หนึ่งในเรื่องที่หลายคนมักจะพูดหรือถามถึงเสมอเวลามีการพูดถึงเรื่องการเที่ยวเกาหลีใต้ก็คือ “ตม. เกาหลีใต้ เข้ายากมั้ย?” หรือ“ตม. เกาหลีใต้ เข้ายากจริงเหรอ?” ซึ่งอันนี้ผมก็ต้องตอบตรง ๆ ครับว่าไม่ทราบเหมือนกัน และมันน่าจะขึ้นอยู่กับคนและเรื่องของเวลาด้วย แต่ถ้าเอาจากประสบการณ์ของผม ผมว่ามันผ่านง่ายกว่าที่คิดมากนะ และผมก็เชื่อว่าเจ้าหน้าที่ ตม. เกาหลีใต้ เค้ามีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญพอควรเลย เค้าดูออกว่าใครไปเที่ยว หรือใครไปเป็นผีน้อย และถึงแม้มันจะมีกรณีที่คนไปเที่ยวจริงต้องถูกเจ้าหน้าที่พาเข้าไปพูดคุยที่ห้องเย็นบ้าง แต่หากเรามีการเตรียมข้อมูลไปดี สามารถตอบได้อย่างชัดเจน แทบจะ 100% ก็ได้ออกมาเที่ยวตามแผนที่วางไว้แบบไม่มีปัญหาอะไรครับ
อ๊ะ ว่าแล้วก็ไปดูประสบการณ์ส่วนตัวของผมกับการผ่าน ตม. เกาหลีใต้ ที่เชจู แบบ 10 วินาทีผ่าน โดยที่ไม่โดนถามอะไรกันดีกว่าครับ โดยผมเดินทางช่วงกลางเดือน ธ.ค. 65 นะครับ
เอกสารบังคับที่ทุกคนต้องมี
- พาสปอร์ตที่มีอายุเหลือมากกว่า 6 เดือน
- K-ETA (สามารถทำล่วงหน้าได้เลย เพราะมีอายุ 2 ปีครับ ส่วนค่ายื่นขอจะอยู่ที่ 10,300 KRW)
- Q-Code (สามารถทำได้ 3 วันก่อนบิน ไม่มีค่าใช้จ่ายครับ)
- เอกสารศุลกากรเกี่ยวกับการนำของเข้าประเทศเกาหลีใต้ (พนักงานจะแจกบนเครื่อง)
เอกสารที่ควรเตรียมไปเพิ่มสำหรับคนที่กังวล
- พาสปอร์ตเล่มเดิมที่มีประวัติการเดินทางเยอะ ๆ
- หนังสือรับรองเงินเดือน หรือหนังสือรับรองการทำงาน
- สเตทเม้นท์บัญชีภาษาอังกฤษ โดยเราสามารถขอผ่านแอปธนาคารได้เลยครับ ฟรี
- สำเนาจดทะเบียนสมรสภาษาอังกฤษ (ถ้ามี) โดยเราสามารถขอที่ที่ว่าการอำเภอ หรือสำนักงานเขตทั่วประเทศได้เลยครับ มีค่าธรรมเนียม 20 บาท
- เอกสารรับรองหรือแสดงถึงการเปลี่ยนชื่อของเราเป็นภาษาอังกฤษครับ (ถ้าเคยมีการเปลี่ยนนะ) โดยประเทศเกาหลีใต้ค่อนข้างซีเรียสเรื่องการเปลี่ยนชื่อมาก ๆ ครับ ซึ่งเอกสารพวกนี้เราสามารถขอที่ที่ว่าการอำเภอ หรือสำนักงานเขตทั่วประเทศได้เลย มีค่าธรรมเนียม 20 บาทครับ
สำหรับตัวผมเองนั้นเป็นคนไม่มีงานประจำนะครับ และมีรายได้ไม่แน่นอนด้วย โดยผมกรอกข้อมูลเอกสาร K-ETA ว่าเป็น Influencer, Writer และเดินทางไปกับภรรยาครับ แต่ว่าในส่วนของประวัติการเดินทางนั้นผมเคยไปปูซานแบบ 1 วัน ทางเรือสำราญ และมีประวัติการเดินทางไปประเทศอื่น ๆ มากกว่า 20 ครั้งครับ
วิธีการขอ K-ETA แบบเป็นขั้นตอนง่าย ๆ คลิกที่นี่
โดยตัวผมเองนั้นก่อนไปก็ค่อนข้างกังวลพอควรว่าจะมีปัญหาที่ ตม. หรือเปล่า เพราะกังวลเรื่องงานกับรายได้นี่แหละครับ ผมเลยเตรียมเอกสารไปค่อนข้างเยอะเลย แต่พอถึงเวลาจริงปรากฏว่า ตม. ช่องผม ไม่มีการถามอะไรเลยครับ ดูหน้ากับเช็คพาสปอร์ตแล้วก็ประทับตราให้ผ่านภายในเวลา 10 วินาที!!
ส่วนต๋งซึ่งเข้าคนละช่องกับผม โดนถามหลายข้อเลยทั้งบริษัทที่ทำงาน และลักษณะงานที่ทำครับ แต่โดยรวมก็ใช้เวลาไม่นานมากก็สามารถผ่านออกมาได้ครับ
ก็เอาเป็นว่าสำหรับใครที่เป็นนักท่องเที่ยวตัวจริง และมีประวัติการเดินทางเยอะ หรือมีหนังสือรับรองการทำงานเป็นหลักแหล่ง ก็ไม่น่าต้องกังวลอะไรกับ ตม.เกาหลีใต้ มากครับ เพราะเดี๋ยวนี้มันมีการสกรีนขั้นแรกมาตั้งแต่การขอ K-ETA แล้ว ถ้าเราสามารถยื่นขอ K-ETA ผ่าน โดยเฉพาะตั้งแต่การยื่นขอรอบแรก ก็น่าจะวางใจได้พอควรครับ
หมายเหตุ : กรณีที่เราไปกับครอบครัวหรือเพื่อน และคนในกลุ่มเรามีคนที่มีปัญหาด้านภาษาอังกฤษ สื่อสารไม่เก่ง แนะนำให้คนนั้นอยู่ในช่อง ตม. เดียวกับคนที่พอจะพึ่งพาได้นะครับ โดยให้คนที่น่าจะมีปัญหาเข้าไปก่อน และให้คนที่พึ่งพาได้ประกบหลัง หากมีปัญหาอะไรก็ให้ชี้มาที่คนด้านหลังได้เลยครับ
ส่วนเรื่องที่ควรต้องระมัดระวังที่สุดในการผ่าน ตม. ก็คือ “ห้ามนำเอาอาหารที่มีส่วนผสมของเนื้อสัตว์เข้าไปโดยเด็ดขาดครับ ไม่ว่าจะเป็นการ Carry On หรือโหลดใต้เครื่อง” โดยทางเจ้าหน้าที่สนามบินเค้าเคร่งมากกกกก มีการพาสุนัขเดิมดมกระเป๋าแต่ละคน 2-3 รอบเลย และหากเค้าตรวจเจอนอกจากคุณจะถูกยึดของ และโดนปรับแล้ว คุณยังจะต้องถูกนำไปลงบันทึกเสียประวัติด้วยนะครับ
ดังนั้นอย่าเอาไปเด็ดขาดเลยครับ หมูหยอง, หมูแผ่น, หมูฝอยต่าง ๆ โดนมาจะไม่คุ้ม และโดยรวมแล้วอาหารที่ประเทศเกาหลีใต้ก็อร่อย ทานแล้วถูกปากดีครับ
ขอให้ทุกคนมีความสุขกับการเดินทางไปเที่ยวประเทศเกาหลีใต้นะครับ และทุกคนสามารถอ่านเรื่องราวการไปเที่ยวทริปเชจูของผมแบบ 5 วัน 3 คืน ได้ที่ลิงก์ด้านล่างนี้เลยครับ
▪ ชำแหละ…ทัวร์เกาหลีใต้ 5 วัน 10,500 บาท มีจริงหรือ!!
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามจนจบครับ แล้วพบกันใหม่รีวิวหน้า สวัสดีครับ