จากบทความที่แล้วที่ผมได้พาทุกคนขับรถเที่ยวใบไม้เปลี่ยนสีใน Fukushima : น้ำตก Tatsuzawafudo Fall – จุดชมวิว Nakatsukawa Bridge และเส้นทาง Bandai-Azuma Lake Line มาแล้ว บทความหรือรีวิวนี้ผมก็เลยจะพาทุกคนไปรู้จักกับ Bandai Hibara Lakeside Hotel ซึ่งเป็นที่พักที่อยู่ไม่ไกลจากเส้นทาง Bandai-Azuma Lake Line แล้วก็บึง 5 สี Goshikinuma สองสถานที่ท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อของจังหวัด Fukushima มากนัก โดยจุดเด่นของที่พักแห่งนี้ในความเห็นของผมก็มีดังนี้ครับ

  1. ห้องพักกว้างขวาง

  2. ราคาไม่แพง โดยหากเข้าพักแบบไม่รวมอาหารเช้าและเย็น จะมีราคาเพียง 4,146 เยน/คน/คืน เท่านั้น

  3. วิวสวย อากาศสดชื่น เพราะตั้งอยู่ติดกับทะเลสาบ Hibara (ฮิบาระ)

  4. มีห้องพักจำนวนมาก

  5. ห้องอาบน้ำรวมกว้าง และมีอุปกรณ์ต่างๆ ให้เยอะมาก โดยเฉพาะในส่วนของห้องอาบน้ำหญิง

ส่วนจุดด้อยของที่นี่ในความเห็นของผมก็คือ มี Free Wifi แต่จำกัดและไม่สะดวกในการใช้งาน, สัญญาณ Internet จาก Sim2Fly ไม่ค่อยดี และบริเวณใกล้ๆ โรงแรมนั้นไม่มีร้านอาหารหรือร้านสะดวกซื้ออะไรเลย ทำให้ที่พักแห่งนี้เหมาะสำหรับคนที่มีรถส่วนตัวเท่านั้น เพราะหากคุณต้องการจะไปร้านสะดวกซื้อที่ใกล้ที่สุดจะต้องขับรถประมาณ 10 กิโลเมตรเลยครับ

Disclosure : บทความนี้ได้รับการสนับสนุนจากจังหวัดฟุกุชิมะ แต่ทั้งนี้ความเห็นต่างๆ ที่เกิดขึ้นเป็นความรู้สึกจริงของผมครับ

เอาล่ะ รู้จุดเด่นจุดด้อยแบบคร่าวๆ กันไปแล้ว คราวนี้เราไปดูรายละเอียดของ Bandai Hibara Lakeside Hotel กันต่อเลยดีกว่า โดยในเรื่องแรกคือเรื่องของการเดินทางนั้น เนื่องจากที่พักแห่งนี้เป็นที่พักที่พอจะมีชื่อเสียงอยู่บ้าง ดังนั้นเราจึงสามารถกดนาวิเกเตอร์บนรถเราตามชื่อโรงแรม หรือขับรถตาม Google Map ในมือถือเรามาได้เลยครับ โดยเส้นทางส่วนใหญ่จะเป็นทางขึ้นเขา และถ้าใครที่ขับไปที่พักแห่งนี้ในช่วงเวลากลางคืนก็ต้องระมัดระวังเพิ่มอีกพอควร เพราะถนนบริเวณนั้นมันมืดมาก

เมื่อเรามาถึงบริเวณโรงแรม เราก็จะเจอกับที่พักที่เป็นตึกสองชั้นที่มีลักษณะทอดตัวเป็นแนวยาว โดยที่บริเวณด้านหน้าของโรงแรมนั้นจะมีลานจอดรถที่สามารถจอดรถได้ประมาณ 20-30 คันครับ

หมายเหตุ : โรงแรม Bandai Hibara Lakeside Hotel นั้น จะมีอีกชื่อว่า Bandai Hibara Kohan Hotel ดังนั้นถ้าเราเจอชื่อหลังนี้ใน Agoda ก็ไม่ต้องแปลกใจนะครับ

จากนั้นพอเราเดินเข้าไปในโรงแรม เราก็จะเห็นเคาน์เตอร์เช็คอินอยู่ทางซ้ายมือของเรา ส่วนบริเวณด้านขวานั้นจะเป็นร้านขายของเล็กๆ น้อยๆ โดยจะเน้นไปที่ขนมและของฝากเป็นหลักครับ

เมื่อเราทำการเช็คอินเสร็จแล้ว พนักงานก็จะให้กุญแจห้องเรามาพร้อมกับเอาแผนผังของโรงแรมให้ดู เพื่อที่เราจะได้รู้ว่าห้องของเราอยู่ตรงไหน รวมทั้งบอกเราด้วยว่าหากต้องการอาบน้ำเราจะต้องไปอาบน้ำที่ห้องอาบน้ำรวม (แยกเพศ) ที่บริเวณชั้น 2 โดยจากการที่ผมได้พูดคุยกับพนักงานของที่นี่มา 2-3 ครั้ง ก็พบว่าเค้ามีความสามารถในการสื่อสารภาษาอังกฤษได้ดีระดับนึงเลยครับ เวลาเราพูดคุยด้วยส่วนใหญ่ก็ไม่ต้องใช้ภาษามือหรือ Google Translate ช่วยมากนัก

ภาพนี้เป็นภาพของห้องโถงใหญ่ที่อยู่ใกล้ๆ กับเคาน์เตอร์เช็คอิน โดยที่ห้องโถงนี้จะมีที่นั่งเล่นเป็นจำนวนมาก รวมทั้งมีที่นั่งสำหรับทานอาหารเช้าด้วยครับ

ทั้งนี้ตอนที่ผมกับต๋งจองห้องพักไปนั้น เราจองผ่าน Agoda ไป ซึ่งมันมีให้เราเลือกเฉพาะการจองห้องพักอย่างเดียวเท่านั้น ไม่ได้มีการจองห้องแบบที่รวมอาหารเช้าด้วยครับ โดยราคาที่เราจองไปนั้นจะอยู่ที่ 8,292 เยน/ห้อง/คืน หรือเท่ากับ 4,146 เยน/คน/คืน โดยจากที่ผมได้สอบถามทางพนักงานของที่โรงแรมมาก็พบว่าเค้ามีบริการอาหารเช้าด้วย แต่จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมประมาณ 1,500-1,600 เยน/คน หากใครสนใจอยากจะทานอาหารเช้าที่โรงแรมก็สามารถแจ้งที่เคาน์เตอร์เช็คอินได้เลย แต่ถ้าใครคิดว่าราคามันแอบแรงไป ผมแนะนำให้คุณซื้ออาหารและขนมที่ 7-11 ที่อยู่แถวๆ บึง 5 สีเข้ามาทานที่ห้องพักจะดีกว่าครับ

และนี่เป็นหน้าตาห้องพักของผมครับ จะเป็นห้องแบบสไตล์ญี่ปุ่น (Japanese Style) ลักษณะห้องกว้างมีที่นั่งจิบชา, กินข้าว และมีการปูฟูกนอนเอาไว้เรียบร้อยแล้ว

หมายเหตุ : โรงแรม Bandai Hibara Lake Side Hotel จะมีห้องพักบริการสองแบบคือ แบบ Japanese Style และแบบ Western Style ใครชอบห้องพักแบบไหนก็เลือกจองตามสไตล์ที่ชอบได้เลยครับ

ภายในห้องมีอุปกรณ์ต่างๆ ให้เราครบครันตั้งแต่โทรทัศน์, ตู้เย็น, ตู้เซฟ, ฮีตเตอร์, แอร์, โทรศัพท์, กระติกน้ำร้อน, ชา, ขนม, ผ้าเช็ดตัว, แปรงสีฟัน แล้วก็ชุดยูกาตะครับ

ส่วนนี่เป็นหน้าตาของขนมที่ทาง Bandai Hibara Lakeside Hotel มีไว้ให้เราครับ เราสามารถแกะทานได้เลย

ส่วนนี่เป็นหน้าตาของอ่างล่างหน้าและห้องน้ำที่อยู่ภายในห้องของเราครับ โดยห้องน้ำนั้นจะเป็นเพียงห้องสุขาเท่านั้น ขนาดของห้องน้ำแคบตามลักษณะของห้องน้ำประเทศญี่ปุ่น ส่วนความไฮเทคนั้นก็ตามลักษณะของห้องน้ำประเทศญี่ปุ่นเช่นเดียวกันครับ

และหากเราต้องการที่จะอาบน้ำ เราก็ต้องหยิบผ้าเช็ดตัวไปอาบน้ำที่ห้องน้ำอาบรวมบริเวณชั้น 2 โดยทั้งโรงแรมเค้าจะมีห้องอาบน้ำรวมอยู่เพียงแค่จุดเดียว ใครที่ห้องพักอยู่คนละฟากกับห้องน้ำแบบที่ผมกับต๋งพักในคืนนี้ก็ต้องเดินกันไกลหน่อยนะครับ T_T

หน้าตาห้องอาบน้ำรวมจะเป็นแบบนี้ครับ แยกเพศหญิงชาย มีตู้ล็อคเกอร์, ที่กดน้ำดื่ม และเก้าอี้นวด ไว้บริการครบถ้วน นอกจากนี้ภายในห้องน้ำยังมีการจัดอุปกรณ์ต่างๆ มาให้เราครบเซตมาก ทั้งบ่ออาบน้ำรวมที่มีขนาดใหญ่, ห้องอบซาวน่า, ยาสระผม, ครีมอาบน้ำ, ไดร์เป่าผม, สำลีเช็ดหู, หวี และที่พิเศษสุดๆ ก็คือในส่วนของห้องอาบน้ำหญิงนั้น เค้ามีหมวกอาบน้ำ, ยางมัดผม, มาสก์หน้า, ที่ขัดส้นเท้า และครีมต่างๆ ทั้งครีมทาหน้า, ครีมทาผิว, ครีมทาส้นเท้า จนไปถึงครีมทาแก้ปวดเมื่อยตามข้อต่อ และเจลขัดผิวมาให้ด้วย เรียกว่าจัดมาให้เต็มที่จริงๆ แทบไม่เคยเจอโรงแรมหรือที่พักไหนที่จัดอุปกรณ์ต่างๆ มาให้ผู้หญิงเยอะขนาดนี้เลยครับ ใครที่ชอบแช่น้ำร้อนแล้วก็บำรุงผิวพรรณตัวเองน่าจะถูกใจกับการเข้าพักที่นี่แน่ๆ

และทั้งหมดที่ผมเล่ามาก็จะเป็นภาพรวมของภายในโรงแรม Bandai Hibara Lake Side Hotel หลังจากนี้ผมจะพาทุกคนไปดูบรรยากาศที่บริเวณด้านนอกของโรงแรมกันต่อครับ แต่ต้องบอกไว้ก่อนนะครับว่าวันที่ผมไปนั้นผมเจอกับฝนตกตลอดเลย ก็เลยทำให้ความสวยงามของสถานที่ลดลงไปมากพอควร T_T

สำหรับบริเวณรอบๆ โรงแรมนั้นนอกจากจะมีทะเลสาบฮิบาระ (Hibara) เป็นไฮไลท์ของสถานที่แล้ว เค้าก็ยังมีต้นไม้สวยๆ ให้เราดูด้วย โดยเฉพาะใครที่มาในช่วงใบไม้เปลี่ยนสีก็จะได้เห็นต้นไม้ที่มีสีสันสวยงามมากกว่าฤดูอื่นๆ ครับ

นี่เป็นภาพของทะเลสาบ Hibara ครับ เสียดายที่ผมกับต๋งเจอฝน ไม่งั้นภาพที่ได้น่าจะสวยงามและแจ่มกว่านี้เยอะ เพราะใบไม้รอบๆ บริเวณทะเลสาบเริ่มเปลี่ยนสีสวยงามแล้วครับ

อ้อ ห้องพักที่โรงแรมแห่งนี้จะมีวิวห้องสองแบบนะครับ คือห้องแบบ Lake View (วิวทะเลสาบ) กับห้องแบบ Garden View (วิวสวน) โดยห้องที่เป็น Lake View ก็จะสามารถมองเห็นวิวทะเลสาบสวยๆ จากในห้องได้เลย แต่สำหรับห้องแบบ Garden View นั้น หากจะอยากดูทะเลสาบเราต้องเดินออกมาดูที่ด้านนอกโรงแรมครับ ซึ่งห้องที่ผมกับต๋งนอนนั้นจะเป็นแบบ Garden View เพราะตอนที่เราจองผ่าน Agoda ไป มันมีเหลือเพียงห้องเดียวเท่านั้นครับ T_T

และนี่ก็คือวิวจากห้องของผมกับต๋งครับ จะเห็นเป็นสวนเขียวๆ แบบนี้

สำหรับใครที่อยากจะนอนห้องแบบ Lake View ก็ดูรายละเอียดตอนจองให้ดีๆ นะครับ แต่หากเรากดจองผ่าน Agoda แล้ว ไม่เจอห้องพักที่เราต้องการ ก็อาจจะต้องใช้การจองผ่านโรงแรมตามลิงก์นี้แทนครับ http://www.bandaihibara.jp/

และทั้งหมดนี้ก็คือรายละเอียดของ Bandai Hibara Lakeside Hotel จังหวัด Fukushima ในมุมมองของผมกับต๋ง ใครที่มีแผนจะเดินทางไปเที่ยว Bandai-Azuma Lake Line และบึง 5 สี Goshikinuma และอยากจะได้ที่พักที่สงบ สวย ราคาไม่แรง ก็ลองพิจารณาที่พักแห่งนี้เป็นตัวเลือกได้เลย เพราะจากโรงแรมแห่งนี้เดินทางไปเพียง 15-20 นาทีก็ถึงบึง 5 สี Goshikinuma แล้วครับ โดยทุกๆ ท่านสามารถตรวจสอบราคาและทำการจองที่พัก Bandai Hibara Lakeside Hotel ราคาพิเศษ ผ่าน Agoda ได้ที่ลิงก์ด้านล่างนี้เลยครับ

จองที่พัก Bandai Hibara Lakeside Hotel / Bandai Hibara Kohan Hotelราคาพิเศษ ผ่าน Agoda คลิกที่นี่

ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านจนจบ และเดี๋ยวบทความหน้าผมจะพาทุกท่านไปเที่ยวที่บึง 5 สี Goshikinuma หนึ่งในสถานที่เที่ยวที่ขึ้นชื่อของจังหวัด Fukushima โดยเฉพาะช่วงใบไม้เปลี่ยนสี และสำหรับใครที่ต้องการติดตามเรื่องราวของการกินและเที่ยวของผมกับต๋งแบบใกล้ชิดก็สามารถกดติดตามได้ที่แฟนเพจ “ภรรยาหา สามีใช้” ได้เลยครับ แล้วพบกันใหม่ในบทความหน้า สวัสดีครับ

หมายเหตุ : บทความนี้เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวของเราในวันที่ลองใช้บริการเท่านั้น ทั้งนี้แต่ละท่านที่ได้มีโอกาสใช้บริการอาจจะได้รับการบริการหรือมีความคิดเห็นที่แตกต่างจากนี้ได้ครับ