สวัสดีทุกๆ ท่านครับ วันนี้ผมมีรีวิวที่พักมาฝากทุกท่านกันอีกแล้วครับ โดยคราวนี้จะเป็นที่พักในจังหวัดภูเก็ตและเป็นที่พักในราคาที่สามารถจ่ายได้สบายๆ เพียงแค่พันต้นๆ ต่อคืนเท่านั้นเองครับ และที่สำคัญนอกจากที่พักแห่งนี้จะสะอาดสะอ้าน ดูดีแล้วยังมีการตกแต่งห้องในไสตล์ที่เก๋ไก๋ไม่เหมือนใครด้วยครับ เอาเป็นว่าถ้าพร้อมแล้วเราไปดูพร้อมๆ กันเลยนะครับ
ที่พักที่ผมจะพาทุกท่านไปรู้จักในครั้งนี้ชื่อว่า O’nya (อ่านว่า อ้นหยา) ครับ มีทำเลที่ตั้งอยู่ใกล้ๆ กับ index living mall ภูเก็ตครับ
หน้าตาของโรงแรมจะประมาณนี้ครับ เป็นอาคารพาณิชย์ 2 ชั้น ที่เรียกได้ว่าตั้งอยู่แทบจะติดถนนใหญ่เลยครับ ตัวตึกนั้นเป็นทรงชิโนโปรตุกีสและค่อนข้างมีสีสันที่หลากหลายแลดูสดใส สะดุดสายตาคนผ่านไปมาครับ โดยด้านล่างของโรงแรมที่เราเห็นนั้นจะกว้างแค่คูหาเดียวเท่านั้นแต่ขอบอกเลยว่าห้องพักของที่นี่เค้ามีเพียบเลยครับ
สำหรับรายละเอียดการเข้าพักของผมก็ตามนี้เลยครับ
Check in : วันอาทิตย์ที่ 21 กุมภาพันธ์ 2559
Check out : วันจันทร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ 2559
จำนวน : 2 คน (1 ห้อง)
Disclosure : บทความนี้เป็นบทความที่ไม่ได้รับการสนับสนุนจากผู้ให้บริการใดๆ ทั้งสิ้น
สำหรับคนที่ไม่เข้าใจว่าสถาปัตยกรรมชิโนโปรตุกีสนั้นคืออะไร ผมขออธิบายคร่าวๆ ดังนี้นะครับ สถาปัตยกรรมชิโนโปรตุกีส (Sino-Portuguese Architecture) คือ รูปแบบของสถาปัตยกรรมที่ผสมผสานระหว่างตะวันออก (จีน) และตะวันตก (โปรตุเกส) โดยสามารถพบเห็นได้มากในเมืองมะละกา เมืองปีนัง ประเทศมาเลเซีย สิงคโปร์ มาเก๊า รวมไปถึงประเทศไทย โดยเฉพาะภูเก็ตครับ
การเดินทางมาที่โรงแรมแห่งนี้ค่อนข้างง่ายครับ คือ ให้มาที่ ถ.เฉลิมพระเกียรติ ร.9 ผ่าน Central Festival, Big C และ index living mall แล้วก็จะเจอป้ายแบบนี้ครับ ซึ่งก็คือจุดหมายของเรานั่นเอง รับรองว่าหาไม่ยากครับ
หมายเหตุ : ภาพแผนที่ประกอบการเดินทาง ผม save มาจาก internet นะครับ
ที่ O’nya นี้จะมีที่จอดรถด้านหน้าตึกประมาณ 10 คัน แต่ถ้าหากไม่พอ เราสามารถจอดบนฟุตบาทบริเวณใกล้ๆ ได้อีกนับสิบคันเลยครับ ตัวฟุตบาทจะทำเป็นทาง slope ให้ขึ้นลงง่ายๆ อยู่แล้วครับ
เมื่อเราลงจากรถแล้วก็จะเห็นประตูทางเข้าของโรงแรมที่มีรถลากเก้าอี้เก๋ๆ แบบนี้ตั้งอยู่ครับ ถ้าผมเข้าใจไม่ผิดเจ้ารถลากคันนี้จะมีชื่อเรียกว่า “หล่างเชี้ย” นะครับ
เมื่อเดินผ่านรถลากเก๋ๆ เข้ามา เราก็จะเริ่มสัมผัสได้ถึงการตกแต่งไสตล์จีนที่อยู่รอบๆ ตัวเราครับ เริ่มตั้งแต่ Counter Check in ที่อยู่ทางขวามือ, ฉากกั้นไม้ที่ฉลุลายอย่างสวยงาม, เก้าอี้นั่งพัก รวมไปถึงบริเวณนั่งเล่นที่ชั้น 1 ของโรงแรมแห่งนี้ครับ
โดยในบริเวณชั้น 1 นี้ จะมีตู้ที่โชว์ของไสตล์จีนเช่น เสื้อผ้า, ปิ่นโต, รองเท้า และอื่นๆ อีกมากมายครับ ซึ่งของพวกนี้ทางโรงแรมเปิดจำหน่ายด้วยนะครับ
ส่วนขนมพวกนี้รู้สึกว่าจะทานฟรีนะครับ พร้อมกับชา กาแฟ ที่วางไว้อยู่ใกล้ๆ กันครับ ขนมก็จะยังคงเป็นสไตล์จีนเช่นเดียวกันครับ
จุดที่ผมประทับใจมากๆ ของโรงแรมแห่งนี้ก็คือบันไดไม้ที่จะพาเราขึ้นไปที่ชั้น 2 ครับ เป็นบันไดไม้ที่ค่อนข้างสวยงามเลยโดยเฉพาะโคมไฟที่แขวนประดับไว้ครับ (โรงแรมแห่งนี้ไม่มีลิฟท์นะครับ เพราะมีแค่ 2 ชั้นเท่านั้น)
ที่โรงแรมแห่งนี้เมื่อเราขึ้นมาที่ชั้น 2 แล้ว นอกจากจะพบว่ามีการแต่งสไตล์จีนเหมือนเดิมแล้ว จากห้อง 1 คูหาด้านล่างจะกลายเป็นทางเดินยาวประมาณ 7-8 คูหาได้ครับ นั่นคือตึกแถวที่เราเห็นที่ชั้นล่างหลายๆ ร้านนั้น จะเปิดทำการเพียงแค่ชั้น 1 เท่านั้น ส่วนชั้น 2 จะเป็นพื้นที่ของทาง O’nya ยาวทั้งหมดเลยครับ และจะถูกแบ่งพื้นที่ออกเป็น 3 แถว รวมมีห้องทั้งหมด 24 ห้องครับ ซึ่งจากที่ผมหาข้อมูลมาที่โรงแรมแห่งนี้จะมีประเภทห้องทั้งหมดดังนี้ครับ
ห้อง Superior และ Superior Extra สามารถเข้าพักสูงสุด 2 คน
ห้อง Deluxe Triple Room สามารถเข้าพักสูงสุด 3 คน
ห้อง Deluxe Two Double Beds และ Deluxe Bunk Beds สามารถเข้าพักสูงสุด 4 คน
สำหรับวันนี้ผมจะพาทุกท่านไปชมห้อง Superior ซึ่งเป็นห้องที่ผมพักนะครับ และเป็นห้องที่ราคาถูกที่สุดของโรงแรมแห่งนี้ครับ โดยราคาปกติของห้องนี้สำหรับคนที่ walk in จะอยู่ที่ประมาณ 1,300 บาท/คืน (ราคารวมอาหารเช้าสำหรับ 2 ท่าน แต่หากไม่เอาอาหารเช้าจะเหลือเพียงห้องละ 1,100 บาท/คืน เท่านั้น) สำหรับผมตอนนั้นได้เลือกจองผ่าน Agoda ที่ราคา 1,293.97 บาท/คืนครับ (ราคารวมอาหารเช้า) ก็เรียกได้ว่าราคาแทบไม่ต่างจาก Walk in เลยครับ
หมายเลขห้องพักของผมในวันนั้นก็คือ 202 ครับ โดยกุญแจห้องของที่นี่จะเป็น Key card นะครับ และตอนที่เราทำการ Check in นั้น ทางโรงแรมจะขอทำการเก็บค่ามัดจำเป็นเงินสดด้วย จำนวน 1,000 บาท และจะคืนให้เมื่อ Check out ครับ
กรณีผมที่จองห้องเป็นรวมอาหารเช้าด้วยนั้น นอกจากใบเสร็จค่ามัดจำห้องแล้ว ยังจะได้รับคูปองอาหารเช้ามาด้วยครับ ซึ่งจะมีเมนูอาหารเช้าเป็น Set ให้เลือกทั้งหมด 3 เมนู ตามภาพได้แก่
Set A : ออมเล็ทชีส + ขนมปัง + ชาหรือกาแฟ
Set B : ไข่กะทะ + ขนมปัง + ชาหรือกาแฟ
Set C : ข้าวผัด + ขนมปัง + ชาหรือกาแฟ
เอาล่ะครับ เดี๋ยวเราจะพักเรื่องอาหารเช้าและกลับมาดูที่ตัวห้องกันก่อนนะครับ เมื่อเราเปิดประตูห้องเข้ามาแล้วจะเจอห้องหน้าตาแบบนี้ครับ ต้องบอกตรงๆ ว่าผมค่อนข้างประทับใจมาก เพราะก่อนที่จะมาพักที่นี่ผมแทบไม่ได้หาข้อมูลอะไรเลย แต่ที่ทำการจอง เพราะมีพี่คนนึงแนะนำว่าโรงแรมแห่งนี้ราคาไม่แพง สะอาด สวย ดูดี ผมเชื่อคนง่ายก็เลยกดจองมาเลยแบบไม่ได้คิดอะไรครับ ฮา
ตัวห้องนั้นมีการเล่นระดับด้วย โดยจะทำเสต็ปบันไดเล็กๆ 2 ขั้น เพื่อลงไปหาเตียงนอนกับโต๊ะเครื่องแป้งครับ ผมขอเอาภาพมุมนี้ให้ดูนะครับ เป็นภาพที่ถ่ายย้อนมาที่ประตูทางเข้าเพราะมุมนี้จะเห็น lay out ของห้องค่อนข้างชัดเจนครับ
หมายเหตุ : ภาพที่ผมถ่ายในห้องทั้งหมดจะติดสีเขียวเล็กน้อยนะครับ เพราะกระจกที่หน้าต่างห้องเป็นกระจกสีเขียวครับ ส่วนตัวห้องน้ำนั้นเป็นกระจกใสเปิดโล่งสามารถมองเห็นจากห้องนอนได้แต่เราสามารถเลื่อนม่านปิดได้ครับ
สิ่งอำนวยความสะดวกในห้องก็มีครบครับตั้งแต่ TV, ตู้เย็น, น้ำเปล่า, กระติกน้ำร้อน, กาน้ำร้อน, ชา, Internet Wifi รวมไปถึงไดร์เป่าผม โดยไดร์เป่าผมนั้นจะอยู่ในซองผ้าถักลายจีนที่สวยงามครับ
มาลองดูบรรยากาศทั่วๆ ไปของห้องกันดีกว่าครับ จะเห็นได้เลยว่ามีความเป็นจีนซ่อนอยู่ในทุกจุดเลยตั้งแต่เก้าอี้ โคมไฟ ยันหมอนข้างครับ
ส่วนตู้เสื้อผ้านั้น มาในแนวเก๋ไก๋ครับ เปิดโล่ง อยู่ทางด้านซ้ายของประตูทางเข้า ดูดีไปอีกแบบครับ
ทีนี้มาดูห้องน้ำกันครับ ยังคง concept จีนไว้ได้อย่างต่อเนื่องและลงตัวครับ ตั้งแต่ลายกระเบื้อง และอ่างล้างหน้า
ห้องน้ำของที่นี่จะแยกส่วนเปียกและแห้งออกจากกันโดยใช้ผ้ากั้นนะครับ และอย่างที่บอก ตัวห้องน้ำจะซีทรูสามารถมองไปที่ห้องนอนได้ ใครอยากโชว์ก็ไม่ต้องปิด ส่วนใครไม่อยากโชว์ก็มีผ้าม่านให้เลื่อนปิดได้ครับ
ส่วนผ้าเช็ดตัว ผ้าเช็ดหน้า ที่เช็ดหู ครีมอาบน้ำ แชมพู หมวกอาบน้ำ มีให้ครบตามมาตรฐานครับ หากใครเป็นคนง่ายๆ ก็สบายเลยเพราะไม่ต้องแบกอะไรไปจากบ้านเยอะยกเว้นแค่แปรงสีฟันกับยาสีฟันเท่านั้นที่ต้องเตรียมไปเองครับ
อ้อ หน้าต่างในห้องนอนนี้สามารถเปิดได้นะครับ บานที่เป็นบานยาวถึงพื้นก็เปิดได้เช่นกันครับ ผมลองเปิดให้ดูครับ จะเห็นเลยว่าอยู่ใกล้กับ index มากครับ
ตามที่บอกไปตอนต้นนะครับ ห้องพักของที่นี่จะแบ่งออกเป็น 3 แถว คือแถวริม 2 แถว และแถวกลางตึกอีก 1 แถว โดยแถวที่อยู่ริมทั้ง 2 แถวนั้นจะมีหน้าต่าง สามารถเปิดหน้าต่างออกได้ แต่ลักษณะหน้าต่างและวิวที่เปิดออกไปเห็นนั้นจะไม่เหมือนกันครับ โดยห้องพักแบบ Superior ของผมนั้นจะเห็นวิวติดถนนและ index living mall ส่วนอีกแถวนั้นจะเป็นห้อง Superior Extra ซึ่งจะเห็นวิวคลองเล็กๆ ครับ ดูร่มรื่นสบายตากว่า ส่วนแถวตรงกลางนั้นจะไม่มีหน้าต่างครับ
หมายเหตุ : ห้อง Superior Extra จะมีขนาดห้องที่ใหญ่กว่าห้อง Superior เล็กน้อย และจะมีระเบียงทางเดินหน้าห้องพร้อมกับเก้าอี้นั่งเล่นเล็กๆ ที่หน้าห้องทุกห้องนะครับ โดยห้อง Superior Extra นั้น จะมีราคาที่สูงกว่าห้อง Superior ธรรมดา 100 บาท/คืนครับ
เอาล่ะครับตอนนี้เราก็จบเรื่องห้องกันแล้ว ต่อไปผมจะพาทุกท่านไปดูเมนูอาหารเช้านะครับว่าที่เพิ่มมาประมาณ 200 บาทต่อห้องนั้น คุ้มกับที่จ่ายไปหรือเปล่าครับ
สำหรับอาหารเช้าของโรงแรมแห่งนี้นั้นจะต้องเดินไปกินที่ร้าน Avenue ซึ่งจะเป็นห้องแถวห้องแรกหัวมุมติดถนนครับ ห่างจาก O’nya 2-3 คูหาครับ เดินไม่กี่ก้าวก็ถึงครับ ><
โดยเมื่อไปถึงร้าน Avenue เราก็ทำการยืนคูปองและแจ้งว่าเราต้องการเมนู Set ไหนครับ สำหรับผมกับภรรยาเลือกสั่งเป็น Set A และ Set B อย่างละ 1 ครับ สำหรับบรรยากาศรวมๆ ของร้าน Avenue ถือว่าแต่งร้านสวยดีเลยครับ เน้นตกแต่งด้วยไม้ และมีลูกเล่นซ่อนอยู่หลายจุด อย่างเช่นภาพนี้เป็นภาพเพดานของร้านครับ เก๋ดีครับ
เท่าที่สังเกตดูตอนกลางวันร้าน Avenue เปิดให้บริการอาหารหลายอย่างเลยครับ ส่วนตอนเช้าก็รับจ็อบบริการอาหารเช้าให้ O’nya ครับ หลังจากผมนั่งรอได้ราวๆ 10 นาทีเมนูอาหารทั้ง 2 ก็มาเสิร์ฟครับ เริ่มจากเมนูแรก Set A ออมเล็ทชีสครับ
หน้าตาน่าทานมากครับ รสชาติโดยรวมๆ โอเคครับ โดยเฉพาะเห็ดย่างอร่อยดีครับ
.ส่วน Set B หน้าตาแบบนี้ครับ เป็นไข่กะทะพร้อมขนมปัง โดยได้ไข่ 2 ฟอง มีเครื่องอัดแน่นทั้งปูอัด หมูสับ และหมูหยองครับ รสชาติโอเคเช่นเดียวกันครับแต่แอบติดหวานไปนิดนึงครับ
.
ครับ ตอนนี้ผมก็พาทุกท่านไปรู้จัก O’nya แทบจะครบทุกมุมแล้ว ตอนนี้ก็ได้เวลาสรุปข้อมูลทั้งหมดกันแล้วล่ะครับ ผมขอแยกหัวข้อในการสรุปเป็นดังนี้นะครับ
การออกแบบ : เป็นโรงแรมที่ออกแบบสวย มีไสตล์ ไม่ได้ถึงขั้นเว่อวังอลังการ แต่ก็ดูดี มีกิมมิค ชวนให้อยากเข้าไปลอง เข้าไปพักซักครั้ง มีมุมส่วนกลางที่พอจะถ่ยรูปชิคๆ ได้บ้าง ส่วนในห้องนอนนั้นถือว่าดีงามมาก เปิดประตูห้องเข้าไปทีแรกร้องว้าวอยู่ในใจเลย เพราะไม่ค่อยได้เจอโรงแรมหรือที่พักเล็กๆ แล้วแต่งห้องออกมาได้เก๋แบบนี้ครับ
ความสะอาด : เป็นโรงแรมที่พักที่สะอาดและดูดีเลยครับ ทั้งความสะอาดส่วนกลางและในห้องนอน โดยเฉพาะในห้องนอนที่มีการตกแต่งในธีมสีขาว ทำให้ดูโล่ง โปร่ง สบายตาครับ
สิ่งอำนวยความสะดวก : เนื่องจากเป็นโรงแรมที่มี 2 ชั้น ดังนั้นจึงไม่มีลิฟท์ ต้องใช้การเดินขึ้นบันไดเอา คนที่มีกระเป๋าหนักๆ หรือมีปัญหากับการเดินขึ้นบันได อาจจะเจอปัญหาได้ แต่โดยรวมๆ สิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ ก็ถือว่ามีครบเพียงพอต่อการใช้งาน ที่ถือว่าดีงามก็คือการที่มีไดร์เป่าผมในห้องด้วย เนื่องจากบางครั้งที่พักหรือโรงแรมในราคาเรทนี้ไม่ค่อยมีอุปกรณ์นี้ไว้บริการครับ ส่วนสัญญาณ wifi internet ที่ผมได้ลองใช้ใน 1 วันที่เข้าพักนั้น ถือว่าดี ไม่มีปัญหาเรื่องช้าหรือหลุดให้หงุดหงิดใจเลยครับ
การเดินทาง : เนื่องจากผมไม่ใช่คนภูเก็ต และเคยไปภูเก็ตแค่ 2-3 ครั้งเท่านั้น และทุกครั้งที่ไปก็มีคนจัดการเรื่องการเดินทางอะไรให้หมด ผมจึงไม่เชี่ยวชาญเส้นทางหรือการคมนาคมในภูเก็ตเท่าไหร่ สำหรับครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ผมเช่ารถขับเอง โดยใช้การเปิด google maps และขับตามเส้นทางมาก็พบว่าเดินทางสะดวกและหาง่ายดีครับ ไม่ได้ลึกลับซับซ้อนอะไรครับ
การนอนหลับพักผ่อน : ในเรื่องของเตียง หมอน ความนุ่ม ความเย็นของแอร์ ผ้าห่ม ถือว่าสอบผ่านครับไม่ติดปัญหาอะไร โดยเฉพาะคนที่ติดหมอนข้างน่าจะชอบเพราะมีให้ถึง 2 ใบ ส่วนที่ผมติดขัดมีอยู่เรื่องเดียวเท่านั้นคือผมคิดว่าห้องพักของ O’nya เก็บเสียงได้ไม่ดีพอครับ โดยเฉพาะตำแหน่งห้องของผมนั้นอยู่ใกล้กับถนนมาก ตอนกลางคืนที่รถน้อยๆ นี่ เวลารถวิ่งผ่านแต่ละทีเสียงดังใช้ได้เลยครับ ใครที่นอนหลับยากๆ หรือตื่นง่ายนี่พาลจะหลับได้ไม่เต็มตาครับ ซึ่งผมเองก็เป็นคนประเภทนี้เหมือนกันประกอบกับวันที่ไปนั้นมีการก่อสร้างถนนแถวโรงแรมอีก เรียกได้ว่าหลับๆ ตื่นๆ ตลอดทั้งคืนเลยครับ T__T แต่ทั้งนี้หากได้ทำเลห้องอื่นที่ไกลถนนกว่านี้หรือไม่มีการก่อสร้างแล้วน่าจะดีกว่านี้ครับ
อาหารเช้า : ในส่วนนี้ทางโรงแรมเปิด option ให้เลือกว่าเราจะรับหรือไม่รับก็ได้ โดยคนที่ไม่รับอาหารเช้าก็จะได้ราคาห้องที่ถูกกว่าประมาณ 200 บาท/คืน ซึ่งคนที่ไม่ค่อยทานอาหารเช้าหรือคิดว่าเรทราคานี้แพงไปอยากจะไปหาทานเองก็สามารถที่จะทำได้ ส่วนผมเน้นความสะดวกและอยากลองทานดูว่ารสชาติจะเป็นอย่างไรก็พบว่า หน้าตาอาหารเช้าดูดีนะครับ รสชาติสอบผ่าน เมื่อเทียบกับราคาที่จ่ายเพิ่มแล้วก็อยู่ในเกณฑ์ปกติไม่ได้รู้สึกว่าคุ้มหรือไม่คุ้มแต่ประการใดครับ
สรุป : O’nya Phuket Hotel ถือเป็นที่พักที่ค่อนข้างเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคนที่หาที่พักในราคาพันต้นๆ ในภูเก็ตครับ ด้วยจุดเด่นหลายประการคือ ราคาไม่แพง, ห้องดูดี สะอาดสะอ้าน, ตกแต่งมีสไตล์, สิ่งอำนวยความสะดวกพื้นฐานถือว่าครบครัน, มี internet ที่สัญญาณดี, ทำเลที่ตั้งใกล้กับห้างหลายแห่งโดยเฉพาะ Central festival ที่สำคัญมีราคาให้เลือกทั้งแบบรวมอาหารเช้าหรือไม่รวม สามารถเลือกได้ตามใจชอบ ส่วนข้อเสีย 2 ข้อใหญ่ก็คือ ไม่มีลิฟท์ (เนื่องจากมีแค่ 2 ชั้น) กับห้องพักไม่ค่อยเก็บเสียงเท่าไหร่ หากเป็นคนที่นอนตื่นง่ายหรือหลับยากคงจะลำบากหน่อย อาจจะต้องแจ้งทางโรงแรมว่าขอห้องที่อยู่ไกลถนนหน่อยครับ ไม่ก็จองเป็นห้องแบบ Superior Extra ซึ่งแพงกว่า 100 บาท/คืน น่าจะดีขึ้นครับ
อ้อ โรงแรมแห่งนี้ ทัวร์ที่ให้บริการไปเที่ยวเกาะต่างๆ สามารถมารับได้นะครับ ตอนที่ผมพักก็ได้ให้รถของ Love Andaman มารับพาไปเกาะไม้ท่อนครับ ดังนั้นถือว่าสะดวกมากสำหรับคนที่มีแผนไป 1 day trip ตามเกาะต่างๆ ครับ
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านจนจบ แล้วพบกันใหม่ในรีวิวหน้าครับ สำหรับผู้ที่ต้องการติดตามเรื่องราวการรีวิวต่างๆ ที่รวดเร็วทันใจก็สามารถกดติดตามได้ที่เพจ ภรรยาหา สามีใช้ ได้เลยครับ และสำหรับท่านที่อยากจะได้ข้อมูลของโรงแรมแห่งนี้เพิ่มเติมหรือต้องการจะจองที่พักราคาพิเศษ ก็สามารถเข้าไปดูข้อมูลโรงแรมและราคาที่พักตามลิงก์ด้านล่างได้เลยครับ โดยผมมีเคล็ดลับเด็ดๆ บอกไว้นิดนึงว่าสำหรับใครที่จะจองที่พักผ่าน Traveloka นั้น แม้เราจะเห็นว่าราคา ณ ตอนนั้นถูกมากๆ แล้วก็ตาม แต่ถ้าเราไปหาโค้ดส่วนลดมาใช้เพิ่ม มันก็จะยิ่งได้ราคาที่ถูกลงไปอีกครับ โดยวิธีที่จะได้โค้ดส่วนลดมานั้นก็แค่ไปดูในไลน์ หรือแฟนเพจของ Traveloka เค้าจะมีพวกโค้ดโปรโมชั่นออกมาเรื่อยๆ โดยเฉพาะในวันจันทร์กับวันศุกร์ครับ
เช็คราคาและจองโรงแรมอ้นหยา ภูเก็ต ผ่าน Traveloka
หมายเหตุ : บทความนี้เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวของผมในวันที่ไปใช้บริการเท่านั้นครับ แต่ละท่านที่ได้มีโอกาสไปใช้บริการอาจจะได้รับการบริการที่แตกต่างจากนี้ออกไปครับ