หินตก ริเวอร์เเคมป์ (Hintok River Camp) ชื่อนี้คือชื่อของที่พักหรือรีสอร์ทที่ผมรู้จักและคุ้นเคยมานานมากๆ แห่งนึงเลยครับ โดยถ้าจำไม่ผิดผมน่าจะเคยเห็นชื่อของรีสอร์ทแห่งนี้บนหน้าปกหนังสือท่องเที่ยวต่างๆ ตั้งแต่สมัยตอนที่ผมยังเป็นหนุ่มเอ๊าะๆ หรือเมื่อซักประมาณ 20 ปีก่อนนู่นนนนนนครับ เรียกว่านานมากๆ เลยแหละ

และตั้งแต่ที่ผมได้รู้จักกับชื่อของรีสอร์ทแห่งนี้ ชื่อของมันก็ได้ตราตรึงอยู่ในหัวของผมตลอดเลย และผมก็เฝ้าคิดมาเสมอว่าซักวันนึงผมจะหาโอกาสไปพักผ่อนที่นี่ซักครั้งให้ได้ เพราะคอนเซปและรูปแบบที่พักของที่นี่มันน่าสนใจมากจริงๆ  และในที่สุดวันนั้นก็มาถึงแล้วครับ ว่าแล้วจะรอช้าอยู่ทำไม ตามผมไปผจญภัยและทำความรู้จักกับรีสอร์ทแห่งนี้แบบเต็มๆ ในรีวิวนี้กันดีกว่าครับ

เช็คราคาที่พักและจองที่พักหินตก ริเวอร์แคมป์ผ่าน Agoda คลิกที่นี่

Theme และจุดเด่น

จุดเด่นสุดๆ ของหินตก ริเวอร์เเคมป์นั่นก็คือ ที่นี่จะเป็นที่พักสไตล์ Glamping หรือที่เราเรียกกันง่ายๆ ว่านอนเต็นท์แบบหรูหราไฮโซ สัมผัสธรรมชาติอย่างใกล้ชิดโดยที่เราไม่ต้องลำบากนั่นแหละครับ เพราะรูปแบบที่พักของที่นี่จะทำออกมาในรูปแบบของเต้นท์ขนาดใหญ่ โดยภายในเต้นท์นั้นจะมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ครบครัน ไม่ว่าจะเป็นเตียงนอน, หมอน, ตู้เย็น, เก้าอี้ทำงาน, ตู้เสื้อผ้า, กาน้ำร้อน, แอร์, ไฟฟ้า, Wifi จนไปถึงห้องน้ำที่มีขนาดใหญ่ และมีการแยกส่วนเปียกส่วนแห้งออกจากกันอย่างชัดเจนครับ เรียกว่าพอก้าวเข้าไปในเต้นท์นี้แล้วคุณก็จะเหมือนกับอยู่ในห้องพักของโรงแรมดีๆ แห่งนึงเลย แต่เมื่อคุณก้าวออกจากเต้นท์ปั๊บคุณก็จะได้สัมผัสกับธรรมชาติ และอารมณ์แคมป์ปิ้งกับการผจญภัยต่างๆ อย่างทันที เพราะนอกจากจากที่พักแห่งนี้จะตั้งอยู่ติดกับริมแม่น้ำแควน้อยที่รายล้อมไปด้วยธรรมชาติที่ยังอุดมสมบูรณ์แล้ว ภายในที่พักหรือรีสอร์ทแห่งนี้ก็ยังมีการตกแต่งต่างๆ ให้เข้ากับการแคมป์ปิ้งและผจญภัยด้วย เรียกว่าถ้าใครเตรียมพร็อพมาดีๆ นี่ น่าจะได้รูปเด็ดๆ กลับไปอวดเพื่อนเพียบเลยครับ

ที่ตั้งและการเดินทาง

สำหรับที่ตั้งของหินตก ริเวอร์ เเคมป์นั้นจะอยู่ที่บริเวณช่องเขาขาด (Hellfire Pass) อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี นะครับ โดยวิธีการเดินทางมาที่นี่แบบสะดวกที่สุดก็น่าจะเป็นการขับรถส่วนตัวนั่นเอง และทุกคนสามารถขับตามพิกัด Google Map ด้านล่างนี้ได้เลยครับ

Google Map หินตก ริเวอร์แคมป์ : https://g.page/Hintok?share

ทั้งนี้ช่วง 5 กิโลเมตรสุดท้ายก่อนที่จะถึงหินตก ริเวอร์เเคมป์นั้น Google Map จะบอกให้เราเลี้ยวเข้าไปในศูนย์ประวัติศาสตร์ช่องเขาขาด หรือ กองการเกษตรและสหกรณ์ สำนักงานทหารพัฒนา หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา ตามภาพด้านล่างนี้นะครับ เราก็ไม่ต้องตกใจหรืองงไปนะ ให้เราเลี้ยวเข้าไปที่ประตูนี้เลย และแจ้งเค้าว่าเราจะไปที่หินตก ริเวอร์แคมป์ และเดี๋ยวเค้าจะเปิดให้เราผ่านเข้าไปครับ โดยเมื่อเราขับรถไปตามทางเรื่อยๆ เราก็จะเห็นป้ายบอกทางไปยังหินตก ริเวอร์แคมป์เป็นระยะๆ ครับ ทั้งนี้เส้นทางบางช่วงใน 5 กิโลเมตรสุดท้ายนี้อาจจะมีแคบหรือชันไปบ้าง แต่ไม่ต้องกังวลไปนะครับ รถเล็กๆ อย่างรถเก๋ง 1,200 ซีซี ก็สามารถขับไปและกลับได้อย่างสบายๆ เลย ผมพิสูจน์มาแล้วครับ

และนี่ก็คือหินตก ริเวอร์แคมป์ และลานจอดรถของเค้าครับ โดยบริเวณลานจอดรถนี้จะเป็นลานดินธรรมดาๆ เลย แต่ก็มีพื้นที่กว้างขวางและสามารถจอดรถได้หลายสิบคันครับ

ส่วนนี่ก็จะเป็นประตูทางเข้ารีสอร์ทครับ แค่เห็นประตูนี้กับรถรุ่นเดอะที่จอดอยู่ข้างๆ กัน มันก็ได้กลิ่นอายของการผจญภัยทันทีเลยครับ

Reception

หลังจากที่เราจอดรถแล้วก็จะมีพนักงานของทางหินตก ริเวอร์แคมป์เข้ามาดูแลเราที่รถทันทีครับ โดยทางพนักงานเค้าจะนำสัมภาระต่างๆ ของเราไปใส่ในรถสามล้อและขับนำไปให้ที่ Reception ส่วนเราก็เดินตามไปแบบเรื่อยๆ พร้อมกับชมบรรยากาศรีสอร์ทรอบตัวไปพลางๆ

นี่เป็นหน้าตาของ Reception ครับ จะเป็นแบบ Open Air และตั้งอยู่ติดกับบาร์ที่สามารถมองเห็นโค้งแม่น้ำแควน้อยสวยๆ ได้เลย โดยบริเวณบาร์และจุดชมวิวนี้ถือเป็นจุดนึงที่เหมาะมากๆ ที่เราควรจะมาชมวิวในช่วงที่พระอาทิตย์กำลังจะลาลับผ่านยอดเขาครับ มันสวยมากๆ ใครที่ได้มีโอกาสไปพักที่นี่ห้ามพลาดในช่วงเวลานี้เลยนะ

ส่วนนี่เป็น Welcome Drink ครับ วันที่ผมไปเค้าจะเสิร์ฟเป็นน้ำใบเตยครับ รสชาติอร่อยดี

ประเภทห้องพัก

สำหรับประเภทห้องพักของหินตก ริเวอร์แคมป์ นั้น จะมีทั้งหมด 2 ประเภทเท่านั้น และมีรายละเอียดตามนี้เลยครับ

  • ห้องประเภท Superior ขนาด 26 ตร.ม.
  • ห้องประเภท Deluxe ขนาด 26 ตร.ม.

ทั้งนี้ห้องพักทั้ง 2 ประเภทนี้จะมีสิ่งต่างๆ ใกล้เคียงกันมาก ตั้งแต่ขนาดห้อง และสิ่งอำนวยความสะดวกภายในห้อง โดยจุดที่แตกต่างกันนั้นจะเป็นเพียงแค่การตกแต่งภายในห้องเล็กๆ น้อยๆ และตำแหน่งที่ตั้งของห้องพักหรือเต้นท์นั่นเองครับ โดยห้องพักแบบ Deluxe นั้นจะอยู่บริเวณโซนด้านหน้า เดินใกล้กว่า และบรรยากาศเปิดโล่งกว่า สามารถเห็นวิวได้ชัดกว่า เพราะไม่ค่อยมีอะไรบังครับ ส่วนห้องพักแบบ Superior จะอยู่ด้านหลังเป็นกลุ่มๆ และให้อารมณ์ของการตั้งเต้นท์ในป่าใกล้ๆ กันครับ

นี่เป็นแปลนของห้องพักทั้งหมดของหินตก ริเวอร์แคมป์ครับ โดยใครที่อยู่ห้องพักไกลๆ ก็ไม่ต้องกังวลไปนะ เพราะที่นี่เค้าจะมีจักรยานให้ยืมเพียบ และทุกคนสามารถขี่ไปมาภายในรีสอร์ทได้เลย และหลายๆ คนก็มักจะใช้จักรยานปั่นไปมา รวมถึงจอดทิ้งไว้หน้าที่พักใครที่พักมันเลยครับ

ทั้งนี้สำหรับคนที่ไปพักเป็นกลุ่มใหญ่ 4-6 คน และต้องการที่พักแบบใกล้ชิดกันมากๆ ทางหินตก ริเวอร์แคมป์ก็จะมีห้องพักแบบ Deluxe ที่เป็นรูปแบบเต้นท์แฝด 2 หลังติดกันให้บริการด้วยนะครับ แต่ที่พักรูปแบบนี้จะมีเพียงแค่หลังเดียวเท่านั้น ดังนั้นหากใครที่ต้องการจะเข้าพักห้องแบบนี้ก็ต้องติดต่อจองโดยตรงกับทางรีสอร์ทเท่านั้น เพราะส่วนใหญ่แล้วจะมีคนสนใจจองเต็มตลอดครับ

หมายเหตุ : วันที่ผมไปใช้บริการ ที่พักรูปแบบเต้นท์แฝดนี้ก็มีคนเข้าพักอยู่ ผมก็เลยไม่ได้ถ่ายภาพมาให้ดูด้วยนะครับ

ห้องพักแบบ Deluxe

สำหรับผมกับต๋งเราพักห้องแบบ Deluxe นะครับ และนี่ก็คือหน้าตาที่พักของเราครับ บอกเลยว่าแว้บแรกที่เห็นนี่มันควรเรียกว่าเต้นท์ขนาดใหญ่มากกว่าห้องพักซะอีก เพราะรูปร่างต่างๆ ของมันเหมือนเต้นท์จริงๆ เลยครับ

นี่เป็นส่วนบริเวณหน้าเต้นท์ครับ จะมีชิงช้าแล้วก็เก้าอี้ให้นั่งชมวิวหรือทำกิจกรรมต่างๆ นอกจากนี้เค้ายังมีร่มกันแดดและปลั๊กไฟให้บริการในส่วนด้านหน้านี้ด้วย เรียกว่าคิดมาแล้วจริงๆ ว่าคนที่มานั่งตรงนี้ต้องการอะไร อยากจะชาร์จอะไรไปด้วยชมวิวไปด้วยก็สามารถนั่งตรงนี้ได้เลย ไม่ต้องเอาเข้าไปชาร์จในห้อง หรือถ้าใครอยากจะออกไปเดินเล่นข้างนอกตอนกลางวันก็สามารถหยิบร่มตรงนี้ไปได้ทันที สะดวกสุดๆ ครับ

ส่วนนี่เป็นรูปแบบประตูเข้าออกห้องครับ หรือถ้าจะพูดจริงๆ มันก็คือทางเข้าออกเต้นท์นี่แหละครับ เพราะรูปแบบการเปิดและปิดของมันก็คือการเปิดปิดเต้นท์ทั่วๆ ไปเลย โดยเค้าจะมีผ้า 2 ชั้น ชั้นแรกจะเป็นแบบโปร่งกันแมลงและยุงได้ ส่วนชั้นที่ 2 จะเป็นแบบปิดทึบครับ

ส่วนนี่จะเป็นกุญแจในการล็อคห้องครับ หลังจากเราปิดผ้าแบบทึบลงมาแล้ว เราก็เอาเจ้ากุญแจนี้คล้องซิปทุกอันไว้ด้วยกันแล้วก็กดล็อคเป็นอันเสร็จครับ

โดยรวมๆ แล้วผมประทับใจและรู้สึกสนุกกับการเข้าพักในที่พักรูปแบบนี้นะ มันได้อารม์แคมปิ้งดี แต่สำหรับบางคนโดยเฉพาะผู้สูงอายุอาจจะรู้สึกว่าการเปิดปิดเข้าห้อง หรือการเปิดเอาผ้าขึ้นลงนั้นลำบากพอควรครับ เพราะมันต้องมีการก้มๆ เงยๆ ยืดๆ ด้วย อีกทั้งการหมุนเก็บผ้านั้นก็อาจจะมีน้ำหนักหรือความยากเล็กน้อยครับ ใครที่มีผู้สูงอายุไปด้วยก็อาจจะต้องคอยดูแลหรือคำนึงถึงจุดนี้ด้วยนะครับ

และนี่ก็คือภายในห้องหรือเต้นท์ของเราครับ ขนาดถือว่ากว้างเลยนะ สามารถวาง 2 เตียง (1 เตียงใหญ่ 1 เตียงเล็ก) ได้อย่างสบายๆ แล้วก็ยังเหลือพื้นที่สำหรับอุปกรณ์อื่นๆ อีกครับ

อันนี้เป็นโต๊ะทำงานครับ รูปแบบการตกแต่งก็จะเป็นธีมแคมป์ปิ้งแล้วก็ให้อารมณ์ย้อนยุคนิดๆ ส่วนหน้าต่างที่เราเห็นนั้นก็จะมีผ้าใบแบบปิดทึบที่สามารถปิดลงมาได้ครับ

ตู้เสื้อผ้าครับ จะเป็นแบบเปลือยๆ มีไม้แขวนเสื้อให้พร้อม รวมทั้งมีรองเท้าแตะให้ด้วยครับ

ตู้เย็น, โต๊ะเครื่องแป้ง, กาน้ำร้อน, ชา, กาแฟ และขนมครับ โดยในส่วนที่เราสามารถทานได้ฟรีก็คือน้ำเปล่าขวดแก้ว 4 ขวด แล้วก็ชา กาแฟครับ ส่วนอื่นๆ จะมีค่าใช้จ่ายตามใบรายการที่เค้าวางไว้ครับ

อ้อ เค้ามีไดร์เป่าผมให้ด้วยนะ แต่จะไม่มีโทรทัศน์นะครับ

มาดูในส่วนของห้องน้ำกันบ้าง โดยหากดูเผินๆ ประตูจากบริเวณห้องพักไปยังโซนห้องน้ำนั้นก็จะเป็นแนวการเปิดปิดแบบเต้นท์เหมือนกัน แต่จริงๆ แล้วหากเราสังเกตดีๆ ภายใต้ผ้าใบเปิดปิดตรงนี้มันจะมีประตูบานเลื่อนซ่อนอยู่ครับ เราสามารถใช้ประตูบานเลื่อนนี้เปิดปิดแทนได้ และมันทำให้สะดวกในการพักมากขึ้นเยอะเลยครับ

ห้องน้ำจะมีการแยกส่วนเปียกแห้งออกจากกันชัดเจนเลย อยู่กันคนละฝั่งโดยมีอ่างล้างหน้าอยู่ตรงกลางครับ

สิ่งอำนวยความสะดวกในห้องน้ำถือว่าครบครับ ผ้าเช็ดตัว, เครื่องทำน้ำอุ่น, ครีมอาบน้ำ, ยาสระผม, สบู่เหลวล้างมือ, หมวกคลุมอาบน้ำ, สำลีเช็ดหู,  ชักโครก, สายฉีดชำระ ทุกอย่างมีให้หมด แล้วก็ขนาดของห้องน้ำทั้งโซนเปียกและแห้งถือว่ากว้างขวาง สะดวกสบายในการใช้งานเลยครับ

รวมๆ แล้วต้องถือว่านี่เป็นห้องพักที่มีเสน่ห์แล้วก็เป็นเอกลักษณ์ของตัวเองมากๆ ครับ เหมาะสำหรับมาพักผ่อนนอนชมธรรมชาติ หรือใช้ชีวิต Slow Life จริงๆ อย่างในภาพด้านล่างนี้ก็จะเป็นบรรยากาศตอนกลางคืนครับ สวยงามและสงบมาก ให้ความรู้สึกเหมือนนอนอยู่ในป่า แต่ก็สะดวกสบายแบบมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันครับ

Facilities และสิ่งต่างๆ ที่น่าสนใจภายในที่พัก

เอาล่ะ ดูภายในห้องพักเสร็จแล้ว คราวนี้เดี๋ยวผมจะพาทุกคนไปดู Facilities และสิ่งต่างๆ ที่น่าสนใจภายในที่พักแห่งนี้กันต่อนะครับ หลายอย่างน่าสนใจมากเลยแหละ

จุดถ่ายรูปสุดชิค

เริ่มจากจุดนี้ก่อนเลยนะครับ จุดที่ทุกคนที่มาพักที่หินตก ริเวอร์แคมป์จะต้องมาถ่ายรูปเช็คอินกัน เพราะที่นี่เค้าจะเซ็ตพร็อพให้เราเป็นอย่างดีเลย ทั้งรถจิ๊บสุดคลาสสิค, เต้นท์, กองไฟ และอื่นๆ อีกมากมาย ใครที่อยากได้รูปปั๊วๆ ปังๆ กลับไป ผมแนะนำว่าให้ทำการบ้านมาให้พร้อมนะครับ ทั้งชุดและมุมโพสต์ท่าต่างๆ รับรองว่าได้รูปดีๆ จากจุดนี้กลับไปเพียบครับ

สระว่ายน้ำ

จุดนี้ถือเป็นหนึ่งในไฮไลท์ของที่นี่เลยครับ เพราะสระว่ายน้ำของที่นี่มันไม่ใช่สระว่ายน้ำธรรมดาๆ ตามแบบที่พักทั่วไป แต่มันคือสระว่ายน้ำธรรมชาติ ที่ใช้น้ำแร่ที่ไหลจากตาน้ำบนยอดเขาเป็นหลัก โดยเราจะมองเห็นสายน้ำที่ไหลลงเข้ามาในสระและไหลออกไปสู่แม่น้ำแควน้อยด้านล่างได้อย่างชัดเจนเลย ซึ่งสายน้ำที่ไหลเข้าและออกนี้หากดูเผินๆ ไกลๆ มันก็คือสายน้ำตกแบบย่อมๆ แห่งนึงเลยครับ บอกเลยว่ามันเจ๋งมากๆ

นอกจากนี้ด้วยตำแหน่งที่ตั้งของสระที่สามารถมองเห็นแม่น้ำแควน้อยได้อย่างชัดเจน อีกทั้งรูปแบบการก่อสร้างของเค้าที่มันดูเป็นธรรมชาติมาก มันก็เลยให้อารมณ์เหมือนกับว่าเรากำลังแช่หรือเล่นน้ำอยู่ในบ่อน้ำธรรมชาติจริงๆ มากกว่าจะรู้สึกว่าอยู่ในสระว่ายน้ำที่มนุษย์สร้างขึ้นครับ ใครที่อยากได้อารมณ์นอนแช่น้ำชมวิว ใกล้ชิดธรรมชาติสุดๆ ควรต้องไปที่จุดนี้เลยครับ ส่วนใครที่คาดหวังว่าจะได้ว่ายน้ำในสระกว้างๆ หรือมีพื้นที่กิจกรรมให้เด็กเล่นน้ำเยอะๆ ตรงนี้อาจจะไม่ตอบโจทย์เท่าไหร่นะครับ เพราะพื้นที่สระของเค้าไม่ได้กว้างมากครับ

จุดชมวิวริมแม่น้ำแควน้อย

จุดนี้จะอยู่ใกล้ๆ กับสระว่ายน้ำเมื่อกี้เลยครับ มันจะเป็นแพริมน้ำขนาดใหญ่ ที่มีเก้าอี้และเปลให้เรานั่งชมวิวครับ โดยส่วนตัวแล้วผมว่าจุดนี้เหมาะมากๆ ที่จะมาในช่วงเช้าหรือเย็น เพราะบรรยากาศต่างๆ จะดีมาก โดยเฉพาะช่วงเช้าหลังจากที่พระอาทิตย์พึ่งขึ้นเล็กน้อย อากาศจะเย็นสบายมาก รวมทั้งเราจะมีโอกาสเห็นหมอกไหลเอื่อยๆ บนสายน้ำด้วย แนะนำนะครับใครตื่นเช้าไหวควรมาสัมผัสบรรยากาศ ณ จุดนี้ครับ

จุดชมวิวบริเวณบาร์ข้าง Reception

จุดนี้เป็นอีกหนึ่งจุดที่เหมาะมากๆ ในการมานั่งชมวิวช่วงพระอาทิตย์ตกครับ โดยนอกจากเราจะได้เห็นวิวแม่น้ำแควน้อยในมุมสูง และได้ยินเสียงสายน้ำตกบริเวณสระว่ายน้ำไหลลงสู่แม่น้ำแควน้อยแล้ว ที่นี่ยังมีที่นั่งเพียบ อีกทั้งยังมีบาร์เครื่องดื่มสุดอร่อยไว้คอยบริการข้างๆ ด้วย ใครอยากนั่งชิลยาวๆ พร้อมเครื่องดื่มอร่อยๆ มาที่จุดนี้ได้เลยครับ

อ้อ หรือถ้าใครจะมาช่วงเช้าๆ แทนก็ได้นะ มันจะได้ภาพประมาณนี้ครับ สวยไปอีกแบบ

พิพิธภัณฑ์หินตกและถ้ำหินตก

หากใครที่สนใจเรื่องราวของประวัติศาสตร์สงครามโลกครั้งที่ 2 น่าจะพอรู้จักกับเรื่องราวของเส้นทางรถไฟสายมรณะและช่องเขาขาดอยู่บ้างใช่มั้ยครับ และที่หินตก ริเวอร์แคมป์นั้นก็มีความเกี่ยวข้องกับ 2 เรื่องข้างต้นนั่นครับ เพราะในสมัยนั้นที่จุดนี้เป็นหนึ่งในจุดที่เค้ามีการตั้งแคมป์เพื่อสร้างทางรถไฟกัน อีกทั้งยังสร้างเป็นค่ายนักโทษด้วย โดยคาดว่ามีนักโทษมากกว่า 300 คนอาศัยอยู่ที่นี่ และจากการตรวจสอบพื้นที่ก็พบเครื่องใช้ต่างๆ ในสมัยนั้นมากมาย ทางหินตก ริเวอร์แคมป์ก็เลยได้สร้างพิพิธภัณฑ์หินตกขึ้นมาเพื่อรวบรวมสิ่งของเหล่านั้น และบอกเล่าเรื่องราวของประวัติศาสตร์ในช่วงนั้นออกมาครับ

นอกจากนั้นภายในที่ตั้งของหินตก ริเวอร์แคมป์ก็ยังมีถ้ำอีกด้วย โดยถ้ำนี้นอกจากจะเป็นที่อยู่อาศัยของค้างคาวกิตติที่ตัวเล็กที่สุดในโลก และถือเป็นค้างคาวสายพันธ์ที่หาได้ยากมากๆ แล้ว ในสมัยก่อนถ้ำแห่งนี้ยังเป็นสถานที่หลบภัยของมนุษย์อีกด้วย เพราะภายในถ้ำมีการค้นพบโครงกระดูกมนุษย์และเครื่องมือต่างๆ ที่ดูเหมือนจะมีอายุมากกว่า 10,000 ปี อยู่เป็นจำนวนมาก แต่ด้วยความที่การเข้าถึงถ้ำนี้ค่อนข้างเป็นอะไรที่ลำบากพอควร ดังนั้นทางหินตก ริเวอร์แคมป์ก็เลยนำสิ่งของที่ค้นพบภายในถ้ำมาจัดแสดงไว้ที่พิพิธภัณฑ์หินตกครับ ใครที่สนใจเรื่องราวเหล่านี้ควรหาเวลาซัก 20-30 นาทีเข้าไปแวะชมกันนะครับ

Spa หรือนวดแผนไทย

ภายในหินตก ริเวอร์แคมป์นั้นจะมีนวดแผนไทยบริการด้วยนะครับ แต่ในช่วงที่ผมไปนั้นส่วนนี้ได้ปิดบริการชั่วคราว ตามมาตรการป้องกันโรคโควิด-19 ดังนั้นผมก็เลยไม่ได้เก็บภาพในส่วนนี้มาครับ แต่ผมก็ได้เดินเล่นชมวิวในส่วนอื่นๆ ของรีสอร์ทแทน และก็พบว่ามันมีจุดถ่ายรูปหรือจุดนั่งเล่นที่น่าสนใจอยู่หลายจุดเลยครับ ใครที่พอมีเวลาก็ลองเดินสำรวจดูนะ

สะพานแขวนบ้านหาดงิ้ว

สำหรับจุดนี้จะอยู่นอกรีสอร์ทนะครับ อยู่ห่างจากหินตก ริเวอร์แคมป์ประมาณ 2 กิโลเมตร แต่คนส่วนใหญ่ที่พักที่นี่ก็ชอบไปสถานที่แห่งนี้กัน โดยเฉพาะช่วงเย็นๆ เพราะที่นี่เป็นอีกหนึ่งจุดที่เห็นวิวช่วงพระอาทิตย์ตกสวยมาก อีกทั้งสะพานแขวนแห่งนี้ก็ยังยาวมากๆ และสามารถถ่ายรูปสวยๆ ออกมาได้หลายมุมเลยครับ

สำหรับใครที่ต้องการจะไปที่นี่ก็สามารถตาม Google Map ด้านล่างนี้ไปได้เลยครับ จะขับรถไปหรือจะยืมจักรยานของเค้าไปก็ได้ 2 กิโลเมตรใช้เวลาปั่นไปกลับน่าจะประมาณ 30 นาทีได้ครับ

Google Map สะพานแขวน : https://goo.gl/maps/uDh3FVmqzmvvWskx8

อาหารเย็นและอาหารเช้า

เอาล่ะครับ มาถึงเรื่องสุดท้ายของรีวิวนี้กันแล้ว ซึ่งตามปกตินั้นผมมักจะปิดรีวิวหรือพูดถึงแค่เรื่องของอาหารเช้าเป็นหลัก ไม่ค่อยพูดถึงอาหารมื้ออื่นๆ ซักเท่าไหร่ แต่ด้วยความที่การทานอาหารเย็นที่หินตก ริเวอร์แคมป์นั้นมันเป็นอะไรที่พิเศษมากๆ ดังนั้นวันนี้ผมก็เลยต้องขอเอามาเล่าให้ฟังครับ และผมอยากจะบอกทุกคนเลยว่าห้ามพลาดที่จะทานอาหารเย็นของเค้าเลยนะ!!!

อาหารเย็น

ด้วยความที่หินตก ริเวอร์แคมป์นั้นเป็นที่พักสไตล์แคมปิ้งและให้ความรู้สึกผจญภัยแอดเวนเจอร์ อีกทั้งที่ตั้งของเค้าก็ยังอยู่ห่างไกลจากตัวเมืองมากๆ ไม่มีร้านอาหารดีๆ อยู่ในละแวกใกล้ๆ แบบที่สามารถขับรถ 20 นาทีถึงเลย ดังนั้นทางหินตก ริเวอร์แคมป์ก็เลยมักจะแจ้งลูกค้าที่เข้าพักว่าให้ซื้อแพคเกจที่พักแบบที่รวมอาหารเย็นและเช้าด้วยกันเลยจะดีกว่า เพราะมันจะสะดวกในการเข้าพักมากๆ โดยทางหินตก ริเวอร์แคมป์เองก็ได้จัดรูปแบบอาหารเย็นออกมาได้อย่างน่าประทับใจเลยครับ เพราะเค้าจัดออกมาในรูปแบบของการทานอาหารรอบกองไฟ ที่มีเพลงเพราะๆ และอาหารให้ทานเพียบครับ

นี่เป็นบรรยากาศที่นั่งทานอาหารเย็นครับ จะเป็นรูปแบบ Outdoor ที่เราจะได้สัมผัสกับธรรมชาติอย่างใกล้ชิด และมีกองไฟกองใหญ่อยู่ตรงกลางครับ

ส่วนนี่เป็นไลน์อาหารครับ มีอาหารให้ทานเพียบ ทั้งบาร์บีคิว, ส้มตำ, ของทานเล่น, ของหวาน และเครื่องดื่ม โดยทุกรายการเราสามารถทานได้ไม่อั้นเลย

สำหรับผมแล้วผมชอบบรรยากาศการทานอาหารเย็นนี้มากๆ เลยนะครับ บรรยากาศดี อาหารอร่อย เติมได้เรื่อยๆ แล้วก็มีเพลงเพราะๆ ให้ฟังตลอด ผมว่าบรรยากาศแบบนี้มันดีและตอบโจทย์ทั้งกลุ่มคู่รัก, เพื่อน และครอบครัวเลย โดยผมเห็นทุกคนที่มาเข้าพักและทานอาหารมื้อเย็นวันเดียวกับผม ต่างก็แฮปปี้ยิ้มแย้มแจ่มใสกันหมดเลยครับ

แนะนำเลยนะว่าใครที่เข้ามาพักที่นี่ ควรจะต้องมานั่งทานอาหารเย็นด้วยกันที่ตรงนี้ครับ มันจะเป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ที่ดีและหาไม่ได้จากชีวิตในเมืองเลยครับ

อาหารเช้า

ปิดท้ายกันที่อาหารเช้าครับ โดยห้องอาหารเช้านั้นจะอยู่ใกล้ๆ กับพิพิธภัณฑ์หินตกและ Reception ครับ เป็นห้องอาหารแบบ Open Air และมีที่นั่งเพียบเลย

ไลน์อาหารเช้าของที่นี่จะไม่ได้มีอะไรเยอะแยะอลังการมากนะครับ แต่ก็ถือว่าเพียงพอกับการทาน โดยในวันที่ผมไปใช้บริการนั้นจะมีขนมปัง, ไส้กรอก, แฮม, ข้าวต้ม, อาหารไทย 3-4 อย่าง, สลัด, ไข่ประเภทต่างๆ, น้ำเต้าหู้, ปาท่องโก๋, ผลไม้ แล้วก็เครื่องดื่มครับ ส่วนในเรื่องรสชาติต่างๆ นั้นถือว่าดีครับ

และทั้งหมดนี้ก็คือสิ่งที่น่าสนใจภายในหินตก ริเวอร์แคมป์ แล้วก็ความรู้สึกของผมที่ได้มีโอกาสเข้าไปพักผ่อนที่นี่ ในวันที่ 12-13 ธันวาคม 2565 ครับ โดยรวมผมกับต๋งประทับใจที่นี่หลายๆ อย่างนะ โดยเฉพาะเรื่องของธีมที่ทำออกมาในรูปแบบแคมป์ปิ้ง, การผจญภัย จนไปถึงเรื่องของอาหารเย็นรอบกองไฟ และสระว่ายน้ำที่กลมกลืนกับธรรมชาติสุดๆ ใครที่กำลังมองหาที่พักสไตล์ Glamping แบบนี้อยู่ ผมว่าหินตก ริเวอร์แคมป์ ณ ช่องเขาขาด (Hintok River Camp at Hellfire Pass) ถือว่าน่าสนใจมากๆ และน่าจะตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดีเลยครับ โดยเฉพาะในช่วงเดือน พ.ย. – ก.พ. ของแต่ละปี น่าจะเป็นช่วงที่ที่นี่มีบรรยากาศในช่วงเช้าและเย็นดีมากๆ เลยครับ

ขอบคุณทุกคนที่ติดตามอ่านจนจบครับ และสำหรับใครที่ต้องการติดตามเรื่องราวการกินและเที่ยวของผมกับต๋งแบบใกล้ชิดก็สามารถกดติดตามที่แฟนเพจ “ภรรยาหา สามีใช้ ได้เลยครับ แล้วพบกันใหม่รีวิวหน้า สวัสดีครับ

เช็คราคาที่พักและจองที่พักหินตก ริเวอร์แคมป์ผ่าน Agoda คลิกที่นี่

สอบถามข้อมูลอื่นๆ เพิ่มเติม

Facebook : Hintok River Camp

Website :​ www.hintokrivercamp.com

Line : @serenatahotels​

Tel : 02 642 5497​