สวัสดีทุกคนครับ วันนี้ผม นาย “ภรรยาหา สามีใช้” จะพาทุกคนไปรู้จักกับร้าน Shoyuu Bangna (โชยู บางนา) ร้านอาหารญี่ปุ่นเกรดพรีเมี่ยมที่เลือกใช้แต่วัตถุดิบดีๆ ในการปรุงอาหาร รวมทั้งยังมีความสดของปลาดิบที่ดีมาก ใครที่ชื่นชอบการทานอาหารญี่ปุ่นและกำลังมองหาร้านอาหารญี่ปุ่นเกรดพรีเมี่ยมอยู่ ร้านนี้เป็นร้านที่คุณควรจะต้องหาโอกาสไปลองซักครั้งเลยครับ ยิ่งใครที่อาศัยอยู่แถวบางนาด้วยแล้วยิ่งไม่ควรพลาดเลย ^^
สำหรับที่ตั้งของร้าน Shoyuu Bangna นั้น จะตั้งอยู่ในโครงการ Little Walk บางนา ซึ่งเป็น Community Mall เล็กๆ บริเวณถนนบางนา-ตราด กิโลเมตรที่ 4 ครับ ใครที่ไม่เคยไปมาก่อนก็ให้สังเกตเซ็นทรัล บางนาเป็นหลักเลย โดย Little Walk บางนานั้นจะอยู่ฝั่งเดียวกับเซ็นทรัล บางนาและอยู่ห่างกันไม่มาก หากเราเห็นเซ็ลทรัล บางนาปั๊บก็ให้รีบเปลี่ยนไปอยู่เลนซ้ายสุดได้เลย และเดี๋ยวอีกซักพักก็จะเห็นป้ายทางเข้าโครงการ Little Walk บางนาครับ
นี่เป็นหน้าตาคร่าวๆ ของโครงการ Little Walk บางนาครับ ที่นี่จะเป็น Community Mall ที่ประกอบไปด้วยอาคารชั้นเดียวและร้านค้าต่างๆ เป็นจำนวนมาก มีที่จอดรถมากมายและสามารถจอดได้ฟรีถึง 4 ชั่วโมงเลย
Disclosure : บทความนี้ได้รับการสนับสนุนจากผู้ให้บริการ แต่ทั้งนี้ความเห็นต่างๆ ที่เกิดขึ้นเป็นความรู้สึกจริงของพวกเราครับ
ส่วนนี่เป็นหน้าตาของร้าน Shoyuu Bangna ครับ ร้านจะอยู่ต้นๆ ทางเข้า รับรองหาไม่ยาก ส่วนเรื่องเวลาเปิดปิดของร้านนั้นก็จะแบ่งเป็นดังนี้ครับ
วันธรรมดา : แบ่งเปิด 2 เวลา คือ ช่วงกลางวันตั้งแต่เวลา 11.00 น. – 14.00 น. และช่วงเย็นจะเปิดตั้งแต่เวลา 17.00 น. – 22.00 น.
วันเสาร์- อาทิตย์ : เปิดรอบเดียวคือตั้งแต่เวลา 11.00 น. – 22.00 น.
มาดูในร้านกันบ้างดีกว่า ภายในร้าน Shoyuu Bangna นั้น จะมีโต๊ะและเก้าอี้มากมาย รวมๆ แล้วน่าจะสามารถรองรับคนที่มาใช้บริการได้พร้อมกัน 60-70 คนได้ อีกทั้งเค้ายังมีที่นั่งแบบเคาเตอร์บาร์และห้องส่วนตัวอีก 3 ห้องด้วยครับ
นี่เป็นหน้าตาห้องส่วนตัวของเค้าครับ มีทั้งหมด 3 ห้อง แต่ละห้องมีขนาดเท่ากันคือรองรับคนได้ประมาณ 5-6 คน ใครอยากได้ร้านอาหารญี่ปุ่นย่านนี้และมีห้องส่วนตัวไว้คุยงานด้วย ผมแนะนำที่นี่เลย บรรยากาศดี อาหารอร่อย แล้วก็เค้าไม่มีการคิดค่าใช้บริการห้องด้วยครับ
บรรยากาศโดยรวมๆ ของร้าน Shoyuu Bangna นั้น ผมว่ามีกลิ่นไอของความเป็นญี่ปุ่นพอตัวเลยนะ ทั้งการตกแต่งร้าน รวมไปถึงบริวณหน้าเคาน์เตอร์บาร์ที่เราจะได้เห็นเชฟเค้าทำอาหารกันแบบชัดๆ ใครที่ไม่ต้องการพื้นที่โต๊ะเยอะ และอยากจะเสพบรรยากาศการทานอาหารญี่ปุ่นแบบเต็มที่ การนั่งเลือกทานอาหารบริเวณเคาน์เตอร์บาร์ก็เป็นทางเลือกที่ดีครับ
เอาล่ะ มาดูกันที่เมนูกันบ้าง เมนูอาหารของร้าน Shoyuu Bangna นั้นเป็นหนึ่งในเล่มเมนูที่ผมว่ามีความสวยงามมากที่นึงเลยครับ ภาพอาหารแต่ละอย่างดูน่ากินมากกกก เห็นแล้วก็รู้สึกน้ำลายไหลทันที แล้วก็ประเภทอาหารที่เค้ามีให้เลือกสั่งนั้นก็เยอะมาก เรียกว่าแทบจะครอบคลุมทุกประเภทของอาหารญี่ปุ่นเลยครับ
ภาพด้านล่างนี้เป็นแค่ส่วนนึงของเมนูเค้าเท่านั้นนะครับ ผมไม่ได้ถ่ายมาให้ดูหมดทุกหน้าเพราะเล่มเมนูเค้ามันหนามาก @_@
นอกจากนี้ทางร้านเค้าก็ยังมักจะมีโปรโมชั่นเด็ดๆ หรือเมนูพิเศษตามฤดูกาลเข้ามาจำหน่ายด้วย โดยจากที่ผมสอบถามทางเจ้าของร้านมาเค้าบอกว่าวัตถุดิบประเภทปลาดิบหรืออาหารทะเลต่างๆ ภายในร้านเค้านั้นจะนำเข้าตรงมาจากตลาดปลาซึกิจิ (築地市場, Tsukiji Shijō) ซึ่งเป็นตลาดปลาที่มีขนาดใหญ่และมีชื่อเสียงมากที่สุดของญี่ปุ่นเลยครับ
เป็นไงล่ะ….บอกแล้วใช่มั้ยครับว่าที่นี่วัตถุดิบแต่ละอย่างเค้าเด็ดจริง
และนี่คือตัวอย่างของวัตถุดิบต่างๆ ที่ทางร้านเค้าวางให้เราดูบริเวณเคาเตอร์บาร์ บอกเลยว่าสดและดูดีมาก
ส่วนนี่คือรายการอาหารทั้งหมดที่ผมกับต๋งได้ลองชิมกันในวันนั้นครับ
Shoyuu Salad ราคา 360 บาท
Hoba yaki ราคา 1,790 บาท
Shabu Shabu Kurobuta Pork ราคา 890 บาท
Hotate Miso Yaki ราคา 460 บาท
Sashimi Mutsu ราคา 1,990 บาท
Foie Gras Set ราคา 1,090 บาท
Yaki Saba Bowl ราคา 260 บาท
Hirame Uzusukuri ราคา 760 บาท
Zaru Soba ราคา 160 บาท
Toro Tsuke Inaniwa Udon ราคา 490 บาท
King Salmon Teriyaki ราคา 360 บาท
Chocolate Ball ราคา 350 บาท
หมายเหตุ : ราคาอาหารในเมนูยังไม่รวม Vat 7% และ Service Charge 10% นะครับ
มาไล่รสชาติกันเลยนะครับ เริ่มจาก “Shoyuu Salad” รายการนี้จะเป็นหนึ่งในสลัดที่ทางร้าน Recommended ภายในจานจะประกอบไปด้วยสลัดออแกนิคที่ทั้งสดและกรอบมาก ไม่ว่าจะเป็นเรดโอ๊ค, กรีนโอ๊ค, อโวคาโด, ข้าวโพด, สาหร่ายพวงองุ่น และที่สำคัญเค้ายังมีปลาดิบโอโทโร, เนื้อปลาคิงแซลมอน, หอยปีกนก, ไข่ปลาแซลมอน และเนื้อปลาคินมะไดรวมอยู่ในจานด้วย ใครที่กำลังมองหาอาหารออเดิร์ฟหรืออาหารเบาๆ ทาน จานนี้เหมาะสมเลยครับ ผักสดกรอบสะอาด เนื้อต่างๆ ที่เสิร์ฟรวมมาในจานนั้นก็หรูดูดีสดอร่อย ส่วนน้ำสลัดก็รสชาติกลมกล่อมทานได้เรื่อยๆ ครับ
ต่อกันที่เมนูที่สอง “Hoba yaki” เมนูที่ขาเนื้อทุกคนต้องร้องกรี๊ด เพราะเมนูนี้คือการเอาเนื้อวากิวสันนอกจากเมืองคาโกชิม่า ประเทศญี่ปุ่น ที่มีความชุ่มฉ่ำและมีไขมันระดับเกรด A4 มาย่างด้วยถ่านไม้บนใบโฮบะขนาดใหญ่ครับ โดยขนาดของเนื้อที่เค้าให้มานั้นถือว่าใหญ่ใช้ได้เลย แต่ใบโฮบะที่เค้าเอามาย่างด้วยนั้นใหญ่กว่าเนื้อไปอีกเท่าตัวได้ มันช่างเป็นใบไม้ที่ใหญ่จริงๆ @_@ และใบโฮบะเหล่านี้ทางร้านเค้าก็นำตรงเข้ามาจากญี่ปุ่นเช่นเดียวกันนะครับ บอกเลยว่าเป็นร้านที่พรีเมี่ยมและเลือกแต่วัตถุดิบอย่างดีมาใช้ปรุงอาหารจริงๆ
สำหรับรสชาติของเมนูนี้ โดยส่วนตัวแล้วผมขอแบ่งออกเป็น 2 แบบนะครับ แบบแรกคือการทานเฉพาะเนื้ออย่างเดียวโดยไม่ได้ทานโดนในส่วนที่ทางร้านเค้าราดซอสมามากนัก อันนี้ผมบอกเลยว่ารสชาติดีมากครับ เนื้อหอมอร่อย เคี้ยวง่าย และยังมีความหอมอ่อนๆ ของถ่านไม้กับใบโฮบะมาผสมด้วย ส่วนแบบที่สองคือการทานเนื้อพร้อมกับซอสที่ทางร้านเค้าราดมาด้วย สำหรับการทานแบบนี้ผมรู้สึกประทับใจน้อยกว่าการทานเนื้อแบบเพียวๆ พอควร เพราะโดยส่วนตัวแล้วผมว่าซอสที่ทางร้านเค้าราดมานั้นเค็มและเยอะไปหน่อย หากลดปริมาณของซอสลงกว่านี้ได้มันจะดีมากๆ ครับ
ใครที่อยากทานเมนูนี้และเป็นคนที่ไม่ชอบทานอาหารรสเค็ม ลองสอบถามกับทางพนักงานร้านดูนะครับว่าสามารถลดปริมาณของซอสที่ราดมาได้มั้ย หรือไม่ก็มีเมนูเนื้อย่างอย่างอื่นแนะนำแทนหรือเปล่าครับ
เมนูที่สาม “Shabu Shabu Kurobuta Pork” เมนูนี้จะเป็นชาบู ชาบู สไตล์ญี่ปุ่น ที่ประกอบไปด้วยเนื้อหมูคุโรบุตะ, น้ำซุป แล้วก็ผักสด โดยในส่วนของน้ำซุปนั้นเราสามารถเลือกได้ว่าจะเอาเป็นน้ำซุปสุกี้ยากี้, ซุปอุด้ง, ซุปมิโซะ, ซุปมิโซะแดง หรือซุปชาบู ชาบู ซึ่งวันนี้ผมได้ทานเป็นอย่างหลังสุดซุปชาบู ชาบูครับ
ลักษณะของน้ำซุปชาบู ชาบูนี้จะเป็นซุปใสแล้วก็มีรสชาติอ่อนๆ ไม่เข้มมาก ซึ่งโดยส่วนตัวแล้วผมคิดว่ารสชาติของน้ำซุปนั้นจางและจืดไปหน่อย เพราะโดยปกติแล้วเวลาผมทานชาบู ผมมักจะเลือกทานน้ำซุปที่มีความเข้มหรือรสชาติมากกว่านี้ครับ ส่วนในเรื่องคุณภาพของหมูกับผักนั้นถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดี หมูนุ่มเคี้ยวง่าย ใครที่อยากจะทานเมนูนี้ก็ลองพิจารณาตัวเองดีๆ นะครับว่าชอบน้ำซุปสไตล์ไหน แล้วก็หากไม่แน่ใจก็สามารถสอบถามข้อมูลต่างๆ เพิ่มเติมกับทางพนักงานได้ครับ
เมนูที่สี่ “Hotate Miso Yaki” เมนูนี้เป็นหนึ่งในเมนูที่ผมรู้สึกว่าว้าวมากๆ ครับ ว้าวทั้งรสชาติและการดิสเพลย์เลย โดยเมนูนี้จะเป็นการนำเอาหอยเชลล์โฮตาเตะตัวใหญ่ที่นำเข้าจากญี่ปุ่นมาย่างถ่านแล้วเสิร์ฟคู่กับซอสมิโซะ ขนาดของหอยเชลล์นั้นตัวใหญ่มาก อวบอ้วนน่ากินสุดๆ ส่วนในเรื่องความสดนั้นก็ดี กินแล้วฟินเลยครับ ที่สำคัญตอนที่เค้ามาเสิร์ฟนั้นทางร้านจะมีการจุดไฟย่างให้เราเห็นแบบชัดๆ ที่โต๊ะของเราด้วย ครอบครัวไหนที่พาเด็กๆ ไปด้วย หรือหนุ่มคนไหนพาสาวไปเดทแล้วอยากจะสร้างความประทับใจ ผมแนะนำเมนูนี้เลยครับ
อ้อ สำหรับเมนูนี้ผมแนะนำให้รีบทานตั้งแต่ตอนที่ย่างใหม่ๆ นะครับ เพราะมันจะหอมและฉ่ำกว่า หากใครวางทิ้งไว้นานรสชาติมันจะดร็อปลงพอควรครับ
เมนูที่ห้า “Sashimi Mutsu” เมนูนี้จะเป็นซาชิมิครับ แต่มันไม่ใช่ซาชิมิธรรมดาๆ นะ เพราะมันคือซาชิมิเกรดพรีเมี่ยมที่นำเอาปลาบุรี, อะกามิ, โอโทโร่, กุ้งโบตั๋น, ปลามะได, ปลาชิมา, ปลาคิมะได และหอยนางรมสดๆ จากท้องทะเลลึกของญี่ปุ่นมาเสิร์ฟพร้อมกันในจานเดียว!! ใครชอบทานซาชิมิเกรดดีๆ ต้องเมนูนี้เลยครับ ความสดและรสชาติดีมาก โดยเฉพาะอะกามิ, โอโทโร่, กุ้งโบตั๋น และหอยนางรม กินแล้วรู้สึกฟินสุดๆ
สำหรับเมนูนี้ทางร้านก็จะมีการดิสเพลย์ที่สวยงามอีกแล้วครับ โดยในตอนแรกที่พนักงานยกมาเสิร์ฟที่โต๊ะนั้นผมก็ว่าสวยแล้วนะ แต่พอเค้าเทน้ำลงไปเท่านั้นแหละ ฟรึ้มมมม……..ควันจากดรายไอซ์ก็ลอยขึ้นมาจากด้านล่างและปกคลุมจานแบบทันทีทันใด เสริมให้เมนูนี้ดูน่ากินมากกว่าเดิมอีกหลายเท่าตัวเลยครับ
เมนูต่อมา “Foie Gras Set” นี่เป็นอีกหนึ่งเมนูที่ผมประทับใจในรสชาติของเค้ามากครับ และเป็นอีกหนึ่งเมนูของทางร้านที่ทางเชฟเล็ก ผู้มีประสบการณ์ด้านอาหารญี่ปุ่นกว่า 30 ปี Recommended ด้วย เมนูนี้เด็ดและดีมากจนขนาดผมซึ่งปกติเป็นคนที่ไม่ค่อยชอบทานฟัวกราส์ยังรู้สึกประทับใจสุดๆ เลย
สำหรับอาหารจานนี้จะประกอบไปด้วยซูชิฟัวกราส์ทั้งหมด 3 คำ แต่ละคำจะมีรสชาติที่แตกต่างไม่เหมือนกัน โดยทางร้าน Shoyuu Bangna ได้เลือกวิธีการนำเสนอแบบนี้เพราะต้องการสร้างความแตกต่างและสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ให้กับลูกค้าครับ โดยในการทานอาหารจานนี้นั้นเราจะต้องเริ่มต้นทานจากด้านขวาไปซ้าย ซึ่งด้านขวาสุดหรือคำที่หนึ่งนั้นจะเป็นซูชิฟัวกราส์ย่างเสิร์ฟพร้อมกับซอสไซเกียว ส่วนคำที่สองซึ่งอยู่ตรงกลางนั้นจะเป็นคำที่ดีที่สุด เพราะทางร้านได้เลือกใช้ฟัวกราส์เกรดที่ดีที่สุด หรือที่เรียกว่า 1st ฟัวกราส์มาทำ รสชาติจะมีกลิ่นหอม มัน และละลายมาก โดยคำที่สองนี้เค้าจะเสิร์ฟพร้อมกับซอสอิวาโนริหรือซอสส่าหร่ายทะเล และปิดท้ายกันด้วยคำที่สามซึ่งอยู่ทางซ้ายมือสุด คำนี้จะเป็นฟัวกราส์ที่เรียกว่า Extra เนื้อฟัวกราส์จะละลายในปาก หอม และมันมาก คำนี้เค้าจะเสิร์ฟพร้อมกับซอสเทริทรัฟเฟิล โรยด้วยหอมญี่ปุ่นทอดกรอบ และกระเทียมเจียวครับ
และเนื่องจากผมเองก็ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านฟัวกราส์หรือมีลิ้นเทพอะไรมากนัก ดังนั้นผมก็ขอสารภาพกับทุกคนตรงๆ เลยว่าผมแยกรสชาติระหว่างคำที่สองกับคำที่สามไม่ออก มันอร่อย ละลาย หอมใกล้เคียงกันมาก ที่จะรู้สึกแตกต่างกันอยู่บ้างก็มาจากรสชาติของซอสกับเครื่องเคียงเท่านั้น และผมคิดว่ามันเป็นซูชิฟัวกราส์ที่อร่อยมากๆ ทั้งคู่เลย ส่วนคำแรกสุดที่กินนั้นก็อร่อยเหมือนกัน สามารถเอาไปวางขายในหลายๆ ร้านหรือทำให้หลายๆ คนประทับใจได้สบายๆ แต่ด้วยความที่พอกินเสร็จแล้วเจอคำที่สองกับคำที่สามตามกระหนาบซ้ำ มันก็เลยดูด้อยสุดในจานนี้ครับ
สำหรับจานนี้ผมพูดสั้นๆ ง่ายๆ เลยว่า ใครชอบทานฟัวกราส์ต้องสั่งและไม่สั่งไม่ได้ครับ!! มันเด็ดมาก!!
เมนูที่เจ็ด “Yaki Saba Bowl” เมนูนี้จะเป็นซูชิเนื้อปลาซาบะย่างถ่านครับ มีทั้งหมด 8 คำ แต่ละคำถือว่าใหญ่มาก ใหญ่ทั้งข้าวและปลาเลย ใครที่ไม่ใช่สายแข็งเจอเมนูนี้เมนูเดียวก็อาจจะรู้สึกอิ่มได้ ส่วนรสชาติโดยรวมของจานนี้ถือว่าดีและคุ้มราคา ปลาซาบะย่างถ่านด้านบนนั้นชิ้นใหญ่และหอมมาก ^^
เมนูที่แปด “Hirame Uzusukuri” หรือเนื้อปลาตาเดียวแล่บาง เมนูนี้เค้าจะเสิร์ฟพร้อมกับซอนพอนซึและเครื่องเคียงอย่างหัวไชเท้าผสมกับซอสพริกญี่ปุ่น, ขิงญี่ปุ่น และต้นหอมนะครับ ความสดและรสชาติของเนื้อปลาดีมาก ใครชอบทานเนื้อปลาชนิดนี้ผมว่าควรสั่งเลยนะ กินเพลินมาก แป๊บๆ หันมาอีกทีหมดแล้ว @_@
เมนูที่เก้า “Zaru Soba” โซบะเย็นสไตล์ญี่ปุ่นที่เสิร์ฟคู่กับซอสโชยุหรือซอสงา ปริมาณที่ให้มานั้นถือว่าเยอะและเหมาะสมกับราคาครับ ในส่วนของซอสก็รสชาติดี แต่ในส่วนของเส้นนั้นอันนี้ผมขอสารภาพตรงๆ เลยว่าวันนั้นผมถ่ายรูปนานมากไปหน่อยและดันไปเลือกชิมเมนูอื่นก่อน ดังนั้นพอมาชิมเมนูนี้ก็เลยทำให้รสชาติของเส้นดร็อปลงพอควร และเส้นเริ่มมีความเหนียวติดกันแล้ว ซึ่งโดยส่วนตัวนั้นผมคิดว่าหากผมทานเลยตั้งแต่ตอนที่เค้าเสิร์ฟแรกๆ น่าจะไม่มีปัญหาเช่นนี้ครับ และรสชาติน่าจะดีเลย เพราะจากเมนูอื่นๆ ที่ผ่านมาก่อนหน้านี้ทางร้านก็ล้วนแต่ทำรสชาติอาหารออกมาได้อยู่ในเกณฑ์ดีเป็นส่วนใหญ่ครับ
เมนูที่สิบ “Toro Tsuke Inaniwa Udon” เมนูนี้เป็นอีกหนึ่งเมนูที่ผมเห็นแล้วรู้สึกว่ามันว้าวมากๆ ครับ เพราะมันเป็นเมนูที่น่าจะไม่มีร้านไหนมีเลย ลักษณะของเมนูจะเป็นอุด้งเส้นเล็กในโหลแก้วที่เสิร์ฟพร้อมกับเนื้อปลาโทโร่สับ, ไข่หอยเม่น, ไข่ปลาแซลมอน, ไข่ออแกนิคออนเซน และมันมือเสือ หน้าตาที่ยกมาเสิร์ฟตอนแรกนั้นดูดีมาก ส่วนเวลาที่จะทานเราต้องตีและผสมให้ทุกอย่างเข้ากันก่อน ซึ่งด้วยความที่มันมีไข่มาในโหลด้วยมันก็เลยจะเยิ้มๆ แฉะๆ นิดนึงครับ อารมณ์ประมาณว่ากินพวกพาสต้าน้ำขลุกขลิกประมาณนั้น ส่วนในเรื่องรสชาตินั้นดีมาก อร่อยสุดๆ เอาไป 3 ผ่านเลย และนี่เป็นเมนูที่ผมกินหมดเป็นอันดับต้นๆ เลยครับ ><
เมนูที่สิบเอ็ด เมนูสุดท้ายของอาหารคาว “King Salmon Teriyaki” หรือหัวปลาคิงแซลมอนราดซอสเทริยากิ เมนูนี้เค้าจะเสิร์ฟมาเป็นหัวปลาเลยนะครับ ขนาดค่อนข้างใหญ่มาก และอาจจะดูน่ากลัวเวลามองใกล้ๆ นิดนึง แต่ในเรื่องของรสชาตินั้นผมว่าดีเลยนะ เนื้อปลาเยอะและนุ่มอร่อย แถมรสชาติของซอสก็ไม่ได้เค็มมากด้วย ใครชอบกินหัวปลาแซลมอนสั่งได้เลยไม่ผิดหวัง หรือถ้าหากใครเป็นคนที่ชอบหัวปลาแซลมอนแต่ไม่ชอบซอสเทริยากิก็สามารถสั่งเป็นหัวปลาแซลมอนต้มซีอิ๊วสไตล์ญี่ปุ่นที่ชื่อเมนูว่า “King Salmon Kabuto Nitsuke” แทนก็ได้ เมนูนี้น่าจะเด็ดไม่แพ้กัน ดีไม่ดีอาจจะเด็ดกว่าด้วยซ้ำ เพราะเห็นทางร้านเค้าบอกว่าน้ำซุปที่เค้าใช้นั้นผ่านการเคี่ยวนานมากและเป็นสูตรพิเศษของเชฟประเทือง ผู้ชนะการแข่งขันรายการเชฟกระทะเหล็ก 2 ครั้งด้วย!!
ดูของคาวกันครบแล้วคราวนี้ก็ได้เวลาชิมของหวานกันบ้าง โดยที่ร้าน Shoyuu Bangna นั้น จะมีของหวานให้เลือกทานหลายประเภทเลย แต่วันนี้ผมได้ลองทานเป็น “Chocolate Ball” ซึ่งเป็นของหวานที่มีความฟิวชั่นกันระหว่างญี่ปุ่นและยุโรปครับ โดยเมนูนี้จะเป็นไอศกรีมชาเขียวมัชชะที่ถูกครอบด้วยโดมช็อคโกแลตขนาดใหญ่ เวลาที่เราจะทานก็ให้เราราดน้ำลงไปยังโดมช็อคโกแลตด้านบนจากนั้นโดมก็จะค่อยๆ แตกออก เผยให้เห็นไอศกรีมช็อคโกแลตด้านในครับ สำหรับเมนูนี้เค้าจะเสิร์ฟพร้อมกับซอสช็อคโกแลตเข้มข้น และมีดรายไอซ์พวยพุ่งอีกแล้ว ส่วนด้านในที่เป็นไอศกรีมชาเขียวนั้นเค้าจะมีสตอเบอร์รี่สดและโมจิมาเป็นส่วนผสมด้วย รสชาติโดยรวมโอเคเลย ไอศกรีมชาเขียวและโดมช็อคโกแลตอร่อยเข้มข้นแต่ไม่ติดขม ถือว่าเป็นของหวานที่ปิดท้ายมื้อได้เป็นอย่างดีเลยครับ
และทั้งหมดนี้ก็คือประสบการณ์ของผมกับต๋งในการไปทานอาหารที่ร้านอาหารญี่ปุ่นเกรดพรีเมี่ยม Shoyuu Bangna (โชยู บางนา) ในโครงการ Little Walk บางนา-ตราด กิโลเมตรที่ 4 ครับ และเพื่อให้ทุกคนได้เห็นภาพของรีวิวครั้งนี้ชัดขึ้น ผมก็เลยทำการสรุปออกมาเป็นหัวข้อต่างๆ ดังนี้นะครับ
วันที่รับประทาน : วันเสาร์ที่ 21 กันยายน 2562
ช่วงเวลา : 17.00 – 19.30 น.
จำนวน : 4 คน
รสชาติอาหาร : ไม่ว่าจะเป็นเรื่องคุณภาพของวัตถุดิบหรือเรื่องรสชาติอาหาร ร้าน Shoyuu Bangna ถือเป็นร้านที่ควบคุมทั้งสองอย่างนี้ได้ออกมาดีจนถึงดีมากเลยครับ โดยเฉพาะในเรื่องคุณภาพของวัตถุดิบนั้นนอกจากเค้าจะมีการนำเข้าวัตถุดิบเกรดพรีเมี่ยมจากต่างประเทศมาหลากหลายรายการแล้ว เค้ายังคุมให้มันสดและปรุงออกมาได้ดีด้วย ส่วนในเรื่องรสชาติของอาหารจากที่ผมกับต๋งได้ลองชิมไปทั้งหมด 11 รายการในวันนี้ ผมประทับใจมากๆ ถึง 6 รายการ และรู้สึกว่าอยู่ในเกณฑ์ดีอีก 3 รายการ มีเพียงแค่ 2 รายการเท่านั้นที่ผมรู้สึกว่าอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานไม่ได้ว้าวมากนั่นก็คือชุดชาบูหมูคุโรบุตะกับโซบะเย็นครับ ซึ่งจริงๆ แล้วโซบะเย็นเนี่ยผมเองก็ทานช้าไปมากด้วย หากผมรีบทานตั้งแต่แรกผมว่ามันน่าจะโอเคกว่านี้พอควรครับ
ความหลากหลายของอาหาร : ร้านนี้ถือเป็นร้านอาหารญี่ปุ่นที่มีความหลากหลายของอาหารให้เลือกทานเยอะมากครับ เรียกว่าทัดเทียมกับร้านที่เป็นแบรนด์ดังๆ หลายร้านได้สบายๆ นอกจากนี้ด้วยความที่เค้าเป็นร้านขนาดเล็กแต่มีเชฟที่มีประสบการณ์ด้านการทำอาหารญี่ปุ่นหลายสิบปี และเป็นเชฟที่มีผลงานการันตีมากมายเป็นผู้รังสรรค์คิดค้นเมนูอาหาร ดังนั้นที่ร้าน Shoyuu Bangna แห่งนี้เค้าก็เลยมีเมนูพิเศษๆ ที่ร้านอื่นไม่มีด้วยครับ
ความสะอาดของร้านและบรรยากาศโดยรวม : แม้จะเป็นร้านอาหารขนาดเล็กและอยู่ในพื้นที่ที่ทำอะไรมากไม่ได้ แต่ในเรื่องของความสะอาดและบรรยากาศนั้นทางร้านก็ทำออกมาได้ดีเลยครับ ดูสวยงามและให้อารมณ์ความเป็นญี่ปุ่นนิดๆ นอกจากนี้ในส่วนของห้องน้ำภายในร้านเค้าก็ทำออกมาได้ดีมากด้วย กลุ่มผมที่ไปลองทานอาหารกัน 3-4 คนรู้สึกประทับใจกันหมดเลย ^^
การบริการของพนักงาน : วันนั้นผมไม่ค่อยได้ใช้บริการอะไรเค้ามากนะครับ แต่จากการสังเกตเวลาที่พนักงานของร้านไปดูแลโต๊ะอื่นๆ รวมทั้งตอนที่เค้ายกอาหารมาเสิร์ฟที่โต๊ะก็ถือว่าทำได้อยู่ในเกณฑ์ดีตามที่ร้านอาหารควรจะเป็นครับ พูดจาไพเราะและตอนยกอาหารเสิร์ฟ จุดไฟที่เตา หรือเทน้ำให้ดรายไอซ์พุ่งก็ทำได้เรียบร้อยดี
ความสะดวกของการเดินทาง : ข้อนี้ผมให้อยู่ในเกณฑ์กลางๆ ค่อนไปทางดีแล้วกันนะครับ เพราะถึงแม้ร้าน Shoyuu Bangna จะอยู่ใน Little Walk บางนา ซึ่งอยู่ติดกับถนนบางนา-ตราดเลย รวมทั้งยังมีที่จอดรถเยอะ จอดได้นาน แต่โดยรวมๆ แล้วมันก็เหมาะกับคนที่มีรถส่วนตัวมากกว่า ส่วนใครที่ไม่มีรถส่วนตัวนั้นก็อาจจะต้องพึ่งรถเมล์, รถตู้หรือรถแท็กซี่เอา เนื่องจากบริเวณนี้ยังไม่มีรถไฟฟ้าผ่านครับ ^^
ความคุ้มค่า : บอกเลยว่านี่เป็นหนึ่งในร้านอาหารญี่ปุ่นที่ราคาสูงเอาเรื่องครับ แต่ราคาสูงของเค้ามันก็มีเหตุผลนะ เพราะเค้าเลือกใช้วัตถุดิบอย่างดีมาปรุงอาหาร หลายๆ อย่างก็นำเข้ามาจากต่างประเทศ ซึ่งพวกนี้ก็เลยเป็นต้นทุนที่สำคัญมากๆ ของเค้า แต่อย่างไรก็ตามต่อให้ราคาอาหารจะสูงแค่ไหน หากรสชาติอาหารนั้นดีถูกปากคนกินมากๆ หลายๆ คนก็พร้อมจะจ่ายและรู้สึกว่ามันคุ้มค่าครับ ซึ่งจากที่ผมกับต๋งได้ลองทานมา ผมว่ารสชาติอาหารและคุณภาพที่ได้เมื่อเทียบกับเงินที่จ่ายไปแล้วถือว่าสมเหตุสมผลนะครับ อาหารที่มีการคัดสรรวัตถุดิบแบบนี้ ราคาแบบนี้ถือว่าเป็นเรื่องปกติมาก รวมๆ แล้วทุกเมนูในมื้อนี้ผมก็เลยรู้สึกว่าราคามันเหมาะสมแล้ว จะมีเพียงก็แต่ชุดชาบูหมูคุโรบุตะกับ Chocolate Ball เท่านั้นที่ผมว่าราคาแอบแรงไปนิด หากทางร้านสามารถเพิ่มปริมาณต่อจานได้อีกหน่อยหรือมีลูกเล่นอะไรเพิ่ม น่าจะทำให้ลงตัวมากขึ้นครับ
สรุป : ใครที่เป็นคนชอบทานอาหารญี่ปุ่นและอยากจะทานอาหารญี่ปุ่นที่มีคุณภาพของวัตถุดิบดี มีปลาดิบคุณภาพสูงส่งตรงมาจากญี่ปุ่น รวมทั้งเป็นคนที่ไม่ติดปัญหาเรื่องของงบประมาณ ผมว่าร้าน Shoyuu Bangna น่าจะสามารถตอบโจทย์ต่างๆ ได้ดีเลยครับ อาหารหลากหลาย การจัดจานต่างๆ สวยงามดูดี ส่วนเรื่องรสชาตินั้นก็อยู่ในเกณฑ์ที่ดีถึงดีมาก รวมทั้งยังมีเมนูที่น่าสนใจแตกต่างจากร้านอาหารญี่ปุ่นทั่วๆ ไปด้วย ที่สำคัญช่วงนี้หากใครทำการสำรองโต๊ะล่วงหน้าผ่านทาง Line@ นี้ https://line.me/R/ti/p/%40shoyuubangna ทางร้านเค้าจะมีส่วนลดพิเศษ 15% ให้ด้วยนะครับ หรือเรียกง่ายๆ ว่าราคาที่เราต้องจ่ายนั้นก็จะใกล้เคียงกับราคาในเมนูเลย เพราะส่วนลด 15% นี้ก็เกือบเท่า Vat กับ Service Charge แล้ว ส่วนใครที่เป็นคนชอบทานอาหารญี่ปุ่นแต่มีงบประมาณไม่มาก และอยากจะลองทานอาหารที่ร้านนี้ดู ก็ลองดูโปรโมชั่นต่างๆ ที่ทางร้านเค้าจัดเป็นระยะก็ได้ครับ หลายๆ ช่วงเค้าก็มีโปรและเมนูที่น่าสนใจอยู่ อีกทั้งการเลือกสั่งอาหารก็ช่วยได้เหมือนกัน เพราะในหลายๆ เมนูของร้าน Shoyuu Bangna นั้นก็มีราคาเพียงจานละ 160-300 บาทเท่านั้นเอง ^^
ก็จบลงแล้วสำหรับรีวิวนี้ ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านจนจบ และสำหรับผู้ที่ต้องการติดตามเรื่องราวการกินและเที่ยวของผมกับต๋งอย่างใกล้ชิดก็สามารถกดติดตามได้ที่เพจ “ภรรยาหา สามีใช้” ได้เลยครับ ส่วนผู้ที่ต้องการสอบถามข้อมูลต่างๆ ของร้านเพิ่มเติม รวมทั้งสำรองที่นั่งต่างๆ ก็สามารถติดต่อได้ที่ช่องทางด้านล่างนี้ได้เลย แล้วพบกันใหม่ในรีวิวหน้า สวัสดีครับ
Tel : 089-6208888
หมายเหตุ : บทความนี้เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวของเราในวันที่ได้ลองใช้บริการเท่านั้น ทั้งนี้แต่ละท่านที่ได้มีโอกาสไปใช้บริการอาจจะได้รับการบริการหรือมีความคิดเห็นที่แตกต่างจากนี้ได้ครับ