ถ้าพูดถึงการกินอาหารไทยสูตรโบราณในปัจจุบันนี้ ก็ต้องบอกว่ามันเป็นอะไรที่หาได้ค่อนข้างยากมากใช่มั้ยครับ ยิ่งเป็นอาหารไทยสูตรโบราณที่อร่อย รสชาติดี หน้าตาสวยงาม ราคาไม่แพง ยิ่งเป็นอะไรที่หายากกว่าเดิมอีกหลายเท่ามากๆ
.
.
.
แต่ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่ามันมีร้านอาหารที่ผมเขียนบอกไว้จริงๆ แถมร้านนี้ยังตั้งอยู่ในกรุงเทพ ตั้งอยู่ในโรงแรมที่สวยงามและน่าพักมากๆ แห่งนึงอีกด้วย ไม่เชื่อก็ลองดูบรรยากาศโดยรอบๆ นี้สิครับ
Disclosure : บทความนี้ได้รับการสนับสนุนจากผู้ให้บริการ แต่ทั้งนี้ความเห็นต่างๆ ที่เกิดขึ้นเป็นความรู้สึกจริงของผมครับ






โดยร้านอาหารที่ผมจะพาทุกคนไปรู้จักกันในวันนี้นั้นมีชื่อว่า “The Raweekanlaya Dining” (เดอะ ระวีกัลยา ไดน์นิ่ง) ร้านอาหารที่ตั้งอยู่ในโรงแรม The Raweekanlaya Bangkok (เดอะ ระวีกัลยา แบงค็อก) ซึ่งเป็นโรงแรมที่มีความสวยงามและมีความเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ไทยในสมัยรัชกาลที่ ๖ เพราะตำแหน่งที่ตั้งของโรงแรมแห่งนี้คือพื้นที่ที่เป็นเรือนพักอาศัยของพระนมของรัชกาลที่ 6 และเป็นส่วนหนึ่งของอาณาบริเวณวังเทเวศร์ โดยในปัจจุบันนี้ก็ยังคงมีอาคารเก่าในสมัยนั้นอยู่บางหลัง รวมทั้งยังได้มีการปรับปรุงพื้นที่และสร้างอาคารใหม่ขึ้นมาให้มีความสวยงามสอดคล้องกันจนกลายเป็นหนึ่งในโรงแรมที่น่าพักผ่อนในเขตเกาะรัตนโกสินทร์ครับ



สำหรับตำแหน่งที่ตั้งของโรงแรม The Raweekanlaya Bangkok นั้นจะอยู่ที่ถนนกรุงเกษม ใครที่ขับรถไปเองนั้นก็สามารถตาม Google Map ไปได้เลย พิกัดถูกต้อง ไปถูกที่แน่นอน โดยเมื่อเรามาถึงที่โรงแรมแล้วก็จะเจอกับตึกสีเขียวอ่อนสวยงามอยู่ที่ด้านหน้าพร้อมกับลานจอดรถกลางแจ้งที่สามารถจอดรถได้ประมาณ 30 คันครับ ซึ่งถ้าเทียบกับจำนวนห้องพักที่ทั้งโรงแรมมีอยู่ 38 ห้องก็ถือว่าปริมาณลานจอดรถก็พอเหมาะกันอยู่ แต่หากวันไหนที่ทางโรงแรมมีงานจัดเลี้ยงหรือมีคนมาใช้บริการห้องอาหารค่อนข้างมากก็อาจจะทำมีปัญหาเรื่องที่จอดรถไม่พอได้ ซึ่งทางโรงแรมก็จะมีการประสานงานให้เรานำรถไปจอดที่วัดมกุฏกษัตริยารามราชวรวิหารที่อยู่ใกล้ๆ แทนครับ


เมื่อเราจอดรถเรียบร้อยแล้วเราก็จะเจอกับประตูทางเข้าโรงแรมสวยๆ แล้วก็แผนที่ภายในโรงแรม ซึ่งในส่วนนี้ผมขออนุญาตให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโรงแรม The Raweekanlaya Bangkok หน่อยแล้วกันนะครับ เผื่อใครสนใจมองหาที่พักแบบนี้ไว้พักผ่อนหรือแนะนำชาวต่างขาติจะได้มีข้อมูลครับ
โรงแรม The Raweekanlaya Bangkok (เดอะ ระวีกัลยา แบงค็อก) เป็นโรงแรมขนาดเล็กที่มีห้องพักทั้งหมดเพียง 38 ห้อง โดยแต่ละห้องได้ถูกออกแบบอย่างพิถีพิถัน มีการเพิ่มความงดงามด้วยงานฝีมือจิตรกรรมบนผนังและงานเขียนกาพย์กลอนที่มีชื่อเสียงของอดีตจนถึงสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ซึ่งสะท้อนถึงประวัติศาสตร์ความเป็นมาของไทยและเชิดชูพระอัจฉริยภาพด้านบทกวีของพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ครับ นอกจากนี้ภายในพื้นที่กว่า 900 ตารางเมตรนั้นยังร่มรื่นไปด้วยต้นไม้หลากหลายสายพันธุ์ ไม่ว่าจะเป็นต้นไทรอายุกว่า 120 ปี หรือพืชสมุนไพรและสวนออร์แกนิค ที่เปิดโอกาสให้คนที่เข้าพักที่โรงแรมแห่งนี้สามารถเลือกวัตถุดิบสำหรับการปรุงอาหารมื้อนั้นๆ ได้ด้วยตัวเอง เรียกว่าเป็นอะไรที่ลงตัวและหลายคนน่าจะชื่นชอบมากๆ เพราะนอกจากจะมีที่สวยๆ ร่มรื่นให้นั่งพักผ่อน ได้ถ่ายรูปกันอย่างเต็มที่แล้ว ก็ยังได้กินอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายด้วยครับ
หมายเหตุ : ภาพประกอบบางภาพผมนำมาจากทางโรงแรมนะครับ เพื่อที่ทุกคนจะได้เห็นภาพแล้วประเมินกันได้ว่าที่นี่เหมาะที่เราจะเข้าพักหรือเปล่า
























จากรูปข้างบนที่ผมโพสต์มายาวๆ ทุกคนจะเห็นได้เลยใช่มั้ยครับว่าภายในโรงแรม The Raweekanlaya Bangkok นั้นมีที่ให้ถ่ายรูปเยอะมาก โดยเฉพาะตรงสวน ซึ่งสถานที่ต่างๆ ที่เป็นพื้นที่ส่วนกลางของโรงแรม เช่น สวน สระว่ายน้ำ ล็อบบี้ เราสามารถเดินเล่นและถ่ายภาพได้หมดเลยนะครับ ใครที่มีแผนจะไปก็เตรียมกล้อง เตรียมพร็อพไปให้ดีๆ นะครับ แต่ยังไงก็ตามในขณะที่เดินถ่ายภาพก็อย่าลืมพึงระลึกไว้เสมอว่าสถานที่นี้เป็นโรงแรม มีหลายท่านที่มาใช้บริการเหมือนกับเรา เราจึงควรระมัดระวังเรื่องของการส่งเสียงดัง, การยืนถ่ายรูปแช่มุมอยู่ที่เดิมนานๆ หรือการทำอะไรที่จะเป็นการรบกวนแขกท่านอื่นที่มาใช้บริการ แล้วก็ด้วยความที่ที่นี่มีความเป็นสวนกับมีต้นไม้ค่อนข้างมาก ดังนั้นเรื่องของมดและแมลงจึงมีมากอยู่พอสมควร ใครที่แพ้แมลงหรือมีเด็กเล็กๆ ไปด้วยก็ระมัดระวังกันหน่อยนะครับ ^^
ส่วนนี่เป็นบริเวณหน้าห้องอาหาร The Raweekanlaya Dining ซึ่งเป็นอาคารสมัยเก่าตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๖ โดยหน้าห้องอาหารแห่งนี้จะมีตั่งแบบนี้ตั้งอยู่ และถือเป็นจุดฮิตจุดนึงที่คนชอบมาถ่ายรูปกันมากครับ




ภายในห้องอาหาร The Raweekanlaya Dining นั้น จะเป็นห้องอาหารที่มีการติดแอร์ มีการตกแต่งสวยงามที่สะท้อนถึงความเป็นไทยออกมาผ่านศิลปะต่างๆ มีโต๊ะทั้งหมด 10 โต๊ะ สามารถรองรับคนได้ทั้งหมด 40 คน ซึ่งถือว่าเป็นห้องอาหารที่มีขนาดเล็กพอควร ดังนั้นสำหรับใครที่ต้องการมาทานอาหารที่นี่ ผมแนะนำว่าให้โทรสำรองที่นั่งล่วงหน้าก่อนครับ เพราะไม่งั้นมาถึงแล้วอาจจะไม่มีที่นั่งแล้วต้องนั่งรอคิวนานครับ
สำหรับเวลาเปิดปิดของห้องอาหารแห่งนี้ก็คือ 6.30 – 22.00 น. ส่วนใครที่ต้องการสำรองโต๊ะก็สามารถติดต่อได้ที่เบอร์ 02-6285999 ได้เลยครับ









ส่วนนี่เป็นเมนูของห้องอาหารแห่งนี้ครับ เค้าดีไซน์ออกมาได้สวยงามดีมีลักษณะคล้ายๆ กับหนังสือใบลานที่เปิดอ่านได้ 2 หน้า ดังนั้นใครที่ได้มีโอกาสไปลองทานอาหารที่นี่ก็อย่าลืมเปิดให้ครบทั้ง 2 หน้านะครับ เดี๋ยวจะพลาดโอกาสในการชิมหลายๆ เมนูไป ><

สำหรับราคาอาหารในเมนูนั้นจะเป็นราคาอาหารที่ net แล้ว ไม่มีบวกอะไรเพิ่มอีก ซึ่งจากที่ผมดูราคาแล้วต้องบอกว่าเป็นราคาที่ค่อนข้างถูกเลยเมื่อเทียบกับประเภทอาหารที่เราจะได้กิน โดยราคาอาหารจะเริ่มต้นที่จานละ 140 บาทเท่านั้นครับ ส่วนเมนูอาหารก็มีให้เลือกหลากหลายประเภทมาก โดยเน้นที่อาหารไทยโบราณที่หากินที่อื่นได้ยาก บางรายการผมก็ยังไม่เคยรู้จักมาก่อนเลย มันเป็นการดูเมนูอาหารที่ทำเอาผมอยากจะกินไปหมดซะทุกรายการเลยครับ ><
และนี่ก็คือรายการอาหารที่ผมกับต๋งจะพาทุกคนไปชิมพร้อมๆ กันในวันนี้ครับ
-
ข้าวแช่ชาววัง(Khao Chae Chow Wang ) ราคา 599 บาทต่อสำรับ
-
ข้าวตังหน้าตั้ง (Deep – Fried Crispy Rice Cracker with Shrimp, Chicken and Coconut Milk Dip) ราคา140 บาท
-
เมี่ยงคำ(Betel Leaf Wrap) ราคา 140 บาท
-
หมี่กรอบ(Mixed Crispy Vermicelli) ราคา 140 บาท
-
ข้าวมันส้มตำ(Coconut Rice with central plain Papaya Salad, Sweet Pork Floss and Red Chicken Curry) ราคา 350 บาท
-
ยำทวาย (Yum Ta-Wai- Vegetables and Shredded Chicken Salad) ราคา190 บาท
-
มะยงชิดลอยแก้ว(Plango Dessert) ราคา 150 บาท
หมายเหตุ : รายการที่ 1 ข้าวแช่ชาววัง และรายการที่ 7 มะยงชิดลอยแก้ว จะมีจำหน่ายเฉพาะเดือนเมษายนเท่านั้น แต่ทางห้องอาหารได้เปิดโอกาสให้ผมกับต๋งได้ลองทานก่อนเป็นกรณีพิเศษครับ
ส่วนเครื่องดื่มนั้น ผมกับต๋งเลือกทานเป็นน้ำเปล่ากับน้ำมะตูมครับ น้ำมะตูมที่นี่จะมีเสิร์ฟทั้งแบบเย็นกับแบบร้อน โดยแบบร้อนจะมาเสิร์ฟเป็นกาที่สวยงามเลย ซึ่งในเรื่องรสชาตินั้นก็อร่อยดี กินแล้วชื่นใจ ส่วนในเรื่องของราคานั้นจะอยู่ที่ 80 บาทครับ ซึ่งถ้าใครไม่ชอบทานน้ำมะตูมก็สามารถเลือกทานเครื่องดื่มอื่นๆ ได้ เค้ามีให้เลือกทานอีกเยอะเลย
สำหรับในการสั่งอาหารของที่นี่นั้น ผมแนะนำให้ทุกคนดูเมนูทั้งหมดให้ครบแล้วก็สั่งไปทีเดียวเลยนะครับ อย่าสั่งทีละรายการ เพราะอาหารแต่ละอย่างนั้นใช้เวลาทำค่อนข้างนานพอควร ดังนั้นหากเราทยอยสั่งทีละอย่างเดี๋ยววันไหนคนเยอะๆ แล้วจะทำให้เราต้องรอนาน กินไม่ต่อเนื่องครับ
ส่วนอาหารของผมกับต๋งตอนนี้ก็มาเสิร์ฟพร้อมบนโต๊ะครบเรียบร้อยแล้ว เรามาตามไปชิมพร้อมๆ กันเลย!!

เริ่มจากเมนูแรกกันก่อนเลย เมนูที่ทำให้ผมต้องดิ้นรนออกมาชิมอาหารที่นี่ให้ได้ “ข้าวแช่ชาววัง” เมนูพิเศษที่ทาง The Raweekanlaya Dining จะมีจำหน่ายเฉพาะในเดือนเมษายนเท่านั้น โดยในปี พ.ศ. 2561 นั้นจะจำหน่ายในราคา 599 บาท/สำรับ ภายในสำรับจะมีข้าวอบควันเทียนในน้ำดอกมะลิทั้งหมด 3 ถ้วย โดยข้าวในแต่ละถ้วยจะไม่เหมือนกัน แบ่งเป็นข้าวสวย, ข้าวกล้อง และข้าวไรซ์เบอร์รี่ ถือว่าเป็นข้าวแช่ชาววังที่เก๋ แปลกและผมไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อนเลยครับ
สำหรับรสชาติของข้าวนั้นอร่อยดีครับ เย็น หอมมะลิ กินแล้วชื่นใจดี ยิ่งเมื่อได้กินกับเครื่องเคียงอย่างลูกกะปิทรงเครื่องทอด, ไชโป๊วผัดหวาน, ปลายี่สกผัดหวาน, พริกหยวกสอดไส้หมู และหมูฝอย ยิ่งเป็นอะไรที่เข้ากันและอร่อยมาก โดยเฉพาะลูกกะปิทรงเครื่องทอด, ปลายี่สกผัดหวาน กับพริกหยวกสอดไส้หมู นี่เป็นอะไรที่ผมแนะนำเลยครับ อร่อย และหาทานที่อื่นได้ยากมาก ใครที่ชอบทานข้าวแช่ควรมาลองซักครั้ง และควรชวนเพื่อนมาด้วยอีกซัก 1-2 คนไม่งั้นกินไม่หมดครับ ><






ต่อกันที่เมนูถัดมา “ข้าวตังหน้าตั้ง” นี่เป็นอีกหนึ่งเมนูที่ถูกปากผมมากๆ (แต่ต๋งเฉยๆ นะ ><) ภายในจานจะประกอบไปด้วยข้าวตังจำนวน 6 ชิ้น ขนาดชิ้นใหญ่เกือบเท่าแผ่นขนมปัง รสชาติของข้าวตังกำลังดี กรอบ ไม่อมน้ำมัน และไม่ได้มีรสอะไรเด่นออกมา ซึ่งเมื่อเรานำเครื่องที่อยู่ในชุดมาราดบนแผ่นข้าวตังและนำเข้าปาก เราก็จะได้รสชาติที่อร่อยลงตัวเลยครับ
สำหรับเครื่องที่เสิร์ฟมาพร้อมกันในชุดนั้นจะมีการใส่กุ้งลงไปด้วย ทำให้รสชาติกำลังดี กินแล้วไม่รู้สึกกระด้างเหมือนกับหลายๆ ที่ที่มีการใส่หมูลงไปเพียงอย่างเดียว และนั่นทำให้เมนูนี้เป็นอะไรที่ถูกปากผมมากครับ

ต่อกันที่เมนูที่สาม “เมี่ยงคำ” รายการนี้จะเป็นการกินเมี่ยงที่มีการจัดชุดมาให้พอดีคำเรียบร้อยแล้ว เราไม่ต้องผสมหรือหยิบอะไรใส่เองให้ยุ่งยาก ในจานจะมีทั้งหมด 8 คำ ส่วนในการกินนั้นเราก็แค่ราดน้ำจิ้มลงไปในถ้วยและหยิบเข้าปากเท่านั้นเอง ง่ายและสะดวกมากๆ
สำหรับเรื่องรสชาติของรายการนี้ก็เป็นอีกหนึ่งในรายการที่ผมกับต๋งชอบมากครับ และผมขอบอกไว้ก่อนว่าเห็นหน้าตาอย่างนี้ อย่าเผลอประมาทและคิดไปว่ามันไม่เผ็ดนะครับ เพราะรสชาติของมันเผ็ดใช้ได้เลยฮะ ><



ต่อกันที่ “หมี่กรอบ” ครับ รายการนี้จะมาเสิร์ฟในถ้วยขนาดเล็กพอดีคำเหมือนกัน ในจานจะมีทั้งหมด 8 ถ้วย ส่วนเรื่องของรสชาตินั้นผมให้อยู่ในระดับกลางๆ คือกรอบ อร่อย แต่ไม่ได้ว้าวจนทำให้ประทับใจมากเหมือนเมนูก่อนหน้านี้

เมนูถัดมาคือ “ข้าวมันส้มตำ” รายการนี้ก็เป็นอีกหนึ่งรายการที่มีการจัดจานสวยงามอีกแล้ว โดยเฉพาะข้าวมันที่ถูกห่อมาในใบตอง ดูแล้วได้ความรู้สึกการได้กินอาหารไทยในสมัยก่อนจริงๆ ภายในชุดจะประกอบไปด้วยข้าวมัน, ส้มตำ, หมูฝอย แล้วก็แกงเผ็ดครับ รสชาติโดยรวมอยู่ในเกณฑ์ดี ส้มตำอร่อย ไม่เผ็ดมาก ซึ่งผมว่ารสชาติแบบนี้น่าจะถูกปากคนกรุงจำนวนมากครับ
อ้อ สำหรับปริมาณของจานนี้ ผมว่าเค้าให้มาเยอะดีนะครับ โดยเฉพาะอาหารที่ใช้กินคู่กับข้าวมัน เยอะจนทำให้บางคนอาจจะทานข้าวมันหมดแล้วแต่ยังเหลืออาหารอีกเพียบได้เลย @_@




ปิดท้ายอาหารคาวจานสุดท้ายด้วย “ยำทวาย” อีกหนึ่งเมนูที่ผมชอบมาก เป็นเมนูที่ผมกับต๋งยังไม่เคยได้ยินชื่อหรือเคยชิมที่ไหนมาก่อน ลักษณะจะเป็นยำที่ประกอบไปด้วยผักลวกนานาชนิดแล้วก็ปลาทอด คลุกเคล้ากับน้ำกะทิที่ผ่านการปรุงรสมาเป็นอย่างดีและมีการโรยงาที่ด้านบน ส่วนวิธีการกินนั้นเราก็แค่ราดน้ำยำที่เค้าเสิร์ฟมาพร้อมกันในชุดแล้วก็คลุกเคล้าส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากันเท่านั้นเอง โดยลักษณะของน้ำยำจะมีความคล้ายกับน้ำสะเต๊ะอยู่หน่อยๆ ใครที่ชอบทานผัก ชอบทานอาหารเพื่อสุขภาพผมแนะนำให้ลองชิมเมนูนี้เลยครับ อร่อยและไม่ใช้น้ำมันในการปรุงอาหาร ส่วนถ้าใครทานมังสวิรัติก็แค่บอกพนักงานไปตั้งแต่ตอนสั่ง เดี๋ยวเค้าก็จะไม่ใส่ปลาทอดมาในจานครับ ^^

ทานอาหารคาวกันเสร็จแล้ว ก็ถึงเวลาต้องปิดท้ายมื้อกันด้วยของหวานใช่มั้ยครับ สำหรับของหวานของ The Raweekanlaya Dining นั้นก็มีให้เลือกทานเยอะมาก โดยมีเมนูเด่นคือส้มฉุน แต่ไหนๆ ผมก็ได้มาในช่วงที่ทางห้องอาหารกำลังจะมีเมนูพิเศษเฉพาะเดือนเมษายนอย่างมะยงชิดลอยแก้วทั้งที ผมก็เลยต้องขอจัดเมนูนี้แทนนะครับ ><
สำหรับเมนูมะยงชิดลอยแก้วนี้จะมาเสิร์ฟในชามขนาดเล็ก มีมะยงชิดอยู่ 2 ลูก แต่บอกเลยว่าขนาดของลูกนั้นใหญ่มาก เนื้อแน่น รสชาติหวานหอมกำลังดี ส่วนน้ำเชื่อมที่อยู่ในชามนั้นก็มีส่วนผสมของเปลือกส้มซ่าด้วย ดังนั้นเวลาที่เรากินเข้าไปจึงทำให้รู้สึกสดชื่นและอร่อยกว่าของหวานทั่วๆ ไปที่เราเคยกิน ใครได้มีโอกาสมาทานอาหารที่นี่ในช่วงนี้ผมแนะนำเลยครับว่าควรสั่งมาลองทาน เพราะถ้าพลาดไปต้องรออีกทีปีหน้าเลยนะครับ ><

และทั้งหมดนี้ก็คือเรื่องราวที่ผมได้ไปพบเจอมาจากการไปทานอาหารที่ห้องอาหาร The Raweekanlaya Dining โรงแรม The Raweekanlaya Bangkok ครับ และเพื่อให้ทุกคนได้เห็นภาพที่ชัดเจนขึ้น ผมก็ขอสรุปการรีวิวออกมาเป็นหัวข้อต่างๆ ตามนี้นะครับ
วันที่รับประทาน : วันอาทิตย์ที่ 25 มีนาคม 2561
ช่วงเวลา : 11.00 – 14.00 น.
จำนวน : 2 คน
รสชาติอาหาร : ในเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผมต้องบอกว่าผมให้สอบผ่านแบบสบายๆ เลยครับ อาหารทั้งหมดที่ผมกับต๋งได้กินในวันนั้น ไม่มีจานไหนเลยที่ไม่ถูกปาก เพียงแต่อาจจะมีบางจานที่อร่อย รสชาติดีในระดับกลางๆ แล้วก็มีจานที่อร่อยมาก ถูกปากสุดๆ จนอยากจะขอเบิ้ล โดยรายการที่ผมกับต๋งประทับใจมากก็คือ ข้าวแช่ชาววัง, เมี่ยงคำ, ยำทวาย, ข้าวตังหน้าตั้ง แล้วก็มะยงชิดครับ……อ้าว นี่มันก็เกือบทั้งหมดที่กินแล้วนี่นา ><
ความหลากหลายของอาหาร : ด้วยความที่ร้านนี้เน้นขายอาหารไทยสูตรโบราณเป็นหลัก ดังนั้นเราอย่าไปตั้งความหวังหรือคิดจะไปทานอาหารชาติอื่นๆ ที่นี่เลยครับ เราเน้นไปที่อาหารไทยเป็นหลักดีกว่า ซึ่งรายการอาหารที่เค้ามีให้เราเลือกทานนั้นก็ครอบคลุมหลายประเภทเลยไม่ว่าจะเป็นแกง, ยำ, อาหารจานเดียว, อาหารประเภทกับข้าว หรืออาหารประเภทสำรับ ดังนั้นผมว่าในกรณีที่เราไปทานอาหารที่นี่กันหลายๆ คน ไปเป็นครอบครัวมีทั้งเด็กและผู้ใหญ่ไปด้วย ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรกับการเลือกสั่งอาหารที่นี่ครับ แต่ละคนน่าจะหาเมนูที่ถูกใจตัวเองได้ไม่ยาก
ความสะอาดของร้าน : ไม่มีปัญหาอะไรในข้อนี้เลยครับ สะอาดสะอ้าน ตกแต่งสวยงาม สถานที่ดูดี และแอร์เย็นสบาย แม้จะนั่งทานข้าวในช่วงกลางวันก็ตาม
การบริการของพนักงาน : อยู่ในเกณฑ์ที่ดีครับ อาจจะมีปัญหาเรื่องความล่าช้าอะไรบ้างเล็กน้อย แต่ก็อยู่ในช่วงที่ผมรับได้ เพราะวันที่ผมไปใช้บริการนั้นมีแขกมาใช้บริการเต็มทุกโต๊ะ รวมทั้งมีคนรอคิวอยู่ข้างนอกอีกพอควร ซึ่งพนักงานแต่ละคนก็ได้พยายามดูแลทุกอย่างให้ออกมาดีและรวดเร็วที่สุดแล้วครับ
ความสะดวกของการเดินทาง : เป็นโรงแรมที่ผมคิดว่าไม่เหมาะกับคนที่ไม่มีรถส่วนตัวเท่าไหร่นะครับ เพราะไม่อยู่ในเขตที่มีรถ BTS หรือ MRT เลย ดังนั้นการเดินทางไปที่นี่คงต้องพึ่งรถส่วนตัว, Taxi หรือไม่ก็รถเมล์ครับ โดยใครที่ขับรถไปเองนั้นก็อาจจะต้องทำใจเรื่องพื้นที่จอดรถที่อาจจะไม่เพียงพอในบางวันและต้องไปจอดในบริเวณวัดมกุฏกษัตริยารามราชวรวิหารที่อยู่ใกล้ๆ แทนด้วยนะครับ
ความคุ้มค่า : ด้วยราคาอาหารของทุกเมนูที่ผมได้ลองชิมในวันนี้นั้น ผมถือว่าที่นี่เป็นร้านอาหารนึงที่มีความคุ้มค่าในการไปทานมากครับ อาหารหลายๆ จาน ราคาเพียงจานละ 140 บาทเท่านั้น ซึ่งถือว่าถูกมากเมื่อเทียบกับรสชาติและการเป็นห้องอาหารในโรงแรม ส่วนบางเมนูอย่างข้าวมันส้มตำที่ราคา 350 บาท และข้าวแช่ชาววังที่ราคา 599 บาทต่อสำรับนั้น ก็เป็นราคาที่ผมว่าเหมาะสมแล้วกับปริมาณ รสชาติ ความพิถีพิถันในการทำ และความหายากของเมนูนี้ที่เราไม่สามารถเดินไปหาทานที่ไหนได้ง่ายๆ ครับ
สรุป : สำหรับใครที่ชื่นชอบอาหารไทยสูตรโบราณ หรืออยากจะพาครอบครัว พาคนรู้จักไปลองทานอาหารไทยอร่อยๆ ในสถานที่ที่บรรยากาศดี ให้ความรู้สึกถึงความเป็นไทยในสมัยก่อน รวมทั้งยังคาดหวังการบริการที่ดีจากพนักงาน และราคาอาหารที่สมเหตุสมผล ทานแล้วสบายใจไม่ต้องกลุ้มว่าพรุ่งนี้จะเหลือเงินไปทานอาหารมื้ออื่นๆ ต่อมั้ย ห้องอาหาร The Raweekanlaya Dining คือหนึ่งในห้องอาหารที่ตอบโจทย์คุณได้ครับ เพียงแต่คุณต้องยอมรับในเรื่องของการเดินทางที่อาจจะสะดวกน้อยกว่าหลายๆ ที่ ขนาดของห้องอาหารและโรงแรมที่ค่อนข้างเล็ก รวมทั้งที่จอดรถที่อาจจะไม่เพียงพอในบางวัน ซึ่งถ้าคุณรับกับเรื่องพวกนี้ได้ และมีการโทรไปจองโต๊ะล่วงหน้า ผมว่าคุณจะรู้สึกอิ่มใจกับการเลือกไปทานอาหารที่นี่ครับ ^^
ก็จบลงแล้วสำหรับรีวิวนี้ สำหรับใครที่อยากจะชมคลิปการทานอาหารครั้งนี้ของผมก็สามารถกดดูที่ด้านล่างได้เลย ส่วนใครที่ต้องการติดตามเรื่องราวของการกินและเที่ยวของผมกับต๋งแบบใกล้ชิดก็สามารถติดตามได้ที่เพจ “ภรรยาหา สามีใช้” ได้นะครับ และสุดท้ายสำหรับใครที่ต้องการจะสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับห้องอาหารแห่งนี้รวมทั้งสำรองโต๊ะก็สามารถเข้าไปที่ช่องทางด้านล่างนี้ได้เลยครับ
Tel : 02-6285999
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านจนจบ แล้วพบกันใหม่ในรีวิวหน้า สวัสดีครับ
หมายเหตุ : บทความนี้เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวของผมในวันที่ไปใช้บริการเท่านั้นครับ แต่ละท่านที่ได้มีโอกาสไปใช้บริการอาจจะได้รับการบริการที่แตกต่างจากนี้