วันที่เวียนเปลี่ยน วันที่เลยผ่าน รักคงมั่น
เราไม่เคยห่าง เคียงคู่ชิดใกล้ ทุกเวลา
ยอมทิ้งความฝัน ยอมทุกๆอย่าง ให้กันและกัน
เพียงได้เคียงข้าง เพียงได้ร่วมทาง โอ้รักนิรันดร์
เพลงนี้เป็นเพลงแรกที่ทำให้ผมรู้จักกับวงดนตรีที่ชื่อว่า “Pause” แต่ด้วยความที่ตอนนั้นผมยังเป็นแค่เด็ก ม.ต้น และไม่ค่อยใส่ใจอะไรเกี่ยวกับดนตรีหรือการฟังเพลงมากนัก ทำให้การฟังในครั้งนั้นมันเป็นแค่การฟังผ่านๆ หูไปเท่านั้นเอง
วันเวลาผ่านไปราวๆ 3 ปี จากเด็ก ม.ต้น ได้ก้าวเปลี่ยนเข้าสู่เด็ก ม.ปลาย จากคนที่ไม่ค่อยได้ฟังเพลงก็ฟังเพลงมากขึ้น และท่ามกลางยุคที่ RS กำลังครองเมืองนั้น ก็มีเสียงเพลงของผู้ชายคนหนึ่งแทรกผ่านอากาศมาสะกดหู และสะกดหัวใจผมซะอยู่หมัด
เสียงเพลงของ โจ้ อัมรินทร์ เหลืองบริบูรณ์ นักร้องที่ใครหลายๆ คนต่างให้สมญานามว่า “นักร้องเสียงมหัศจรรย์” กับเพลงที่มีเนื้อหาบาดใจมากเพลงนี้
ทุกครั้งที่ฉันคิดถึงเธอ
ใจมันคอยบอกตัวเองอยู่เสมอ
ว่าเธอนั้นเป็นสุขไปแล้ว
ทุกครั้งที่ฉันนั้นเห็นภาพเธอ
วันคืนเก่าๆ ก็กลับมาเสมอ
มีแต่เธอที่จะไม่กลับมาแล้ว
ยังมีอีกหลายสิ่ง
ที่ฉันยังไม่เคยพูดสักที
และมีอีกหลายอย่าง
ที่ไม่เคยทำจนวันนี้
รัก…. รักเธอ ทั้งหมดของหัวใจ
สิ่งเหล่านั้นเก็บไว้ข้างใน
เธอได้ยินไหมคนดี
อยากขอ…..ให้ความรู้สึกที่ฉันมี
ส่งไปถึงเธอที่แสนดี
ว่าชีวิตนี้ฉันมีแต่เธอดังความฝัน
จะพบกัน อีกได้ไหม
รักเธอทั้งหมดของหัวใจ (For My Brother) เพลงที่โจ้ขับร้องออกมาได้ดีมากๆ ด้วยความที่เป็นเพลงที่มีต้นกำเนิดมาจากประสบการณ์จริงของตัวเอง และได้พี่ บอย โกสิษพงษ์ แต่งเนื้อเพลงให้ เพื่อเป็นการระลึกถึงน้องชายของโจ้ ที่ประสบอุบัติเหตุรถชนจนเสียชีวิต
เพลงนี้เป็นเพลงที่ไม่ว่าผมจะได้ฟังเมื่อไหร่ก็ต้องรู้สึกเศร้าและกินใจทุกครั้งจริงๆ
แต่อย่างไรก็ตามแม้เพลงนี้จะโด่งดังและกินใจคนฟังมากแค่ไหน แต่ก็ไม่ได้ทำให้อัลบั้ม Evo & Nova ซึ่งเป็นอัลบั้มที่ 2 ของ Pause ในปี พ.ศ. 2541 โด่งดังแต่ประการใด เรียกได้ว่าโด่งดังเพียงแค่เพลงนี้เพลงเดียวเท่านั้นจริงๆ
และเมื่อเวลาผ่านไปอีกเพียงแค่ 1 ปี จากอัลบั้ม Evo & Nova
.
.
.
Pause ก็กลับมาใหม่กับอัลบั้มที่ 3 “Mild” อัลบั้มที่ทำให้ผู้ชายคนนึงถึงกับยอมขายหัวใจให้กับวงดนตรีวงนี้อย่างไม่คิดจะเอาคืน
สัมพันธ์
ข้อความ
ดาว
ฝันกลางวัน
บางสิ่ง
เหงา
ความลับ
เปล่าๆ
อย่าตัดสินใจ
จะรักเธอคนเดียว
กอดหมอน
คนที่หายไปจากชีวิต
12 เพลงจากอัลบั้มนี้ สามารถผลักดันตัวเองให้ไปติดหู ติดชาร์ต และติดใจคนฟังได้อย่างมากมาย จนกระทั่งถึงทุกวันนี้ โดยเฉพาะเพลงสนุกๆ อย่าง “กอดหมอน”, เพลงซึ้งๆ อย่าง “ความลับ”, เพลงมิตรภาพเพื่อนอย่าง “ข้อความ” และ เพลงรอลุ้นคำตอบของความรักอย่าง “ดาว” ที่ดังอย่างฉุดไม่อยู่จนแทบจะกลบต้นฉบับที่ “คริสติน” เคยร้องไว้ก่อนหน้านั้นซะมิด และทำให้หลายๆ คนคิดว่า original ของเพลงนี้คือเพลงของ Pause ซะงั้น
3 ปี ถัดมา ขณะที่ Pause กำลังวางแผนการทำอัลบั้มใหม่ ท่ามกลางการรอคอยของแฟนเพลงอย่างผมและอีกหลายๆ คนอย่างใจจดจ่อเพราะคิดถึงเสียงเพลงที่หายไปนาน ในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2545 ก็เกิดเหตุการณ์ที่ทำให้เวลาของผมและแฟนเพลงเหล่านั้นได้หยุดและดับมืดลงไปพร้อมๆ กัน
นับจากวันนั้น นับตั้งแต่ได้ยินข่าวนั้น หูทั้งสองข้างของผมก็คงจะไม่ได้ยินเสียงเพลงใหม่ๆ จากผู้ชายคนนี้อีกแล้ว T_T
และนับจากวันนั้น จนถึงวันนี้ ปี 2559 ก็เป็นเวลา 14 ปีแล้ว
.
.
.
14 ปีที่ผมแทบไมได้กดเปิดเพลง Pause ฟังอีกเลย ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านั้นผมเปิดฟังทุกวัน เปิดจนเทปอัลบั้ม “Mild” แทบจะยืดยาน
14 ปีที่ต้องเศร้าทุกครั้งที่ได้ยินเสียงเพลงของ Pause ตามคลื่นวิทยุ
จากเพลงที่ฟังทีไรแล้วใจสุข จากเสียงที่ฟังแล้วทำให้โลกสดใส กลับกลายเป็นเสียงและเพลงที่ทำให้เหงา เศร้า และโคตรคิดถึง
เราจะหาคนที่มีเสียงร้องแบบนี้ได้อีกที่ไหน หรือจะต้องรออีกกี่สิบปีถึงจะมีวงดนตรีอื่นที่จะสามารถมาแทนที่วงนี้ได้?
14 ปีที่อะไรๆ ก็เปลี่ยนไป จากเทป ซีดี TV สู่ MP3 Youtube และ Facebook
.
.
และจาก Feed นึงที่โผล่ขึ้นมาใน Facebook กับเพียงแค่ข้อความสั้นๆ คลิปเสียงเพียงแค่ไม่กี่วินาที ก็ทำให้ผมต้องขยี้ตา หัวใจเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ และนำผมไปสู่การตามกด like fanpage “Pause” และรอคอยเวลา 20.00 น. ของวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2559 อย่างใจจดจ่อ
วันที่ผมและแฟนเพลงของ Pause พร้อมใจกัน online และออนอยู่ที่หน้า Page นึงพร้อมๆ กัน เพื่อฟังและเพื่อที่จะได้เห็นอะไรบางอย่างกับตาของตัวเอง บางอย่างที่สามารถที่จะเรียกได้ว่าเป็น “ปรากฏการณ์ปาฏิหาริย์”
และเมื่อประโยคนี้ได้ลอยผ่านลำโพงของ ipad ผมออกมา
“หากคำว่ารักคือคำที่แทนทุกสิ่งได้จริงอย่างที่มีความหมาย รักเอยจะทำอย่างไร รักเอยจะแทนได้ไหม”
โลกดนตรีของผมที่เคยมืด เทปของผมที่เคยถูกกดหยุดไว้นานแสนนาน วันนี้มันได้ถูกกดให้เดินหน้าอีกครั้งแล้วครับ
สำหรับบางคนที่ได้ฟังเพลงนี้ อาจจะรู้สึกถึงความแปลก ความไม่เข้ากันของเนื้อเพลง เสียงเพลง ในหลายๆ ท่อน แต่สำหรับผมเพียงเท่านี้ เพียงแค่ประโยคแรกที่ได้ยินนั้น มันก็คุ้มและดีงามมากเกินพอแล้วครับ
ที่สำคัญ…….คำว่ารักของเพลงนี้ มันมีอาณุภาพมากมายจริงๆ เพียงแค่ 4 นาที กับ 30 วินาที มันได้ทำให้ทุกอย่างของผมกลับมาขับเคลื่อนอีกครั้งอย่างที่มันเคยเป็น
.
.
อาจไม่ใช่ฉันที่เธอค้นหา
กอดหมอนนอนดูแต่ข้างฝา เวลาก็ผ่านมานานแล้วตั้งหลายปี ตั้งหลายปี
จะอยู่ไกลห่างสักเท่าไร
มอง มองเธอมาแสนนาน
เพราะฉันเพิ่งบอกรักไป และเขาก็รับฟังทุกอย่างทุกถ้อยคํา เหมือนความฝัน
.
.
เสียงเพลงเหล่านี้ที่ถูกกด Pause ไว้มานานแสนนาน วันนี้มันจะโลดแล่นต่อไป และจะ Play ต่อไปเรื่อยๆ จนถึงเวลาอันสมควร
.
.
เวลาอันสมควรที่จะได้บรรเลงเพลงนี้เป็นฉากจบที่สมบูรณ์
ยังมีอีกหลายสิ่ง
ที่ฉันยังไม่เคยพูดสักที
และมีอีกหลายอย่าง
ที่ไม่เคยทำจนวันนี้…..
รัก…. รักเธอ ทั้งหมดของหัวใจ
สิ่งเหล่านั้นเก็บไว้ข้างใน
เธอได้ยินไหมคนดี
อยากขอ…..ให้ความรู้สึกที่ฉันมี
ส่งไปถึงเธอที่แสนดี
ว่าชีวิตนี้ฉันมีแต่เธอดังความฝัน
จะพบกัน
บอก..รัก…. รักเธอ ทั้งหมดของหัวใจ
สิ่งเหล่านั้นเก็บไว้ข้างใน
เธอได้ยินไหมคนดี
อยากขอ…..ให้ความรู้สึกที่ฉันมี
ส่งไปถึงเธอที่แสนดี
ว่าชีวิตนี้ฉันมีแต่เธอดังความฝัน
แล้วสักวันจะไปหา
เขียน ณ วันที่ 7 มีนาคม 2559
หมายเหตุ : ภาพทั้งหมดที่ประกอบในบทความนี้ ผม save มาจาก internet นะครับ ไม่ได้เป็นคนถ่ายเอง และเพื่อให้บทความดูต่อเนื่อง ในเนื้อความผมขออนุญาตใช้คำว่าโจ้ อมรินทร์ โดยตัดคำว่าพี่ออกไปนะครับ