ช่วงหลังๆ ผมได้มีโอกาสทำงานด้านวีดีโอมากขึ้น ซึ่งก็มีทั้งถ่ายจากมือถือ, กล้อง compact แล้วก็กล้อง mirrorless แต่ทั้งหมดนี้ก็มีปัญหาอย่างหนึ่งที่ผมเจอเหมือนๆ กัน นั่นก็คือเรื่องของคุณภาพเสียงที่อัดได้นั้นยังไม่ดีพอ โดยเฉพาะเวลาที่อัดคลิปในสถานที่ outdoor ที่มีผู้คนจำนวนมาก และนั่นทำให้ผมต้องเสียเวลามานั่งอัดเสียงตัวเองทับลงไปในคลิปอีกครั้งด้วยเจ้า Saramonic SmartMic ที่ผมได้เคยเขียนรีวิวไปแล้วครับ @_@
ดังนั้นเพื่อความสะดวกในการทำงานของผม ผมจึงเริ่มหาไมค์ตัวใหม่ที่ทำให้คุณภาพเสียงของคลิปดีขึ้น โดยเฉพาะการทำงานในที่ outdoor ที่มีเสียงรบกวนเป็นจำนวนมาก โดยผมได้ทำการค้นข้อมูลและนั่งดูรีวิวต่างๆ มากมายว่าจะใช้ไมค์ประเภทไหนดี ระหว่างไมค์สายติดปกเสื้อ, ไมค์ช็อตกัน (Shotgun) หรือไมค์ไวเลส (Wireless Mic) จนกระทั่งวันนึงผมได้ตัดสินใจนำกล้อง Fuji X-T20 ของผมไปที่ฟอร์จูน รัชดา เพื่อทำการทดสอบไมค์ต่างๆ ด้วยตัวเอง และในวันนั้นผมก็ได้เจอกับเจ้านี่ครับ Saramonic Audio Mixer with Lavalier Microphone Kit
Saramonic Audio Mixer with Lavalier Microphone Kit คือไมค์ลาวาเลียร์ติดปกเสื้อของ Saramonic ที่มีจุดเด่นมากๆ คือในชุดจะมี mixer มาให้ด้วย โดยเจ้า mixer นี้ นอกจากจะสามารถต่อไมค์สายได้ทั้งหมด 2 ตัวแล้ว ยังสามารถต่อหูฟังเพื่อมอนิเตอร์เสียง รวมถึงยังสามารถปรับระบบเสียงของไมค์ให้เป็น Mono หรือ Stereo ได้ด้วย ทำให้เจ้าอุปกรณ์ชุดนี้ช่วยให้ผมทำงานสะดวกขึ้น รวมทั้งยังต่อยอดการทำงานเพิ่มได้อีกเยอะเลยครับ
สำหรับราคาโดยทั่วไปของเจ้าตัวนี้ที่ผมเคยเห็นนั้นจะอยู่ประมาณ 3,300 – 3,500 บาท แต่วันที่ผมไปเดินที่ Fortune รัชดานั้น พบว่ามีการลดราคาเหลือเพียง 2,600 บาทเท่านั้น และนั่นก็เลยทำให้ผมรีบตัดสินใจซื้อทันที เพราะโดยปกติ Lavalier Mic ของ Saramonic อย่างเดียว ไม่มี Mixer ด้วย ก็ประมาณ 1,500 – 1,700 บาท แล้ว แต่นี่เพิ่มอีกแค่พันเดียวก็ได้มิกเซอร์ขนาดเล็กแล้วดังนั้นไม่จัดก็คงไม่ได้เนอะ!!
เอาล่ะ คราวนี้มาดูกันดีกว่าว่าถ้าเราซื้อ Saramonic Audio Mixer with Lavalier Microphone Kit มาแล้วจะได้อะไรบ้าง เริ่มจากที่ตัวกล่องกันก่อนเลย บริเวณด้านหลังกล่องนั้นจะมีการบอกรายละเอียดสินค้าว่าภายในกล่องจะประกอบไปด้วยอะไรบ้าง และสามารถนำไปใช้กับกล้องถ่ายรูป, GoPro รวมถึงมือถือระบบ iOS ได้ เรียกว่าซื้อมาแล้วจบ ใช้ได้ครบกับทุกอุปกรณ์เลย
Disclosure : บทความนี้เป็นบทความที่ไม่ได้รับการสนับสนุนจากผู้ให้บริการใดๆ ทั้งสิ้น

ส่วนภายในกล่องนั้นจะประกอบด้วยของดังต่อไปนี้
Lavalier Microphone ความยาว 2.4 เมตร พร้อมฟองน้ำหุ้มกันลม และคลิปหนีบปกเสื้อ
Mixer ขนาดกระทะรัด
สาย TRS ขนาด 3.5mm เพื่อต่อจาก Mixer เข้ากับกล้องถ่ายรูป
สาย TRRS ขนาด 3.5mm เพื่อต่อจาก Mixer เข้ากับโทรศัพท์มือถือ
สาย Micro USB เพื่อต่อจาก Mixer เข้ากับกล้อง GoPro
คู่มือ
ใบรับประกัน
สำหรับ Lavalier Microphone ที่อยู่ในชุดนี้นั้นจะเป็นไมค์ของทาง Saramonic ที่มีความยาวของสาย 2.4 เมตร ซึ่งเรียกว่าเป็นความยาวที่ใช้งานได้คล่องตัวเลย ไม่ยาวจนเกะกะ แต่ก็ไม่สั้นจนตำแหน่งของพิธีกรต้องจ่ออยู่ที่หน้ากล้อง โดยตัวไมค์นั้นจะมีฟองน้ำกันลมและคลิปติดปกเสื้อมาให้เรียบร้อยแล้ว และไมค์ตัวนี้ไม่ต้องใส่ถ่านครับ ส่วนในเรื่องของคุณภาพเสียงในการใช้งานนั้น โดยส่วนตัวต้องบอกว่าผมประทับใจนะครับ แต่เดี๋ยวผมจะเอาคลิปที่ผมทดลองใช้งานแปะไว้ให้ดูในตอนท้ายของรีวิว ทุกคนจะได้ลองฟังเสียงด้วยหูตัวเองว่าชอบหรือไม่

ต่อกันที่พระเอกของชุดนี้ที่ทำให้ผมตัดสินใจซื้อ นั่นก็คือ Audio Mixer ขนาดกระทะรัด ที่มาพร้อมกับฟังก์ชั่นมากมายตามนี้
ปรับเพิ่มลดเสียงของไมค์
ช่องเสียบไมค์ขนาดแจ๊ค 3.5mm จำนวน 2 ช่อง
ช่องเสียบหูฟังขนาดแจ๊ค 3.5mm เพื่อใช้ในการมอนิเตอร์เสียง จำนวน 1 ช่อง
ปุ่มปรับระบบเสียง Mono / Stereo
โดยการใช้งานเจ้า Mixer นี้ก็ง่ายมาก เพียงแค่เราใส่ถ่านขนาด AAA จำนวน 1 ก้อนลงไป จากนั้นก็เสียบไมค์สายเข้ากับช่อง Mic 1 ที่อยู่ทางด้านบนของ Mixer และต่อสายต่อไปยังอุปกรณ์ที่เราต้องการที่ช่อง out ด้านล่าง จากนั้นก็เปิดเครื่อง แค่นี้ก็เป็นอันเสร็จแล้วครับ โดยหลังจากที่เราเปิดเครื่องแล้วนั้นที่ตัว Mixer จะมีไฟสีฟ้าบอกว่าตอนนี้เครื่องทำงานแล้ว ส่วนใครอยากได้เสียงดังแค่ไหนก็ปรับเอาตามสะดวก โดยกล้องใครที่มีช่องเสียบหูฟังที่ตัวกล้องก็เอาหูฟังไปต่อที่กล้องเพื่อมอนิเตอร์เสียงได้เลย แต่ถ้ากล้องใครไม่มีช่องเสียบหูฟังก็เอามาเสียบมอนิเตอร์ที่ Mixer แทนครับ ซึ่งตรงช่องมอนิเตอร์ที่ Mixer นี้เป็นอะไรที่ผมชอบมาก เพราะกล้องผมไม่มีช่องเสียบครับ ><
อ้อ สำหรับวิธีการใส่ถ่านของเจ้า Mixer นี้ก็ง่ายๆ นะครับ เพียงแค่เราดันฝาของ Mixer ด้านที่มีชื่อ Saramonic อยู่ไปทางด้านขวา เพียงเท่านี้เราก็สามารถใส่ถ่านได้แล้ว ส่วนอีกด้านนั้นจะเป็นคลิปที่เอาไว้หนีบ Mixer โดยถ้าใครไม่ชอบก็สามารถถอดคลิปนี้ออกได้ครับ


เอาล่ะ คราวนี้เราไปพูดถึงอีกหนึ่งฟังก์ชั่นของเจ้า Audio Mixer นี้ดีกว่า โดยเจ้า Mixer นี้จะมีฟังก์ชั่นของการปรับระบบเสียงของไมค์ให้เป็น Mono และ Stereo มาให้ด้วย ซึ่งหลักการทำงานของมันก็คือ หากเราใช้ระบบเสียง Mono เสียงของคนพูดทั้งไมค์ 1 และไมค์ 2 จะมารวมกันที่ Mixer เพื่อรวมกันเป็นเสียงเดียวจากนั้นก็ส่งเข้าอุปกรณ์ที่เราใช้บันทึกต่อไป โดยการบันทึกระบบเสียงแบบนี้ เราจะได้ยินเสียงของคนพูดทั้ง 2 คน ออกลำโพงซ้ายและลำโพงขวาเท่าๆ กัน
ส่วนการเลือกระบบเสียงเป็น Stereo นั้น เจ้า Mixer จะทำการแยกเสียงออกเป็น 2 Channel โดยเสียงจากไมค์ 1 ที่ต่อเข้าทางด้านบนของตัวเครื่องจะถูกบันทึกเป็น Channel Left คือ เสียงจะออกจากเฉพาะลำโพงด้านซ้ายเท่านั้น ส่วนเสียงจากไมค์ 2 ที่ต่อเข้าทางด้านข้างของตัวเครื่องจะถูกบันทึกเป็น Chanel Right หรือ เสียงจะออกเฉพาะลำโพงด้านขวาเท่านั้น
ใครสะดวกหรือต้องการใช้งานแบบไหนก็เลือกเอานะครับ เพราะบางคนก็เลือกจะบันทึกเสียงเป็น Stereo จากนั้นนำไปรวมกันในโปรแกรมให้เป็นระบบ Mono ก่อนที่จะ Export คลิปออกมาอีกที เพราะการทำแบบนั้นคุณภาพเสียงจากคนพูดทั้งสองจะดีกว่าครับ
หมายเหตุ : สัญลักษณ์ตัว M หมายถึงระบบเสียง Mono ส่วนสัญลักษณ์ตัว S หมายถึงระบบเสียง Stereo

รู้จักไมค์และ Mixer กันไปเรียบร้อยแล้ว คราวนี้เรามาดูส่วนสุดท้ายกันดีกว่า นั่นก็คือสาย Output เพื่อต่อเข้ากับอุปกรณ์ต่างๆ ครับ โดย Saramonic Audio Mixer with Lavalier Microphone Kit นั้นจะให้สายมาทั้งหมด 3 แบบ ได้แก่ สาย TRS, TRRS และ Micro USB โดยที่ปลายสายด้านหนึ่งนะเป็นแจ๊คขนาด 3.5mm พร้อมเกลียวโลหะเพื่อใช้สำหรับเสียบเข้ากับ Mixer ซึ่งโดยส่วนตัวแล้วผมชอบคุณภาพสายของเค้านะครับ ความยาวกำลังดี และมีการใส่เกลียวโลหะด้านที่ต่อกับ Mixer ให้ด้วย ถึงแม้จะเสียเวลาในการต่อแต่ก็ทำให้มั่นใจได้ว่าสายที่เราเสียบนั้นจะแน่น ไม่มีการหลุดออกง่ายๆ
หมายเหตุ : สำหรับสาย Micro USB นั้น จะใช้สำหรับต่อเข้ากับ GoPro แต่จะใช้งานได้เฉพาะ GoPro รุ่นที่มีช่อง Micro USB เท่านั้นนะครับ และสำหรับใครที่ใช้กล้อง mirrorless ของ Fuji นั้นจะต้องหา adapter ที่ใช้แปลงสาย TRS จาก 3.5mm ให้กลายเป็น 2.5mm มาต่อก่อนที่จะนำไปเสียบเข้าที่ตัวกล้องนะครับ

และหลังจากที่ผมได้ใช้ Saramonic Audio Mixer with Lavalier Microphone Kit มาเป็นระยะเวลาเดือนกว่าๆ โดยได้ทดลองใช้ในสถานการณ์ต่างๆ รวมทั้งทดสอบต่อไมค์ 2 ตัวพร้อมกัน ผมก็ขอสรุปจุดเด่น จุดด้อยของอุปกรณ์ชุดนี้มาดังนี้ครับ
จุดเด่น
คุณภาพของไมค์ลาวาเรียร์ที่ให้มานั้นดี เสียงใส ชัดเจน แม้จะใช้งานในที่ที่มีเสียงภายนอกรบกวนพอควร
ความยาวสายของไมค์นั้นเหมาะกับการใช้งานในหลายสถานการณ์ รวมทั้งมีคลิปติดปกเสื้อพร้อมกับฟองน้ำกันลมมาให้เรียบร้อย
มีประเภทของสาย output มาให้ถึง 3 ชนิด สามารถใช้งานได้กับอุปกรณ์หลากหลาย ครอบคลุมทุกการใช้งาน
มี Mixer ให้ในชุด โดย Mixer นี้มีขนาดกะทะรัด น้ำหนักเบา สามารถต่อไมค์ได้ถึง 2 ตัว รวมถึงสามารถปรับระดับเสียง, มีช่องเสียบหูฟังคอยมอนิเตอร์ และเลือกระบบเสียงได้เลยว่าจะเอาเป็น Mono หรือ Stereo
ฟังก์ชั่นการปรับระดับเสียงให้ดังหรือเบาที่ Mixer นั้น ทำให้ทำงานต่างๆ ได้สะดวกมาก เพราะเวลาที่เราเจอสถานการณ์ที่เสียงจากสภาพแวดล้อมแตกต่างกัน เราจะสามารถปรับระดับเสียงที่ Mixer เพื่อให้เสียงจากไมค์เหมาะสมกับที่เราต้องการได้ง่ายมาก
มีไฟแสดงสถานะการทำงานของ Mixer ชัดเจน และสามารถเปลี่ยนถ่านได้ง่าย
Mixer บริโภคพลังงานน้อย โดยจากที่ใช้งานมามากกว่า 30 วัน ถ่ายคลิปรวมกันมากกว่า 5 ชั่วโมง ถ่านก้อนแรกที่ใส่ไปยังคงสามารถใช้งานได้อยู่
ใช้ถ่าน AAA ซึ่งเป็นถ่านรุ่นที่หาซื้อง่ายมาก สามารถซื้อได้ที่ 7-11 ทุกสาขา ไม่ต้องห่วงเรื่องแบตหมดกลางทางแล้วจะหาซื้อไม่ได้
ทั้งสายต่อ output และสายแจ๊คของไมค์นั้นจะเป็นสายที่มีเกลียวโลหะมาให้ด้วย ทำให้เมื่อเวลานำไปต่อกับ Mixer จะมีความแข็งแรง ไม่หลุดแม้โดนกระชาก
จุดด้อย
พบปัญหาในการใช้งานกับมือถือบางรุ่น โดยเมื่อต่อสาย TRRS เข้ากับมือถือ Huawei P9 จะพบว่าบางครั้งก็สามารถ Detect ไมค์ได้ แต่หลายๆ ครั้งก็ไม่สามารถ Detect ได้ ทำให้ต้องค่อยตรวจเช็คทุกครั้ง และเกิดความล่าช้าในการทำงาน
เมื่อต่อไมค์ 2 ตัวพร้อมกัน (ไมค์คนละยี่ห้อ) ตัว Mixer จะไม่สามารถปรับให้เสียงจากไมค์ทั้ง 2 เท่ากันได้ เราจะต้องทำการปรับตำแหน่งไมค์แต่ละตัวเองเพื่อให้เสียงจากทั้งสองตัวมีระดับที่ใกล้เคียงกัน
ความสะดวกในการทำงานน้อยกว่า Wireless Mic ซึ่งเป็นเรื่องปกติของไมค์สายอยู่แล้ว
และทั้งหมดนี้คือความเห็นจากที่ผมได้ใช้งานเจ้า Saramonic Audio Mixer with Lavalier Microphone Kit ซึ่งโดยส่วนตัวแล้ว ผมรู้สึกคุ้มและประทับใจมากที่ตัดสินใจซื้ออุปกรณ์ชุดนี้มาทำงาน เพราะมันทำให้ผมสามารถทำงานได้ง่ายขึ้น สามารถถ่ายคลิปพิธีกรพูดในที่ที่มีเสียงรอบข้างรบกวนได้อย่างสบายๆ ไม่ต้องมาคอยอัดเสียงใหม่อีกรอบที่บ้าน ทั้งนี้เพื่อให้ทุกคนได้เห็นภาพที่ชัดขึ้นรวมทั้งได้ใช้หูของตัวเองในการฟังก่อนที่จะตัดสินใจซื้อ ผมก็เลยเอาตัวอย่างคลิปที่ผมใช้งานไมค์ชุดนี้มาฝาก 3 คลิปครับ
สุดท้ายนี้ผมหวังว่าทุกท่านจะได้ประโยชน์จากรีวิวนี้ และขอให้ทุกท่านค้นพบชุดไมค์ที่เหมาะสมกับตัวเองเร็วๆ ครับ ^^
คลิปที่ 1 : การใช้งาน Outdoor โดยต่อไมค์ 1 ตัว และบันทึกด้วยระบบเสียง Mono
คลิปที่ 2 : การใช้งาน Indoor โดยต่อไมค์ 1 ตัว และบันทึกด้วยระบบเสียง Mono
คลิปที่ 3 : การใช้งาน Indoor และ Outdoor โดยต่อไมค์ 2 ตัว และบันทึกด้วยระบบเสียง Stereo (เสียงไมค์แยกซ้ายขวา)
หมายเหตุ : บทความนี้เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวของผมในวันที่ไปใช้บริการเท่านั้นครับ แต่ละท่านที่ได้มีโอกาสไปใช้บริการอาจจะได้รับการบริการที่แตกต่างจากนี้ออกไป