ต๋งเชื่อว่าหลาย ๆ คนน่าจะมีความคิดหรือมีแผนจะไปเที่ยวท้าลมหนาวตะลุยหิมะกันซักครั้งในชีวิตอยู่แน่ ๆ ใช่มั้ยคะ แต่ด้วยความที่เราเองนั้นก็อยู่ในประเทศที่อากาศร้อนนนนซะเหลือเกิน หน้าหนาวปีนึงมาก็แค่ไม่กี่วัน หิมะหรืออุณหภูมิติดลบต่ำกว่าศูนย์นี่ยิ่งไม่ต้องคิดเลยว่าจะได้เจอ ดังนั้นพอเราต้องไปท้าลมหนาว สัมผัสหิมะ รวมถึงต้องเจอกับอุณหภูมิติดลบเป็นครั้งแรก ก็น่าจะทำให้หลาย ๆ คนไม่มั่นใจว่าจะต้องเตรียมตัวอย่างไรให้พร้อม ไปแล้วทำยังไงถึงจะไม่หนาวสั่นจนทำให้เที่ยวไม่สนุก กระทบกับแผนใช่มั้ยคะ ซึ่งต้องบอกว่าต๋งกับร็อดเองก็กังวลเช่นกันค่ะ เพราะทริปลุยหิมะทริปแรกของพวกเราเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านนั้น พวกเราต้องไปเผชิญกับอุณภูมิ Real Feel ถึง -16 องศาเซลเซียสกันเลยทีเดียว!!!
แต่ ๆๆๆๆ ในที่สุดหลังจากที่พวกเราได้ไปสัมผัสลมหนาวกับหิมะมาถึง 8 วัน พวกเราก็สามารถรอดกลับมาได้อย่างปลอดภัยค่ะ!! และบทความนี้จะมีเทคนิคพร้อมเคล็ดลับดี ๆ มาบอกทุกคนที่จะไปเผชิญกับหิมะครั้งแรกกัน โดยสิ่งเหล่านี้ถูกกลั่นกรองมาจากหลายทางมาก ทั้งจากการค้น การอ่าน การถาม บวกกับประสบการณ์ตรงที่เพิ่งกลับมาจากการลุยหิมะแบบหมาด ๆ ว่าแล้วก็ตามไปดูกันเลยค่ะว่า “เทคนิคการเตรียมตัวลุยหิมะ” ของเราทั้งสองคนเป็นอย่างไรค่ะ
1. App พยากรณ์อากาศ
อันดับแรกสุดก่อนที่เราจะจัดกระเป๋าเดินทางได้นั้น เราต้องรู้ก่อนค่ะว่าสภาพอากาศที่เราจะไปเผชิญนั้นจะเป็นอย่างไรบ้าง ทั้งด้านอุณหภูมิ, ความแรงของลม และโอกาสเกิดหิมะหรือฝน เพื่อที่เราจะได้เตรียมตัว เตรียมใจ และเตรียมอุปกรณ์ให้เหมาะสมค่ะ โดย Application ที่ต๋งใช้เป็นประจำคือ AccuWeather ซึ่งถือว่าเป็นแอพที่มีความแม่นยำค่อนข้างสูงเลย ยิ่งใกล้วันเท่าไหร่ก็ยิ่งแม่นมากขึ้น แถมยังดูเป็นรายชั่วโมงได้ด้วย ดังนั้นแนะนำว่าให้หมั่นเข้าไปเช็คเรื่อย ๆ นะคะ จะได้เตรียมตัวถูกทั้งก่อนเดินทางจากไทยและก่อนที่จะเริ่มต้นเที่ยวในวันนั้น ๆ ค่ะ
2. เครื่องแต่งกาย
และนี่ก็คือสิ่งสำคัญที่ทุกคนมักจะมีคำถามอยู่ในใจว่า…จะเตรียมเสื้อผ้าอย่างไรให้ ‘เอาอยู่’ โดยการแต่งกายที่จะช่วยเราต้านความหนาวได้อย่างมีประสิทธิภาพนั้นจะต้องเป็นการใส่แบบหลาย ๆ Layer นะคะ และเสื้อผ้าทุกชิ้นทุกชั้นจะต้องช่วยกันสร้างความอบอุ่นให้กับร่างกาย รวมทั้งยังต้องสามารถถอดหรือใส่บางชั้นออกได้ง่าย เพื่อให้สะดวกต่อการปรับให้เข้ากับอุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลงไปค่ะ และนี่คือแนวทางในการใส่เสื้อผ้าของพวกเรานะคะ
เสื้อตัวในสุด ( Base Layer) เสื้อตัวนี้จะเป็นเสื้อที่ทำหน้าที่เก็บความอบอุ่นให้กับร่างกายเรามากที่สุดค่ะ ดังนั้นเราควรเลือกไซส์เสื้อชนิดนี้ให้พอดีกับตัวที่สุด โดยแบบที่เห็นขายทั่วไปและน่าจะคุ้นเคยกันดีก็น่าจะเป็น Heat Tech ของ Uniqlo ค่ะ ซึ่งเค้าก็มีให้เลือกหลายแบบเลยนะ ตั้งแต่กันหนาวทั่วไปจนถึงระดับหนาวมาก โดยระดับความหนาของเสื้อก็จะแตกต่างกันไปค่ะ ทั้งนี้สำหรับเสื้อชั้นนี้เราควรจะต้องมีหลายตัวหน่อยนะคะ เพราะมันต้องผลัดเปลี่ยนกันไปในแต่ละวันค่ะ
เสื้อชั้นกลาง (Mid Layer) สำหรับเสื้อชั้นกลางนี้เราสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความชอบและระดับความหนาวเย็นได้เลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อ Fleece, เสื้อไหมพรม, เสื้อขนเป็ด หรือถ้าหนาวมาก ๆ ก็สามารถใส่ Mid Layer เบิ้ล 2 ชั้นก็ได้ โดยเสื้อชั้นนี้ก็ควรเลือกซื้อขนาดให้พอดีตัวเช่นเดียวกันค่ะ
เสื้อชั้นนอก (Outer Layer) เพราะหิมะนั้นคือเกล็ดน้ำแข็ง ดังนั้นพอหิมะมาสัมผัสกับความอบอุ่นจากตัวเรามันจึงละลายกลายเป็นน้ำ และตัวแปรสำคัญอีกอย่างที่ทำให้เรารู้สึกหนาวมาก ๆ ก็คือลมค่ะ ดังนั้นเสื้อชั้นนอกสุดของเราจึงควรเป็นเสื้อที่มีคุณสมบัติทั้งการกันน้ำและกันลม ยิ่งถ้ามี Hood ด้วยจะดีมากค่ะ เพราะ Hood จะช่วยให้ศีรษะเราอบอุ่นและป้องกันหิมะตกใส่หัวได้เป็นอย่างดี แต่หากเสื้อใครที่ไม่มี Hood ก็สามารถหาหมวกไหมพรมมาปิดหูแทนได้นะคะ โดยการเลือกซื้อเสื้อชั้นนอกนี้เราควรจะเผื่อไซส์ให้ใหญ่กว่าปกติซักหน่อย เพราะเราต้องใส่ทับกับเสื้อ Base Layer กับ Mid Layer อีกหลายตัว และถ้าจะให้ดีในตอนไปซื้อ เราควรทดลองใส่เสื้อด้านในให้คล้ายกับที่เราจะใส่จริงแล้วค่อยสวมเสื้อตัวนอกสุดเข้าไปนะคะ
กางเกง โดยปกติแล้วต๋งว่าเราควรจะใส่กางเกงไม่เกิน 2 ชั้นค่ะ เพราะไม่งั้นเวลาที่เราเข้าห้องน้ำมันจะถอดลำบากมากกกกก ซึ่งต๋งแนะนำว่า 2 ชั้นที่ว่านี้คือให้ใส่ลองจอนด้านในแล้วทับด้วยกางเกงยีนส์ Heat Tech ด้านนอก หรือถ้าหากคิดว่าอากาศวันนั้นหนาวสุด ๆ กางเกงยีนส์ Heat Tech เอาไม่อยู่ ก็เลือกใส่เป็นกางเกง Block Tech แทนก็ได้ค่ะ อันนี้ที่ Uniqlo ก็มีขาย หาซื้อไม่ยากเท่าไหร่ แต่ก็ต้องทำใจหน่อยนะว่ากางเกงประเภท Block Tech นี้ หาทรงและแบบสวยได้ยากจริง ๆ ค่ะ T_T
หมายเหตุ : สำหรับบางคนที่ไม่ค่อยถูกกับอากาศหนาว ต๋งแนะนำให้เพิ่มอุปกรณ์อย่างผ้าปิดปาก, ผ้าพันคอ, Ear Muff หรือ Neck Warmer เข้าไปด้วยนะคะ โดย Neck Warmer นี่มีข้อดีหลายอย่างเลย ทั้งเบา, ยืดหยุ่น และสามารถปรับเปลี่ยนรูปร่างเป็นหมวกได้ด้วยค่ะ



3. รองเท้า
อย่างที่ต๋งได้บอกไปก่อนหน้านี้ค่ะว่าหิมะก็คือน้ำ ดังนั้นนอกจากรองเท้าเราจะต้องกันหนาวได้แล้ว รองเท้าของเราก็ควรจะต้องกันน้ำได้ด้วยค่ะ โดยต๋งแนะนำว่าใครที่มีแผนจะไปลุยหิมะแบบจริงจังนั้นก็ควรลงทุนซื้อรองเท้าดี ๆ ซักคู่ที่มั่นใจได้ว่าจะสามารถช่วยกันความหนาวเย็นในระดับติดลบได้, มีพื้นรองเท้าที่ยึดเกาะได้ดี และมีรอยต่อเนี้ยบจนน้ำไม่สามารถซึมผ่านได้ค่ะ ซึ่งแน่นอนว่ารองเท้าลุย ๆ แบบนี้ราคาค่อนข้างสูงและไม่ได้มีแบบให้เลือกมากนัก แต่ถ้าใครไม่อยากลงทุนและมีรองเท้าบูทแฟชั่นอยู่แล้ว รวมทั้งแพลนในทริปนั้นของเราก็ไม่ได้โหดร้ายมากจนเกินไป เราก็อาจจะใช้รองเท้าบูทคู่นั้นแล้วเพิ่ม option ด้วยถุงเท้า Heat Tech ก็สามารถช่วยได้ในระดับนึงค่ะ
4. ถุงมือ
อ๊ะ ถึงตัวจะอุ่นแล้วแต่ถ้ามือหรือเท้าเย็นก็ทรมานไม่แพ้กันนะคะ และขอบอกเลยว่าถุงมือไหมพรมใช่ว่าจะป้องกันความหนาวได้ดีค่ะ ต๋งโดนมากับตัวแล้วกับถุงมือ Daiso มุ้งมิ้งน่ารักแต่สุดท้ายก็ไม่รอด คือถ้าระดับอุณหภูมิ 10 องศาต้น ๆ นั้นมันก็พอไหว แต่ถ้าถึงขั้นมีหิมะตกแล้วแนะนำให้ปรับเป็นถุงมือหนังหรือถุงมือที่ออกแบบมาสำหรับการทนอุณหภูมิติดลบโดยเฉพาะจะดีกว่าค่ะ และเราไม่ต้องกลัวนะว่าถุงมือที่กันหนาวมาก ๆ จะอ้วนเทอะทะจนหยิบจับอะไรลำบาก เพราะถุงมือดี ๆ ไม่ต้องหนามันก็อุ่นได้ค่ะ
อ้อ แล้วก็จะให้ดีควรเลือกซื้อถุงมือที่สามารถทัชสกรีนหน้าจอโทรศัพท์มือถือได้ด้วยนะคะ ชีวิตมันจะดีขึ้นอีกเยอะเลยค่ะ
5. แว่นกันแดด
แว่นกันแดดถือเป็นอีกหนึ่งสิ่งจำเป็นที่เราควรต้องพกพาไปอย่างมากเลยค่ะ เพราะหิมะสีขาว ๆ ที่เราเห็นว่าสวยงามนั้น มันช่างสะท้อนแสงแดดได้แสบตามากกกก บอกเลยว่าถ้าไม่ได้ใส่แว่นกันแดดมีหวังต้องหยีตาสู้แดดจนคิ้วขมวดหน้าผากย่นอย่างแน่นอนค่ะ ดังนั้นรายการนี้พกไปเถอะ รับรองได้ใช้แน่ทั้งกันแดดและเป็นพร็อพถ่ายรูปเก๋ ๆ สวย ๆ
6. ครีมกันแดด
นี่ก็คือของสำคัญอีกอย่างหนึ่งที่ต้องมี ต้องพก และต้องใช้เลยค่ะ หลาย ๆ คนโดยเฉพาะผู้ชายมักจะไม่เห็นความสำคัญของสิ่งนี้ มักจะคิดว่าอากาศหนาว หิมะตก ไม่มีแดด ไม่เห็นจำเป็นต้องใช้เลย แต่ต๋งขอเล่าประสบการณ์ตรงจากเพื่อนร่วมทริปที่ลืมทาครีมกันแดดแค่วันเดียวให้ฟังนะคะ หน้าเพื่อนคนนั้นไหม้ไปตลอดทริป และใช้เวลาฟื้นสภาพผิวนานเลยค่า เพราะไม่ใช่แค่แสงแดดเท่านั้นที่สะท้อนจากหิมะเข้าสู่เรา แต่มันยังมีรังสียูวีสะท้อนมาด้วยเช่นกัน รู้อย่างนี้แล้วไม่พก ไม่ทาครีมกันแดดไม่ได้แล้วใช่มั้ยล่ะคะ
7. โลชั่น / ลิปมัน
เวลาที่เราไปอยู่ในที่มีอากาศแห้งอากาศหนาว ผิวเราก็จะขาดความชุ่มชื้นค่ะ ซึ่งบางทีก็อาจจะถึงขั้นผิวแห้งแตกและเป็นแผลได้เลย โดยที่ต๋งเห็นชัด ๆ ก็มาจากจากประสบการณ์ตรงของคุณผู้ชายสายขี้เกียจอย่างสามีอิชั้นนี่แหละค่ะ ที่ขี้เกียจทาโลชั่นและลิปมันจนทำให้ผิวแตกเลือดไหลซิบเลย ดังนั้นใครที่ไม่อยากเจอเหตุการณ์แบบสามีอิชั้นในตอนออกไปเที่ยวในช่วงกลางวันก็ควรจะต้องหมั่นทานน้ำเยอะ ๆ และพกลิปมันติดตัวไปด้วยนะคะ ส่วนตอนกลางคืนนั้นก็ให้โบ๊ะลิปมันหนา ๆ ทาโลชั่นชุ่ม ๆ ไว้เลยค่ะ
8. แผ่นร้อน
อีกหนึ่งนวัตกรรมที่สรรค์สร้างมาช่วยเพิ่มความอบอุ่นให้กับร่างกายของเราค่ะ โดยแผ่นร้อนนี้มีทั้งแบบแผ่นที่ใช้ติดกับเสื้อผ้า ใช้ติดกับตัว หรือแบบที่เป็นก้อนอุ่น ๆ ไว้ให้เอามือเข้าไปอังคลายความหนาวนะคะ ใครชอบแบบไหน ใช้แล้วถูกใจ ใช้แล้วเวิร์ค ก็เลือกตามใจชอบได้เลยค่ะ
9. กระติกเก็บความร้อน
อยากบอกว่าเวลาหนาว ๆ แล้วได้ดื่มอะไรอุ่น ๆ มันเป็นอะไรที่ฟินเว่อร์มากกกกกก ดังนั้นการเทน้ำร้อนใส่กระติกน้ำที่สามารถเก็บความร้อนได้ดีและพกออกไปเที่ยวด้วย มันจะเป็นตัวช่วยให้เราสามารถฟินไปกับการตะลุยหิมะได้เป็นอย่างดีเลยค่ะ
10. แบตกล้อง / Power Bank
ไหน ๆ ก็ได้มีโอกาสไปเที่ยวอากาศหนาว มีหิมะสวย ๆ ให้ดูละลานตาแล้ว ถ้าไม่ถ่ายรูปสวย ๆ เก็บไว้เป็นที่ระลึกซักหน่อย มันก็เหมือนจะขาดอะไรไปใช่มั้ยคะ แต่เพื่อน ๆ รู้มั้ยคะ เวลาที่อากาศหนาวจัด ๆ เนี่ย ทั้งแบตเตอรี่กล้องและแบตเตอรี่โทรศัพท์มือถือนั้นมันจะคายประจุออกมาได้ยากกว่าปกติมาก ดังนั้นมันก็เลยเหมือนว่าแบตกล้องหรือแบตมือถือเราจะหมดเร็วกว่าปกติมาก ซึ่งวิธีที่จะช่วยให้เราสามารถใช้งานอุปกรณ์ของเราในยาวนานขึ้นในสภาพอากาศที่หนาวแบบนั้น นอกจากการที่เราต้องทำให้อุปกรณ์ของเราอุ่นที่สุดแล้ว เช่น ใส่ไว้ในกระเป๋า, ใส่ไว้ในเสื้อ เราก็ควรจะต้องเตรียมแบตเตอรี่สำรองและ Power Bank ไปเผื่อกันเยอะ ๆ ด้วยนะคะ
ก็จบแล้วนะคะสำหรับคำแนะนำเล็ก ๆ น้อย ๆ กับการเตรียมตัวไปลุยหิมะ และอากาศหนาวระดับต่ำกว่า -10 องศาเซลเซียส หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับเพื่อน ๆ บ้างนะคะ และสำหรับท่านใดที่อยากจะติดตามเรื่องราวของต๋งกับร็อดแบบใกล้ชิดก็สามารถติดตามได้ที่แฟนเพจ “ภรรยาหา สามีใช้” ได้เลยค่ะ ขอให้ทุกคนสนุกกับการเดินทางนะคะ สวัสดีค่ะ