สวัสดีทุกคนครับ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ผม นาย “ภรรยาหา สามีใช้” ได้พาทุกคนไปรู้จักกับ Sunday Brunch และอีเว้นท์พิเศษ Gin and Jazz ของโรงแรม SO Sofitel Hua Hin (โซ โซฟิเทล หัวหิน) กันมาเรียบร้อยแล้ว วันนี้ผมก็เลยจะพาทุกคนไปพบกับรีวิวฉบับเต็มของโรงแรมแห่งนี้กัน ใครที่ยังไม่เคยไป หรือมีข้อมูลในส่วนไหนที่ยังสงสัยอยู่ ตามรีวิวฉบับนี้ไปพร้อมๆ กับผมเลยครับ รับรองว่าเมื่อคุณอ่านจบแล้ว…….คุณจะหลงรักโรงแรมนี้เหมือนกับผมทันที
SO Sofitel Hua Hin คือโรงแรมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวแบบที่หาโรงแรมอื่นมาเทียบได้ยากมากๆ โดยคอนเซปของโรงแรมแห่งนี้สร้างขึ้นมาจากแนวคิด “ท่องโลกแห่งจินตนาการ” ที่ผสมผสานจุดเด่นของแหล่งท่องเที่ยวในพื้นที่ใกล้เคียง และตัวละครที่แสนสนุกมาหลอมหลวมเข้าจิตวิญญาณของโรงแรม ดังนั้นจึงไม่ต้องแปลกใจครับว่าทำไมภายในโรงแรมแห่งนี้จึงมีรูปปั้นของสัตว์ต่างๆ รวมทั้งสิ่งก่อสร้างที่ดูแล้วสนุกสนานหรือชวนพิศวงอยู่เต็มไปหมด ยกตัวอย่างเช่น เจ้ากระต่ายแห่งกาลเวลาที่จะคอยต้อนรับคุณตั้งแต่ที่คุณเลี้ยวรถเข้ามาในเขตของโรงแรม หรือ มือยักษ์ที่จู่ๆ ก็โผล่ขึ้นมาจากพื้นทราย จนทำให้ฝูงกระต่ายที่อยู่แถวๆ นั้น ต่างตกใจและวิ่งกระเจิดกระเจิงหนีหายเข้าไปในกระจกวิเศษ
Disclosure : บทความนี้ได้รับการสนับสนุนจากผู้ให้บริการ แต่ทั้งนี้ความเห็นต่างๆ ที่เกิดขึ้นเป็นความรู้สึกจริงของผมครับ
สำหรับใครที่อยากจะรู้ความหมายของสิ่งก่อสร้างแต่ละอย่างภายในโรงแรม ก็สามารถอ่านป้ายที่ทาง SO Sofitel Hua Hin เขียนอธิบายไว้ในแต่ละจุดได้เลยครับ เพราะโดยส่วนมากเค้าจะมีป้ายอธิบายไว้หมดว่าแต่ละอย่างมีความเป็นมาอย่างไร มีแนวคิดอย่างไรในการออกแบบ แต่ถ้าอันไหนที่เราหาป้ายไม่เจอ ก็สามารถสอบถามจากพนักงานของทางโรงแรมได้เลยครับ
ส่วนคนที่ไม่ค่อยชอบอ่าน หรือไม่ค่อยใส่ใจในรายละเอียดต่างๆ ซักเท่าไหร่ ก็สามารถข้ามเรื่องราวพวกนี้ไปและไปเน้นที่การถ่ายรูปตัวเองกับสถาปัตยกรรมต่างๆ ภายในโรงแรมเลยก็ได้ครับ เพราะที่นี่มีจุดสวยๆ ให้เราถ่ายรูปเยอะมาก โดยเฉพาะในช่วงเวลาตอนเย็นๆ ที่พระอาทิตย์กำลังจะลาลับขอบฟ้า มันเป็นช่วงเวลาที่ผมบอกเลยว่าสวยงามจับใจจริงๆ
เอาล่ะ ก่อนอื่นเลยเรามาพูดถึงเรื่องที่ตั้งของโรงแรมกันก่อนดีกว่า โรงแรม SO Sofitel Hua Hin จะตั้งอยู่ที่ชะอำนะครับ โดยมีระยะทางห่างจาก กทม. ประมาณ 180 กิโลเมตร ซึ่งก็เรียกได้ว่าเป็นระยะทางที่ไม่ไกลเลย ขับรถประมาณ 2 ชั่วโมงก็ถึงแล้ว ที่สำคัญพิกัดใน Google Map ก็แม่นยำ รวมทั้งมีป้ายบอกทางอยู่เป็นระยะๆ ด้วย ดังนั้นใครที่ขับรถไปเองก็ไม่ต้องกลัวหลงครับ
เมื่อเรามาถึงที่โรงแรมแล้ว ก็จะพบกับลานจอดรถที่กว้างขวาง สามารถจอดรถได้เป็นจำนวนมาก โดยจากที่ผมประเมินด้วยสายตาแล้วผมว่าที่โรงแรมแห่งนี้ไม่น่าจะมีปัญหาในเรื่องที่จอดรถแน่ๆ เพราะทั้งโรงแรมแห่งนี้มีห้องพักทั้งหมดเพียงแค่ 78 ห้องเท่านั้นเองครับ
หมายเหตุ : ประมาณเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2561 โรงแรม SO Sofitel Hua Hin จะมีการขยายโรงแรมและห้องพักเพิ่มอีก รวมทั้งจะมีการเพิ่ม Facilities และกิจกรรมต่างๆ เข้าไปอีกเป็นจำนวนมาก ใครที่สนใจก็ติดตามข่าวกันให้ดีๆ นะครับ
หลังจากที่เราจอดรถเรียบร้อยแล้ว คราวนี้ก็เวลาเดินไปเช็คอินเก๋ๆ ที่ล็อบบี้กัน โดยล็อบบี้ของที่นี่จะเป็นแบบ Open Air และตั้งอยู่ด้านบนของบันไดหินอ่อนที่มีขนาดใหญ่และยาวมาก เรียกว่าดูแล้วอลังการงานสร้าง สามารถสร้างความประทับใจให้กับเราได้ตั้งแต่ก้าวเท้าเข้าสู่โรงแรมเลย
ส่วน Welcome Drink ของที่นี่นั้นจะเป็นน้ำสมุนไพรสูตรพิเศษที่ทางโรงแรมคิดค้นขึ้นมาเอง โดยการนำเอากระเจี๊ยบ, อัญชัน, ตะไคร้ และโหระพามารวมกัน ซึ่งเครื่องดื่มนี้จะช่วยทำให้ระบบเลือดภายในร่างกายเราหมุนเวียนดีขึ้น และถือว่านี่เป็นหนึ่งใน Welcome Drink ที่ทำให้ผมประทับใจมากๆ ที่นึงเลยครับ ทั้งในด้านคุณประโยชน์, รสชาติ, ภาชนะ และการจัดวาง
หลังจากที่เราเช็คอินกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว คราวนี้เราไปดูห้องของเรากันดีกว่าครับ โดยห้องที่ผมกับต๋งเข้าพักก็คือห้องประเภท So Comfy (โซ คอมฟี) ขนาด 60 ตารางเมตร ส่วนประเภทห้องพักทั้งหมดที่ทาง SO Sofitel Hua Hin มีบริการ ณ เดือน เมษายน 2561 ก็มีตามนี้เลยครับ
- SO Comfy (โซ คอมฟี) ขนาด 60 ตารางเมตร
- SO Studio (โซ สตูดิโอ) ขนาด 68 ตารางเมตร
- SO Family (โซ แฟมิลี่) ขนาด 60 ตารางเมตร
- SO Family Kids House (โซ แฟมิลี่ คิดส์เฮ้าส์) ขนาด 68 ตารางเมตร
- SO Pool Villa (โซ พูลวิลล่า) ขนาด 260 ตารางเมตร
โดยในรีวิวนี้ผมจะพาทุกคนไปดูห้องทั้งหมด 3 ประเภท ได้แก่ SO Comfy, SO Family Kids House และ SO Pool Villa ใครที่สนใจ 3 ห้องนี้เป็นพิเศษก็ตามอ่านกันให้ดีๆ นะครับ
สำหรับห้องทั้ง 4 ประเภทแรกตามที่ผมเขียนอธิบายไว้ด้านบนนั้น จะอยู่ในอาคารปูน 3 ชั้นทั้งหมด โดยห้องที่มีขนาดใหญ่ 68 ตารางเมตร อย่าง SO Studio และ SO Family Kids House จะอยู่ที่บริเวณชั้นหนึ่ง ส่วนห้องที่อยู่ชั้น 2 และ 3 ของอาคารจะเป็นห้องที่มีพื้นที่ 60 ตารางเมตร อย่างห้อง SO Family และ ห้อง SO Comfy ที่ผมพักในวันนี้ครับ โดยจุดเด่นมากๆ ของห้องพักที่นี่ก็คือ ภายใน 1 ชั้นของอาคาร จะมีห้องพักเพียงแค่ 4 ห้องเท่านั้น เรียกว่าค่อนข้างสงบและเป็นส่วนตัวมากครับ
และนี่ก็คือหน้าตาห้องพักของผมครับ ห้องแบบว่าใหญ่มากกกกก เปิดมาเห็นแล้วตกใจในความใหญ่โตเลย สามารถวิ่งเล่นไล่จับกันได้อย่างสบายๆ แถมด้วยความที่เพดานของห้องนั้นสูงมาก ก็เลยทำให้เรารู้สึกว่าห้องของที่นี่ใหญ่เป็นพิเศษ เข้าไปพักแล้วรู้สึกสบาย ไม่อึดอัดเลย
ภายในห้องจะมีสิ่งอำนวยความสะดวกให้เราใช้ครบครันเลย ทั้ง TV, ตู้เย็น, ตู้เซฟ, เครื่องเสียง, เก้าอี้ทำงาน, สวิทซ์ไฟที่ควบคุมง่ายแสนง่าย, เครื่องชงกาแฟ จนไปถึง Mini Bar และขนมกับผลไม้ครับ โดย Minibar นั้นเราสามารถที่จะกินทุกอย่างได้ฟรีๆ เลย ไม่ว่าจะเป็นขนมที่วางอยู่บนตู้, เครื่องดื่มในตู้เย็น หรือขนมกับผลไม้ที่วางอยู่บนโต๊ะ โดยทางพนักงานของโรงแรมจะเข้ามาเติมให้เราทุกๆ วันครับ ><
ส่วนใครที่ชอบทานน้ำเปล่าเยอะๆ ก็น่าจะถูกใจกับห้องพักของที่นี่เลยครับ เพราะเค้ามีน้ำให้เราทานถึง 4 ขวดด้วยกัน โดยจะวางกระจายไว้ตามจุดต่างๆ ทั่วห้องเลย
ส่วนของอื่นๆ ในห้องที่ผมว่าน่าสนใจมาก จนผมอยากจะเอามาเล่าให้ทุกคนฟังนั่นก็คือของในตู้เสื้อผ้าครับ โดยภายในตู้เสื้อผ้านั้นจะมีทั้งตู้เซฟ, ไดร์เป่าผม, เสื่อโยคะ, ถังดับเพลิง แล้วก็นกหวีด!!!
ของสามรายการหลังนี่เป็นอะไรที่ผมยังไม่เคยเจอจากการเข้าพักที่โรงแรมไหนมาก่อนเลย และเป็นการแสดงออกถึงความใส่ใจและความปลอดภัยมากๆ ครับ โดยเฉพาะเสื่อโยคะนั้น ถือว่าเป็นการสนับสนุนให้ทุกคนออกไปใช้บริการมากๆ โดยทุกวันศุกร์ – อาทิตย์ เวลา 8.00 น. – 9.00 น. ทาง SO Sofitel Hua Hin จะมีการสอนโยคะฟรีบริเวณชายหาด ใครที่อยากจะเข้าร่วมก็สามารถหยิบเสื่อโยคะที่อยู่ในห้องแล้วออกไปร่วมกิจกรรมได้ทันทีเลยครับ
หมายเหตุ : สำหรับร่มกันแดดขนาดใหญ่จำนวน 2 อันนั้น จริงๆ จะถูกเสียบอยู่ในช่องเก็บร่มข้างตู้เสื้อผ้านะครับ แต่ผมนำมาวางไว้ในตู้เสื้อผ้าเพื่อถ่ายรูปรวมกันเฉยๆ ครับ
สำหรับบรรยากาศภายในห้องและการตกแต่งห้องพักของ SO Sofitel Hua Hin นั้น จะมีการแบ่งออกเป็น 2 สไตล์ด้วยกัน นั่นก็คือ SO Arty Style (โซ อาร์ตี้ สไตล์) และ SO Nature Style (โซ เนเจอร์ สไตล์) โดยบรรยากาศของทั้งสองสไตล์นั้นจะแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง รวมไปถึงลักษณะของเตียงและโทนสีด้วย ซึ่งห้องที่ผมกับต๋งพักนั้นจะเป็น SO Nature Style ที่เน้นถึงความงามของธรรมชาติ, โทนสีไม้ รวมไปถึงลักษณะของเตียงที่มีเสาบริเวณมุมทั้ง 4 ด้านครับ
และผมขอเตือนทุกคนไว้ตรงนี้เลยว่าเตียงนอนของ SO Sofitel Hua Hin นั้นนุ่มและนอนสบายมากกกก มากจนหลายๆ คนขนานนามว่าเตียงดูดวิญญาณกันเลยทีเดียว ใครที่คิดว่าจะนอนเล่นแป๊บๆ 10-15 นาที อาจจะมีเผลอหลับยาวไปเป็นชั่วโมงได้โดยไม่รู้ตัว ><
ส่วนใครที่อยากจะดูว่า Mood and Tone ของห้อง SO Arty Style นั้นเป็นอย่างไร เดี๋ยวผมจะพาไปดูในห้องถัดไปครับ เวลาเข้าพักเราจะได้จองห้องพักในสไตล์ที่เราชอบได้ถูกต้อง เพราะทั้งภาพที่ประดับในห้อง, โทนสี, ลักษณะเตียง รวมไปถึงกรอบกระจกและลวดลายต่างๆ ของห้องสองสไตล์นี้จะออกไปกันคนละทางเลยครับ
เอาล่ะ คราวนี้เรามาดูห้องน้ำของที่นี่กันต่อดีกว่า ห้องน้ำของห้อง SO Comfy นั้นมีขนาดใหญ่มาก มากจนผมคิดว่าพื้นที่ห้องน้ำนั้นเกือบจะเท่ากับห้องนอนกันเลยทีเดียว โดยเค้าจะมีการแบ่งสัดส่วนของพื้นที่ห้องน้ำออกเป็นบริเวณแต่งตัว, อ่างล้างหน้า, อ่างอาบน้ำ, Rain Shower แล้วก็สุขาครับ
และนี่คือจุดเด่นที่สุดของห้องน้ำของ SO Sofitel Hua Hin ครับ Rain Shower ขนาดใหญ่ที่ติดตั้งอยู่บนเพดานสูง ทำให้เวลาเราเปิดอาบน้ำแต่ละทีนี่สะใจมากกกก และก็เป็นอะไรที่ผมประทับใจสุดๆ ในการเข้าพักที่ห้องนี้เลย
แต่สำหรับใครที่ไม่ชอบการอาบน้ำด้วย Rain Shower ก็คงจะไม่ประทับใจซักเท่าไหร่ครับ เพราะที่นี่จะไม่มีห้องอาบน้ำแยกมาต่างหาก หากใครอยากจะอาบน้ำด้วยฝักบัวก็ต้องไปอาบในอ่างอาบน้ำแทน ซึ่งจะไม่ค่อยสะดวกซักเท่าไหร่ และทุกครั้งที่เราเปิด Rain Shower ก็จะทำให้พื้นทางเดินที่เราจะต้องใช้เดินไปเข้าห้องสุขาเปียกไปด้วย ใครที่ไม่อยากเท้าเปียกก็ต้องหารองเท้ามาใส่หรือต้องคอยเช็ดเท้าหลังจากที่เข้าห้องน้ำเสร็จครับ
ส่วนในเรื่องของอุปกรณ์ต่างๆ ที่ใช้ในห้องน้ำนั้น ผมว่าทาง SO Sofitel Hua Hin จัดมาให้เต็มที่เลยนะครับ ของแต่ละอย่างดีและมีของพื้นฐานครบเลย เช่น หวีที่แข็งแรง, ชุดแปรงสีฟันที่ให้มาพร้อมกับยาสีฟันคอลเกตขนาดที่สามารถใช้ 4-5 วันได้สบายๆ ส่วนของที่คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยได้ใช้ เช่น มีดโกนหนวด, น้ำยาบ้วนปาก, กรรไกรตัดเล็บ, เข็มกับด้าย เราก็สามารถที่จะโทรขอกับทางโรงแรมได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ครับ
เอาล่ะ ตอนนี้ผมก็พาทุกคนดูห้อง SO Comfy ที่เป็น SO Nature Style กันครบทุกซอกทุกมุมแล้ว เดี๋ยวคราวนี้ผมจะพาทุกคนไปดูห้อง SO Family Kids House ที่อยู่บริเวณชั้น 1 ของอาคารกันต่อ และเนื่องจากว่าอาคารที่พักของที่นี่จะไม่มีลิฟท์ ดังนั้นเวลาที่เราจะขึ้นหรือลงเราก็ต้องใช้การเดินเอานะครับ แต่สำหรับคนที่มีสัมภาระเยอะๆ ก็ไม่ต้องกังวลไป เพราะทุกครั้งที่เราอยากจะขนสัมภาระเราไปไหน เราก็สามารถแจ้งให้ทางพนักงานมาช่วยเราขนของได้ตลอดเวลาเลยครับ ^^
และนี่ก็คือห้อง SO Family Kids House ที่อยู่บริเวณชั้น 1 ของอาคาร โดยห้องที่ผมถ่ายภาพมาให้ทุกคนดูจะเป็นการตกแต่งแบบ SO Arty Style ซึ่งจะเห็นว่า Mood and Tone ของห้อง รวมทั้งลักษณะของเตียงจะแตกต่างกับ SO Nature Style ที่ผมพักแบบคนละขั้วกันเลยทีเดียว ใครที่ชอบสไตล์ไหนก็เลือกเอานะครับ
โดยขนาดของห้อง SO Family Kids House ในส่วนที่เป็นห้องนอนหลักที่ทุกคนเห็นในรูปด้านบน รวมทั้งพื้นที่ห้องน้ำนั้น จะเท่ากับพื้นที่ของห้อง SO Comfy ที่อยู่บริเวณชั้น 2 และ 3 ของอาคารเลยครับ เพียงแต่ห้อง SO Family Kids House จะมีพื้นที่ระเบียงด้านนอกเพิ่มเติม รวมถึงมีบ้านเด็กสีสันสดใสแบบนี้อยู่ด้วยครับ
บ้านเด็กนี้เราจะสามารถเข้าออกได้สองทาง ทางแรกก็คือทางพื้นที่ระเบียงที่อยู่นอกห้อง ส่วนทางที่สองก็คือเดินเข้าจากห้องนอนหลักเลย ซึ่งภายในบ้านเด็กนี้มันเจ๋งมากๆ เลยครับ เพราะข้างในเค้าจะประกอบไปด้วยเตียงสองชั้นที่เด็กอายุประมาณ 10 ขวบสามารถนอนได้อย่างสบาย แล้วก็ทีวี รวมถึงข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็นอีกหลายอย่าง
ห้องนี้ถือเป็นห้องที่ผมแนะนำสำหรับครอบครัวที่มีลูกอายุไม่เกิน 10 ขวบเลยครับ เพราะมีการแบ่งแยกที่นอนระหว่างเรากับลูกๆ ได้อย่างเป็นสัดเป็นส่วนดี ต่างคนต่างก็มีพื้นที่ส่วนตัว แต่ก็ยังปลอดภัยและได้ใช้เวลาร่วมกันในพื้นที่ส่วนกลางของห้องครับ
แต่ถ้าเกิดวันที่ครอบครัวไหนจะไปแล้วห้อง SO Family Kids House เกิดไม่ว่างเลยนั้น ที่ SO Sofitel Hua Hin ก็จะมีห้องสำหรับครอบครัวอีกห้องหนึ่งบริการอยู่ นั่นก็คือห้อง SO Family โดยห้องนี้จะมีความแตกต่างกับห้อง SO Family Kids House ตรงที่จะไม่มีบ้านเด็กอยู่ที่บริเวณระเบียง และจะนำเอาเตียงสองชั้นมาไว้ในพื้นที่ห้องหลักแทนครับ
และถ้าเกิดครอบครัวไหนที่ลูกเริ่มโตเป็นหนุ่มสาวแล้ว ไม่สามารถนอนเตียงเล็กขนาดนั้นได้ รวมไปถึงการไปเที่ยวเป็นกลุ่มของเพื่อน 3-4 คน การเลือกไปใช้บริการที่ห้อง SO Pool Villa ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ โดยห้อง SO Pool Villa นั้น จะเป็นห้องขนาดใหญ่ แยกออกมาเป็นสัดส่วนไม่เกี่ยวข้องกับอาคารใดๆ และมีพื้นที่ให้เราใช้สอยมากถึง 260 ตารางเมตร!!
โดยพื้นที่ 260 ตารางเมตรนั้นจะประกอบไปด้วยอาคารขนาดเล็ก 2 หลัง, พื้นที่นั่งเล่น และก็สระว่ายน้ำส่วนตัวขนาดกว้าง 3 เมตร ยาว 9 เมตร ซึ่งถือว่าเป็นสระว่ายน้ำในพูลวิลล่าที่ผมว่ามีขนาดใหญ่มากเลยนะครับ ใครที่มาเป็นครอบครัว หรือกลุ่มเพื่อน 3-4 คนน่าจะชอบมากแน่ๆ
ไปดูภายในอาคารแต่ละหลังภายใน SO Pool Villa กันดีกว่า เริ่มจากอาคารหลังแรกที่เป็นอาคารห้องนอนหลักครับ ภายในอาคารนี้จะประกอบไปด้วยเตียงนอนขนาด King Size แล้วก็ห้องน้ำขนาดใหญ่ที่มี Rain Shower ครับ โดยกรณีที่ใครมาพักแค่ 1-2 คน ก็มักจะเลือกเข้านอนที่อาคารนี้เป็นหลัก เพราะห้องน้ำมีขนาดใหญ่และมีความเป็นสัดส่วนมากกว่าเตียงนอนที่อยู่ในอาคารอีกหลังนึง
ส่วนอาคารอีกหลังนึงที่ดูภายนอกแล้วเหมือนจะมีขนาดที่ใหญ่กว่านั้นจะเป็นอาคารที่เป็นส่วนของห้องนั่งเล่น, ห้องรับประทานอาหาร และห้องดูทีวี เพียงแต่ว่าหากกรณีที่มีกรุ๊ปไหนเข้าพักที่ SO Pool Villa มากกว่าสองคน ในส่วนของ Sofa Bed ที่เอาไว้ดูทีวีนั้นก็จะถูกแปลงสภาพเป็นห้องนอนที่สองครับ
นี่เป็นหน้าตาของห้องนอนที่สองครับ สามารถนอนได้อีก 2 คนสบายๆ และมีทีวีรวมถึงเครื่องใช้ต่างๆ ครบถ้วนไม่แตกต่างจากห้องนอนหลัก เพียงแต่ในเรื่องของความเป็นส่วนตัวและขนาดของห้องน้ำนั้นจะไม่เทียบเท่ากับห้องนอนหลักครับ
โดยห้องน้ำที่อยู่ในอาคารนี้จะไม่มี Rain Shower และจะทำการแบ่งเป็นห้องอาบน้ำธรรมดากับห้องสุขาเพียงเท่านั้น ใครที่อยากจะอาบน้ำด้วย Rain Shower และมีพื้นที่กว้างๆ ก็ต้องไปใช้ห้องน้ำที่อยู่ในอาคารห้องนอนหลักแทนนะครับ
และตอนนี้ผมก็พาทุกคนไปรู้จักกับ Room Type ของ SO Sofitel Hua Hin มา 3 แบบจากทั้งหมด 5 แบบที่เค้ามีแล้ว ใครที่ชอบห้องลักษณะไหน ตกแต่งสไตล์ไหนก็เลือกจองกันตามที่ตัวเองถูกใจได้เลยครับ แต่ถ้าใครที่ยังลังเลอยู่ว่าจะไปพักที่นี่ดีมั้ย และแอบสงสัยอยู่ในใจว่านอกจากห้องพักกับสิ่งก่อสร้างที่สวยงามภายในโรงแรมแล้ว ที่ SO Sofitel Hua Hin เค้ายังมีอะไรที่น่าสนใจอีกหรือเปล่า ก็ตามผมไปต่อได้เลยครับ
โดยจากที่ผมได้มีโอกาสเข้าพักที่โรงแรมแห่งนี้เป็นเวลา 3 วัน 2 คืน ผมว่าที่โรงแรมแห่งนี้มีจุดที่น่าสนใจเยอะมาก และผมจะขอเล่าเป็นเรื่องๆ ตามนี้นะครับ
- สระว่ายน้ำ
- ฟิตเนส
- สปา
- ชายหาดและจุดถ่ายรูปที่น่าสนใจ
- โยคะและกิจกรรมอื่นๆ
- อาหารเช้าและห้องอาหารที่ให้บริการภายในโรงแรม
ซึ่งในแต่ละเรื่องที่ผมเล่านั้นอาจจะมีสั้นบ้างยาวบ้างคละๆ กันไป ใครที่สนใจเรื่องไหนเป็นพิเศษก็ไล่ไปอ่านเฉพาะเรื่องนั้นเลยก็ได้ครับ
เริ่มจาก “สระว่ายน้ำ” กันก่อนเลย สระว่ายน้ำที่ SO Sofitel Hua Hin นั้น จะมีทั้งหมด 2 สระด้วยกัน คือสระที่ชื่อว่า Solarium Pool (โซลาเรียม พูล) ที่อยู่บริเวณกลางโรงแรม และสระ SO Pool (โซ พูล) ที่อยู่บริเวณชายหาด โดยส่วนที่ต่างกันของสองสระนี้ก็คือ Solarium Pool จะเป็นสระที่เปิดให้บริการเฉพาะผู้ใหญ่หรือเด็กที่มีอายุเกิน 15 ปีขึ้นไปเท่านั้น ส่วน SO Pool จะเป็นสระที่เปิดให้บริการโดยไม่จำกัดอายุ ซึ่งผมว่าเป็นเรื่องที่ดีนะครับ ถือว่ามีการแบ่งแยกความเป็นส่วนตัวให้กับผู้ใหญ่ที่ต้องการว่ายน้ำแบบเงียบๆ ได้เป็นอย่างดี โดยในเรื่องของเวลาการเปิดบริการของทั้งสองสระนี้ก็คือเริ่ม 9.00 น. จนถึง 21.00 น. และในเรื่องความลึกสูงสุดก็อยู่ที่ 1.20 เมตรเช่นเดียวกัน เพียงแต่ในส่วนของ SO Pool นั้นจะมีส่วนที่ตื้นสำหรับเด็กเล็กๆ เพิ่มขึ้นมาด้วยครับ
นี่เป็นหน้าตาของ Solarium Pool ครับ จะเป็นสระว่ายน้ำสีฟ้าสดใส มีกำแพงล้อมรอบทั้ง 4 ด้าน ให้อารมณ์ที่สงบและเป็นส่วนตัวสูง ส่วนบริเวณรอบๆ สระก็มีเก้าอี้ชายหาดรวมถึงการตกแต่งเก๋ๆ อย่างรูปปั้นยิมนาสติกท่ายาก และโบว์ของขวัญขนาดใหญ่บนกำแพงครับ
ส่วนนี่เป็นบรรยากาศของสระ SO Pool ครับ จะเป็นสระที่อยู่ใกล้ๆ กับชายหาด สามารถมองเห็นทะเลได้ และไม่ได้มีกำแพงอะไรล้อมรอบ ทำให้บรรยากาศโดยรวมแตกต่างจากสระ SO Pool พอควร และเมื่อผนวกกับที่สระนี้มีส่วนที่เป็นสระตื้นให้เด็กเล็กๆ สามารถเล่นน้ำได้อย่างปลอดภัย รวมไปถึงการมีหงส์ตัวใหญ่สุดน่ารักแบบนี้อยู่ด้วย นั่นก็เลยทำให้บรรยากาศของสระแห่งนี้ครึกครื้นและเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะแทบจะตลอดทั้งวันครับ
นอกจากนี้บริเวณข้างๆ สระว่ายน้ำ ทาง SO Sofitel Hua Hin ยังมีจุดบริการน้ำดื่มเย็นๆ ให้แขกที่มาใช้บริการทานด้วยนะครับ และนี่เป็นหนึ่งในเรื่องที่ผมว่าโรงแรมแห่งนี้มีการใส่ใจในรายละเอียดและความรู้สึกของคนที่เข้ามาพักมากๆ เลย
ต่อกันที่เรื่องที่สอง ”ฟิตเนส” หรือที่ที่นี่เค้าตั้งชื่อเรียกว่าว่า SO Fit (โซ ฟิต) โดยฟิตเนสของที่นี่จะอยู่บริเวณเดียวกับ Solarium Pool โดยมีขนาดห้องที่ไม่ใหญ่มากนัก สามารถใช้บริการได้ 8-10 คนพร้อมกันเท่านั้น แต่จุดที่ผมว่าเด่นมากๆ ของฟิตเนสของที่นี่ก็คือความใหม่ของอุปกรณ์ และการเปิดบริการตลอด 24 ชั่วโมง!!! เรียกว่าใครอยากจะออกกำลังกายตอนไหนก็มาใช้บริการได้เลย ><
ต่อกันที่เรื่องถัดไป .”SO Spa (โซ สปา)” อีกหนึ่งในสิ่งที่ขึ้นชื่อของโรงแรมแห่งนี้ โดยต๋งเองได้มีโอกาสเข้าไปใช้บริการมาคอร์สนึง และเธอบอกว่าดีมาก พนักงานดูแลดีและรู้สึกประทับใจที่ได้เข้าไปใช้บริการเลย ส่วนผมเองเนื่องจากการทำสปาไม่ใช่แนวของผมซักเท่าไหร่ ผมก็เลยขอเดินถ่ายรูปรอบๆ และก็พบว่าสปาของที่นี่มีการออกแบบที่ดีมาก ใส่ใจในทุกรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ รวมไปถึงเรื่องของความสะอาด, อุปกรณ์ที่ใช้ และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ก็ดีและครบครันสุดๆ
อย่างเช่นเรื่องนี้ครับ SO Spa Music หรือการเปิดโอกาสให้เราเลือกแนวเพลงที่เราชอบในระหว่างที่เรากำลังทำสปา มันอาจจะดูเหมือนเป็นเรื่องที่เล็กน้อยมาก แต่ก็แสดงออกถึงความใส่ใจและสามารถสร้างความประทับใจให้กับผู้ใช้บริการได้เป็นอย่างดี
ส่วนในเรื่องของทรีตเมนต์และอุปกรณ์บำรุงต่างๆ นั้นทาง SO Spa เองก็จัดเต็ม มีให้เราเลือกใช้บริการหลายแบบเลยครับ ใครที่สนใจหรือสงสัยในตัวไหนเป็นพิเศษก็สามารถสอบถามกับทางพนักงานได้เลย
และในส่วนของห้องสำหรับทำสปา ที่นี่ก็ได้มีการจัดบรรยากาศของห้องออกมาได้เป็นอย่างดี รวมทั้งมีห้องหลากหลายประเภทเพื่อรองรับแต่ละความต้องการของผู้มาใช้บริการด้วย เช่น ห้องเดี่ยว, ห้องคู่ หรือห้องไพรเวทขนาดใหญ่ที่มีอ่างอาบน้ำอยู่ภายในห้อง
ใครที่อยากจะใช้บริการห้องแบบไหน คอร์สแบบไหนก็สอบถามทางพนักงานได้นะครับ เค้าเปิดบริการตั้งแต่ 9.00 น. – 21.00 น. และมีคอร์สให้เลือกมากมายทั้งนวดไทย, นวดเท้า และทำเล็บมือ-เล็บเท้าครับ
ส่วนนี่คือ SO Cocoon (โซ โคคูน) หนึ่งในไฮไลท์ของ SO Spa ที่ใครได้เห็นหรือใช้บริการต่างก็ประทับใจ โดย SO Cocoon จะเป็นสถานที่ที่ให้คนมาใช้บริการสปาได้ผ่อนคลายร่างกายหลังจากการทรีตเมนต์ และภายใต้สิ่งก่อสร้างที่มีรูปร่างคล้ายดักแด้นี้จะมีเตียงนุ่มๆ รวมทั้งแสงระยิบระยับคล้ายแสงดาวบนฟากฟ้ารายล้อมอยู่รอบตัวเรา ทำให้เรารู้สึกอบอุ่น สงบ และปลอดภัย เหมือนกับดักแด้ที่อยู่ในรัง และรอวันที่จะเติบโตเต็มวัยกลายเป็นผีเสื้อที่สวยงามแล้วบินออกไปเผชิญกับโลกกว้างเหมือนกับ “The Butterfly Effect” สัญลักษณ์ของโรงแรม SO Sofitel Hua Hin ที่ออกแบบโดย คุณหมู พลพัฒน์ อัศวประภา ผู้ก่อตั้งและ Creative Director ของแบรนด์อาซาว่า (ASAVA) ครับ
และผมอยากจะบอกว่านอกจากคุณหมู ASAVA จะออกแบบ Brand Emblem ให้กับทาง So Sofitel Hua Hin แล้ว คุณหมูก็ยังได้ร่วมออกแบบชุดพนักงานของที่นี่ด้วยครับ โดยแต่ละชุดที่เค้าออกแบบมานั้นนอกจากจะสวยงามมีสไตล์แล้ว ก็ยังสามารถตอบโจทย์เรื่องฟังก์ชั่นการใช้งานของพนักงานแต่ละตำแหน่งได้เป็นอย่างดีอีกด้วย
บอกเลยว่าผมนี่อิจฉาพนักงานของที่นี่จริงๆ ที่ได้ใส่ชุดสวยๆ เท่ๆ แบบนี้ทุกวันครับ
มาต่อกันที่เรื่องถัดไปครับ “ชายหาดและจุดถ่ายรูปที่น่าสนใจ” โดยที่ SO Sofitel Hua Hin นั้นจะมีสิ่งก่อสร้างที่สวยงามให้เราถ่ายรูปตามจุดต่างๆ มากมายเต็มไปหมดเลย โดยเฉพาะบริเวณชายหาดที่มีเก้าอี้และชิงช้าเก๋ๆ ให้เราโพสต์ท่าถ่ายรูปจนช่างภาพต้องร้องอ้อนวอนว่าขอให้หยุดโพสต์ซักทีเพราะกดชัตเตอร์จนเมื่อยนิ้วแล้ว > <
ส่วนในเรื่องความสะอาดและความสวยงามของชายหาดและทะเลที่นี่นั้น ผมว่าเป็นชายหาดและทะเลที่ดีมากแห่งนึงในโซนชะอำ-หัวหินเลยครับ เพราะเป็นหาดส่วนตัวที่มีความสงบสูง ไม่มีบุคคลภายนอกเข้ามาวุ่นวาย และทาง SO Sofitel Hua Hin ก็ได้มีการให้พนักงานมาร่อนทรายในทุกๆ เช้าด้วย
ครอบครัวไหนที่อยากจะพาลูกมาเล่นน้ำทะเลแบบสงบๆ และมีพื้นที่หาดเยอะๆ น่าจะถูกใจกับการเข้าพักที่นี่เลย เพราะในช่วงเวลากลางวันที่น้ำลง หาดของที่นี่จะกว้างมากๆ เลยครับ
นอกจากนี้ภายในโรงแรมแห่งนี้ยังมีจุดถ่ายรูปสนุกๆ อีกเพียบ ใครที่มีเวลาก็ลองเดินหามุมและความสนุกต่างๆ ที่ทางโรงแรมเค้าแอบซ่อนไว้นะครับ โดยเฉพาะห้องน้ำส่วนกลางนี่เป็นอะไรที่ผมบอกเลยว่าห้ามพลาด มันเจ๋งและชวนให้รู้สึกว้าวจริงๆ
ต่อกันที่เรื่องถัดไปครับ “โยคะและกิจกรรมอื่นๆ” โดยในการเข้าพักที่ SO Sofitel Hua Hin นั้น จะมีกิจกรรมพิเศษๆ ให้เราทำหลายอย่างมากกกกก ตั้งแต่โยคะที่ทางโรงแรมจะมีครูมาสอนเราฟรีๆ ทุกวันศุกร์, เสาร์และอาทิตย์ ในช่วงเวลา 8.00 น. – 9.00 น. ใครที่สนใจก็หยิบเสื่อโยคะที่อยู่ในห้องแล้วเดินมารอบริเวณสนามหญ้าใกล้ๆ กับชายหาดได้เลยครับ พอถึงเวลาคุณครูคนสวยก็จะเดินมาหาเราพร้อมกับทักทายอะไรเล็กน้อย ก่อนที่จะเริ่มกิจกรรมกัน
ส่วนถ้าใครที่ไม่ชอบโยคะ อยากจะออกกำลังกายหรือทำกิจกรรมอะไรที่มันใช้แรงเยอะๆ ได้เคลื่อนไหวไปมาไม่หยุดนิ่ง ก็สามารถเดินไปสนามหญ้าที่อยู่ข้างๆ ห้องอาหาร Beach Society ได้เลยครับ ที่นี่เค้าจะมีอุปกรณ์กีฬาและพื้นที่ให้คุณได้เล่นกันอย่างเต็มที่ไปเลย ไม่ว่าจะเป็นวอลเล่ย์บอล, แบดมินตัน หรือแม้กระทั่งกระสอบทราย โดยอุปกรณ์ต่างๆ นั้นทางโรงแรมจะมีการเตรียมไว้ให้เราเรียบร้อยแล้ว ใครอยากเล่นอะไรก็หยิบไปเล่นได้เลยครับ
ส่วนครอบครัวไหนที่มีเด็กๆ เยอะหน่อย ผมแนะนำให้เดินไปที่สนามหญ้าข้างๆ ห้องอาหาร White Oven ครับ ที่นี่จะมีเครื่องเล่นสำหรับเด็กอยู่เพียบเลย หรือไม่ก็ลองเดินไปที่บริเวณชายหาดก็ได้ เค้าจะมีอุปกรณ์สำหรับการเล่นทรายไว้ให้เราเล่นอยู่ครับ
ส่วนใครที่เป็นสายชอบเล่นอะไรที่อยู่ในห้องแอร์เย็นๆ เล่นอะไรที่ใช้สมองมากกว่าพละกำลังก็ต้องนี่เลย โต๊ะพูลและเครื่องเกมส์สุดสนุกที่ Hi SO Bar โดยที่นี่นอกจากจะมีกิจกรรมสนุกๆ ให้เราเล่นกันฟรีๆ แล้ว ที่นี่ก็ยังมีเก้าอี้ให้เรานั่งชมวิวสวยๆ จากมุมสูง รวมไปถึง Mini Party สุดพิเศษทุกเย็นวันศุกร์ ในช่วงเวลา 18.00 น. – 19.00 น. ที่ชื่อว่า “Management Cocktail” ด้วย โดย Mini Party นี้จะมีผู้บริหารของ SO Sofitel Hua Hin มาพูดคุยกับแขกที่เข้าพักอย่างเป็นกันเอง รวมทั้งมีเครื่องดื่มและขนมต่างๆ ให้เรากินกันฟรีๆ ด้วย ดังนั้นผมคงไม่ต้องบอกนะครับว่า ถ้าเป็นไปได้ เราควรจะเลือกเข้าพักโรงแรมแห่งนี้ในวันไหนมากที่สุดครับ ><
สำหรับตำแหน่งที่ตั้งของ Hi SO Bar นั้น จะอยู่บริเวณชั้น 2 ของห้องอาหาร White Oven หรือห้องอาหารที่เราใช้รับประทานอาหารเช้านะครับ โดยเวลาเปิดบริการของ Hi SO Bar ก็คือ 15.00 น. – 23.00 น. ของทุกวัน ใครที่อยากเล่นเกมส์หรืออยากมานั่งกินเครื่องดื่มชิลๆ ก็สามารถมาใช้บริการที่นี่ได้เลย โดยเฉพาะช่วงเวลา 19.00 น. -21.00 น. จะเป็นช่วงเวลาที่ดีมากเพราะเป็นช่วง Happy Hour ซื้อ 1 แถม 1 ครับ
และตอนนี้ก็มาถึงเรื่องสุดท้ายของรีวิวนี้กันแล้วครับ นั่นก็คือเรื่องของ “อาหารเช้าและห้องอาหารอื่นๆ ภายในโรงแรม” โดยอันดับแรกผมจะพาทุกคนไปรู้จักกับอาหารเช้าของที่นี่กันก่อนครับ
ไลน์อาหารเช้าของ SO Sofitel Hua Hin จะให้บริการที่ห้องอาหาร White Oven โดยจะมีเวลาในการเปิดบริการแตกต่างกันออกไประหว่างวันธรรมดาและวันหยุด โดยวันธรรมดาจะเปิดบริการตั้งแต่ 6.30 น. จนถึง 10.30 น. ส่วนวันหยุดนั้นจะเปิดบริการตั้งแต่ 6.30 น. จนถึง 11.00 น. ครับ
สำหรับบรรยากาศของห้องอาหาร White Oven นั้นจะเป็นห้องอาหารที่มีที่นั่งแยกออกเป็น 2 โซน ได้แก่ โซน Indoor ในห้องแอร์ ที่สามารถรองรับคนได้ประมาณ 60 คน และโซน Open Air ที่มีหลังคาอีกประมาณ 40 คน ใครที่ชอบนั่งในบรรยากาศแบบไหนก็เลือกเอาตามใจชอบได้เลยครับ
นี่เป็นบรรยากาศในโซน Indoor ที่ติดแอร์ครับ บรรยากาศภายในห้องอาหารจะมีการตกแต่งให้อยู่ในธีมของโลกใต้ทะเลที่มีสัตว์น้ำอยู่มากมายมาย เช่น แมงกะพรุน, ปะการัง รวมไปถึงการนำอุปกรณ์จับปลามาประดับที่เพดานเพื่อให้มีความรู้สึกเหมือนกับว่าเรากำลังอยู่ที่ใต้ท้องเรือครับ
ส่วนในเรื่องประเภทของอาหารนั้น ผมว่าที่นี่จัดไลน์อาหารค่อนข้างแปลกครับ คือเป็นไลน์อาหารเช้าที่ให้สัดส่วนของอาหารคาว, ของหวาน และเครื่องดื่มได้ไล่เลี่ยกันมาก ผิดกับโรงแรมส่วนใหญ่ที่จะมีสัดส่วนของอาหารคาวมากกว่าอย่างอื่นอย่างชัดเจน โดยอาหารคาวของที่นี่นี่จะประกอบไปด้วย ไส้กรอก, เบคอน, ขนมปัง, ขนมจีบ, ซาลาเปา, พิซซ่า, ข้าวต้ม, ข้าวเหนียวหมูปิ้ง, ก๋วยเตี๋ยว, อาหารประเภทไข่, อาหารประเภทกับข้าว 2-3 อย่าง แล้วก็สลัดครับ
หน้าตาอาหารต่างๆ ในไลน์นี่ผมบอกเลยว่าดูดีและยั่วน้ำลายสุดๆ ชนิดที่ทำเอาผมเดินถ่ายรูปไปน้ำลายไหลไปเลยครับ ><
สำหรับรสชาติของอาหารคาวในกลุ่มที่ไม่ใช่ประเภทสลัดและขนมปังนั้นผมให้อยู่ในเกณฑ์กลางๆ ครับ เพราะมีทั้งเมนูที่รสชาติดีถูกปากผมมาก แล้วก็มีเมนูที่ผมทานแล้วไม่ค่อยประทับใจเท่าไหร่ โดยเมนูที่ผมทานแล้วรู้สึกประทับใจเป็นพิเศษก็ได้แก่ เบคอน, ไส้กรอก, พิซซ่า, ข้าวต้ม แล้วก็กับข้าวอีก 2-3 อย่างครับ ส่วนเมนูที่ผมทานแล้วไม่ค่อยถูกปากเท่าไหร่ก็คือขนมจีบ, ซาลาเปา แล้วก็หมูปิ้ง โดยเมนูหมูปิ้งนี่ผมต้องบอกให้ทุกคนเข้าใจก่อนนะครับว่าทาง SO Sofitel Hua Hin จะนำเนื้อหมูคุณภาพดี ไม่มีมันติดมาทำ ดังนั้นมันก็เลยจะขาดความนุ่มและให้ความรู้สึกเหมือนกันการกินสเต๊กหมู หรือบาร์บีคิวหมูมากกว่าหมูปิ้งมันๆ ตามรถเข็นที่เราคุ้นเคยกัน ซึ่งหลายๆ คนอาจจะชอบทานแบบนี้มากกว่าก็ได้ครับ อันนี้ก็เป็นเรื่องความชอบของแต่ละบุคคลเลยครับ
ส่วนนี่เป็นเมนูไข่ที่ทางห้องอาหารมีให้บริการครับ มีให้เลือกทานหลายเมนูเลย รวมไปถึงเมนูไข่เจียวที่หน้าตาดูดีมีชาติตระกูลมาก โดยผมเองก็ได้ชิมอาหารในกลุ่มนี้ไป 3-4 อย่างด้วยกัน และค่อนข้างประทับใจรสชาติของไข่กระทะกับ Poach Egg เป็นพิเศษ ส่วนไข่เจียวนั้นแม้หน้าตาจะดูหน้ากินมาก แต่ผมว่ารสชาติที่ได้ยังออกเป็นแนวไข่เจียวที่ให้ชาวต่างชาติทานมากกว่าที่จะเป็นไข่เจียวฟูๆ กรอบๆ แบบที่คนไทยหลายๆ คนชอบครับ
ส่วนอาหารประเภทขนมปังและเบเกอรี่นั้น ผมว่าทาง SO Sofitel Hua Hin ทำรสชาติและหน้าตาออกมาได้ดีเลยนะครับ หลายๆ รายการทานแล้วรู้สึกประทับใจมากจนต้องกลับไปทานอีก โดยเฉพาะครัวซองก์นี่ผมบอกเลยว่าห้ามพลาด!!
ใครที่ไปกันหลายๆ คน ผมแนะนำว่ารอบแรกที่ไปตักอาหารนั้นให้หยิบมาแค่น้อยๆ ก่อน คือหยิบมาอย่างละชิ้น แล้วแบ่งกันชิม ชิ้นไหนถูกใจค่อยไปหยิบมาเพิ่ม เพราะหากทุกคนต่างคนต่างหยิบนี่บอกเลยว่าอิ่มขนมปังแน่ๆ เพราะเมนูของหมวดนี้เค้ามีให้เลือกทานเยอะมากเลย
ส่วนนี่เป็นเมนูอาหารประเภทสลัดครับ หน้าตาของผักและน้ำสลัดต่างๆ ดูดีเลย นอกจากนี้ก็ยังมีอาหารอย่าง Cold Cuts, ชีส และน้ำผึ้งให้เราทานด้วยครับ โดยน้ำผึ้งของที่นี่เป็นน้ำผึ้งแท้ๆ ที่มาจากรังเลย ><
ดูกลุ่มอาหารคาวกันเสร็จแล้วคราวนี้เราไปดูกลุ่มที่เป็นของหวานกันดีกว่า เริ่มจากเมนูอย่างเบเกอรี่และเค้กก่อนแล้วกันนะครับ เบเกอรี่ของที่นี่มีให้เลือกทานเยอะใช้ได้เลย รสชาติของเมนูส่วนใหญ่ก็อยู่ในเกณฑ์ที่ดีด้วยครับ
นอกจากนี้เค้าก็ยังมีขนมอื่นๆ ให้เราทานอีกมากมาย เช่น ขนมไทย, ข้าวเหนียวปิ้ง, แพนเค้ก, วาฟเฟิล, หวานเย็น และไอศกรีม โดยเฉพาะไอศกรีมนั้นมีให้เราเลือกทานถึง 8 รสด้วยกัน ซึ่งแต่ละรสชาตินั้นผมบอกเลยว่าอร่อยโดนใจผมมาก ใครที่ชอบทานไอศกรีมนี่ให้เผื่อท้องไว้เยอะๆ เลยครับ
เท่านั้นยังไม่พอ ทาง SO Sofitel Hua Hin ยังมีพวกผลไม้แปรรูปแช่เย็นรูปลักษณ์สุดพิเศษให้เราทานอีกหลายอย่างเลยครับ ซึ่งโดยส่วนตัวแล้วผมกับต๋งชอบเมนูที่เป็นแตงโมมาก อร่อย เย็น ทานแล้วสดชื่นสุดๆ
แต่ถ้าใครไม่ชอบผลไม้ที่อยู่ในรูปแบบแปรรูปหรือแช่เย็นแบบนั้น ก็สามารถที่จะเลือกกินเป็นผลไม้สดๆ แทนก็ได้ ทางห้องอาหารเค้ามีบริการเราแบบเต็มพิกัดเลยทั้งแคนตาลูป, แก้วมังกร, สับปะรด, มะละกอ, ลำไย, กล้วย โดยแต่ละอย่างนั้นหน้าตาสวยงามดูน่ากินมากๆ ครับ
มาถึงตรงนี้ทุกคนก็คงคิดว่าของหวานและผลไม้ของไลน์อาหารเช้าที่นี่คงจะหมดแล้วใช่มั้ยครับ แต่ผมบอกเลยว่ายังไม่หมดครับ!!! เพราะที่นี่เค้ายังมีโยเกิร์ตและเครื่องดื่มให้เราทานอีกเยอะมาก โดยเฉพาะเครื่องดื่มนั้นมีทั้งน้ำผลไม้เกรดดี, น้ำหมักผลไม้เพื่อสุขภาพ, จนไปถึงสมูทตี้เพื่อสุขภาพสูตรพิเศษที่มีการผสมผสานวัตถุดิบหลายอย่างจนมีสรรพคุณต่างๆ นานา เช่น ลดริ้วรอย (Anti Aging), Detox, สดชื่น (Refreshing), เพิ่มพลังงาน (Energy) ใครอยากทานอะไรก็เดินไปดูที่ตู้ อ่านสรรพคุณและส่วนประกอบที่เค้าเขียนกำกับไว้แล้วก็บอกพนักงานได้เลยครับว่าต้องการแก้วไหน
.
.
.
ย้ำนะครับ อ่านส่วนประกอบของเค้าให้ดีก่อนสั่ง หรือถ้าไม่มั่นใจก็ถามพนักงานก่อนได้ เพราะเดี๋ยวจะกลายเป็นว่าเอามาแล้วทานไม่ได้นะคร้าบบบบบ
และ และ และ นอกจากเครื่องดื่มทั้งหมดที่ทุกคนได้เห็นมาข้างต้นแล้ว ที่ไลน์อาหารเช้าของ SO Sofitel Hua Hin เค้าก็ยังมีเครื่องดื่มให้เราทานอีกมากมายรวมไปถึงชาและกาแฟดีๆ ที่เราสามารถสั่งให้พนักงานทำใหม่ให้เราเดี๋ยวนั้นได้เลย ใครอยากจะกินเมนูอะไรก็เดินไปที่ป้ายเมนูแล้วบอกพนักงานได้เลยครับ โดยเราสามารถเลือกได้ว่าจะเอาเป็นแบบเย็นหรือแบบร้อนครับ
และตอนนี้ผมก็พาทุกคนไปรู้จักกับไลน์อาหารเช้าของโรงแรมแห่งนี้ไปครบเรียบร้อยแล้ว ซึ่งผมเชื่อว่าทุกคนคงจะตาลายไปกับเมนูอาหารอันละลานตานี้แน่ๆ และก็คงจะเริ่มเห็นด้วยกับผมแล้วใช่มั้ยครับว่านี่เป็นไลน์อาหารเช้าที่มีปริมาณของของหวานใกล้เคียงกับของคาวมากกว่าไลน์ไหนๆ เลยครับ
และเพื่อไม่ให้ทุกคนเมื่อยล้ากับการอ่านรีวิวฉบับนี้มากจนเกินไป ในส่วนของห้องอาหารอื่นๆ ที่มีบริการใน SO Sofitel Hua Hin นั้น ผมจะขอเล่าแบบสั้นๆ แล้วกันนะครับ โดยหากใครที่ต้องการรับประทานอาหารภายในโรงแรมแห่งนี้ในช่วง 11.00 น. จนถึง 22.00 น. ก็สามารถไปใช้บริการได้สองที่ โดยที่แรกนั้นก็คือห้องอาหาร White Oven ที่เราใช้รับประทานอาหารเช้านี่แหละครับ เพราะหลังเวลา 11.00 น. เป็นต้นไป ห้องอาหารแห่งนี้จะเปิดบริการเป็นห้องอาหาร A la carte ที่เน้นอาหารไทยเป็นหลัก ใครที่ชอบทานอาหารประเภทนี้ก็สามารถมาใช้บริการได้เลย และผมขอแนะนำนะครับว่าถ้าใครได้มีโอกาสมาทานแล้ว อย่าลืมสั่งเค้กมะพร้าวอ่อนมาทานด้วยนะครับ เพราะว่ามันอร่อยมากกกก
ส่วนอีกห้องอาหารนึงจะชื่อ Beach Society (บีช โซไซตี้) โดยจะเป็นห้องอาหารแบบ Open Air ที่อยู่ติดกับชายทะเล ทำให้ได้บรรยากาศที่ชิลมากกว่า ส่วนประเภทอาหารที่มีให้บริการนั้นก็จะเน้นไปที่อาหารยุโรปเป็นหลักครับ และที่สำคัญทุกเย็นวันเสาร์ที่ 3 ของเดือน ที่ห้องอาหารแห่งนี้จะมีอีเว้นท์พิเศษที่เรียกว่า Gin and Jazz ใครที่ชอบเสียงเพลงแจ๊สและจินโทนิคไม่ควรพลาดที่จะเข้าร่วมอีเว้นท์นี้ครับ
และหลังจากที่พวกเราอ่านกันมายาวนาน ผมอยากจะบอกทุกคนว่านี่คือช่วงสรุปสุดท้ายของรีวิวนี้กันแล้วครับ!! เดี๋ยวเราไปตามอ่านกันได้เลยว่าความรู้สึกของผมกับต๋งที่มีต่อ SO Sofitel Hua Hin หลังจากที่เราได้เข้าไปพักในระหว่างวันที่ 20 – 22 เมษายน 2561 นั้นเป็นอย่างไรบ้าง โดยผมจะขอแยกออกมาเป็นเรื่องๆ เพื่อให้ทุกคนอ่านง่ายๆ ดังนี้นะครับ
การออกแบบ : เป็นโรงแรมที่มีการออกแบบมาได้ดีมาก ลงตัวทั้งด้านความแปลก ความสนุก ความสวยงาม และความอลังการ ซึ่งถือว่าเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่หาจากโรงแรมแห่งอื่นได้ยากจริงๆ โดยความสำเร็จและความกลมกล่อมแบบนี้ก็คงเป็นเพราะการที่ SO Sofitel Hua Hin นั้นได้รับการออกแบบโดยสถาปนิกชื่อดังของเอเชีย คุณดวงฤทธิ์ บุนนาค โดยมีคุณโดนาเทียน คาราเทียร์ นักออกแบบภายในจากประเทศฝรั่งเศส เข้ามาช่วยผสมผสานเติมแต่งจุดต่างๆ ภายในโรงแรมให้มีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น
ความสะอาด : สะอาดสะอ้านทั้งบริเวณส่วนกลางและภายในห้อง เดินไปไหนมาไหนก็รู้สึกถึงความสบายตาครับ
สิ่งอำนวยความสะดวกภายในห้อง : มีสิ่งอำนวยความสะดวกและเครื่องใช้ต่างๆ มาให้เราใช้อย่างเต็มพิกัด โดยจุดที่เหนือกว่าโรงแรมอื่นๆ ก็คือการที่มีเสื่อโยคะ, ถังดับเพลิง, นกหวีด และ Mini bar ที่เราสามารถทานได้ฟรี โดยพนักงานจะเข้ามาเติม Mini Bar ให้เราทุกวัน ส่วนในเรื่องของคุณภาพของแปรงสีฟัน, ยาสีฟัน, หวี, สบู่เหลว, แชมพูนั้นก็อยู่ในเกณฑ์ที่ดีถึงดีมาก โดยหากจะมีเรื่องนึงที่ผมรู้สึกขัดใจเล็กๆ ก็คือ ทางโรงแรมน่าจะนำของอย่างชุดโกนหนวดใส่เข้ามาใน Box Set ภายในห้องเลย เวลาที่ต้องการใช้จะได้ไม่ต้องโทรขอจากพนักงาน ส่วนของอื่นๆ อย่างเช่น กรรไกรตัดเล็บ, ชุดเย็บผ้า อันนี้จะใช้เมื่อไหร่ค่อยขอจากพนักงานก็ได้ครับ เพราะเข้าใจได้ว่าคนที่มีความต้องการจะใช้นั้นมีน้อยมากจริงๆ
สิ่งอำนวยความสะดวกส่วนกลาง : ถือว่ามีเยอะเลยนะครับ ทั้งสปา, ฟิตเนส, บาร์, ลานกิจกรรมที่สามารถเล่นกีฬาได้หลากหลาย รวมไปถึงสระว่ายน้ำอีก 2 สระ ซึ่งการที่ที่นี่มีสระว่ายน้ำถึง 2 สระ และมีการแยกสระนึงออกไปว่าให้เฉพาะคนที่มีอายุเกิน 15 ปีสามารถใช้ได้เท่านั้น น่าจะทำให้แขกที่เข้ามาพักหลายๆ คนประทับใจมากครับ ส่วนในเรื่องของ Kids Club นั้น ในปัจจุบันนี้ทาง SO Sofitel Hua Hin จะยังไม่ได้มีเป็นห้องหรืออะไรที่ชัดเจน แต่จะอยู่ในรูปแบบของการจัดโซนให้เด็กเล่นที่บริเวณกลางแจ้งซะมากกว่า แต่อยากไรก็ตามหลังจากที่ทางโรงแรมได้เปิดเฟสถัดไปในช่วงเดือนสิงหาคม 2561 Kids Club และกิจกรรมสนุกๆ อีกหลายอย่างจะมีโผล่ขึ้นมาอีกเพียบเลย และน่าจะทำให้ทั้งกลุ่มวัยรุ่น และครอบครัวที่มีลูกเล็กๆ ประทับใจกับการไปใช้บริการที่นี่มากขึ้น รวมไปถึงคนที่กำลังมองหาสถานที่จัดประชุมสัมมนาหรือกิจกรรม Outing ก็น่าจะพิจารณามาใช้บริการที่โรงแรมแห่งนี้มากขึ้นเรื่อยๆ เพราะที่นี่มีความครบครันในด้านต่างๆ มากจริงๆ
การนอนหลับพักผ่อน : สอบผ่านสบายมากครับ ห้องใหญ่ เตียงนุ่ม นอนสบาย หมอนดี ผ้าห่มอุ่น แอร์เย็น ระบบการปรับไฟภายในห้องใช้ง่ายและดี แถมห้องน้ำของที่นี่ก็กว้างมาก และยังมี Rain Shower ขนาดใหญ่ที่อาบแล้วสะใจอีกด้วย เรียกว่าเป็นห้องพักนึงที่ผมชอบมากๆ เลยล่ะครับ แต่ทั้งนี้ในเรื่องของ Lay out ห้องน้ำก็มีจุดเล็กๆ ที่ผมรู้สึกว่าหากทางโรงแรมสามารถปรับปรุงได้น่าจะทำให้หลายคนประทับใจมากขึ้น เช่น การมีฝักบัวธรรมดาติดตั้งในจุดที่ใช้งานสะดวกกว่านี้ หรือการระบายน้ำจากพื้นบริเวณที่ Rain Shower ตกลงมาให้แห้งเร็วขึ้น เพื่อที่เวลาเราเดินไปเข้าห้องสุขาหลังจากนั้น เท้าเราจะไม่เปียกครับ ซึ่งผมก็ได้ข่าวมาว่าในเฟส 2 ที่กำลังจะเปิดนั้นทางโรงแรมเองก็ได้มีการปรับเลย์เอาท์ของห้องน้ำใหม่และน่าจะทำให้ทุกคนที่ได้เข้าพักประทับใจมากขึ้นไปเรียบร้อยแล้วครับ
การบริการของพนักงาน : พนักงานของที่นี่บริการดีมากครับ ยิ้มแย้มแจ่มใสและเข้ามาทักทายอยู่เป็นระยะ และเวลาที่ผมขอความช่วยเหลืออะไรก็ได้รับการตอบสนองที่รวดเร็ว
อาหารเช้า : ปริมาณอาหารเช้าของที่นี่ถือว่าเยอะใช้ได้ครับ แต่โดยส่วนตัวผมคิดว่าไลน์อาหารของเค้าจะหนักไปทางของหวานและเครื่องดื่มมากไปนิดนึง จนอาจจะทำให้หลายๆ คนที่เน้นทางของคาวเป็นหลักรู้สึกว่าของที่มีให้ทานนั้นน้อยไปหน่อยเมื่อเทียบกับบางที่ โดยผมคิดว่าหากทางโรงแรมมีการเพิ่มเมนูอาหารคาวอย่างแฮม, ซุป และอาหารไทยซัก 2-3 อย่าง น่าจะทำให้ไลน์นี้ลงตัวมากขึ้น เพราะในเรื่องของรสชาติและหน้าตาของอาหารนั้นผมว่าทางห้องอาหารทำมาได้อยู่ในเกณฑ์ที่ดีอยู่แล้วครับ ส่วนใครที่เป็นสายของหวาน สายเครื่องดื่มก็น่าจะแฮปปี้สุดๆ กับไลน์ในปัจจุบันนี้ของเค้า เพราะเค้าจัดของพวกนี้มาให้เราทานเยอะจริงๆ อย่างไอศกรีม 8 รส, เครื่องดื่มมากกว่า 25 ประเภท ผมก็พึ่งจะเคยเจอที่นี่แหละครับ @_@
สรุป : SO Sofitel Hua Hin เป็นโรงแรมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวสุดๆ โดยเฉพาะด้านสถาปัตยกรรมและการออกแบบภายในโรงแรม มีชายหาดส่วนตัว, สิ่งอำนวยความสะดวกและ Facilities ภายในโรงแรมที่เรียกว่าเกือบจะครบครันแล้ว ขาดแค่ดีเทลเล็กๆ น้อยๆ เช่น Kids Club ที่กำลังจะเปิดตัวในช่วงปลายปี มีห้องนอนขนาดใหญ่มากและเตียงนอนที่นอนสบายสุดๆ มีห้องหลาย Room Type ทำให้สามารถตอบสนองต่อความต้องการที่หลากหลายของลูกค้า มีการบริการของพนักงานที่ดี และมีไลน์อาหารเช้าที่อยู่ในเกณฑ์ที่ดีครับ ใครที่กำลังมองหาโรงแรมสไตล์นี้ในโซนชะอำ หัวหิน และต้องการเข้าพักในโรงแรมระดับห้าดาว ที่นี่คือตัวเลือกที่ดีมากครับ
ก็จบลงแล้วสำหรับรีวิวนี้ ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านจนจบ และสำหรับผู้ที่สนใจอยากจะเข้าพักที่ SO Sofitel Hua Hin ก็สามารถกดเข้าไปเช็คราคาที่พักตามลิงก์ด้านล่างนี้ได้เลยครับ
จองที่พักราคาพิเศษกับ SO Sofitel Hua Hin คลิก
จองที่พักราคาพิเศษกับ Agoda คลิก
หรือหากใครที่อยากจะอ่านรีวิวอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับ SO Sofitel Hua Hin เพิ่มเติม ก็สามารถอ่านได้อีก 2 บทความตามลิงก์ด้านล่างนี้ได้เลย
- Gin and Jazz @ Beach Society : จิบเครื่องดื่ม เคล้าเพลงแจ๊ส กับบรรยากาศสบายๆ ริมทะเล
- Sunday Brunch @ Beach Society : อีกหนึ่งทางเลือกในวันอาทิตย์ กับไลน์อาหารที่ไม่เหมือนใคร
และสำหรับคนที่ต้องการสอบถามข้อมูลกับทางโรงแรมเพิ่มเติมก็สามารถเข้าไปสอบถามในช่องทางด้านล่างนี้ได้ครับ ส่วนใครที่ต้องการติดตามเรื่องของการกินและเที่ยวของผมกับต๋งแบบใกล้ชิดก็สามารถกดติดตามได้ที่แฟนเพจ ภรรยาหา สามีใช้ ได้เลยครับ แล้วพบกันใหม่รีวิวหน้า สวัสดีครับ
Fanpage : SO Sofitel Hua Hin
Tel : 032-709555
หมายเหตุ : บทความนี้เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวของผมในวันที่ไปใช้บริการเท่านั้นครับ แต่ละท่านที่ได้มีโอกาสไปใช้บริการอาจจะได้รับการบริการที่แตกต่างจากนี้