dusitD2 chiang mai : ในวันที่คุณชายดุสิต แต่งตัวเฟี้ยวฟ้าวกระชากวัย

หากนึกถึงโรงแรมในเครือดุสิต คุณนึกถึงอะไรครับ?

.

.

ผมเชื่อว่าหลายๆ คนนึกถึงวิถีความเป็นไทย สถาปัตยกรรมที่มีความเป็นไทย การบริการที่ดีรวมไปถึงการไหว้ และก็คงมีอีกหลายๆ คนที่นึกถึงต่อไปยังความสุขุม ดูเรียบง่าย แอบมีอายุ หรือพูดง่ายๆ ก็เปรียบเสมือนคุณชายในละครทีวีที่มีอายุช่วง 30-40 ปี ดูหล่อ สมบูรณ์ เพียบพร้อมและมีอิริยาบถที่มีเสน่ห์

.

.

และจะเกิดอะไรขึ้นครับ ถ้าคุณชายคนนั้นได้ปรับตัวเอง เปลี่ยนลุคส์ เปลี่ยนเสื้อผ้ากระชากวัยลงมา เหลือแค่ช่วงอายุ 20 ต้นๆ ถ้าอยากรู้ว่าเป็นยังไง ตามไปอ่านพร้อมๆ กันเลยครับ

โรงแรม dusitD2 chiang mai คือ โรงแรมในเครือดุสิต ที่มีเอกลักษณ์ของตัวเองและแตกต่างจากโรงแรมอื่นๆ ในเครือดุสิตเป็นอย่างมาก ด้วยการแต่งองค์ทรงเครื่องด้วยสีส้มที่มีความสดใส โดดเด่น และตกแต่งด้วยอุปกรณ์ต่างๆ ที่มีความเฟี้ยวฟ้าว แฝงอะไรที่ทำให้ดูสนุกสนาน ตื่นเต้น อยู่ในตัว โดยเราจะสามารถเริ่มสังเกตเห็นได้ตั้งแต่หน้าตาของโรงแรมเลยครับ

Disclosure : บทความนี้ได้รับการสนับสนุนจากผู้ให้บริการ แต่ทั้งนี้ความเห็นต่างๆ ที่เกิดขึ้นเป็นความรู้สึกจริงของผมครับ

สำหรับทำเลที่ตั้งของ dusitD2 chiang mai นั้น ถือว่ามีทำเลที่ดีมากๆ เพราะอยู่ในบริเวณ Night Bazaar เลยครับ ซึ่งบรรดานักธุรกิจต่างถิ่นหรือชาวต่างชาติน่าจะชอบเพราะตอนกลางคืนสามารถเดินชอปปิ้งกันยาวๆ ได้เลยโดยไม่ต้องออกจากโรงแรมไปไกลครับ (ตัวโรงแรมไม่ได้ติดถนนช้างคลานเหมือนกับ Dusit Princess นะครับ ต้องเลี้ยวเข้าจากถนนมาเล็กน้อย ราวๆ 30 เมตรครับ ซึ่งเดินแค่แป๊บเดียวก็ถึงแล้วครับ)

ในเรื่องของการเดินทางนั้น หากใครเดินทางมาลงที่สนามบินเชียงใหม่ก็ใช้เวลานั่งรถจากสนามบินมาราวๆ 10-15 นาทีเท่านั้นครับ โดยเมื่อเรามาถึงที่โรงแรมและก้าวเท้าเข้าไปข้างในนั้น จะพบกับเคาน์เตอร์ Check in ที่มีความโฉบเฉี่ยวแบบนี้ครับ…………..ผมว่าสำหรับคนที่ไปพักที่โรงแรมในเครือดุสิตบ่อยๆ พอมาเจอแบบนี้อาจจะมีเหวอบ้างครับ เพราะ mood and tone มันแตกต่างออกไปมากเลยทีเดียวครับ

ขณะที่เรากำลังทำการ Check in อยู่นั้น ก็จะมีพนักงานนำ Welcome Drink มาให้ครับ เป็นน้ำตะไคร้ครับ รสชาติอร่อยเลยครับ ชื่นใจดี ที่สำคัญแก้วที่นำมาเสิร์ฟก็เป็นแก้ว rolling glass ด้วยครับ…..ผมลองหมุนมันเล่นไปมาก็สนุกดีนะครับ ฮา

ข้างๆ เคาเตอร์ Check in นั้น จะมีบาร์ที่ชื่อ mix bar ด้วยครับ โดยนอกจากจะเป็นบาร์ที่คอยเตรียม Welcome Drink แล้ว ยังมีการให้บริการเครื่องดื่มชนิดต่างๆ ทั้ง Mocktail, Cocktail อีกด้วยครับ

พนักงานของที่นี่หลายๆ คนแต่งตัวเฟี้ยวฟ้าวมากด้วยชุดโทนสีส้มครับ

.

.

อ้อ ผมลืมบอกไปครับ โดยส่วนตัวแล้ว ผมเป็นคนชอบสีส้มอยู่แล้วครับ ยิ่งเป็นส้มสดๆ โทนนี้ผมยิ่งชอบครับ เจอของอะไรที่ทำด้วยสีนี้ ผมนี่ใจละลายทุกที ><

สำหรับวันที่ผมไปนั้น ทางโรงแรมได้ให้ Mocktail มาชิมเพิ่มอีก 2 แก้วครับ ได้แก่ D2 Punch และ ก็ Mango Mellow

เจ้า D2 Punch นั้นจะเป็นแก้วสีส้มๆ รสชาติดี ออกเปรี้ยวอมหวานเล็กน้อย หอมกลิ่นเชอรี่ ดื่มแล้วรู้สึกสดชื่นดีครับ ส่วน Mango Mellow นั้นผมว่ารสชาติอ่อนไปนิด ไม่ค่อยได้รสชาติมะม่วงเท่าไหร่ ถ้าเพิ่มรสชาติมะม่วงอีกนิดผมว่าจะดีเลยครับ

dusitD2 chiang mai เป็นโรงแรมขนาด 10 ชั้น มีจำนวนห้องทั้งหมดแค่ 130 ห้อง ซึ่งถือว่ามีปริมาณที่ไม่มากครับ แต่เห็นจำนวนห้องน้อยๆ แบบนี้ โรงแรมแห่งนี้กลับมีสิ่งอำนวยความสะดวกและการให้บริการต่างๆ อย่างครบครันเลยนะครับ ทั้งสระว่ายน้ำที่ชั้นลอย, Spa ชั้น 3, Club Lounge ชั้น 7 และก็ Fitness ที่ชั้น 10 ครับ

สำหรับจำนวนห้องทั้ง 130 ห้องนั้น มีการแบ่ง Type ออกเป็นดังนี้ครับ

1. Deluxe Rooms ขนาด 32 ตร.ม. จำนวน 63 ห้อง

2. Club Deluxe Rooms ขนาด 32 ตร.ม. จำนวน 39 ห้อง

3. Studio Suites ขนาด 64 ตร.ม. จำนวน 27 ห้อง

4. D’ suite ขนาด 128 ตร.ม. จำนวน 1 ห้อง

โดยวันนี้ผมจะพาทุกท่านไปชมห้อง 1,2 และ 3 นะครับ แต่ก่อนที่จะไปชมห้องกัน ผมให้ดูบรรยากาศที่บริเวณ Lobby ชั้น 1 ก่อนอีกหน่อยครับ จะเห็นได้เลยว่ามีการใช้สีสัน และก็เฟอร์นิเจอร์ที่ดูแล้วรู้สึกสนุกสนาน หรือมี Shape ที่แปลกๆ เยอะมากครับ

เอาล่ะครับ ตอนนี้ผมก็ได้ Key Card มาอยู่ในมือแล้ว ทีนี้เราไปดูห้องกันดีกว่าครับ ห้องแรกที่เราจะไปดูกันก็คือห้อง Deluxe Room ซึ่งเป็นห้องที่ผมพักครับ โดย Key Card นี้นอกจากจะต้องใช้สำหรับเปิดห้องแล้ว ยังต้องใช้สำหรับการกดลิฟท์ด้วยนะครับ

ลิฟท์ของที่นี่นั้นมี 2 ตัว ขนาดค่อนข้างเล็กหน่อย แต่ด้วยจำนวนห้องที่ไม่เยอะมาก ผมก็เลยยังไม่เจอปัญหาเรื่องการรอลิฟท์นาน หรือลิฟท์มาแล้วแต่ไปไม่ได้ครับ

และเมื่อเราเปิดประตูห้อง Deluxe Room เข้าไปก็จะเจอหน้าตาห้องแบบนี้ครับ ภาพรวมห้องถือว่าดูสว่าง สบายตาดีครับ มี Sofa bed อยู่ติดกับกระจกตรงปลายห้อง ไว้สำหรับนอนเล่นอาบแดด หรือนอนอ่านหนังสือได้สบายดีครับ

เมื่อเรามองย้อนกลับมาที่ประตูก็จะเจอมุมภาพแบบนี้ครับ

ภายในห้องมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันครับ ตั้งแต่น้ำเปล่า, ชา, เครื่องทำน้ำร้อน, กระติกน้ำแข็ง, TV, เครื่องเล่น DVD ครับ

ส่วนตู้เย็นนั้น จะอยู่ในตู้เสื้อผ้าครับ โดยในตู้เสื้อผ้านั้นยังมีของซ่อนไว้อีกหลายอย่างมากครับ ทั้งตู้เซฟ, ไดร์เป่าผม, เสื้อคลุมอาบน้ำ และก็รองเท้าแตะครับ

ตัวรองเท้าแตะนั้น คุณภาพดีมากครับ ชอบเลย และก็เพื่อรักษา mood and tone ของโรงแรมไว้ ดังนั้นกระทั่งไม้แขวนเสื้อก็ต้องเป็นสีส้มครับ โอ้ยยยยยยย….บอกเลยผมชอบมาก #แพ้สีส้ม

ทีนี้เรามาดูในห้องน้ำกันดีกว่าครับ ห้องน้ำของที่นี่ค่อนข้างกว้างครับ และก็เป็นแบบ Sexy Bathroom ด้วย คือเราจะสามารถมองเห็นเตียงนอนได้ครับ แต่ไม่ต้องกลัวนะครับ สำหรับคนที่ไม่ชอบหรือไปพักกับเพื่อนก็สามารถปิดได้ครับ

การตกแต่งห้องน้ำแอบเก๋เล็กๆ ด้วยการเอาผ้าเช็ดตัวไปวางพาดไว้กับบันไดหลอกๆ ครับ อ้อ…..บอกเลยว่าผ้าเช็ดตัวของที่นี่ใหญ่ ยาว และหนานุ่มมากครับ ผมสูงราวๆ 163cm พอเอาผ้าเช็ดตัวมาคาดเอว ผลปรากฏว่า มันยาวเกินเท้าจนลากพื้นไปเลยครับ!!!

ปล. ห้องน้ำของที่นี่ไม่มีสายฉีดชำระนะครับ

ด้านอุปกรณ์ในห้องน้ำนั้น ที่นี่ให้มาครบครันมากครับ ทั้ง สบู่, แปรงสีฟัน, ชุดโกนหนวด, Body lotion, Shampoo, Conditioner, Body Wash, Cotton bud, Shower Cap แล้วก็เครื่องชั่งน้ำหนักครับ!!!

ขนาดของแต่ชนิดก็ให้มถือว่ามากพอดูครับ และมีแพคเกจที่สวยดูดีด้วยครับ โดยส่วนตัวผมก็เลยค่อนข้างประทับใจมาก โดยเฉพาะชุดโกนหนวด เพราะว่าได้ใช้เลย ส่วนที่สะเทือนใจที่สุดก็คือเครื่องชั่งน้ำหนักครับ เพราะพอลองขึ้นชั่งดูแล้วถึงกับต้องอุทานเบาๆ ในใจว่า เครื่องชั่งนี้สปริงมันต้องอ่อนมากแน่ๆ #สะเทือนไต #ติดถึงน้ำหนัก55กิโลที่หายไป T_T

ก่อนออกจากห้องนี้ผมยังอยากให้ดูอีก 3 อย่างที่ผมค่อนข้างชอบครับ อันแรกก็คือโคมไฟข้างเตียงครับ ผมว่ามันเก๋ดี และอย่างที่ 2 ก็คือตรงจุดเสียบ Key card นั้นจะมีปุ่มให้เรากดเพื่อบอกสถานะที่หน้าห้องว่าเราต้องการอะไรระหว่าง “ทำความสะอาดห้อง (Make up room)” หรือ “ห้ามรบกวน (Do not disturb)” ผมว่ามันสะดวกดีนะครับ

ส่วนอย่างที่ 3 นั้น จะอยู่บนบริเวณโต๊ะทำงานครับ คือ ทุกห้องของโรงแรม dusitD2 chiang mai นั้น จะมีกล่องลูกบาศก์สีส้มๆ ใสๆ แบบนี้วางอยู่ครับ โดยทางโรงแรมเรียกมันว่า Delight Box ข้างในกล่องนี้จะมีของเล็กๆ เป็นที่ระลึกให้สำหรับผู้ที่เข้าพักครับ เราสามารถนำกลับได้เลย โดยทางโรงแรมจะนำมาใหม่ใส่ไว้ทุกวันครับ หากใครเข้าพักหลายวันก็จะได้หลายชิ้น และเหมือนว่าแต่ละห้องจะได้ของไม่เหมือนกันด้วยนะครับ

สำหรับห้องที่ผมพักนั้นได้มาเป็น พัดสีส้มๆ เก๋ๆ แบบนี้ครับ โดยของที่ทางโรงแรมเอามาใส่ดูๆ แล้วเหมือนจะสะท้อนความเป็นไทย และความเป็นเชียงใหม่พอควรเลยครับ เพราะอีกห้องที่ผมได้มีโอกาสไปส่องดูก็จะได้เป็นตะกร้อหวายสมุนไพรครับ

เอาล่ะครับ ตอนนี้ผมก็พาชมห้อง Deluxe Room เสร็จเรียบร้อยแล้วครับ ห้องต่อไปที่ผมจะพาไปดูก็คือ Club Deluxe Room ครับ โดยหน้าตาภายในห้องของ Club Deluxe นั้นจะเหมือนกับ Deluxe ทุกประการเลยครับ แตกต่างกันเพียงแค่ห้อง Club Deluxe นั้นจะอยู่ชั้น 7-9 ทำให้สามารถใช้บริการ Club lounge ของโรงแรมที่บริเวณชั้น 7 ได้ฟรีครับ

ซึ่งต้องบอกว่าตัว Club lounge บริเวณชั้น 7 ของโรงแรมแห่งนี้นั้นดีงามมากๆ ครับ เพราะนอกจากว่าจะมีที่นั่งสวยๆ เก๋ ให้นั่งเล่น พักผ่อนเป็นจำนวนมากแล้ว ยังมีหนังสือให้อ่าน มีคอมพิวเตอร์ให้ใช้ มีน้ำดื่มบริการฟรี!! ทั้งน้ำเปล่า น้ำอัดลม ชา กาแฟ เรียกได้ว่าเดินมากิน เดินมาใช้บริการได้ทั้งวันครับ และก็จุดที่พิเศษสุดๆ ก็คือในเวลา 17.00-19.00 น. ของทุกวันที่ Club lounge แห่งนี้ยังมีบริการของว่างพร้อมเครื่องดื่มฟรีด้วยครับ

.

.

ย้ำนะครับว่าฟรี……..แถมกินได้ไม่อั้นด้วย!! โฮกกกกกก บอกเลยว่าชีวิตดี๊ดี น่าอิจฉามากๆ ครับ

นอกจากสิทธิพิเศษด้านบนที่ผมกล่าวมาแล้ว สำหรับคนที่พักห้องแบบ Club Deluxe, Studio suites และ D’ suite ยังจะได้รับ Welcome serve เป็นผลไม้ตามฤดูกาล และสามารถ Check in / Check out ส่วนตัวที่ Club lounge หรือภายในห้องพักได้เลยครับ มันดีงามมากจริงๆ ครับ

เอาล่ะครับ ตอนนี้ผมก็พาทัวร์ Club lounge ที่แสนจะดีงามครบละ ต่อไปผมจะพาไปดูห้องพักอีกห้องที่ชื่อ Studio suite กันต่อนะครับ โดยขนาดของห้องนี้นั้นกว้างถึง 64 ตารางเมตรเลยทีเดียวครับ และจะแบ่งห้องออกเป็น 2 โซนด้วยกันคือ โซนห้องนั่งเล่น และโซนห้องนอน โดยเมื่อเราเปิดประตูห้องเข้าไปก็จะเห็นโซนนั่งเล่นแบบนี้ก่อนครับ

ในโซนห้องนั่งเล่นนั้นจะมีอุปกรณ์ครบๆ ทั้ง TV, โซฟา, โต๊ะทำงาน และก็โทรศัพท์ครับ

สำหรับช่องทางเดินใหญ่ๆ ระหว่างห้องนั่งเล่นและห้องนอนนั้นเราสามารถเลื่อนปิดได้นะครับ โดยตัวบริเวณห้องนอนนั้นถือว่ามีขนาดใหญ่พอควร มีโซฟาริมกระจกเช่นเดียวกับห้องนั่งเล่น และก็มี TV อีกเครื่องในห้องนี้ด้วยครับ แต่ด้วย lay out ของห้องทำให้ TV นั้นค่อนข้างจอเล็กไปหน่อย และตำแหน่งการติดก็เฉียงๆ ไปจากเตียงนอนเล็กน้อย ทำให้อาจะดูแล้วไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ครับ

โดยรวมๆ การวาง lay out ของห้องนี้ ผมว่าทางโรงแรมวางมาได้ดีนะครับ เพราะเราจะสามารถเดินเชื่อมกันเป็นวงกลมได้หมด โดยเมื่อเราเดินเข้าประตูห้องมาตอนแรกหากเรามองไปทางขวามือ ก็จะสามารถเดินเข้าโซนห้องแต่งตัวที่สามารถทะลุไปยังห้องน้ำต่อไปยังห้องนอนได้เช่นเดียวกันครับ

และแน่นอนว่าห้องขนาดใหญ่แบบนี้ นอกจากจะมีของให้แบบห้อง Deluxe กับ Club Deluxe แล้ว ยังมีส่วนที่เพิ่มเข้ามาอีกก็คือ ร่ม, ไฟฉาย, เตารีด และโต๊ะรีดผ้าครับ

อ้อ….แล้วก็ชาที่มีบริการในห้องนี้เป็นชา Twining ด้วยนะครับ ดีงามมากๆ แต่ผมดันลืมถ่ายรูปมาครับ T___T

มาดูกันต่อที่ส่วนสุดท้าย บริเวณห้องน้ำกันดีกว่าครับ ห้องน้ำของที่นี่ใหญ่มากครับ มีทั้งที่เป็นอ่างอาบน้ำและห้องอาบน้ำ โดยยังคง concept เป็น Sexy Bathroom ที่สามารถเปิดปิดได้เช่นเดิม และก็ไม่มีสายฉีดชำระเหมือนเดิมครับ

ส่วนอุปกรณ์ที่ให้ในห้องน้ำนั้นจะมีให้เหมือนกับห้อง Deluxe, Club Deluxe แต่จะมีขนาดใหญ่กว่าครับ

ตอนนี้เราก็ดูห้องไปครบ 3 Type แล้วนะครับ ต่อไปผมจะพาทุกคนไปดูอีก 2 อย่างที่น่าสนใจในโรงแรมแห่งนี้ครับ อย่างแรกก็คือสระว่ายน้ำที่บริเวณชั้นลอย ครับ

ตัวสระว่ายน้ำมีขนาดไม่ใหญ่มากนัก และเป็น Shape ที่เหมาะกับการเล่นน้ำผ่อนคลายมากกว่าการว่ายน้ำแบบจริงจัง โดยรวมๆ บรรยากาศดูสวยงามเหมาะแก่การพักผ่อนดีครับ มีเก้าอี้ชายหาด, ร่ม, ห้องน้ำ, ที่ล้างตัว และบาร์น้ำคอยให้บริการครับ

เวลาเปิดปิดสระว่ายน้ำ จะอยู่ในระหว่าง 7.00 น. จนถึง 19.00 น. ครับ

จบกับสระว่ายน้ำแล้ว มาต่อกันที่อย่างที่ 2 คือ Fitness ที่ชั้น 10 ครับ ตัว Fitness นี่เป็นอะไรที่ทำให้ผมประทับใจมากครับ เพราะนอกจากจะมี Trainer คอยประจำการแล้ว ยังมีอุปกรณ์การเล่นที่ครบครันมากๆ ด้วยครับ

การตกแต่ง Fitness ของที่นี่จะทำให้ออกมาในแนวที่ดูขึงขัง จริงจัง เข็มแข็ง ก็เลยมีทั้งการใช้โซ่ กระสอบทราย ก้อนอิฐมาตกแต่งอยู่เยอะเลยครับ โดยเค้ามีการตั้งชื่อ Fitness แห่งนี้ด้วยนะครับว่า “DFiT”

อุปกรณ์ใน fitness แห่งนี้มีหลากหลายมากเลยนะครับ โดยจะเปิดบริการตั้งแต่ 6.00 น. จนถึง 22.00 น. ครับ ซึ่งเท่าที่ผมดู lay out ห้องแล้ว ผมว่าช่วงเช้าและช่วงเย็นๆ วิวที่มองผ่านกระจกไปเห็นภูเขาน่าจะสวยดีครับ

ปล. Fitness แห่งนี้ ผู้ที่เข้าพักสามารถเข้ามาใช้บริการได้ทุกคนนะครับ เพียงแต่ต้องแต่งตัวให้เหมาะสมและต้องใส่รองเท้าสำหรับการออกกำลังกายครับ

สำหรับคนที่ไม่อยากเล่น แต่ต้องมานั่งรอเพื่อน ทาง DFiT ก็มีที่ให้นั่งรอนะครับ และก็ในส่วนของห้องน้ำนี่ถือว่าทำได้ดีมากเลยครับ เพราะว่านอกจากจะมีห้องอาบน้ำหลายห้องแล้ว ยังมี locker อีกนับสิบ ห้อง Stream และก็อุปกรณ์ต่างๆ อีกมากมายทั้งไดร์เป่าผม, แป้ง และโลชั่นครับ เรียกได้ว่าทางโรงแรมนี่จัดเต็มและใส่ใจทุกรายละเอียดมากๆ ครับ ขอคารวะเลย @_@

ตอนนี้เราก็ดูเรื่องต่างๆ ของ dusitD2 chiang mai ไปแทบจะหมดแล้ว เดี๋ยวผมจะพาทุกท่านไปดูเรื่องสุดท้ายของการเข้าพักที่นี่กันครับ นั่นก็คืออาหารเช้าครับ

อาหารเช้าของที่นี้นั้น จะให้บริการที่ชั้น 1 ตั้งแต่เวลา 6.00-10.30 น. ครับ สำหรับเมนูอาหารของที่นี่นั้นก็มีหลากหลายอย่างมากไม่ว่าจะเป็น ข้าวผัด, ผัดหมี่, อาหารต่างๆ, ก๋วยเตี๋ยว, ซาลาเปา, ขนมปัง, เบเกอรี่, ซีเรียล, Fruit salad, Egg Station, ข้าวต้ม, โจ๊ก, สลัด, ชีส, ผลไม้ แล้วก็เครื่องดื่มครับ

ผมขออนุญาตสรุปเฉพาะรายการที่ผมได้ทานแล้วกันนะครับ

• ซาลาเปา ทั้งไส้ถั่วดำ และครีม อร่อยดีครับ

• ก๋วยเตี๋ยว อร่อยถูกปากครับ

• สลัด ผักกรอบ สด อร่อย

• โจ๊กกับข้าวต้ม รสชาติกลางๆ ครับ

ในส่วนของ Egg Station นั้น ดีงามมากครับ เพราะว่าเราสามารถสั่งได้หลายอย่างตามเมนูนี้เลยครับ มีทั้งหมด 8 อย่างด้วยกัน โดยผมได้สั่งมาลอง 2 อย่างคือ Poached Egg และก็ French Toast ครับ

Poached Egg นั้น รสชาติอร่อยดีครับ โดยเฉพาะตัวขนมปังที่รองอยู่ข้างล่าง แต่สำหรับบางคนอาจจะคิดว่ารสชาติมันอ่อนไป หน่อยต้องหาอะไรมาปรุงแต่งรสชาติเพิ่ม เช่น ซอสต่างๆ ครับ ส่วน French Toast นั้น ผมลองกินกับไซรัปก็ได้รสชาติที่อร่อย ลงตัว ถูกปากดีครับ ถ้าใครชอบ 2 เมนูนี้ ผมแนะนำให้ลองสั่งมาทานดูเลยครับ

ในส่วนของเบเกอรี่ ขนมปัง ซีเรียล ผลไม้ นั้นก็อยู่ในเกณฑ์กลางๆ ตามมาตรฐานโรงแรมครับ แต่ที่ผมแอบประทับใจก็คือนอกจากอาหารเช้าที่นี่จะมีซีเรียลให้เลือกเยอะแล้ว ยังมีโยเกิร์ตของดัชชี่ แล้วก็ Muesli (มูสลี่) ให้ทานด้วยนะครับ จัดมาเต็มมากๆ

ส่วนในเรื่องของเครื่องดื่มนั้น ก็เป็นอะไรที่ผมประทับใจสุดๆ ครับ เพราะทางโรงแรมจัดมาได้เต็มมากๆ ตั้งแต่ ชา กาแฟ ที่สามารถสั่งลาเต้ คาปูชิโน่ ได้ แถมยังเสิร์ฟมาในชุดถ้วยเก๋ๆ ที่มีลูกเล่นนิดๆ ไม่ใช่วงกลมแบบปกติด้วยครับ ผมว่าเค้าใส่ใจรายละเอียดเล็กๆ น้อย พวกนี้ได้ครบถ้วนดีนะครับ

ส่วนน้ำอื่นๆ ก็มีให้เลือกมากมายตั้งแต่ สัปปะรด, ตะไคร้, สมูตตี้, ส้ม และ infused water ครับ

ตัวสมูตตี้กับน้ำส้ม อร่อยมากครับ ส่วน infuse water นั้นก็ได้รสชาติของผลไม้จางๆ ครับ

ครับ ตอนนี้ผมก็พาทุกท่านไปรู้จักกับ dusitD2 chiang mai แทบจะครบทุกมุมแล้ว หลังจากนี้ก็ได้เวลาสรุปข้อมูลทั้งหมดกันแล้วล่ะครับ โดยผมจะขอแยกหัวข้อในการสรุปเป็นดังนี้นะครับ

การออกแบบ : dusitD2 chiang mai เป็นโรงแรมที่มีกลิ่นอายที่แตกต่างจากโรงแรมอื่นๆ ของดุสิตที่ผมรู้จักมากครับ ถึงแม้จะเป็นการนำโรงแรมเดิมมารีโนเวทใหม่ ต้องติดข้อจำกัดหลายประการ แต่ทางโรงแรมก็ยังสามารถสร้างกลิ่นอายใหม่ๆ ที่มีเอกลัษณ์ขึ้นมาได้ โดยเฉพาะการตกแต่งโดยโทนสีส้ม การใช้เฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ที่มีเชฟแปลกๆ ออกไป และออกแบบห้องให้ดูโล่ง โปร่งสบาย ทำให้โรงแรมแห่งนี้น่าเหมาะกับครอบครัวที่มีเด็กๆ, กลุ่มทำงานวัยต้นๆ หรือนักธุรกิจที่ยังมีความเป็นวัยรุ่นอยู่ครับ

ความสะอาด : ด้วยชื่อเสียงและมาตรฐานของโรงแรมแล้ว ข้อนี้สอบผ่านสบายๆ เลยครับ

สิ่งอำนวยความสะดวก : เป็นโรงแรมที่ให้ของในห้องเยอะมาก ครบแทบทุกอย่างตามที่ต้องการ โดยเฉพาะห้อง Studio suite ที่มีเตารีดกับโต๊ะรีดผ้าให้ด้วย อุปกรณ์การอาบน้ำก็ให้มาครบเกินครบแถมอยู่ในแพคเกจที่สวยดูดีด้วย นอกจากนี้ยังมีกล่อง Delight Box ซึ่งถือเป็นอะไรที่ surprise สร้างความประทับใจได้ดีเลยครับ ทั้งนี้ภายในโรงแรมยังมี spa, สระว่ายน้ำ และ Fitness คอยให้บริการอีกด้วย ซึ่งอย่างหลังนี่เป็นอะไรที่ผมประทับใจมากครับ…..คราวหน้าถ้ามีโอกาสกลับไปพักอีก จะเตรียมชุดไปเล่นเลย!! สำหรับเรื่องสัญญาณ Wifi นั้น ถือว่าเร็วและเสถียรดีครับ โดย 1 ห้องที่เข้าพักจะได้รหัสมา 1 รหัส ซึ่งจะสามารถใช้งานได้ 3 เครื่องครับ สำหรับเรื่องลิฟท์ 2 ตัวที่มีขนาดไม่ใหญ่มากนัก ในการเข้าพักจริงก็ไม่ได้ทำให้มีปัญหาด้านการจราจรแต่อย่างใด แค่บางคนอาจจะรู้สึกอึดอัดเวลาต้องขึ้นลงเท่านั้นครับ

การเดินทาง : dusitD2 chiang mai เป็นโรงแรมที่ผมว่าเดินทางสะดวกมากนะครับเพราะมีทำเลที่ตั้งอยู่ที่บริเวณ Night Bazaar เลย คนที่ไม่มีรถอย่างผมก็สามารถเดินทางได้สะดวกมากไม่ว่าจะด้วยรถ Taxi จากสนามบินหรือการใช้บริการรถแดง เพราะเป็นเส้นทางที่คนขับรถเหล่านี้รู้จักดีอยู่แล้วครับ

การนอนหลับพักผ่อน : ทั้งเตียง หมอน ผ้าห่ม ความนุ่ม ความเย็นของแอร์ ถือว่าสอบผ่านครับไม่ติดปัญหาอะไร ผมกับภรรยานอนหลับสนิทดีครับ และภรรยาผมชอบ Sofa bed บริเวณริมกระจกมากๆ ครับ เธอนอนเล่นแทบทั้งวันเลย

อาหารเช้า : มีหลากหลายชนิด และเปิดบริการนานถึง 4 ชั่วโมงครึ่ง รสชาติอาหารส่วนใหญ่สอบผ่านตามมาตรฐานอาหารเช้าของโรงแรมระดับนี้ครับ และมีจุดที่ผมประทับใจมากๆ ก็คือ Egg Station และก็พวกเครื่องดื่มครับ นานๆ จะเจอโรงแรมที่มี infused water ตั้งบริการด้วย อ้อ……โดยส่วนตัวแล้วผมไม่ชอบอาหารเช้าที่ dusitD2 chiang mai อยู่อย่างนีงก็คือไม่มีเบคอนครับ T___T

การบริการของพนักงาน : แม้รูปลักษณ์ภายนอกของโรงแรม การแต่งกายของพนักงานจะดูแปลกออกไป โดยเฉพาะการแต่งกายด้วยชุดโทนสีส้ม แต่มาตรฐานการบริการของพนักงานทุกคนยังอยู่ในระดับที่ดีถึงดีมาก ไม่เสียชื่อเสียงของเครือนี้เลยครับ ตั้งแต่พนักงานที่คอยบริการแถวประตู จนไปถึงพนักงานในส่วนต่างๆ โดยในวันที่ผม Check out นั้น ผมประทับใจกับพนักงานที่อยู่บริเวณประตูมาก เพราะคอยดูแลดีมาก ทั้งสอบถาม ยกของ และเรียกรถบริการรับส่งไปที่สนามบินครับ

สรุป : dusitD2 chiang mai เป็นหนึ่งในโรงแรมที่มีความเก๋ สวยงาม และการบริการที่ดีสอดคล้องกันอย่างลงตัว หากคุณเป็นคนที่ชอบโรงแรมที่มีการบริการของพนักงานที่ดี มีอุปกรณ์ครบครัน แต่ยังมีใจที่เรียกหาความเป็นวัยรุ่น ความชิค หรืออะไรที่ทำให้ชีวิตมันมีสีสันมากกว่าการเข้าพักโรงแรม 4 ดาว 5 ดาวตามปกติ dusitD2 chiang mai คือคำตอบที่ดีครับ และด้วยทำเลที่ดี มีสิ่งอำนวยความสะดวกทั้ง spa, สระว่ายน้ำ, Fitness ทำให้โรงแรมแห่งนี้เหมาะกับกลุ่มคนที่ต้องการมานอนพักผ่อนเป็นหลัก ไม่ต้องการจะเดินทางไปไหนตลอดทั้งวัน เพราะการได้ใช้ facilities ที่โรงแรมพวกนี้จะเป็นอะไรที่คุ้มค่ามากครับ ยิ่งคนที่เข้าพักในห้องที่สามารถใช้บริการ Club lounge ที่ชั้น 7 ได้ ยิ่งเป็นอะไรที่คุ้มมากกกกกกก เพราะนอกจากจะมีชา กาแฟ น้ำหวาน บริการฟรีตลอดทั้งวันแล้ว ในช่วงเย็นๆ ของทุกวันยังมีของว่างพร้อมเครื่องดื่มต่างๆ เสิร์ฟแบบไม่อั้นด้วยครับ แต่ถ้าคุณเป็นนักท่องเที่ยวขาลุย กลางวันเที่ยวตลอด กลับมาดึกดื่นมืดค่ำ เช้าอีกวันรีบออกไม่ทันได้ทานอะไร หรือไม่มีเวลาละเมียดละไมอะไรนานๆ โรงแรมแห่งนี้คงไม่เหมาะซักเท่าไหร่ครับ

ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านจนจบครับ ผมขอปิดด้วยภาพนี้แล้วกันนะครับกับภาพกลุ่มโคมไฟเก๋ๆ ใน Club lounge ชั้น 7 ครับ แล้วพบกันใหม่ในรีวิวหน้าครับ

สำหรับผู้ที่ต้องการติดตามเรื่องราวการรีวิวต่างๆ ที่รวดเร็วทันใจ สามารถกดติดตามได้ที่เพจ ภรรยาหา สามีใช้ และสำหรับคนที่อยากจะได้ข้อมูลของโรงแรมแห่งนี้เพิ่มเติมหรือจะจองที่พักราคาพิเศษก็สามารถตามไปดูได้ที่ลิงก์ด้านล่างเลยครับ

Facebook : dusitD2 chiang mai

เช็คราคาและจองที่พักผ่าน agoda.com

หมายเหตุ : บทความนี้เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวของผมในวันที่ไปใช้บริการเท่านั้นครับ แต่ละท่านที่ได้มีโอกาสไปใช้บริการอาจจะได้รับการบริการที่แตกต่างจากนี้ออกไปครับ