ไมโครโฟนประเภทที่เรียกว่า Shotgun (ช็อตกัน) ถือเป็นไมค์อีกประเภทนึงที่คนชอบทำคลิป Video ชื่นชอบ โดยเฉพาะกลุ่มที่ถ่าย Vlog หรือคลิปที่มีพิธีกรกลุ่มใหญ่ เพราะไมค์ประเภทนี้จะสามารถเก็บเสียงระยะใกล้รวมทั้งเสียงของพิธีกรหลายๆ คนพร้อมกับเสียงของสภาพแวดล้อมได้พร้อมๆ กัน

สำหรับวันนี้ผมจะพาทุกคนไปรู้จักกับ Saramonic Vmic ไมค์ Shotgun ที่ผมได้นำมาใช้งานประมาณ 1 เดือน ผ่านการถ่ายคลิปเกือบ 10 คลิป เพื่อให้ทุกคนที่สนใจไมค์รุ่นนี้หรือไมค์ประเภทนี้ได้มีข้อมูลเพิ่มเติมว่าสินค้าดังกล่าวจะเหมาะกับการใช้งานของตัวเองหรือไม่ โดยก่อนอื่นเราไปเริ่มดูกันที่กล่องและและเรื่องราวทั่วๆ ไปกันก่อนนะครับ

ที่กล่องของ Saramonic Vmic ทั้งด้านหน้าและด้านข้างจะมีการบอกรายละเอียดว่าไมค์ตัวนี้เป็นไมค์ชนิด Condenser สามารถใช้งานได้กับกล้องถ่ายรูปและเครื่องอัดเสียง ซึ่งด้วยความที่เป็น Condenser Microphone ดังนั้นลักษณะโดยทั่วไปของ Saramonic Vmic จึงเป็นไมค์ที่ไวต่อเสียงย่านความถี่กลางและสูงเป็นอย่างมาก ทำให้เหมาะกับการใช้งานในห้องอัดหรือสถานที่เงียบๆ ที่ไม่มีเสียงรบกวนมากนัก แต่เดี๋ยวผมจะเอาคลิปที่ผมลองถ่ายแบบ outdoor มาให้ทุกคนฟังว่าหากนำไปใช้งานในสภาวะต่างๆ เสียงจะเป็นอย่างไรกันบ้างครับ

หมายเหตุ : สำหรับคนที่อยากจะรู้สเปคลึกๆ ของเจ้าไมค์ตัวนี้ก็ดูได้ตามภาพเลยนะครับ

Disclosure : บทความนี้ได้รับการสนับสนุนจากผู้ให้บริการ แต่ทั้งนี้ความเห็นต่างๆ ที่เกิดขึ้นเป็นความรู้สึกจริงของผมครับ

หลังจากที่เราแกะกล่องออกมาก็จะพบอุปกรณ์ต่างๆ ดังนี้

  1. ตัวไมโครโฟน Saramonic Vmic

  2. สายต่อแบบ TRS ขนาด 5mm เพื่อต่อไมโครโฟนเข้ากับกล้องถ่ายรูป

  3. คู่มือการใช้งาน

  4. ใบรับประกันสินค้า โดยจะมีระยะเวลาการรับประกัน 12 เดือน

ก็ถือว่าเป็นไมโครโฟนที่มีอุปกรณ์ในกล่องมาน้อยมากเลย แต่ในเรื่องของแพคเกจจิ้งนั้นก็ทำมาได้ดี เพราะมีการใส่ฟองน้ำมาในกล่องจนเต็ม ทำให้แม้กล่องภายนอกจะมีการยุบเล็กน้อยแต่ก็ไม่ทำให้สินค้าภายในกล่องเกิดความเสียหายครับ

ตัวไมโครโฟนจะมีความยาวทั้งหมด 25.5 เซนติเมตร และมีการหุ้มฟองน้ำกันลมที่มีการสกรีนว่า Saramonic มาให้เรียบร้อยแล้ว โดยฟองน้ำนี้จะช่วยกันเสียงลมเบาๆ ได้ดีระดับหนึ่ง แต่หากในสภาวะที่ต้องเจอกับลมแรงๆ ก็ไม่รอดครับ เสียงลมเข้าไมค์ชนิดที่เสียดบาดหูมากๆ

ไมค์ Saramonic Vmic นี้เป็นไมค์ที่จะต้องใช้พลังงานจากถ่าน AA จำนวน 2 ก้อน โดยน้ำหนักของไมค์เมื่อยังไม่รวมถ่านจะอยู่ที่ 196 กรัม ซึ่งถือว่าเป็นน้ำหนักที่เบากว่าที่คาดมากๆ เพราะดูจากขนาดและรูปร่างภายนอกแล้ว ผมนึกว่าจะหนักกว่านี้อีกเล็กน้อยครับ

สำหรับช่องใส่ถ่าน AA นั้นจะอยู่ที่ฐานด้านหน้าของตัวไมค์ โดยที่บริเวณด้านหน้านี้จะมีรูสำหรับเสียบหูฟังและสายต่อจากไมโครโฟนเข้าสู่กล้องด้วยนะครับ

และด้วยความที่เจ้า Saramonic Vmic นั้นมีช่องเสียบหูฟังมาให้ด้วย ทำให้นี่เป็นสิ่งที่ผมตัดสินใจเลือกไมค์ตัวนี้มาใช้ในการทำงานเลย เพราะกล้องถ่ายรูปที่ผมใช้ถ่ายคลิปต่างๆ นั้นคือ Fuji X-T20 ซึ่งเป็นกล้องที่ไม่มีช่องเสียบหูฟัง (มีเฉพาะช่องเสียบไมค์เท่านั้น) ดังนั้นหากไมโครโฟนที่ผมใช้ไม่มีช่องเสียบหูฟัง ผมก็จะไม่สามารถรู้ได้เลยว่าเสียงที่จะเข้ากล้องนั้นเป็นอย่างไรบ้าง เบาดังแค่ไหน หรือมีเสียงรบกวนแทรกเข้ามาขนาดไหน

ส่วนเรื่องที่สองที่ผมรู้สึกประทับใจในไมค์ตัวนี้ก็คือการที่เค้าให้สายต่อไมค์กับกล้องมาเป็นสายที่ยืดได้ เพราะสายชนิดนี้ใช้พื้นที่ในการเก็บน้อย และไม่ค่อยมีปัญหาในการไปพันกับของอื่นๆ ครับ

ส่วนบริเวณด้านหลังของ Saramonic Vmic จะมีอยู่ทั้งหมด 4 อย่างด้วยกัน คือ

  1. Power On Off สำหรับเปิดปิดไมค์ โดยเราต้องเปิดสวิทช์ทุกครั้งก่อนที่จะใช้งาน ไม่งั้นเสียงจะไม่เข้านะครับ

  2. สวิทซ์ปรับระดับเสียง โดยจะสามารถปรับได้ทั้งหมด 3 ระดับ คือ 0 เดซิเบล, -10 เดซิเบล และ + 20 เดซิเบล

  3. High Pass Filter ปุ่มที่ใช้ตัดเสียงในย่านความถี่สูงเกินกว่า 150 Hz

  4. High Frequency Boost ปุ่มที่ใช้ปรับเสียงเพิ่มขึ้นได้อีก + 6 เดซิเบล

จะเห็นว่าฟังก์ชั่นทางด้านหลังของไมค์ตัวนี้จัดมาให้เต็มที่มากๆ ซึ่งคนที่เข้าใจในคาแรคเตอร์ของมันและใช้งานเป็นก็จะสามารถประยุกต์ใช้งานได้หลากหลายมาก เช่น หากเสียงบริเวณรอบเข้างนั้นมีเสียงรบกวนมาก แต่พิธีกรหลักยืนอยู่ใกล้ไมค์มากๆ เราก็สามารถลดระดับเสียงทั้งหมดลงเป็น -10 เดซิเบล และเปิด High Pass Filter เพื่อตัดเสียงรอบข้างที่จอแจออกไปได้ครับ

ส่วนที่บริเวณด้านล่างของไมค์ก็จะมีการติดตั้ง Hot Shoe Adaptor สำหรับเสียบที่ฮอทชูของกล้องรวมทั้งมี Shock Mount มาให้ด้วย โดย Shock Mount ที่ติดตั้งมาให้นี้ถือว่ามีประโยชน์ในการใช้งานมากๆ ครับ เพราะหลายๆ ครั้งที่เราเคลื่อนไหวไปมา หรือมีอะไรมาสะดุดไมค์ Shock Mount จะช่วยลดการสั่นสะเทือนที่เกิดขึ้น และไม่ทำให้เกิดเสียงกึกกักเข้าไปที่ตัวไมค์ นอกจากนี้ที่ด้านล่างของ Hot Shoe Adaptor ยังมีรูเกลียวขนาด ¼ นิ้ว ซึ่งเป็นขนาดมาตรฐานในการต่อกับอุปกรณ์อย่างพวกขาตั้งกล้องด้วย ก็เรียกว่าทาง Saramonic จัดฟังก์ชั่นต่างๆ ยัดมาให้เยอะมากครับ

นี่เป็นหน้าตาของ Saramonic Vmic หลังจากที่ต่อเข้ากับฮอทชูกล้องและต่อสายกับหูฟังครบแล้ว ดูแล้วโปรขึ้นอีกระดับเลยครับ ส่วนในเรื่องของน้ำหนักนั้นดูในรูปอาจจะคิดว่าหนัก ใส่แล้วทำให้ถ่ายรูปไม่สบาย แต่ผมบอกเลยว่าน้ำหนักที่เพิ่มมาประมาณ 200 กรัมนิดๆ นั้น ไม่ได้ทำให้รู้สึกว่าหนักจนทำให้เกิดความเมื่อยล้าใดๆ เลย โดยผมสามารถต่อ Saramonic Vmic เข้ากับกล้องและถือถ่ายรูปและคลิปวีดีโอต่างๆ ได้ตลอดทั้งวันเลยครับ

เอาล่ะ รู้จักกับอุปกรณ์และฟังก์ชั่นต่างๆ ของ Saramonic Vmic ครบถ้วนแล้ว ก่อนที่จะไปถึงบทสรุปการใช้งานในความคิดของผม ผมอยากจะให้ทุกคนดูรูปและทำความเข้าใจตรงนี้เพิ่มเติมก่อนว่า Saramonic Vmic นั้นเป็น Condenser Microphone แบบ Super-Cardioid ที่เน้นการรับเสียงด้านหน้าในทิศทางที่ตรงกับปลายไมโครโฟนมากที่สุด ส่วนบริเวณด้านหลังไมโครโฟนซึ่งจะอยู่ใกล้กับปากคนที่ถ่ายนั้นจะรับเสียงได้น้อยกว่าครึ่งหนึ่ง และในบริเวณด้านข้างของไมโครโฟนจะเป็นส่วนที่ไม่ค่อยไวต่อการรับเสียงเท่าไหร่ ยกเว้นเสียงในย่านความถี่สูงๆ ที่จะยังสามารถแทรกเข้ามาได้ครับ

ครับ หลังจากที่รู้จักคาแรคเตอร์ของไมค์ไปแล้ว คราวนี้เราไปดูความคิดเห็นของผมที่มีต่อ Saramonic Vmic กันดีกว่า โดยผมขอสรุปสั้นๆ  ออกมาเป็นประเด็นต่างๆ ดังนี้นะครับ

จุดเด่น

  • เป็นไมค์ Shotgun ที่ให้ฟังก์ชั่นมาเยอะมาก โดยเฉพาะในระดับพิกัดราคา 5,000 บาท น่าจะหาไมค์รุ่นอื่น ยี่ห้ออื่นที่มีฟังก์ชั่นเยอะแบบนี้ได้น้อยมากๆ

  • สามารถเก็บเสียงได้ดี ชัดเจน เมื่อระยะห่างจากไมค์และพิธีกรด้านหน้าไม่เกิน 3 เมตร สำหรับ indoor และ 1.5 เมตร สำหรับ Outdoor

  • มีช่องเสียบหูฟัง ซึ่งเป็นประโยชน์มากๆ โดยเฉพาะการใช้งานกับกล้องที่ไม่มีช่องเสียบหูฟัง

  • คุณภาพการผลิตดี การจับถือและสัมผัสต่างๆ ให้ความรู้สึกที่แข็งแรง

  • น้ำหนักเบา

  • ปุ่มปรับระดับเสียงเพิ่มเป็น + 20 เดซิเบล สามารถช่วยให้เก็บสภาพเสียงต่างๆ ได้ชัดขึ้นมาก แต่ทั้งนี้ต้องระมัดระวังในการใช้งานด้วยว่าการเพิ่มเสียงแบบนี้จะเป็นการการเก็บเสียงต่างๆ เพิ่มทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเสียงพิธีกรหรือเสียงรอบข้าง

  • มีไฟแสดงสถานะเปิดปิดของไมโครโฟนชัดเจน ทำให้เรารู้ว่าเปิดหรือปิดไมค์อยู่

  • ใช้ถ่าน AA ซึ่งเป็นถ่านรุ่นที่หาซื้อได้ง่ายมาก สามารถซื้อได้ที่ 7-11 ทุกสาขา ไม่ต้องห่วงเรื่องแบตหมดกลางทางแล้วจะหาซื้อไม่ได้

  • อัตราการบริโภคพลังงานนั้นน้อยมาก โดยผมเคยทดลองถ่ายคลิปสั้นๆ ที่รวมกันแล้วมีความยาวเกือบ 2 ชั่วโมง แบตเตอรี่ก็ยังเหลือและสามารถใช้งานต่อได้ครับ

  • สาย TRS ที่ให้มาเป็นสายแบบที่ยืดได้ สะดวกในการใช้งานและการจัดเก็บ

  • สะดวกในการใช้งานเพราะไม่มีสายระโยงระยางจากพิธีกร ทำให้พิธีกรเคลื่อนไหวต่างๆ ได้อย่างอิสระ รวมทั้งเมื่อถ่ายคลิปมาก็ไม่เห็นไมโครโฟนด้วย


จุดด้อย

  • เมื่อต้องการเก็บเสียงของพิธีกรที่อยู่ห่างจากไมโครโฟนเกิน 3 เมตร จะเก็บเสียงได้ไม่ค่อยดี และถูกเสียงรอบข้างกลบ โดยเฉพาะเมื่อนำไปใช้งาน Outdoor

  • High Frequency Boost +6 เดซิเบล จะไม่ค่อยจะรู้สึกถึงความแตกต่างกับเสียงระดับ 0 เดซิเบลมากซักเท่าไหร่ คือแตกต่างน้อยมากต้องตั้งใจฟังสุดๆ

  • High Pass Filter จากที่ผมลองใช้งานมาในสถานการณ์ต่างๆ ผมยังไม่ค่อยรู้สึกถึงความแตกต่างระหว่างการเปิดและปิด โดยผมคิดว่าหากเรานำเสียงมาปรับแก้ในคอมพิวเตอร์ทีหลังน่าจะดีและยืดหยุ่นกว่าครับ

  • การปรับเพิ่มระดับเสียงเป็น +20 เดซิเบล จะทำให้เก็บเสียงต่างๆ ได้ดีขึ้นมาก แต่จะมีเสียงรอบข้างรวมทั้ง Noise เพิ่มขึ้นมาพอควร

  • การใช้งาน High Frequency Boost และ High Pass Filter นั้น หลังจากที่กดปุ่มลงไปแล้วต้องรออีก 1-2 วินาทีจึงจะเริ่มทำงานโดยสมบูรณ์ ดังนั้นใครที่จะใช้ฟังก์ชั่นนี้ก็ต้องรอหน่อยนะครับ

  • ไม่มีไฟบอกสถานะการทำงานของ High Frequency Boost และ High Pass Filter ทำให้บางครั้งเราไม่แน่ใจว่าระบบเหล่านี้ทำงานอยู่หรือเปล่า หรือหากไม่มีไฟสัญลักษณ์ก็น่าจะทำเป็นสวิทซ์ on off แทนก็ได้ครับ จะได้สังเกตได้ง่ายหน่อย

  • ขนาดใหญ่เกินไปสำหรับคนที่ต้องการไมค์ขนาดเล็กพกพาง่าย และด้วยตำแหน่งของ Hot Shoe ที่ไม่ได้อยู่ด้านหลังของไมโครโฟนทำให้เมื่อติดเข้ากับกล้องถ่ายรูปแล้วจะมีปัญหาเรื่องการใช้ตามองผ่านช่องมองภาพ (OVF) ของกล้อง ต้องใช้การมองภาพผ่านจอ LCD จึงจะสะดวกกว่า


สรุป : Saramonic Vmic คือไมค์ช็อตกันที่ผมว่ามีฟังก์ชั่นต่างๆ ให้ใช้งานเยอะมาก สามารถนำไปประยุกต์ใช้งานได้หลากหลาย โดยเฉพาะการที่มีช่องเสียบหูฟังและการปรับระดับเสียงได้ 3 แบบ ทำให้ไมค์ตัวนี้โดดเด่นกว่าไมค์อื่นๆ ในช่วงราคาเดียวกัน ส่วนในการใช้งานจริงผ่านสถานการณ์ต่างๆ นั้น ผมพบว่า Saramonic Vmic เป็นไมค์ที่เหมาะกับการใช้งาน Indoor หรือพื้นที่ที่ไม่มีเสียงรบกวนซักเท่าไหร่ โดยหากอยู่ในพื้นที่ไม่มีเสียงรบกวนจะสามารถรับเสียงได้ดีแม้ระยะห่างของพิธีกรจะอยู่ไกลถึง 3 เมตร ส่วนการนำไปใช้งาน Outdoor นั้น เราควรจะต้องเลือกสถานที่ที่มีเสียงรบกวนน้อย ไม่มีลมพัด และพิธีกรควรจะอยู่ห่างจากไมค์ไม่เกิน 1.5 เมตรจึงจะสามารถเก็บเสียงได้ดี ไม่มีเสียงรอบข้างรบกวนมากนัก และถ้าเป็นไปได้ผมคิดว่าหากทาง Saramonic ทำการปรับระดับเสียงใหม่ จากเดิมที่เป็น 0, -10 และ +20 เดซิเบล ให้กลายเป็น 0, +10 และ +20 เดซิเบล น่าจะทำให้เหมาะสมกับการใช้งานของผมมากขึ้น เพราะโดยส่วนตัวแล้วผมแทบจะหาสถานการณ์ที่ใช้ -10 เดซิเบลไม่ได้เลยครับ

และทั้งหมดนี้คือความเห็นจากที่ผมได้มีโอกาสใช้งาน Saramonic Vmic มาประมาณ 1 เดือน และเพื่อให้ทุกคนได้เห็นภาพกับฟังเสียงต่างๆ ได้ชัดขึ้นก่อนที่จะตัดสินใจซื้อ ผมก็เลยเอาตัวอย่างคลิปที่ผมใช้งานไมค์ตัวนี้ในสถานการณ์ต่างๆ มาฝาก 4 คลิป ใครสนใจก็ลองกดฟังกันดูนะครับ แล้วพบกันใหม่ในรีวิวหน้า สวัสดีครับ


คลิปที่ 1 : การใช้งาน Saramonic Vmic แบบ Indoor โดยใช้เสียงพูดปกติแบบเต็มเสียง


คลิปที่ 2 : การใช้งาน Saramonic Vmic แบบ Indoor โดยใช้เสียงพูดที่เบากว่าปกติ


คลิปที่ 3 : การใช้งาน Saramonic Vmic แบบ Outdoor โดยที่มีเสียงรอบข้างไม่ดังมากและพิธีกรอยู่กับที่


คลิปที่ 4 : การใช้งาน Saramonic Vmic แบบ Outdoor ที่มีลมพัดเบาๆ และพิธีกรเคลื่อนที่ไปมา

หมายเหตุ : บทความนี้เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวของผมในวันที่ไปใช้บริการเท่านั้นครับ แต่ละท่านที่ได้มีโอกาสไปใช้บริการอาจจะได้รับการบริการที่แตกต่างจากนี้ออกไป