สวัสดีทุกคนครับ วันนี้ผม นาย “ภรรยาหา สามีใช้” จะพาทุกคนไปรู้จักและชิมชุดชายามบ่าย Afternoon Tea Set ชุดใหม่ของห้องอาหาร Mondo (มอนโด) โรงแรม Hilton Sukhumvit Bangkok (ฮิลตัน สุขุมวิท กรุงเทพฯ) โดยชุดชายามบ่ายชุดนี้เป็นชุดชายามบ่ายที่ทางโรงแรมพึ่งเปิดตัวในเดือนกันยายน 2561 และเป็นชุดชาที่ผมว่าเก๋ หรู ดูดี มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร ที่สำคัญราคายังสบายกระเป๋าอีกด้วยครับ
ใครที่ชอบทาน Afternoon Tea ก็ตามผมไปอ่านรีวิวนี้กันต่อได้เลย รับรองว่าคุณจะต้องชอบแน่ๆ ^^
Disclosure : บทความนี้ได้รับการสนับสนุนจากผู้ให้บริการ แต่ทั้งนี้ความเห็นต่างๆ ที่เกิดขึ้นเป็นความรู้สึกจริงของผมครับ
สำหรับภาพรวมของโรงแรม Hilton Sukhumvit Bangkok นั้นจะเป็นโรงแรม 5  ดาว ที่ตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 24 ห่างจากสถานีรถไฟฟ้า BTS พร้อมพงษ์ ทางออก 4 ประมาณ 250 เมตร ซึ่งก็ทำให้หลายๆ คนสามารถเลือกเดินทางมายังโรงแรมแห่งนี้ได้ทั้งการขับรถแล้วก็การใช้รถโดยสารสาธารณะครับ โดยใครที่ขับรถมานั้นก็สามารถที่จะจอดรถได้ทั้งในฝั่งของโรงแรม Hilton Sukhumvit Bangkok หรือไม่ก็ฝั่งของโรงแรม Double Tree by Hilton ซึ่งอยู่ในซอยสุขุมวิท 26 ก็ได้ ทั้งสองโรงแรมนี้จะอยู่ใกล้ๆ กันและมีทางเดินเชื่อมถึงกันครับ
หลังจากที่เรามาถึงโรงแรมแล้ว เราก็จะเจอกับห้องอาหาร Mondo (มอนโด) ซึ่งอยู่บริเวณชั้น 1 ของโรงแรมทันทีครับ โดยห้องอาหารมอนโดนี้จะเป็นห้องอาหารสไตล์เมดิเตอร์เรเนี่ยน ทาปัสแอนด์ติพาสโซ่ ที่ตกแต่งเป็นสไตล์ครัวเปิด ทำให้คนที่มาทานอาหารที่ห้องอาหารแห่งนี้สามารถมองเห็นตู้เก็บชีส, เนื้อ, บาริสต้า, บาร์ และสามารถเดินไปยังวิสกี้บาร์ซึ่งตั้งอยู่บริเวณด้านนอกของโรงแรมได้ด้วย
นี่เป็นหน้าตาของห้องอาหารครับ พอเดินเข้ามาภายในโรงแรมก็จะเห็นได้ชัดเจนเลย เพราะห้องอาหารแห่งนี้ไม่ได้มีการกั้นห้องแยกอะไรเป็นสัดส่วนมากนัก ด้านหน้าของห้องอาหารจะมีการจัดตกแต่งด้วยกระเป๋าเดินทางต่างๆ แล้วก็ชาของ Dilmah ส่วนด้านในนั้นจะเป็นโต๊ะรับประทานอาหารที่สามารถรองรับคนได้ประมาณ 40-50 คนครับ
ในเรื่องการจัดโต๊ะและการตกแต่งต่างๆ ของห้องอาหารนี้ผมว่าดูสวยงามและน่านั่งดีนะครับ มันดูแล้วรู้สึกผ่อนคลายแล้วก็ได้อารมณ์ของการออกเดินทางนิดๆ
ทั้งนี้จริงๆ แล้ว ห้องอาหาร Mondo นั้นจะมีการจำหน่ายอาหารหลากหลายประเภทเลย โดยจะเปิดบริการตั้งแต่เวลา 6.00 น. – 23.00 น. แต่สำหรับวันนี้ผมกับต๋งเราตั้งใจจะมาทานชุด Afternoon Tea ของที่นี่ ดังนั้นเราจึงไม่สนใจที่จะลองชิมอาหารอย่างอื่นเลยครับ
หลังจากที่ทางพนักงานพาเรามานั่งที่โต๊ะและเราแจ้งไปว่าอยากจะทาน Afternoon Tea ทางพนักงานก็จะนำเมนูเครื่องดื่มที่มีหน้าตาคล้ายหนังสือเดินทาง (Passport) แบบนี้มาให้เรา พร้อมกับเครื่องดื่ม Welcome Drink 2 แก้ว ซึ่งโดยปกติแล้ว Welcome Drink ในช่วงที่ผมไปทานนั้นจะต้องเป็นน้ำมะพร้าว แต่วันนั้นน้ำมะพร้าวหมด ทางโรงแรมเลยเสิร์ฟเป็นน้ำพันช์แทนครับ รสชาติอร่อยดี หวานนิดๆ กินแล้วรู้สึกสดชื่นดี
ส่วนในสมุดเมนูที่มีหน้าตาคล้ายพาสปอร์ตนั้น ภายในจะเป็นรายการเครื่องดื่มต่างๆ ที่ทางห้องอาหาร Mondo มีให้บริการ ซึ่งจะมีครอบคลุมแทบทุกประเภทครับ ส่วนราคานั้นจะเริ่มต้นที่ 150 บาท ซึ่งก็ถือว่าเป็นราคาที่อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานของโรงแรมระดับนี้ครับ โดยคนที่สั่งชุด Afternoon Tea มาทานนั้น จะสามารถเลือกสั่งชาหรือกาแฟภายในเมนูนี้ได้ชุดละ 2 ชนิด ซึ่งผมเลือกสั่งเป็นช็อคโกแลตเย็น ส่วนต๋งสั่งเป็นชา Vanilla Ceylon ร้อนครับ
แต่ละคนก็ลองเลือกๆ ดูนะครับว่าอยากจะทานชาหรือกาแฟอะไรกับขนมชุดนี้ หรือถ้าใครดูเมนูแล้วอยากจะทานเครื่องดื่มอะไรเป็นพิเศษก็สั่งมาทานเพิ่มได้เลย แต่จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มต่างหากนะครับ ^^
ผมนั่งรอไม่ถึง 5 นาที เครื่องดื่มทั้ง 2 ชนิดก็มาเสิร์ฟที่โต๊ะ โดยช็อคโกแลตเย็นนั้นแก้วใหญ่ดี รสชาติอร่อย ความเข้มข้นอยู่ในระดับกลางๆ ซึ่งผมชอบนะ เพราะมันไม่รู้สึกขมจนเกินไป สามารถที่จะนำไปทานกับขนมอื่นๆ ได้ แต่สำหรับใครที่เป็นสายฮาร์ดคอร์ อยากกินช็อคโกแลตเข้มๆ ก็อาจจะรู้สึกว่ามันยังไม่ถึงใจเท่าไหร่ครับ
ส่วนนี่เป็นชา Vanilla Ceylon ครับ ตอนแรกที่ต๋งสั่งต๋งคิดว่าน่าจะเป็นชาซีลอนที่มีกลิ่นของวานิลลานิดๆ แต่พอได้ชิมแล้วก็พบว่าเป็นชาซีลอนปกติ ไม่ได้มีกลิ่นของวานิลลาอะไร รสชาติโดยรวมไม่ได้ขมหรือหวานอะไรมากนัก สามารถจิบทานได้เรื่อยๆ และน่าจะเหมาะกับการทานกับขนมต่างๆ ได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้โดยส่วนตัวแล้วเราทั้งคู่ให้คุณภาพและรสชาติของชาแบรนด์นี้อยู่ในระดับกลางๆ ครับ คือดีแต่ยังไม่ได้ถึงขั้นว้าวมาก
อ้อ แต่ผมชอบที่ใส่ชาของที่นี่นะครับ ดูเก๋ และโมเดิร์นดี มันเหมาะจะเป็นรูปทรงกาที่เอาไว้พกพาในการเดินทางเหมือนกับธีมการตกแต่งห้องอาหารและชุด Afternoon Tea เซ็ตนี้ดี
หมายเหตุ : ชาของ Afternoon Tea เซ็ตนี้จะเป็นชาของ Dilmah นะครับ
และหลังจากที่เราชิมเครื่องดื่มทั้งสองชนิดของเราไปได้ซักพัก ทางพนักงานก็นำกระเป๋าเดินทางสุดหรูมาเสิร์ฟให้เราที่โต๊ะครับ!!
.
.
.
.
เอ้ยยย.. ไม่ใช่ครับ นำชุด Afternoon Tea มาเสิร์ฟให้เราที่โต๊ะครับ เพียงแต่ขนมต่างๆ ใน Afternoon Tea เซ็ตนี้นั้นจะถูกนำมาจัดวางไว้ในกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ที่มีความสวยงาม ซึ่งผมบอกเลยครับว่าหากใครได้เห็นตอนที่พนักงานนำมาเสิร์ฟ หรือได้เห็นชุด Afternoon Tea เซ็ตนี้วางอยู่บนโต๊ะเป็นครั้งแรก ทุกคนต้องรู้สึกทึ่งและว้าวกับการนำเสนอของเค้ามากแน่ๆ
โดยกระเป๋าเดินทางใบนี้จะถูกแบ่งออกเป็น 2 ชั้น ชั้นล่างจะเป็นชั้นที่ใส่ของคาว ส่วนชั้นบนจะเป็นชั้นที่ใส่ของหวาน โดยจากที่ผมลองนับดูจะมีขนมทั้งหมด 18 ชิ้นครับ ซึ่งขนมแต่ละประเภทส่วนใหญ่จะมีแค่อย่างละชิ้นเท่านั้น จะมีเพียงขนมบางประเภทที่มีอย่างละ 2 ชิ้น ซึ่งผมคิดว่าการที่ Afternoon Tea เซ็ตนี้ไม่ค่อยมีขนมประเภทละ 2 ชนิด นั่นก็คงเพราะทางห้องอาหารอยากเล่าเรื่องราวของชุดชายามบ่ายชุดนี้ให้ดูสนุก หลากหลาย และโรแมนติคเป็นหลัก รวมทั้งขนมแต่ละชิ้นนั้นก็มีขนาดที่ใหญ่มาก ดังนั้นหากทำมาอย่างละ 2 ชิ้นก็อาจจะทำให้คนทานทานไม่หมดได้ รวมทั้งมีราคาที่สูงขึ้นด้วยครับ
อ้อ ผมลืมเรื่องที่สำคัญที่สุดไปเลยครับ T_T
ชุด Afternoon Tea ชุดนี้จะมีชื่อว่า Jay & Daisy Afternoon Tea (เจย์ แอนด์ เดซี่ อาฟเตอร์นูน ที) โดยจะเปิดขายทุกวันที่ห้องอาหาร Mondo ตั้งแต่เวลา 12.00 น. – 16.00 น. และมีราคาจำหน่ายอยู่ที่ชุดละ 850 บาท net โดยคนที่มาทานนั้นนอกจากจะได้รับ Welcome Drink 2 แก้วแล้ว ก็จะได้ชาหรือกาแฟอีก 2 ชนิด หรือเรียกง่ายๆ ว่าจะได้ทานเครื่องดื่มทั้งหมด 4 แก้วด้วยกันครับ
ที่ด้านบนของกระเป๋าเดินทางหรือชุดชายามบ่ายเซ็ตนี้จะมีช้อน, ส้อม, มีด แล้วก็รายการขนมทั้งหมดที่อยู่ในเซ็ต และสิ่งที่สำคัญที่ผมไม่อยากให้ทุกคนพลาดที่จะอ่านก็คือกระดาษด้านซ้ายมือที่เขียนถึงเรื่องราวความเป็นมาของชุด Afternoon Tea ชุดนี้ครับ
โดยชุดชายามบ่ายชุดนี้จะเป็นการบอกเล่าถึงเรื่องราวความรักของ Jay (เจย์) และ Daisy (เดซี่) โดยเจย์นั้นเป็นเด็กหนุ่มเชื้อสายอิตาลี และมีความหลงใหลในการออกเดินทางสำรวจทั่วเอเชียเป็นอย่างมาก โดยเจย์ได้เลือกประเทศไทยเป็นที่แรกที่จะออกสำรวจ ส่วนเดซี่นั้นเป็นสาวสังคมจากนิวยอร์กที่ตัดสินใจจะย้ายมาอยู่ประเทศไทยพร้อมกับมะลิ ลูกหมาตัวน้อยของเธอ โดยเดซี่ตั้งใจที่จะออกเดินทางเพื่อค้นหาชีวิตใหม่และความรักครั้งใหม่ และนั่นก็เลยทำให้เจย์กับเดซี่ได้พบกันบนเรือขณะกำลังเดินทางมายังประเทศไทยครับ
โอ้ยยยย มันช่างเป็นอะไรที่มุ้งมิ้งน่ารักมากมายจริงๆ พึ่งเคยเจอชุด Afternoon Tea ที่มี Concept และ Story แบบนี้นี่แหละ ><
และแน่นอนว่ากระเป๋าเดินทางที่เราเห็นว่าใส่ขนมต่างๆ มานั้น นั่นก็คือกระเป๋าเดินทางของเจย์นั่นเอง โดยภายในกระเป๋านี้จะมีขนมน่ารักๆ ที่เชื่อมโยงเรื่องราวความรักของเจย์และเดซี่อยู่เต็มไปหมด ใครที่อยากจะรู้ว่ามีขนมอะไรบ้างก็หยิบเอาใบเมนูที่อยู่ด้านบนของกระเป๋าเดินทางออกมาเปิดอ่านได้เลยครับ
ตัวแผ่นเมนูของ Jay & Daisy Afternoon Tea นั้นจะมีการพิมพ์บนกระดาษหนาอย่างดี และมีการใช้โทนสีกับกราฟฟิคต่างๆ ให้ดูคล้ายกับการดูแผนที่ครับ โดยแผ่นเมนูนี้จะมีทั้งหมด 2 หน้าด้วยกัน แต่จะมีขนมไม่ครบทุกรายการนะครับ มันจะมีอยู่รายการนึงที่หายไป ซึ่งเดี๋ยวผมจะไปเล่าให้ฟังอีกทีว่าเป็นรายการไหนที่ขาดหายไป
เอาล่ะ เมื่อเราสำรวจกระเป๋าและขนมต่างๆ เรียบร้อยแล้ว เครื่องดื่มมาพร้อมบนโต๊ะแล้ว คราวนี้ก็ได้เวลาที่เราจะไล่ชิมกันทีละรายการแล้วครับ ^^
เริ่มจากชั้นล่างที่เป็นของคาวก่อนนะครับ ที่ชั้นนี้จะมีขนมทั้งหมด 4 อย่างด้วยกัน ได้แก่ NYC Handmade Scones, Jay’s Childhood Recipe (มี 2 อย่าง) แล้วก็ Daisy’s A few Books โดยหากนับจำนวนของคาวทั้งหมดแล้วจะมีอยู่ 10 ชิ้นด้วยกันครับ
ผมขอเริ่มจาก NYC Handmade Scones ก่อนนะครับ ตัวสโคนและแยมจะอยู่ทางช่องขวามือของกระเป๋าเดินทาง โดยจะมีกระดาษลายแผนที่ห่อสโคนมาทั้งด้านบนและด้านล่าง เมื่อเปิดออกก็จะพบสโคน 3 สี 3 แบบ ซึ่งได้แก่ Chocolate Oatmeal Scone, Ham and Gruyere Scone และ Almond Cherry Scone
ขนาดของสโคนทั้งสามอยู่ในขนาดมาตรฐาน เนื้อสโคนค่อนข้างแน่น ไม่ค่อยร่วนเวลาใช้มีดหั่น ส่วนในเรื่องรสชาตินั้นผมว่า Ham and Gruyere Scone และ Almond Cherry Scone จะมีรสชาติใกล้ๆ กัน เพียงแต่ Ham and Gruyere Scone จะมีความหอมมากกว่านิดๆ ใครที่ชอบทานแฮมหรืออัลมอนด์มากกว่าก็เลือกทานตามส่วนประกอบได้เลยครับ ทั้งสองชิ้นนี้สามารถทานได้ทั้งกับแยมราสเบอร์รี่, แยมเปลือกส้ม แล้วก็ค็อตเทจครีมเลย
ส่วน Chocolate Oatmeal Scone นั้น จะเป็นสโคนที่รสชาติแตกต่างจากเพื่อนสุด เนื้อกระด้างกว่าชิ้นอื่นๆ และจะมีกลิ่นของช็อคโกแลตจางๆ ทำให้ไม่ค่อยได้กลิ่นของนมเนยซักเท่าไหร่ สำหรับสโคนชิ้นนี้ผมแนะนำว่าให้กินกับค็อตเทจครีมจะเข้ากันที่สุดครับ
อ้อ ในส่วนของแยมนั้น โดยส่วนตัวแล้วผมชอบแยมราสเบอร์รี่นะครับ รสชาติหวานและเปรี้ยวนิดๆ กินกันสโคนสองชิ้นแรกแล้วอร่อยดี ส่วนแยมเปลือกส้มนั้นผมรู้สึกว่าขมเกินไปหน่อย ทำให้พอทานแล้วรู้สึกไม่ค่อยลื่นไหลเท่าที่ควร
ต่อกันที่ช่องทางซ้ายมือครับ ผมขอเริ่มที่ Jay’s Childhood Recipe หรือขนมในวัยเด็กของเจย์ก่อนนะครับ ขนมชื่อนี้จะมีอยู่ 2 ชนิด ชนิดละ 2 ชิ้น ซึ่งถือว่าเป็นขนมเพียงชื่อเดียวเท่านั้นในเซ็ต Afternoon Tea นี้ที่เรากับคนที่ไปด้วยจะได้กินคนละ 1 ชิ้นเท่าๆ กัน เพราะขนมอื่นๆ นอกเหนือจากนี้จะเป็นแค่แบบละชิ้นหมดครับ
เริ่มจากอันแรกก่อนนะครับ จะเป็น Ham & Fontina, Spinach Croquette หรือคร็อกเก้ไส้ผักโขมและแฮม ขนมชิ้นนี้อร่อยดี เชฟใส่สัดส่วนของผักโขมและแฮมด้านในคร็อกเก้มาได้ลงตัวเลย นอกจากนี้ก็ยังมีการเพิ่มรสชาติด้วยการใส่พาเมซานชีสมาด้านบนและซาวครีมที่ด้านล่างมาด้วยครับ
ขนม Jay’s Childhood Recipe อย่างที่สองจะเป็นขนมปังกรอบหน้ากุ้งและอะโวคาโด ขนมชิ้นนี้ด้านล่างจะเป็นขนมปังกรอบแล้วทอปปิ้งด้วยปู, ไข่กุ้ง แล้วก็อะโวคาโด รสชาติรวมๆ ผมชอบนะครับ ออกเผ็ดเล็กๆ แต่เสียดายวันที่ผมไปนั้นอะโวคาโดมันแข็งไปนิดนึง ทำให้กินแล้วรู้สึกยังไม่ฟินเท่าไหร่ โดยผมว่าหากใช้อะโวคาโดที่สุกกว่านี้หน่อย น่าจะทำให้รสชาติลงตัวขึ้นครับ
ปิดท้ายชั้นของคาวด้วย Daisy’s A few Books หรือเมนูแซนด์วิช 3 อย่างซึ่งประกอบไปด้วย Smoked Salmon, Egg Mayo & Caviar และ Shrimps Sandwich ซึ่งโดยส่วนตัวแล้วผมว่าขนมปังของทั้ง 3 ชิ้นนั้นแห้งไปนิดนึง แต่รสชาติโดยรวมยังอร่อยอยู่นะครับ โดยชิ้นที่ผมชอบมากที่สุดก็คือ Shrimps Sandwich ที่นอกจากจะมีกุ้งตัวใหญ่ๆ แล้วยังมีไข่กุ้งแล้วก็ซอสสไปซี่ที่ทำให้รู้สึกเผ็ดเล็กๆ ครับ
สำหรับชิ้นที่เห็นเป็นขนมปังสีดำๆ นั้นก็คือ Egg Mayo & Caviar Sandwich ครับ รสชาติโดยรวมของชิ้นนี้จะมีรสของไข่นำอย่างชัดเจนจนทำให้แทบไม่รู้สึกถึงรสชาติของคาเวียร์ซักเท่าไหร่ครับ
จบจากของคาวแล้ว คราวนี้เรามาต่อกันที่ชั้นบนของกระเป๋าเดินทางกันดีกว่าครับ โดยที่ชั้นนี้จะมีการแบ่งออกเป็นทั้งหมด 6 ช่องด้วยกัน แต่ละช่องจะมีของหวานอยู่ทั้งหมด โดยจะมีอยู่ 2 ช่องที่มีขนม 2 ชิ้นย่อย ผมก็เลยนับว่ามีของหวานทั้งหมดในเซ็ตนี้ 8 ชิ้นนะครับ
สำหรับลักษณะโดยรวมของของหวานใน Afternoon Tea เซ็ตนี้นั้นผมต้องบอกว่าทางเชฟและทาง Hilton Sukhumvit Bangkok มีการออกแบบที่ดีมาก เห็นครั้งแรกรู้สึกทึ่งและว้าวเลย แต่ทั้งนี้ลักษณะโดยรวมของขนมภายในเซ็ตจะประกอบไปด้วยช็อคโกแลตเป็นหลัก ดังนั้นใครที่ไม่ค่อยชอบทานช็อคโกแลตก็อาจจะไม่ค่อยถูกใจกับขนมในเซ็ตนี้ซักเท่าไหร่ครับ
เอาล่ะ เรามาเริ่มทานกันไปแต่ละชิ้นเลยนะครับ โดยผมจะเริ่มจากช่องซ้ายบนแล้วไล่ไปทางขวาเรื่อยๆ จากนั้นค่อยลงมาที่แถวล่างนะครับ โดยชิ้นทางช่องซ้ายบนที่เป็นรูปเพชรนั้นมีชื่อว่า Chocolate Gemstone เป็นขนมรูปเพชรที่ใหญ่โตและสวยงามดีครับ ด้านนอกจะเป็นการโรยด้วยผงช็อคโกแลตส่วนด้านในนั้นจะเป็นช็อคโกแลตมูสกับราสเบอร์รี่ ซึ่งตัวราสเบอร์รี่นั้นจะเข้ามาช่วยเบรกและตัดความขมของช็อคโกแลตไว้ แต่โดยส่วนตัวแล้วผมในฐานะที่เป็นคนที่ไม่ค่อยชอบทานช็อคโกแลตซักเท่าไหร่ก็จะแอบรู้สึกอยู่นิดๆ ว่ารสชาติของขนมชิ้นนี้ขมไปหน่อยครับ แต่โดยรวมๆ แล้วเมื่อมองถึงหน้าตาของขนมที่เชฟตั้งใจออกแบบมา บวกกับขนาดของชิ้นที่ใหญ่มาก ก็ต้องบอกว่านี่เป็นหนึ่งในขนมที่ทำให้ผมทึ่งเบาๆ เลยครับ
สำหรับเรื่องเพชรของเจย์กับเดซี่นั้นนอกจากจะมีอยู่ในขนมชุดนี้แล้ว ภายในห้องอาหาร Mondo ยังมีเพชรเม็ดยักษ์จัดแสดงด้วยอีก 2 เม็ดนะครับ โดยเป็นเพชรที่เจย์ซื้อให้กับเดซี่ ใครที่ได้มีโอกาสไปทานอาหารที่นี่ก็ลองสังเกตหาเพชรเม็ดยักษ์ 2 เม็ดนี้ดูนะครับ ว่ามันตั้งอยู่ตรงไหนบ้าง
ขนมชิ้นถัดไป Daisy’s Stuff หรือของเสริมความงามของเดซี่ ขนมชิ้นนี้จะแบ่งออกเป็น 2 ชิ้นย่อย ได้แก่ รองเท้าส้นสูง แล้วก็กระเป๋าถือครับ
รองเท้าส้นสูงนั้นด้านนอกจะทำมาจาก Dark Chocolate ที่มีความหนามาก ส่วนด้านในที่เป็นสีขาวๆ นั้นจะเป็นมูส Rose and Raspberry และที่ด้านล่างของมูสก็จะมีแอปเปิ้ลเชื่อมซ่อนอยู่ครับ ซึ่งการที่เชฟมีการเอาของที่มีความหวานนิดๆ อย่างมูสและแอปเปิ้ลเชื่อมมาไว้ด้านในแบบนี้ รวมทั้งมีการคำนวณสัดส่วนของวัตถุดิบต่างๆ ได้เป็นอย่างดี ก็เลยทำให้ขนมชิ้นนี้ผมกินแล้วรู้สึกลงตัวมาก ไม่ได้รู้สึกว่าขมแต่ประการใดครับ
อ้อ…ผมอยากจะบอกว่ารองเท้าส้นสูงของเดซี่นี่ ชิ้นมันใหญ่ใช้ได้เลยนะครับ ใครกินคนเดียวหมดนี่ถือว่าค่อนข้างเก่งเลย
มาดูในส่วนของกระเป๋าถือกันครับ ตัวกระเป๋านั้นจะทำมาจากไวท์ช็อคโกแลต ขนาดจุ่มจิ๋มกำลังดี ด้านในมีลิ้นจี่เอาไว้ตัดความหวาน ส่วนฐานรองกระเป๋านั้นทำมาจากช็อคโกแลตที่มีความเข้มใช้ได้เลย เพราะเป็นการเอาช็อคโกแลตเพียวๆ มาทำ ไม่ได้มีการผสมอย่างอื่นลงไปเพื่อตัดรสเลยครับ
ชิ้นถัดไปก็คือ Classic Tiramisu ชิ้นนี้จะอยู่ทางขวาบนนะครับ ลักษณะของขนมชิ้นนี้ด้านล่างจะเป็นทีรามิสุและจะมีการเอาไวท์ช็อคโกแลตมาทำเป็นหมวกของเดซี่และวางเป็นทอปปิ้งด้านบน เพื่อทำให้ขนมดูเก๋และน่าทานมากขึ้น รสชาติโดยรวมๆ ของขนมชิ้นนี้อร่อยดีนะครับ ใครที่ชอบทานทีรามิสุอยู่แล้วก็เลือกหยิบมาทานเป็นอย่างแรกได้เลย
หมายเหตุ : ขนมชิ้นนี้ผมลืมถ่ายภาพโคลสอัพใกล้ๆ มา ก็เลยเอาภาพมุมกว้างกับภาพในเมนูมาให้ดูแทนนะครับ T_T
ต่อกันที่ Exotic ซึ่งอยู่ทางช่องล่างซ้าย ขนมชนิดนี้จะเป็นทาร์ตผลไม้ที่มีขนาดใหญ่มากครับ ซึ่งผมว่าปริมาณของทาร์ตชิ้นนี้น่าจะเท่ากับทาร์ตผลไม้ของ Afternoon Tea Set ชุดอื่นๆ ได้ 3-4 ชิ้นสบายๆ เลย
รสชาติของทาร์ตผลไม้ Exotic ชิ้นนี้ดีเลยครับ ออกหวานนิดๆ ผลไม้ด้านบนมีความหลากหลายดี กินแล้วช่วยตัดรสชาติของช็อคโกแลตในเมนูอื่นๆ ได้ดีมากครับ แนะนำเลยว่าหากใครเริ่มรู้สึกเลี่ยนหรือเอียนกับช็อคแลต ให้มาแบ่งทาร์ตนี้ไปทานทีละนิด จะช่วยได้เยอะเลยครับ
ชิ้นถัดไป The Key ขนมชนิดนี้จะเป็นนิวยอร์คชีสเค้กครับ โดยด้านบนจะมีการทอปปิ้งด้วยราสเบอรร์รี่แล้วก็กุญแจที่ทำจากช็อคโกแลต ตัวกุญแจทางเชฟทำสีมาได้สวยมาก มีมิติ มีโทน ดูแล้วเหมือนกุญแจที่ผ่านการใช้งานมาแล้วจริงๆ
รสชาติของ The Key นี้ อร่อยเลยครับ เนื้อชีสเค้กแม้จะฟูไปนิดแต่รสชาติยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี ส่วนราสเบอร์รี่ด้านบนก็ลูกใหญ่และไม่เปรี้ยวมาก ถือว่าเป็นขนมที่ทั้งหน้าตาดีและรสชาติดีชิ้นนึงเลย
และก็มาถึงขนมชิ้นสุดท้ายใน Jay & Daisy Afternoon Tea Set โดยขนมชนิดนี้มีชื่อว่า Jay & Daisy Dating Cookies หรือขนมคุกกี้ที่ทำเป็นรูปเสื้อผ้าที่เจย์และเดซี่ใส่ออกเดทกันครั้งแรกนั่นเอง ขนมชนิดนี้จะไม่มีรูปและเนื้อหาอยู่ในเมนูนะครับ ชุดของเดซี่จะเคลือบด้วยช็อคโกแลตสีชมพู มีรสชาติเปรี้ยวนิดๆ ส่วนชุดของเจย์นั้นจะเคลือบด้วยชุดช็อคโกแลตสีดำเข้ม แต่รสชาติกำลังดี ไม่ขมจนเกินไป ขนมทั้งสองชิ้นนี้เหมาะมากที่จะกินคู่กับชาร้อนๆ ครับ
และในขณะที่ผมกับต๋งกำลังรู้สึกดีใจที่กินขนมที่บรรจุเรื่องราวของเจย์กับเดซี่ชุดนี้หมดลง ทางพนักงานของห้องอาหาร Mondo ก็ได้เดินเข้ามาที่โต๊ะผมพร้อมกับยื่นของสิ่งนี้ให้ครับ
ของสิ่งนี้หรือขนมชิ้นนี้เรียกว่า Yoka Daisy หรือไวท์ช็อคโกแลตรูปเดซี่ตอนที่กำลังเล่นโยคะอยู่นั่นเอง โดยขนมชิ้นนี้จะรวมอยู่ใน Afternoon Tea Set นี้ด้วย เพียงแต่จะไม่ได้บรรจุมาในกระเป๋าเดินทาง เพราะทางห้องอาหารตั้งใจจะให้ทุกคนนำกลับไปทานต่อที่บ้าน ซึ่งหากเราสังเกตในใบเมนูของขนมชุดนี้ให้ดีๆ จะเห็นว่ามีคำว่า Take Away Yoka Daisy อยู่ด้วยครับ ซึ่งก็ทำให้โดยรวมแล้ว Afternoon Tea เซ็ตนี้จะมีขนมคาวหวานรวมกันทั้งหมด 19 ชิ้นด้วยกัน
Yoka Daisy นั้นจะเป็นไวท์ช็อคโกแลตที่มีขนาดชิ้นใหญ่มาก รสชาติหวานพอควร ดังนั้นเราจึงควรกัดทีละคำเล็กๆ หรือนำไปกินคู่กับชาจะลงตัวมาก โดยใครที่คิดว่าสามารถกินต่อไหวก็แกะกินที่ห้องอาหารเลยก็ได้ ส่วนถ้าใครที่คิดว่ากินไม่ไหวหรืออยากจะได้มาเป็นของที่ระลึก หรืออยากเอาไปฝากคนอื่นก็ถือกลับมาได้เลย ทางโรงแรมเค้าใส่กล่องสวยงามมาให้เรียบร้อยพร้อมให้เราถือกลับบ้านครับ ^^
และทั้งหมดนี้คือประสบการณ์ของผมกับต๋งในการไปทานชุด Jay & Daisy Afternoon Tea Set ที่ห้องอาหาร Mondo (มอนโด) ชั้น 1 โรงแรม Hilton Sukhumvit Bangkok (ฮิลตัน สุขุมวิท กรุงเทพฯ) และเพื่อให้ทุกคนได้เห็นภาพของรีวิวนี้ชัดเจนขึ้น ผมจึงขอสรุปออกมาเป็นหัวข้อต่างๆ ดังนี้นะครับ
วันที่รับประทาน : วันเสาร์ที่ 29 กันยายน 2561
ช่วงเวลา : 13.00 – 16.00 น.
จำนวน : 2 คน
รสชาติอาหาร : รสชาติของขนมส่วนใหญ่ใน Afternoon Tea Set นี้อยู่ในเกณฑ์ปานกลางไปจนถึงดีครับ แต่ทั้งนี้ด้วยความที่ของหวานในเซ็ตนั้นหนักไปที่ช็อคโกแลตมากไปซักหน่อย ก็เลยอาจจะทำให้คนที่ไม่ค่อยชอบทานช็อคโกแลตรู้สึกถึงความอร่อยที่ลดลงได้ ส่วนในเรื่องของชานั้นผมให้อยู่ในระดับที่ดี แต่ไม่ได้ว้าวมากครับ
ความหลากหลายของอาหาร : เป็นชุด Afternoon Tea ที่มีความหลากหลายในด้านการออกแบบนะครับ เก๋ และดูดีมากๆ หลายๆ อย่างทางเชฟทำออกมาได้น่าทึ่งมาก รวมทั้งยังมีประเภทของขนมที่หลากหลายกว่าหลายๆ ชุดที่จะเลือกเสิร์ฟขนมชนิดละ 2 ชิ้น แต่ด้วยความที่ชุด Afternoon Tea ชุดนี้เน้นวัตถุดิบในของหวานเป็นช็อคโกแลตเป็นหลัก ดังนั้นผมก็เลยขอให้คะแนนในเรื่องของความหลากหลายอยู่ในเกณฑ์ปานกลางนะครับ
ความสะอาดของร้านและบรรยากาศโดยรวม : เรื่องนี้ไม่มีอะไรติครับ ความสะอาดนั้นดูดีตามมาตรฐานโรงแรม 5 ดาว ส่วนเรื่องของบรรยากาศนั้นแม้ห้องอาหาร Mondo จะเป็นห้องอาหารที่มีขนาดไม่ใหญ่ ไม่ได้มีการกั้นพื้นที่เป็นสัดส่วนมากนัก แต่ด้วยการตกแต่งและการวางตำแหน่งของโต๊ะเก้าอี้ที่ดี ก็ทำให้คนที่เข้าไปทานอาหารรู้สึกผ่อนคลายและน่าประทับใจครับ
การบริการของพนักงาน : เป็นอีกเรื่องที่อยู่ในเกณฑ์ที่ดีครับ พนักงานพูดจาสุภาพ แนะนำดี และขอความช่วยเหลืออะไรก็ได้รับการตอบสนองที่ดีมาก
ความสะดวกของการเดินทาง : ข้อนี้ผมให้กลางๆ นะครับ เพราะโรงแรม Hilton Sukhumvit Bangkok นั้น ไม่ได้อยู่ติดกับถนนสุขุมวิท ต้องเลี้ยวเข้าซอยไปประมาณ 200 เมตร ส่วนคนที่โดยสารด้วยรถ BTS นั้นก็ต้องเดินประมาณ 250 เมตรจากสถานีพร้อมพงษ์ ดังนั้นในเรื่องของความสะดวกสบายในการเดินทางจึงยังไม่เทียบเท่ากับโรงแรมที่มีทางเดินเชื่อมกับ BTS โดยตรง หรือโรงแรมที่ตั้งอยู่ติดกับถนนสุขุมวิทนะครับ
ความคุ้มค่า : นานๆ ทีจะเจอชุด Afternoon Tea ในโรงแรม 5 ดาว ที่ราคาชุดละ 850 บาท net ซึ่งด้วยราคาแบบนี้ ได้เครื่องดื่ม 4 แก้ว (รวม Welcome Drink 2 แก้ว) มีขนมหน้าตาแบบนี้ มีการนำเสนอ ร้อยเรียงเรื่องและ Display ที่ดีแบบนี้ รวมทั้งมีการบริการที่ดีของพนักงานแบบนี้ ผมบอกเลยครับว่าคุ้มค่ามาก เอาแค่ว่าไปถ่ายรูปก็คุ้มแล้ว ยิ่งใครที่กำลังจีบสาวหรืออยากจะหาที่ออกเดท นั่งคุยเงียบๆ เบาๆ คนไม่พลุกพล่าน และกินอะไรที่เก๋ ไม่ซ้ำใคร บอกเลยว่าจ่ายเงิน 850 บาทไปกินชุด Afternoon Tea เซ็ตนี้มันจะเป็นอะไรที่จะทำให้อีกฝ่ายประทับใจแน่ๆ ครับ
สรุป : ชุด Jay & Daisy Afternoon Tea ของโรงแรม Hilton Sukhumvit Bangkok นั้นเป็นชุดชายามบ่ายชุดนึงที่มีความเก๋ของการนำเสนอและความคุ้มค่าของราคาที่ดีมากครับ แม้รสชาติของขนมส่วนใหญ่และชาจะอยู่ในระดับปานกลางค่อนไปทางดี ไม่ได้ถึงขั้นว้าวสุดๆ ว่าต้องไปกินให้ได้ หรืออร่อยมากๆ แต่ด้วยการนำเสนอ และคอนเซ็ปของชุดที่ไม่เหมือนใคร ประกอบกับราคาที่ย่อมเยาและสถานที่ที่มีคนไปใช้บริการไม่มากนัก ผมว่าชุดชาชุดนี้จะเป็นชุดชาที่คนชอบความสงบหรือความแปลกใหม่ คนที่ต้องการหาที่นั่งคุยกับคนรู้ใจเพลินๆ ยาวๆ ต้องชอบมากชุดนึงเลยครับ แต่สำหรับคนที่ชอบทานชาแบบพรีเมี่ยมหรือต้องการทานขนมที่มีความหลากหลาย ไม่ได้เน้นช็อคโกแลตมาก ชุด Afternoon Tea ของที่นี่น่าจะยังไม่ตอบโจทย์ที่คุณต้องการเท่าไหร่ครับ
ก็จบลงแล้วสำหรับรีวิวนี้ ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านจนจบ และสำหรับผู้ที่ต้องการติดตามเรื่องราวการรีวิวต่างๆ ที่รวดเร็วทันใจของผมกับต๋งก็สามารถกดติดตามได้ที่เพจ “ภรรยาหา สามีใช้” ได้เลยครับ ส่วนผู้ที่ต้องการสอบถามข้อมูลต่างๆ ของร้านแห่งนี้เพิ่มเติม ก็สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ช่องทางด้านล่างนี้ได้เลยครับ แล้วพบกันใหม่ในรีวิวหน้า สวัสดีครับ
Facebook : Hilton Sukhumvit Bangkok Hotel
Tel : 02-6206666
E-mail : bkksu.fb@hilton.com
หมายเหตุ : บทความนี้เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวของเราในวันที่ลองใช้บริการเท่านั้น ทั้งนี้แต่ละท่านที่ได้มีโอกาสใช้บริการอาจจะได้รับการบริการหรือมีความคิดเห็นที่แตกต่างจากนี้ได้ครับ