล และยาก แต่ตอนเดินจริงๆ แป๊บเดียวมากครับ ราวๆ 5-6 นาทีเท่านั้นครับ
สำหรับตึกนี้จะเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์ภูเก็ตไทยหัว พิพิธภัณฑ์ที่รวมความเป็นภูเก็ตและเรื่องราวต่างๆ ที่น่าสนใจไว้มากมายครับ ผมลองอ่านรีวิวคร่าวๆ แล้วน่าสนใจดีครับ ไว้วันไหนมีโอกาสเหมาะๆ จะแวะเข้ามาเยี่ยมชมอย่างจริงจังอีกทีครับ
เยื้องๆ กับพิพิธภัณฑ์ภูเก็ตไทยหัว จะมีซอยเล็กๆ ที่ปากซอยจะมีป้ายเขียนว่า Down Town Inn / Fresh Market ก็ให้เราเลี้ยวซ้ายเข้าซอยมาเลยครับ เดินมาเรื่อยๆ เราก็จะเจอภาพนี้ครับ
ภาพน้องมาร์ดี ในชุดบาบ๋าสีชมพูสวยงาม โดยน้องมาร์ดีกำลังเข็นรถเข็นบรรทุกเงินอยู่ครับ ภาพนี้จะสะท้อนถึงความเป็นอยู่ในวิถีชีวิตประจำวันที่เรียบง่ายและอร่อยล้ำของอาหารครับ
หลังจากผมดูภาพน้องมาร์ดีในชุดบาบ๋าที่ตลาดดาวทาวน์เสร็จ ผมก็เหลือบดูเวลาก็พบว่าผมใช้เวลาในการเดินเล่นถ่ายรูป Street Art set นี้มาได้ราวๆ 2 ชั่วโมงแล้ว คงถึงเวลาที่ผมต้องไปทำอย่างอื่นต่อ ถึงแม้จะยังมีภาพที่ผมเผลอเดินผ่านไป มองไม่เห็นบ้าง แต่ก็คงไม่มีเวลาย้อนกลับไปเก็บแล้ว คงต้องไว้โอกาสหน้ามาเก็บรายละเอียดใหม่อีกทีครับ
ระหว่างทางที่ผมเดินกลับที่พักผมบริเวณถนนดีบุก ผมก็เจอป้ายชื่อร้านอาหารร้านนี้ครับ ร้านที่ใครหลายคนบอกว่าอร่อย แต่อาจจะต้องเตรียมเงินเข้าไปเยอะหน่อย T_T
และแน่นอนว่าผมกับน้องที่ไปด้วยกัน เราเลือกที่จะเดินผ่าน และเก็บความสวยงามของตัวร้านเอาไว้ในใจครับ
ปล. ผมว่าร้านเค้าสวยดีนะครับ ได้บรรยากาศภูเก็ตเมืองเก่าที่เรียบหรูมากๆ ครับ
และก่อนจะเข้าที่พักเราก็แวะไปสักการะมังกรที่บริเวณข้าง ททท. ภูเก็ตครับ
เอาล่ะครับ ก็จบลงแล้วสำหรับทริปชม Street Art เมืองเก่าภูก็ต กับ Huawei P9 ครับ
มันเป็น 2 ชั่วโมงที่สนุกมากครับ แม้ว่าผมจะดูหลายภาพไม่รู้เรื่อง ตีความไม่ออก แต่ภาพเหล่านั้นก็สวยงามและประทับใจดีครับ และถึงแม้จะต้องเดินท่ามกลางแดดร้อนๆ แต่จริงๆ แล้วระยะทางทั้งหมดก็ไม่ได้ไกลมาก หากเดินอย่างเดียวไม่ถ่ายรูปแต่ละชุดนานอาจจะใช้เวลาแค่ราวๆ 30-45 นาทีเท่านั้นครับ
เอาเป็นว่า ใครมีเวลาและอยากเดินเที่ยวถ่ายภาพเล่นชิคๆ เก๋ๆ ห้ามพลาดที่จะมาเที่ยวที่เมืองเก่าภูเก็ตนะครับ แล้วแล้วพบกันใหม่ ในวันที่ภรรยาผมเผลอนะครับ ><
ผมขอทิ้งท้ายภาพ Set นี้ด้วยภาพจาก Huawei P9 ที่ถ่ายจากทริปภูเก็ตนี้เพิ่มเติมอีกซัก 2-3 ภาพนะครับ โดยภาพใน Set นี้ส่วนใหญ่จะเป็นการถ่ายในวันเสาร์ที่ 10 ก.ย. 59 ครับ มีบางภาพเท่านั้นที่ถ่ายจากวันอื่นแต่ได้นำเข้ามารวมอยู่ด้วยกันเพื่อให้เรื่องราวสมบูรณ์ขึ้นครับ
สำหรับผู้ที่ต้องการติดตามเรื่องราวการรีวิวต่างๆ ที่รวดเร็วทันใจ สามารถกดติดตามได้ที่เพจ ภรรยาหา สามีใช้ ได้เลยครับ
หมายเหตุ : บทความนี้เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวของเราในวันที่ลองใช้บริการเท่านั้น ทั้งนี้แต่ละท่านที่ได้มีโอกาสใช้บริการอาจจะได้รับการบริการหรือมีความคิดเห็นที่แตกต่างจากนี้ได้ครับ
