สวัสดีครับ วันนี้ผม นาย “ภรรยาหา สามีใช้” จะพาทุกคนไปรู้จักกับที่พักแบบเรียวกังแห่งนึงที่อยู่ใกล้ๆ กับสถานี Yunokami Onsen (ยูโนะกามิ ออนเซน) ซึ่งเป็นสถานีสำคัญในการไปเที่ยวหมู่บ้านญี่ปุ่นโบราณ Ouchi Juku (โออุจิ จูกุ) โดยใครที่ยังไม่รู้มาก่อนว่าหมู่บ้านนี้สวยงามยังไง หรือมีอะไรน่าเที่ยว ทำไมทุกคนถึงอยากจะไปกันก็สามารถกดเข้าไปอ่านที่ลิงก์ข้างล่างนี้ได้เลยครับ
Disclosure : บทความนี้ได้รับการสนับสนุนจากจังหวัดฟุกุชิมะ แต่ทั้งนี้ความเห็นต่างๆ ที่เกิดขึ้นเป็นความรู้สึกจริงของผมครับ
จริงๆ แล้วการเที่ยวหมู่บ้านญี่ปุ่นโบราณนั้น เราสามารถเที่ยวแบบ 1 Day Trip จากเมือง Aizu-Wakamatsu (ไอซึวากามัตซึ) ได้อย่างสบายๆ เลย แม้กระทั่งในช่วงงาน Snow Festival ในอาทิตย์ที่ 2 ของเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี หากเราดูพลุจบแล้วรีบขึ้นรถบัสกลับมาที่สถานี Yunokami Onsen เราก็จะสามารถนั่งรถไฟกลับไปที่เมือง Aizu-Wakamatsu ได้อย่างไม่ลำบากมากครับ
แต่สำหรับคนบางกลุ่มที่ชอบการท่องเที่ยวแบบท้องถิ่น ต้องการเสพอะไรที่สงบสุดๆ  หรือต้องการเที่ยวแบบสบายๆ ไม่เร่งรีบ การเลือกหาที่พักใกล้ๆ สถานี Yunokami Onsen ก็เป็นอีกหนึ่งในทางเลือกที่ดี ซึ่งที่พักที่ผมกำลังจะแนะนำนี้ก็น่าจะตอบโจทย์หรือตรงใจคนกลุ่มนี้ได้ครับ
Fuji no yu Ebisuya (藤の湯えびす屋) เป็นที่พักแบบญี่ปุ่นดั้งเดิม หรือที่เรามักจะเรียกกันว่าสไตล์เรียวกัง โดยที่พักรูปแบบนี้จะเป็นห้องนอนที่ปูด้วยเสื่อทาทามิ นอนบนฟูก และก็ไม่มีห้องน้ำในตัว ต้องไปใช้ห้องน้ำรวมครับ
สำหรับการเดินทางมาที่ Fuji no yu Ebisuya นั้นก็ไม่ยาก เพียงแค่เราเดินออกจากสถานี Yunokami Onsen มาตรงๆ เราก็เจอกับสามแยก จากนั้นให้เราเลี้ยวขวาไปตามทาง เดินอีกประมาณ 120 เมตรก็จะเจอกับโรงแรม Fuji no yu Ebisuya อยู่ทางขวามือครับ
หน้าตาโรงแรมแบบชัดๆ ครับ
ส่วนนี่เป็นหน้าตาของอาคารและวิวที่อยู่ฝั่งตรงข้าม บอกเลยว่าวิวสวยมาก ><
เอาล่ะ ในเมื่อเรามาถึงที่หน้าโรงแรมและเช็คข้อมูลต่างๆ ว่าถูกต้อง ไม่ผิดที่แน่ๆ คราวนี้ก็ได้เวลาที่เราจะเปิดประตูเข้าไป Check in กันแล้วครับ และนี่ก็คือภาพที่เราจะเห็นหลังจากที่เปิดประตูเข้าไปครับ ภาพของบ้านญี่ปุ่นที่สวยงาม มีบันไดไม้ขนาดใหญ่ให้เราเดินขึ้นไปยังชั้นบนแบบนี้
ที่ Fuji no yu Ebisuya นี้จะเป็นที่พักแบบ 3 ชั้นและไม่มีลิฟท์นะครับ มีเฉพาะบันไดเท่านั้น ดังนั้นใครที่พักอยู่ชั้นบนและแบกของมาเยอะหน่อย อาจจะต้องลำบากนิดนึงตอนขนของขึ้นลงบันได แต่สำหรับผมแล้วทั้งเรื่องการเดินทางมาจากสถานี ทั้งการขนของหนักขึ้นลงบันได ไม่ใช่เรื่องที่ลำบากในการเข้าพักที่นี่เลย เพราะสิ่งที่ลำบากที่สุดนั่นก็คือ การพูดคุยกับเจ้าของที่พักครับ!!!
ที่พักแห่งนี้จะมีคุณตาและคุณยายดูแลอยู่แค่สองคน ซึ่งท่านทั้งสองก็อายุค่อนข้างมากแล้ว และไม่สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้ (สามารถแปลคำสั้นๆ ได้บางคำเท่านั้น) ดังนั้นสิ่งที่จะทำให้เราสามารถเจรจากับท่านทั้งสองได้ก็คือภาษาญี่ปุ่น, ภาษากาย แล้วก็ Google Translate ใครที่จะมาที่นี่ก็ต้องเตรียมใจกันไว้นิดนึงนะครับ
อ้อ…..ที่ชั้น 1 นี้จะมีห้องอาบน้ำอยู่ด้วยนะครับ โดยจะเป็นห้องอาบน้ำรวม (แยกชายหญิง) ตามสไตล์ญี่ปุ่น ห้องของผู้ชายคือห้องด้านซ้ายที่มีผ้าสีน้ำเงินอยู่ด้านหน้า ส่วนห้องของผู้หญิงคือห้องด้านขวาที่มีผ้าสีแดงและฉากกั้นอยู่ ซึ่งผมว่าขนาดห้องอาบน้ำของที่นี่นั้นกว้างดีครับ อาบสบาย แต่ความร้อนของน้ำนั้นสูงไปนิดนึงแล้วก็ไอน้ำภายในห้องน้ำเยอะมาก ใครที่ไม่ชินกับการอาบน้ำสไตล์นี้อาจจะลำบากหน่อย
และนี่ก็คือห้องของผมกับต๋งในคืนนี้ครับ เราได้พักที่ชั้น 2 ของอาคาร และก็ได้ห้องที่อยู่ด้านมุมสุดของอาคาร มีหน้าต่างที่เปิดไปเห็นวิวสวยงามแบบนี้ด้วย ก็ถือว่าเป็นห้องที่ใหญ่และคุ้มค่ากับเงินที่เราจ่ายไปคนละ 5,550 เยน/คืน
หมายเหตุ : ที่พักที่นี่จะคิดราคาต่อคนนะครับ หากพัก 2 คนต่อห้องก็ต้องจ่าย 11,100 เยน/คืน
ภายในห้องนอกจากจะมีฟูกนุ่มๆ ผ้าห่มหนาๆ ที่สามารถนอนสองคนได้อย่างสบายแล้ว ก็ยังมีโต๊ะชาที่สามารถเปิดสวิทซ์ให้ที่นั่งอุ่นได้, TV, ตู้เซฟ, ไดร์เป่าผม, ราวตากผ้าขนาดเล็ก, เครื่องทำความอุ่น แล้วก็ชุดนอน ก็เรียกว่าเค้าให้มาครบใช้ได้เลย
และนี่คือโฉมหน้าพระเอกของเราในห้องครับ “เครื่องทำความอุ่น” โดยถ้าผมเข้าใจไม่ผิด เครื่องนี้จะมีเฉพาะในฤดูหนาวเท่านั้น โดยทางโรงแรมจะคิดค่าบริการเพิ่มขึ้น 300 เยน/ห้อง/คืน
ซึ่งเครื่องนี้มันดีมากๆ เลย เพราะแม้ขนาดเครื่องจะไม่ใหญ่มาก แต่ก็ช่วยทำให้ห้องอุ่นขึ้นเยอะมากกกกก โดยการใช้งานนั้นก็ง่ายแสนง่าย เพียงแค่เรากดปุ่มทางขวามือ 1 ครั้ง จากนั้นก็รอประมาณ 1-2 นาที เครื่องก็จะทำงานครับ โดยการทำงานของเค้าจะเป็นการใช้แก๊ซให้ความร้อน ดังนั้นเราก็ไม่ต้องตกใจที่ได้ยินเสียงตอนที่เครื่องเริ่มทำงานหรือมองเห็นเปลวไฟในเครื่องนี้นะครับ และหลังจากที่เครื่องทำงานไปได้ประมาณ 1-2 ชั่วโมง เครื่องก็จะหยุดทำงานเองโดยอัตโนมัติ หากเราต้องการจะใช้งานต่อก็เดินไปกดปุ่มใหม่เท่านั้นเอง
เอาล่ะ สำรวจภายในห้องเรียบร้อยแล้ว คราวนี้เราไปสำรวจบริเวณอื่นๆ ในที่พักของเรากันต่อดีกว่า เริ่มจากหน้าห้องพักของเรากันก่อนเลย โดยที่หน้าห้องของแต่ละห้องที่มีคนพักอยู่ จะมีชื่อของคนเข้าพักแขวนอยู่หน้าห้องแบบนี้ครับ ดูแล้วน่ารักดี
ส่วนนี่เป็นห้องสุขาสำหรับใช้งานร่วมกัน โดยจะมีให้บริการทุกชั้น ชั้นนึงจะมี 2 ห้อง ชักโครกจะเป็นแบบอุ่น ทำให้เวลาอากาศหนาวๆ เราก็สามารถนั่งได้อย่างสบายๆ
และนี่เป็นบรรยากาศส่วนอื่นๆ ภายใน Fuji no yu Ebisuya เป็นบรรยากาศที่ผมว่าสวยและสะท้อนความเป็นญี่ปุ่นมาก ยิ่งจังหวะที่มีแสงสาดผ่านมาทางหน้าต่างเกิดเป็นเงาขึ้นมายิ่งดูสวยและให้ความรู้สึกที่สงบครับ
อ้อ ที่ชั้น 1 ของโรงแรมจะมีตู้ขายเครื่องดื่มอัตโนมัติอยู่ด้วยนะครับ ใครอยากทานอะไรก็หยอดได้เลย แต่สำหรับใครที่หิวข้าวหรือต้องการทานอะไรหนักๆ หน่อย ก็อาจจะต้องเดินไปที่ 7-11 ที่อยู่ห่างจากโรงแรมประมาณ 500 เมตรครับ โดยการเดินทางไป 7-11 ก็ไม่ยาก สามารถดูตำแหน่งในแผนที่ด้านบนของบทความนี้ได้เลย หรือไม่ก็ใส่พิกัด GPS นี้ลงไปใน Google Map ก็ได้ครับ (พิกัด GPS : 37.299213, 139.897408)
ก็จบลงแล้วสำหรับรีวิวนี้ครับ สำหรับใครที่กำลังมองหาที่พักสไตล์เรียวกังใกล้ๆ กับสถานี Yunokami Onsen ผมว่าที่ Fuji no yu Ebisuya ก็เป็นอีกหนึ่งที่พักที่น่าสนใจเลย แม้อาจจะต้องเจอปัญหาเรื่องการสื่อสารกับเจ้าของบ้าง แต่ก็ไม่ยากเกินความสามารถของเราแน่ๆ โดยจุดเด่นที่ผมรู้สึกประทับใจที่นี่ก็คือ ใกล้สถานี, ขนาดห้องกว้าง, มีสิ่งอำนวยความสะดวกที่เพียงพอต่อการใช้งาน, เครื่องทำความอุ่นที่มีประสิทธิภาพ แล้วก็ราคาห้องที่ไม่แพงจนเกินไปครับ
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านจนจบ และหวังว่าทุกท่านจะได้ประโยชน์จากรีวิวนี้ ทั้งนี้หากท่านใดที่ต้องการติดตามเรื่องราวของการกินและเที่ยวของผมแบบใกล้ชิด ก็สามารถติดตามได้ที่แฟนเพจ “ภรรยาหา สามีใช้” ได้เลยครับ แล้วพบกันใหม่ สวัสดีครับ
หมายเหตุ : บทความนี้เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวของผมในวันที่ไปใช้บริการเท่านั้นครับ แต่ละท่านที่ได้มีโอกาสไปใช้บริการอาจจะได้รับการบริการที่แตกต่างจากนี้ออกไป