ที่พักประเภทแพริมแม่น้ำถือเป็นที่พักอีกหนึ่งประเภทที่หลายๆ คนชอบไปพักกัน โดยเฉพาะที่จังหวัดกาญจนบุรี และล่าสุดนี้ผมก็พึ่งได้มีโอกาสไปพักในที่พักรูปแบบนี้มาครับ โดยที่พักของผมนั้นมีชื่อว่า “The FloatHouse River Kwai Resort (เดอะ โฟลทเฮ้าส์ ริเวอร์แคว รีสอร์ท)” และผมต้องบอกเลยว่าผมรู้สึกประทับใจที่นี่หลายอย่างมากๆ จนผมยกให้เป็นที่พักประเภทแพริมแม่น้ำที่ดีที่สุดในจังหวัดกาญจนบุรีของผมในตอนนี้เลยครับ

จุดเด่นของ The FloatHouse River Kwai

  • ห้องกว้างขวางและตกแต่งสวยงามมาก
  • ห้องน้ำดี และมีการแยกส่วนเปียกส่วนแห้งออกจากกันอย่างชัดเจน
  • มีระเบียงริมน้ำส่วนตัวห้องใครห้องมัน และที่ระเบียงริมน้ำนี้ยังมีเปลนอนและชิงช้าให้ทุกห้องด้วย
  • การเข้าพักในแต่ละห้องมีความเป็นส่วนตัวสูง แทบไม่มีความรู้สึกกังวลกับคนที่เข้าพักในห้องข้างๆ เลย
  • สิ่งอำนวยความสะดวกในห้องครบครัน มีทุกอย่างที่เราต้องการในการเข้าพักระยะสั้นแบบไม่เกิน 4-5 คืน
  • บรรยากาศดีมากๆ โดยเฉพาะช่วงเช้าและเย็น
  • โครงสร้างของที่พักแข็งแรงและดีมาก เราสามารถพักผ่อนและนอนหลับได้สบายๆ โดยที่ไม่รู้สึกถึงการสะเทือนและโคลงเคลงเลย
  • มีกิจกรรมให้ทำหลายอย่าง เช่น พายเรือแคนู, เล่นซัพบอร์ด, ปั่นจักรยาน, เที่ยวถ้ำ, ชมหมู่บ้านมอญ, ล่องแพแห้ง, ล่องแพเปียก หรือกระโดดลงไปเล่นในแม่น้ำแควน้อยแล้วปล่อยตัวให้ไหลไปตามกระแสน้ำครับ ซึ่งอย่างหลังสุดนี่ผมแนะนำเลย สนุกและดีมาก!!
  • อาหารอร่อย และมีให้เลือกทานหลากหลาย
  • พนักงานบริการดี

เช็คราคาที่พักและจอง The FloatHouse River Kwai ราคาพิเศษผ่าน Agoda คลิกที่นี่

ที่ตั้งและการเดินทาง

สำหรับที่ตั้งของ The FloatHouse River Kwai นั้นจะอยู่ที่ริมแม่น้ำแควน้อย ใน อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ครับ โดยการเดินทางมาที่นี่หลักๆ นั้นจะมาได้ 2 ทาง คือ การขับรถ และการนั่งเรือ แต่ผมต้องบอกก่อนนะครับว่าเส้นทางการขับรถไปที่ The FloatHouse River Kwai ในช่วงท้ายๆ นั้นถนนมันจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่ อีกทั้งพอไปถึงแล้วเรายังต้องยกกระเป๋าขึ้นลงบันไดอีกเกือบ 100 ขั้นด้วย ดังนั้นทางรีสอร์ทจึงแนะนำให้คนส่วนใหญ่เดินทางไปทางเรือมากกว่า ยกเว้นคนที่มีปัญหาหรือต้องการหลีกเลี่ยงการเดินทางทางเรือจริงๆ ครับ

โดยในการขึ้นเรือไปยัง The FloatHouse River Kwai นั้น เราจะต้องขับรถไปที่ “ท่าเรือพุตะเคียน” ตาม Google Map ด้านล่างนี้ครับ (ห้ามตั้ง GPS หรือพิกัดไปที่ The FloatHouse River Kwai นะ ไม่งั้นจะไปผิดที่และอ้อมมากๆ ครับ)

Google Map ท่าเรือพุตะเคียน : https://g.page/phutakienpier?share

นี่เป็นหน้าตาของท่าเรือพุตะเคียนครับ มีที่จอดรถแบบ Outdoor ให้จอดเป็นจำนวนมาก โดยเราสามารถจอดได้ฟรีๆ เลย นอกจากนี้ยังมีห้องน้ำและร้านอาหารเล็กๆ บริการด้วย ส่วนใครที่กังวลเรื่องความปลอดภัยในการที่จะต้องจอดรถค้างไว้ที่นี่ก็สบายใจได้เลยครับ เค้าจะมีเจ้าหน้าที่คอยดูแลตลอด รวมทั้งมีกล้องวงจรปิดติดตั้งไว้ด้วยครับ

ส่วนนี่เป็นลักษณะของเรือที่เราจะต้องนั่งครับ โดยที่ท่าเรือพุตะเคียนนี้จะเป็นท่าเรือที่สามารถใช้เดินทางไปโรงแรมหรือรีสอร์ทในเครือ SERENATA ได้ถึง 5 ที่เลย ได้แก่ River Kwai Resotel, The FloatHouse River Kwai, River Kwai Jungle Rafts, โฮมพุเตย และหินตก ริเวอร์แคมป์ ณ ช่องเขาขาดครับ ใครที่อยากจะเดินทางไปรีสอร์ทเหล่านี้ทางเรือ เพื่อที่จะได้สัมผัสกับธรรมชาติอย่างใกล้ชิด ก็สามารถมาขึ้นเรือที่จุดนี้ได้เลยครับ แต่โดยส่วนใหญ่แล้วคนที่เดินทางมาขึ้นเรือที่นี่ก็จะมีจุดหมายอยู่ 2 ที่เท่านั้นก็คือ The FloatHouse River Kwai และ River Kwai Jungle Rafts เพราะอีก 3 ที่ที่เหลือนั้นเราสามารถขับรถไปถึงได้เลย และไม่ลำบากมากครับ

สำหรับใครที่อยากจะรู้ว่ารีสอร์ทอื่นๆ ในเครือ SERENATA ที่ผมพูดถึงไปนั้นหน้าตาเป็นยังไง หรือมีจุดเด่นยังไงบ้าง ก็สามารถกดอ่านที่ลิงก์ด้านล่างนี้ได้เลยครับ ผมเคยได้มีโอกาสไปพักมา 2 ที่แล้ว แต่ละที่ต่างก็มีจุดเด่นที่น่าสนใจทั้งนั้นครับ

Hintok River Camp

บรรยากาศการนั่งรอเรือชิลๆ ครับ บรรยากาศดีมากเลย โดยในการนั่งเรือไปที่ The FloatHouse River Kwai และ River Kwai Jungle Rafts นั้น ลูกค้าของโรงแรมทุกคนจะสามารถนั่งได้ฟรีทั้งไปและกลับ ไม่เสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างใดครับ ส่วนเรื่องระยะเวลาที่เรือจะออกแต่ละรอบนั้น ผมว่าเค้าไม่ได้มีกำหนดตายตัวนะ ส่วนใหญ่พอลูกค้ามาถึงเค้าก็จะจัดการเตรียมอะไรเล็กน้อย และพาไปส่งได้เลยครับ

เย้!!! และในที่สุดก็ได้เวลาออกเดินทางแล้วครับ บรรยากาศตอนที่กำลังนั่งเรือไปนั้นดีมาก ได้สัมผัสกับธรรมชาติและสายน้ำอย่างใกล้ชิดเลยครับ

นั่งเรือประมาณ 10 นาที เราก็มาถึงพื้นที่ของ The FloatHouse River Kwai แล้วครับ โดยเราจะสามารถมองเห็นได้ตั้งแต่ระยะไกลเลย และเรือก็จะพาเราไปจอดที่บริเวณตรงกลางรีสอร์ท ซึ่งเป็นจุด Reception ครับ

Reception

ลักษณะ Reception ของ The FloatHouse River Kwai จะเป็นแบบ Open Air หลังคาสูง ดูโปร่งๆ นะครับ พื้นที่เคาน์เตอร์จะมี 2 ช่อง แล้วก็จะมีโต๊ะเก้าอี้ให้นั่งพักผ่อนมากมายครับ

ส่วน Welcome Drink จะเป็นน้ำสมุนไพรเย็นๆ ครับ ทานแล้วชื่นใจดี

ประเภทห้องพัก

ประเภทห้องพักของ The FloatHouse River Kwai นั้นจะมีเพียงแค่แบบเดียวเท่านั้นคือ “Floating Villa” ที่มีพื้นที่ประมาณ 89 ตร.ม. ครับ ซึ่งเรียกว่ากว้างมากๆ เลยล่ะ โดยเค้าจะมีทั้งหมด 30 ห้อง เพียงแต่ในแต่ละห้องนั้นอาจจะมีรูปแบบเตียงต่างกันออกไปเท่านั้น เช่น Double Bed, Twin Bed เป็นต้น ส่วนรายละเอียดและฟังก์ชั่นอื่นๆ จะเหมือนกันทั้งหมดเลยครับ

ห้องพัก Floating Villa แบบ Double Bed

สำหรับห้องพักประเภทนี้จะเป็นห้องพักที่ผมกับต๋งเข้าพักนะครับ รูปแบบเตียงจะเป็นเตียง King Size ขนาดใหญ่ จำนวน 1 เตียง และหากใครที่ต้องการจะเสริมเตียง เพิ่มจำนวนคนที่เข้าพักอีก ภายในห้องทุกห้องเค้าจะมี Sofa Bed ขนาดใหญ่ ที่สามารถแปรสภาพเป็นที่นอนอีกอันได้ครับ

หน้าตาห้องพักโดยรวมจะเป็นแบบนี้นะครับ ขนาดห้องกว้าง การตกแต่งสวยงาม และสิ่งอำนวยความสะดวกครบถ้วน แว้บแรกที่ผมเห็นนั้นต้องบอกว่ารู้สึกว้าวและประทับใจมากๆ เลยล่ะครับ ไม่คิดว่าห้องพักแบบแพริมน้ำจะมีขนาดใหญ่และมีโครงสร้างแข็งแรง รวมทั้งตกแต่งออกมาได้ดีแบบนี้ครับ

เรามาดูที่เตียงกันก่อนเลยนะครับ ห้องพักของผมเป็นแบบ Double Bed จึงเป็นเตียง King Size ขนาดใหญ่ ความนุ่มของที่นอนและหมอนดีมากครับ รวมทั้งเค้ายังให้หมอนมาเพียบ ส่วนบริเวณรอบเตียงนั้นก็มีมุ้งที่เราสามารถดึงลงมาคลุมเตียงได้ เผื่อใครอยากจะนอนสัมผัสกับธรรมชาติแบบเปิดดูวิวข้างนอกไปด้วย โดยที่ไม่ต้องเปิดแอร์ครับ

ภายในห้องนั้นถ้าผมเข้าใจไม่ผิดเค้าน่าจะมีแอร์ 2 ตัวนะครับ ทำงานเร็วและเย็นมาก รวมทั้งยังมีพัดลมขนาดใหญ่ติดตั้งอยู่บนเพดานบริเวณเตียงนอนของเราด้วย โดยในช่วงที่ผมไปนั้นจะเป็นช่วงกลางเดือนธันวาคม และผมอยากจะบอกว่าอากาศช่วงนั้นมันดีมากครับ เย็นสบายทั้งในช่วงกลางวันและกลางคืนจนผมแทบจะไม่ได้เปิดแอร์ของเค้าเลยครับ @_@

อันนี้เป็น Sofa Bed ขนาดใหญ่ที่ผมบอกว่าเค้าสามารถเสริมเป็นเตียงได้นะครับ นอกจากนี้ที่ปลายเตียงของเราก็ยังมีโซฟาอีกหนึ่งตัวที่ใช้สามารถนอนและนั่งเล่นชมวิวข้างนอกได้ด้วย

สิ่งอำนวยความสะดวกในห้องเรียกว่าให้มาครบๆ ครับ ไล่ตั้งแต่ Wifi, โทรทัศน์, แอร์, เครื่องชงกาแฟ, กาน้ำร้อน, ตู้เย็น, ตู้เสื้อผ้า, รองเท้าแตะ, ตู้เซฟ, เสื้อคลุมอาบน้ำ, ร่ม รวมไปถึงโต๊ะทำงานครับ

เครื่องชงกาแฟจะเป็นแบบแคปซูลนะครับ อันนี้เราสามารถทานฟรีได้เลย ไม่มีค่าใช้จ่ายครับ

ส่วนนี่เป็นตู้เย็น, เครื่องดื่ม และของขบเคี้ยวต่างๆ ครับ ในส่วนที่เราสามารถทานฟรีได้เลยก็จะเป็นน้ำเปล่าขวดแก้ว 4 ขวด, ชา และกาแฟครับ ส่วนเครื่องดื่มอื่นๆ และขนมต่างๆ จะมีค่าใช้จ่ายตามเอกสารที่เค้าวางไว้ครับ

ตู้เสื้อผ้าครับ กว้างเลย มีตู้เซฟ, ไม้แขวนเสื้อ, เสื้อคลุมอาบน้ำ และรองเท้าแตะครับ

บริเวณโต๊ะทำงานครับ

มาดูในส่วนของห้องน้ำกันบ้างครับ อยากจะบอกว่ามันดีและกว้างมาก โดยทาง The FloatHouse River Kwai จะมีการแยกห้องน้ำออกเป็นทั้งหมด 3 ส่วนด้วยกัน ได้แก่ บริเวณอ่างล้างหน้า, บริเวณอาบน้ำ และบริเวณสุขาครับ ซึ่งมันจะเป็นการแยกส่วนเปียกและแห้งออกจากกันอย่างชัดเจน รวมทั้งยังใช้งานง่ายมากด้วย ไปพักกัน 2-3 คนก็สามารถแบ่งๆ กันใช้คนละโซนได้เลย

อันนี้บริเวณอ่างล้างหน้าครับ พื้นที่กว้างเลย สามารถใช้แต่งตัวได้สบายๆ และเค้าจะมีผ้าเช็ดตัว, ผ้าเช็ดผม, ไดร์เป่าผม, หมวกคลุมอาบน้ำ และสำลีเช็ดหูให้เรียบร้อยครับ

บริเวณส่วนเปียกที่เราใช้อาบน้ำครับ มีสบู่, ยาสระผม และครีมนวดผมให้เรียบร้อย ส่วนน้ำก็เป็นน้ำอุ่นครับ และที่ผมชอบมากๆ ก็คือแม้จะเป็นห้องน้ำที่อยู่บนแพ แต่เค้าก็มีการตกแต่งบางอย่างที่ให้อารมณ์เหมือนเรากำลังอาบน้ำแบบกึ่ง Outdoor อยู่ครับ เราอาบน้ำไปก็สามารถเห็นวิวต้นไม้เขียวๆ สวยๆ ไปได้ด้วย จุดนี้เป็นจุดที่ผมชอบมากๆ เลยล่ะครับ

บริเวณสุขาซึ่งเป็นส่วนแห้งครับ ขนาดถือว่ากว้าง และมีกระดาษชำระรวมถึงสายฉีดชำระให้เรียบร้อย ความแรงของน้ำก็ถือว่าดีเลยครับ

มาดูพื้นที่ในส่วนด้านนอกกันบ้างนะครับ โดยพื้นที่เหล่านี้ก็ยังเป็นพื้นที่ของห้องเรานะ คนอื่นๆ ไม่สามารถเข้ามาได้เลย โดยพื้นที่บริเวณนี้ผมว่ามันกว้างเลยมากล่ะ เราสามารถทำกิจกรรมอะไรได้เยอะมาก และมีเก้าอี้, เปลนอน รวมถึงชิงช้าริมน้ำให้เรียบร้อยครับ

ใครที่ชอบเสพความสดชื่นจากธรรมชาติ และเป็นคนชอบสายน้ำกับต้นไม้เขียวขจีน่าจะถูกใจแน่ๆ ครับ สามารถมานั่งเล่นตรงนี้แทบทั้งวันได้เลย โดยจะนั่งเล่นชมวิวเฉยๆ, เล่นมือถือ, จิบกาแฟ หรืออ่านหนังสือดีๆ ซักเล่มก็ได้ อันนี้แล้วแต่ความชอบของแต่ละคนเลยครับ

อ้อ ภายในห้องเค้าจะมีเกมส์สนุกๆ อันนี้ให้เล่นด้วยนะ ใครชอบความท้าทายก็ลองหยิบมาเล่นกันนะ

ส่วนใครที่อยากได้รูปเด็ดๆ ปั๊วๆ ปังๆ ผมแนะนำว่าให้นำหมอนและฟูกจากโซฟาบริเวณปลายเตียงมาวางไว้ตรงบริเวณริมน้ำแบบนี้นะครับ มันเป็นจุดนึงที่ถ่ายรูปออกมาได้สวยมากๆ โดยเฉพาะช่วงเช้าๆ ที่พระอาทิตย์พึ่งขึ้น เราจะเห็นหมอกไหลไปมาบนสายน้ำเยอะเลยครับ

ที่สำคัญเราไม่ต้องกังวลเรื่องความแข็งแรงของบริเวณนี้เลยนะครับ มันแข็งแรงมากกก ไม่มีโยกเยกหรือโคลงเคลงเลย เรียกว่าถ้าเราไม่เล่นอะไรพิเรนหรือประมาทจริงๆ โอกาสที่เราจะพลาดตกน้ำโดยที่ไม่ตั้งใจ มีน้อยมากๆ ครับ

ส่วนนี่เป็นวิวที่ผมมองสามารถมองเห็นได้จากห้องของผมครับ ใครที่อยู่ห้องต้นๆ หรือท้ายๆ หน่อยก็จะได้เห็นแนวแพเรียงโค้งยาวแบบนี้เลย

โดยรวมต้องบอกว่าห้องพักแบบ Floating Villa ของ The FloatHouse River Kwai นั้นเป็นห้องที่ผมประทับใจมากๆ เลยครับ ห้องกว้าง สวย และทุกอย่างครบมาก มันเป็นการเข้าพักแล้วทำให้ผมรู้สึกประทับใจมาก สามารถอยู่ได้ 2-3 วันสบายๆ โดยที่ไม่รู้สึกอึดอัดแต่อย่างใดเลยครับ

Facilities และกิจกรรมที่น่าสนใจ

ด้วยความที่ The FloatHouse River Kwai นั้นเป็นที่พักในรูปแบบแพริมน้ำ ดังนั้น Facilities ในพื้นที่ของรีสอร์ทจึงมีไม่เยอะเท่าไหร่ครับ จะมีเพียงแค่ห้องอาหาร, สปา แล้วก็ Reception เท่านั้น แต่ในเรื่องของกิจกรรมอื่นๆ ที่เราสามารถทำได้ก็ถือว่ามีเยอะและหลากหลายอยู่ครับ เพราะเราจะสามารถออกไปใช้พื้นที่อื่นๆ ที่อยู่นอกรีสอร์ทได้ครับ

Spa หรือนวดแผนไทย

ในช่วงที่ผมไปใช้บริการนั้น พื้นที่ในส่วนนี้ทาง The FloatHouse River Kwai เค้าปิดบริการชั่วคราวนะครับ ตามมาตรการป้องกันโรคโควิด-19 แต่ในสถานการณ์ปกตินั้นเราสามารถไปใช้บริการในส่วนนี้ได้ โดยมันจะตั้งอยู่บริเวณสุดทางของแพเลยครับ และที่บริเวณใกล้ๆ กันนั้นยังจะมีทางเดินที่ทอดยาวที่เราสามารถเห็นวิวเรือนแพสวยๆ ทอดเป็นแนวยาวได้ รวมทั้งยังสามารถใช้เป็นที่ถ่ายรูปสวยๆ ได้ด้วยครับ

ใครมีเวลาก็ลองแวะไปดูนะ ผมว่าน่าสนใจอยู่เหมือนกัน

ห้องอาหาร

ลักษณะห้องอาหารของ The FloatHouse River Kwai นั้นจะเป็นแบบ Open Air นะครับ อยู่ไม่ห่างจาก Reception มาก พื้นที่โดยรวมถือว่ามีขนาดกว้างขวาง สามารถรองรับลูกค้าประมาณ 50-60 พร้อมกันได้ โดยห้องอาหารแห่งนี้จะเป็นห้องอาหารที่เปิดบริการตลอดทั้งวัน ทั้งเช้า, เที่ยง และเย็น ใครหิวก็สามารถมาใช้บริการได้ตลอด หรือเราจะสั่งแล้วให้เค้าไปเสิร์ฟที่ห้องก็ได้ โดยรายละเอียดในเรื่องของอาหารต่างๆ นั้นเดี๋ยวผมจะไปเล่าอีกทีในช่วงท้ายของรีวิวนี้นะครับ

กิจกรรมกระโดดน้ำปล่อยตัวไหลไปแม่น้ำแควน้อย

กิจกรรมนี้เป็นกิจกรรมเดียวที่เราสามารถทำได้ที่รีสอร์ทหรือที่ห้องพักของเราเลยครับ และผมแนะนำให้ทุกคนที่ไม่กลัวการเล่นน้ำลองครับ มันดีและสนุกมาก!!

สำหรับรูปแบบการเล่นก็คือเราจะต้องไปขอยืมเสื้อชูชีพจากบริเวณ Reception จากนั้นก็ทำการใส่เข้าที่ตัวของเราอย่างแน่นหนา และทำการกระโดดลงแม่น้ำแควน้อย หลังจากนั้นสายน้ำก็จะค่อยๆ พาเราไปที่บริเวณท้ายรีสอร์ทโดยอัตโนมัติครับ และพอเราเห็นสัญลักษณ์ “ธงแดง” ที่ท้ายรีสอร์ทเมื่อไหร่ก็ให้เรารีบเอาตัวเข้าไปที่บริเวณทางเดินท้ายรีสอร์ททันที มันจะมีจุดให้เราจับและมีบันไดให้เราขึ้นจากน้ำครับ โดยเค้าจะมีจุดให้เราจับและขึ้นอยู่ 2 ที่นะ ยังไงก็อย่าปล่อยตัวไหลไปตามน้ำเพลินจนลืมสังเกตดูธงแดงและทางขึ้นล่ะ เดี๋ยวจะงานงอกได้ ><

ทั้งนี้ในแต่ละวันกระแสน้ำจะมีความแรงไม่เท่ากัน วันไหนที่กระแสน้ำแรงหน่อยเราก็ต้องระมัดระวังมากขึ้นนะครับ ส่วนจุดที่เราสามารถกระโดดลงน้ำได้นั้นจะมี 2 จุด คือ บริเวณท่าน้ำของห้องเรา กับบริเวณ Reception โดยห้องใครที่อยู่ต้นๆ แพหน่อย ผมแนะนำให้กระโดดจากท่าน้ำของห้องเราเลยนะครับ เพราะเราจะได้ไหลไปตามน้ำยาวๆ เลย ไม่ต้องขึ้นลงหลายรอบ ส่วนห้องใครที่อยู่ท้ายๆ แพหน่อย ผมแนะนำให้มากระโดดที่บริเวณ Reception ซึ่งจะอยู่บริเวณกลางรีสอร์ทแทนนะครับ

ปั่นจักรยานชมสวน, ถ้ำละว้า และหมู่บ้านมอญ

ตั้งแต่กิจกรรมนี้เป็นต้นไปจะเป็นกิจกรรมที่เราจะต้องออกไปทำนอกบริเวณที่เราพักแล้วนะครับ โดยกิจกรรมแรกที่ผมอยากจะแนะนำทุกคนก็คือการปั่นจักรยานชมทิวทัศน์ต่างๆ ครับ ทั้งสวนผลไม้, สวนผัก, ถ้ำละว้า แล้วก็หมู่บ้านมอญ โดยการจะเริ่มกิจกรรมนี้ก็สามารถทำได้ง่ายๆ เลย เพียงแค่เราเดินขึ้นบันไดด้านหลังที่อยู่ใกล้ๆ กับ Reception จากนั้นเราก็จะเจอกับจุดที่ทาง The FloatHouse River Kwai จอดจักรยานไว้แบบนี้ครับ มีหลายคันเลย และเราสามารถนำจักรยานเหล่านี้ไปปั่นได้ฟรีๆ โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างใดครับ

โดยบริเวณใกล้ๆ กับจุดบริการจักรยานนี้ เค้าจะมีการติดป้ายบอกไว้ด้วยว่าจุดที่น่าสนใจนั้นมีอะไรบ้าง ซึ่งผมก็สรุปมาให้ตามนี้แล้วครับ

  • สวนผัก 150 เมตร
  • หมู่บ้านมอญ 250 เมตร
  • ถ้ำละว้า 300 เมตร
  • โรงแรม Resotel River Kwai 500 เมตร
  • สวนผลไม้ 950 เมตร

ใครสนใจจะไปที่ไหนก็ปั่นไปตามป้ายได้เลยครับ เส้นทางไม่ยากและไม่มีหลง ส่วนวันนี้ผมเลือกไป 2 ที่นะครับ คือ หมู่บ้านมอญและถ้ำละว้า

อันนี้คือภาพของหมู่บ้านมอญครับ โดยพื้นที่ที่เราเห็นอยู่นี้ก็เป็นพื้นที่ส่วนหนึ่งของ The FloatHouse River Kwai นะ เพียงแต่ทางรีสอร์ทเค้าได้อนุญาตให้ชาวมอญเหล่านี้ได้อาศัยอยู่ในพื้นที่ครับ และชาวมอญหลายคนในหมู่บ้านนี้ก็ทำงานที่ The FloatHouse River Kwai หรือไม่ก็ที่ Resotel River Kwai นี่แหละครับ

ส่วนนี่เป็นถ้ำละว้าครับ โดยถ้ำนี้เป็นถ้ำเก่าแก่ที่อยู่ภายในพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติไทรโยค ภายในถ้ำจะมีทั้งหมด 5 ห้อง และแต่ละห้องจะมีชื่อรวมทั้งเรื่องราวความเป็นมาด้วยครับ ใครที่สนใจก็สามารถไปเที่ยวชมได้ แต่ผมต้องแจ้งให้ทราบก่อนนะว่ามันจะต้องเสียค่าธรรมเนียมในการเข้าอุทยานด้วยครับ (คนไทย 100 บาท ต่างชาติ 300 บาท) และเราจะต้องเดินขึ้นบันไดไปอีก 114 ขั้น จึงจะถึงปากถ้ำ ตอนเดินขึ้นไปนี่มีเหนื่อยหอบๆ เหมือนกันครับ

ภายในถ้ำจะมีการติดตั้งไฟให้แสงสว่างเป็นบางบริเวณ และมีการปรับปรุงพื้นที่ให้เดินชมได้ง่าย แต่อย่างไรก็ตามในบางพื้นที่นั้นก็ค่อนข้างมืด และอาจจะต้องมีการมุด ย่อ หรือระวังศีรษะด้วย ดังนั้นเราก็ควรจะต้องระมัดระวังในการเข้าชม และควรพกไฟฉายติดตัวไปด้วยนะครับ หรือถ้าใครไม่มีจริงๆ ก็สามารถใช้ไฟฉายจากมือถือหรือขอยืมไฟฉายจากเจ้าหน้าที่ด้านล่างก็ได้ครับ

หมายเหตุ : ในการเข้าชมถ้ำละว้าในช่วงวันหยุดหรือวันเสาร์-อาทิตย์ ส่วนใหญ่จะมีมัคคุเทศก์จิ๋วซึ่งเป็นเด็กๆ แถวนั้นพาเราขึ้นลงเข้าชมถ้ำ พร้อมทั้งเล่าเรื่องราวต่างๆ ที่น่าสนใจให้ฟังครับ ใครที่รู้สึกประทับใจก็ให้เงินตอบแทนน้องๆ เค้าได้นะ เพราะเค้าอาสาสมัครมาทำให้ฟรี ส่วนถ้าใครไปวันธรรมดาก็ต้องดูแลตัวเอง เดินขึ้นลงชมกันเองนะครับ

ส่วนนี่เป็นกิจกรรมแถมจากการไปปั่นจักรยานชมวิวครับ โดยที่บริเวณบันไดขึ้นลงด้านหลังรีสอร์ทเพื่อไปยังจุดที่รถจักรยานจอดอยู่นั้น มันจะมีเก้าอี้ชายหาดตั้งอยู่บนเนินดินเล็กๆ แบบนี้อยู่ครับ ให้อารมณ์คล้ายๆ กับกำลังนอนริมชายหาดเลย ใครอยากจะไปนอนเล่นนั่งเล่นชมวิวตรงนี้ก็ได้ หรือจะให้เด็กๆ ไปเล่นน้ำตรงนี้ก็ได้ เพราะมันจะเป็นแอ่งที่น้ำจะไม่ได้พัดไหลไปไหนครับ รวมทั้งเค้ายังมีฝักบัวชำระล้างตัวติดตั้งไว้อยู่ใกล้ๆ ด้วย

นั่งเรือชมสายน้ำและเที่ยวชมหมู่บ้านมอญแห่งที่ 2

กิจกรรมถัดมาคือการนั่งเรือไปชมหมู่บ้านมอญอีกแห่งครับ โดยหมู่บ้านมอญแห่งนี้จะมีขนาดใหญ่กว่าหมู่บ้านมอญที่เราพึ่งปั่นจักรยานไปชมมาเมื่อกี้ รวมทั้งยังมีส่วนของโรงเรียน, ที่เลี้ยงช้าง, วัด, เจดีย์ชเวดากองจำลอง และพระธาตุอินทร์แขวนจำลองด้วยครับ ใครที่สนใจก็สามารถติดต่อสอบถามกับ Reception ได้เลยครับ เค้าจะมีบริการเรือพาไปชมพร้อมไกด์คอยอธิบาย ส่วนราคานั้นจะอยู่ที่ 1,000 บาทต่อลำ สามารถนั่งได้สูงสุด 10 คนครับ (เราสามารถไปจอยทริปกับคนอื่นได้ครับ)

สำหรับเวลาในการนั่งเรือไปชมหมู่บ้านมอญแห่งที่ 2 นั้นจะอยู่ที่ประมาณ 1.30 – 2 ชั่วโมงนะครับ โดยเราจะต้องนั่งเรือจาก The FloatHouse River Kwai ไปยัง River Kwai Jungle Rafts ซึ่งเป็นอีกหนึ่งที่พักในเครือ SERENATA จากนั้นก็เดินเท้าต่ออีกเล็กน้อยครับ โดยที่พักที่ชื่อว่า River Kwai Jungle Rafts นั้นจะเป็นที่พักสไตล์แพริมน้ำเหมือนกัน แต่จะมีจุดเด่นตรงที่ที่นี่จะไม่มีไฟฟ้าเลยตลอดทั้งวัน สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ก็จะน้อยกว่าที่ The FloatHouse River Kwai รวมทั้งห้องมีขนาดเล็กกว่าด้วย แต่ทุกคนที่มาที่นี่จะได้สัมผัสกับธรรมชาติที่ใกล้ชิดกว่า และแทบจะเรียกว่าตัดขาดจากโลกภายนอกไปได้เกือบ 100% เลยครับ ใครที่ชอบที่พักสไตล์นี้ก็ลองหาข้อมูลเพิ่มเติมดูนะ ผมว่ามันก็น่าสนใจดี ^^

ส่วนนี่เป็นภาพต่างๆ ของหมู่บ้านมอญแห่งที่ 2 ครับ มีหลายจุดที่น่าสนใจมาก ทั้งบริเวณเลี้ยงช้าง, โรงเรียน, เจดีย์ชเวดากองจำลอง และพระธาตุอินทร์แขวนจำลองครับ

กิจกรรมทางน้ำอื่นๆ

สำหรับใครที่ชอบกิจกรรม Extreme หรืออยากได้อารมณ์แอดแวนเจอร์ผจญภัยหน่อย ที่ The FloatHouse River Kwai ก็ยังมีกิจกรรมให้ทำอีกหลายอย่างนะครับ เช่น พายเรือแคนู, เล่นซัพบอร์ด, ล่องแพแห้ง, ล่องแพเปียก ใครที่สนใจกิจกรรมไหนก็สอบถามเค้าได้เลยครับ แต่กิจกรรมพวกนี้จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมนะ

อาหารเย็นและเช้า

ปิดท้ายรีวิวนี้ด้วยเรื่องของอาหารครับ โดยการเข้ามาพักที่ The FloatHouse River Kwai นั้นเราจะต้องฝากท้องของเราไว้ที่ห้องอาหารของเค้าเลย เพราะเราไม่สามารถไปทานที่ไหนได้!! โดยในส่วนของอาหารเช้านั้นทางรีสอร์ทจะรวมไว้ในราคาห้องพักเรียบร้อยแล้ว เราสามารถไปใช้บริการได้เลยครับ แต่ในส่วนของอาหารมื้ออื่นๆ เราจะต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ซึ่งเท่าที่ผมดูเมนูอาหารของเค้าคร่าวๆ ผมก็ว่ามันน่าสนใจดีนะ มีเมนูให้เลือกเยอะมาก ส่วนในเรื่องของราคานั้นก็ถือว่าสมเหตุสมผลกับที่พักในระดับนี้ครับ

อ้อ สำหรับใครที่ไม่อยากคิดมาก ทาง The FloatHouse River Kwai เค้าจะมีเซ็ตอาหารเย็นให้เราสั่งหรือจองรวมกับห้องพักด้วยนะ โดยจะมีอาหารให้ทาน 5-6 อย่างครับ แต่ถ้าใครอยากจะเลือกสั่งเลือกทานอะไรเองก็ไม่ต้องจองแบบนี้ก็ได้ จองแค่แบบห้องพัก + อาหารเช้าก็พอครับ

อันนี้เป็นบรรยากาศห้องอาหารคร่าวๆ นะครับ เห็นวิวแม่น้ำแควน้อยสวยเลย และมีที่นั่งหลายโซนมาก

ส่วนนี่เป็นอาหารเช้าครับ ส่วนตัวผมคิดว่ามีความหลากหลายพอประมาณนะ และรสชาติโอเคเลย โดยในวันที่ผมไปนั้นก็จะประกอบไปด้วย อาหารไทย 3-4 อย่าง, ผัดไทย, ข้าวต้ม, เบคอนกรอบ, ไส้กรอก, แฮม, ไข่ต่างๆ, สลัด, โยเกิร์ต, นม, ซีเรียล, ขนมปัง, ครัวซองต์, แพนเค้ก, ผลไม้ และเครื่องดื่มครับ

จุดที่ผมชอบมากๆ ก็คือ ไข่มีหลายเมนู, มีเบคอนกรอบให้ทาน ส่วนพวกนม, โยเกิร์ต และซีเรียล ก็จัดเสิร์ฟได้สวยครับ โดยรวมแล้วในเรื่องของอาหารเช้านั้นผมกับต๋งโอเค ไม่มีอะไรติเลยครับ

ส่วนนี่เป็นอาหารเย็นแบบเซ็ตที่ผมทานนะครับ ทางรีสอร์ทจะเตรียมอาหารไว้ให้หมดเลย เราไม่ต้องเลือกสั่งเอง โดยวันที่ผมไปนั้นจะมีอาหาร 5 อย่าง และของหวานอีก 1 อย่าง ได้แก่ ปอเปี๊ยะทอด, ปลาทอดสมุนไพร, ต้มข่า, ผัดคะน้าหมูกรอบ, ยำหมูย่าง และบัวลอยครับ ทุกเมนูอร่อยถูกปากหมดเลย ทานแล้วชอบมาก โดยเฉพาะปอเปี๊ยะทอดกับปลาทอดสมุนไพรครับ วันนั้นพวกผมสองคนจัดหนักจริงๆ ทานกันจนอิ่มแปล้เลย

ใครที่ขี้เกียจคิดเรื่องอาหารเย็นจะดูเป็นแบบนี้ก็ได้นะ สะดวกดี แต่ถ้าใครอยากเลือกสั่งเองเป็นจานๆ ตามใจชอบก็ได้ อันนี้ไม่ว่ากัน แล้วแต่ความชอบเลยครับ ^^

และทั้งหมดนี้ก็คือเรื่องราวและสิ่งที่น่าสนใจภายใน “The FloatHouse River Kwai Resort (เดอะ โฟลทเฮ้าส์ ริเวอร์แคว รีสอร์ท)” ตามความรู้สึกและมุมมองของผมที่ได้มีโอกาสเข้าไปพักในวันที่ 13-14 ธันวาคม 2565 ครับ โดยรวมผมกับต๋งประทับใจมากๆ เลยล่ะ และส่วนตัวผมนั้นได้ยกให้ที่นี่เป็นที่พักประเภทแพริมแม่น้ำที่ดีที่สุดในจังหวัดกาญจนบุรีของผมในตอนนี้เลยครับ!!! ชอบมาก!!

ใครที่กำลังมองหาที่พักหรือรีสอร์ทริมน้ำในจังหวัดกาญจนบุรีอยู่ ลองดูที่นี่ได้เลยครับ ห้องดี กว้าง สวย สิ่งอำนวยความสะดวกครบ และพนักงานบริการดี โดยช่วงเวลาที่ผมแนะนำให้ไปพักมากที่สุดก็จะเป็นช่วงเดือน พ.ย. – ก.พ. นะครับ เพราะมันเป็นช่วงที่อากาศดี เย็นสบายตลอดทั้งวันครับ

ขอบคุณทุกคนที่ติดตามอ่านจนจบ และสำหรับใครที่ต้องการติดตามเรื่องราวการกินและเที่ยวของผมกับต๋งแบบใกล้ชิดก็สามารถกดติดตามที่แฟนเพจ “ภรรยาหา สามีใช้ ได้เลยครับ แล้วพบกันใหม่รีวิวหน้า สวัสดีครับ

เช็คราคาที่พักและจอง The FloatHouse River Kwai ราคาพิเศษผ่าน Agoda คลิกที่นี่

สอบถามข้อมูลอื่นๆ เพิ่มเติม

Facebook : The FloatHouse River Kwai

Website :​ www.thefloathouseriverkwai.com

Line : @serenatahotels​

Tel : 02 642 5497​