เชื่อมั้ยครับว่าปฏิกิริยาที่หลายๆ คน จะแสดงออกมาหลังจากที่มีคนเอ่ยปากชวนให้เราไปเที่ยวเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีนนั้นส่วนใหญ่จะออกมาคล้ายๆ กัน นั่นก็คือ
.
.
“ไม่เห็นมีอะไรน่าเที่ยวเลย”
“ไม่อ่ะ ไม่อยากไปเที่ยวจีน กลัวห้องน้ำ กลัวคนแซงคิว”
“ไปประเทศอื่นดีกว่ามั้ย เกาหลี ญี่ปุ่น ฮ่องกงก็ได้ ดูน่าสนใจกว่านะ”
“ไม่เอาอ่ะ พูดภาษาจีนก็ไม่ได้”
แต่เชื่อมั้ยครับว่า ถ้าผมเอาคำถามนี้ไปถามคนที่เคยไปเซี่ยงไฮ้มาแล้ว เค้าจะตอบตรงกันข้ามกันเลยว่า “เออ ไปสิ คิดถึง กำลังอยากไปอยู่เลย” หรือไม่ก็ “ไปๆๆ ดูวัน ดูราคาตั๋วเครื่องบินหน่อยสิว่ามีโปรโมชั่นอะไรบ้าง”
มันแปลกใช่มั้ยล่ะครับ…….แต่เชื่อเถอะว่ามันเป็นความจริง และได้ผ่านการพิสูจน์จากผมกับต๋งมาแล้ว เพราะตอนแรกก่อนที่เราทั้งคู่จะได้มีโอกาสเดินทางไปที่นี่นั้น เราก็คิดเหมือนกับคนกลุ่มแรกนั่นแหละครับ แต่เมื่อเราได้มีโอกาสไปเที่ยวที่เมืองแห่งนี้ 6 วัน 5 คืนเต็มๆ เราก็ได้เปลี่ยนตัวเองไปอยู่ในคนกลุ่มหลังทันที และถ้าไม่เชื่อก็ลองตามผมไปพบกับ “9 สถานที่เที่ยวในเมืองเซี่ยงไฮ้ที่น่าสนใจ” ในบทความนี้กัน แล้วคุณจะรู้ว่า เที่ยวเซี่ยงไฮ้ ไม่ไปไม่รู้ ดูดีกว่าที่คิดมากๆ เลยล่ะครับ
Disclosure : บทความนี้ได้รับการสนับสนุนจากผู้ให้บริการ แต่ทั้งนี้ความเห็นต่างๆ ที่เกิดขึ้นเป็นความรู้สึกจริงของผมครับ
ก่อนอื่นเลย ผมต้องแจ้งให้ทราบก่อนนะครับว่าการที่เราจะเข้าประเทศจีนได้นั้น เราต้องขอ Visa กันก่อนนะครับ โดย Visa สำหรับนักท่องเที่ยวนั้นจะมีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 1,500 บาท/คน และจะสามารถอยู่ในจีนได้ 30 วัน และการขอ Visa ของประเทศจีนถือว่ามีความจุกจิกในเรื่องของเอกสารและรูปที่ใช้ประกอบ Visa มากพอดู รวมทั้งยังมีการขอได้หลายแบบมากทั้งแบบธรรมดา, ด่วน หรือด่วนพิเศษ ดังนั้นสำหรับใครที่อยากจะอ่านเรื่องนี้แบบละเอียด ชนิดที่ไปยื่นขอ Visa ครั้งเดียวแล้วผ่านก็คลิ๊กที่นี่เพื่อไปอ่านรายละเอียดได้เลยครับ
และก่อนที่ผมจะพาทุกคนไปเที่ยวเมืองเซี่ยงไฮ้กันแบบยาวๆ ผมขอสรุปภาพรวมให้เห็นก่อนนะครับว่า เมืองเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน ในความคิดผมกับต๋งนั้นเป็นอย่างไร และทำไมเราถึงอยากให้ทุกคนลองเปิดใจแล้วไปเที่ยวเมืองนี้กันครับ
- เซี่ยงไฮ้เป็นเมืองที่มีสถานที่เที่ยวเยอะมาก ทั้งแนวธรรมชาติ, ช้อปปิ้ง, ย้อนยุค, สวนสนุก หรือแนวชิวๆ เอาเป็นว่าเราสามารถเที่ยวที่เมืองนี้ 3-4 วันได้สบายๆ เลย
- อาหารอร่อย!! บอกเลยผมชอบอาหารที่เมืองนี้มาก อาหารและขนมหลายอย่างถูกปากถูกใจสุดๆ แต่ในเรื่องของราคาอาหารนั้นก็ค่อนข้างสูงนิดนึงนะครับ โดยเฉลี่ยแล้วมื้อธรรมดาๆ ก็จะตกประมาณ 120-150 บาท/คน ส่วนถ้ามื้อไหนกินดีหน่อยก็มี 300-400 บาท/คน ได้ครับ
- การเดินทางไปเมืองนี้ใช้เวลาเดินทางจากไทยเพียงแค่ 4 ชั่วโมงเท่านั้น ที่สำคัญราคาตั๋วก็ไม่แพงมาก เรียกว่าประหยัดทั้งเวลาและค่าเดินทางกว่าการไปเที่ยวหลายๆ ที่เลยครับ
- การคมนาคมภายในเมืองดีมาก รถเมโทรเซี่ยงไฮ้ (Shanghai Metro) มีทั้งหมด 16 สาย ครอบคลุมทั้งเมืองจนไปถึงบริเวณชานเมือง ที่สำคัญค่านั่งรถเมโทรนั้นถูกมาก นั่งเป็นชั่วโมงยังแค่ 30-35 บาท/คน ส่วนถ้านั่งใกล้ๆ ก็ประมาณ 10-15 บาท/คน ครับ
- การเช็คเส้นทางรถเมโทรผ่าน website http://service.shmetro.com/en/ นั้นถือว่าใช้ได้ เรียกว่าน้องๆ hyperdia ของญี่ปุ่นเลย
- หากใครสามารถพูดภาษาจีนได้หรือกล้าที่จะนั่งรถเมล์ จะยิ่งประหยัดค่าเดินทางไปได้อีกพอควร เพราะค่ารถเมล์ของที่นี่ถูกกว่าค่ารถเมโทรอีกครับ
- บ้านเมืองสะอาดและเป็นระเบียบ แทบไม่เจอการทิ้งขยะตามที่สาธารณะเลย ส่วนเรื่องของการขากถุยตามทางผมก็ไม่เจอเหมือนกันครับ
- ห้องน้ำตามสถานที่เที่ยวสำคัญ ถือว่าดีกว่าที่คิดเยอะ โดยตลอดการเที่ยวของผม 6 วัน ยังไม่เคยเจอห้องน้ำแบบพีคๆ ตามที่ได้ยินคำร่ำลือมาเลย
- การแซงคิวนั้นมีบ้างแต่ก็ไม่มากเท่าที่จินตนาการไว้ เอาเป็นว่ายังอยู่ในขั้นที่ผมรับได้
- ประชากรพูดภาษาอังกฤษได้น้อยมากและหาสถานที่รับบัตรเครดิต Visa / Master Card ได้น้อยสุดๆ โดยบัตรเครดิตที่สามารถใช้งานได้นั้นจะเป็นของ UnionPay ดังนั้นสำหรับใครที่ไม่มีบัตรเครดิตชนิดนี้ก็ควรจะเตรียมเงินสดไปให้พร้อมนะครับ หรือไม่ก็ใช้การกด ATM เอา แต่จะเสียค่าธรรมเนียม 100 บาท/ครั้ง ครับ
- Social Network ต่างๆ ที่เราติดกัน อย่าง FB, Youtube, Google map, Line และอื่นๆ อีกมากมายจะถูกบล็อคที่นี่ ดังนั้นถ้าใครอยากใช้งาน Social Network เหล่านี้สะดวกๆ ก็ควรหาซิมจากไทยไปเพราะจะสามารถเล่นพวกนี้ได้ โดยตอนที่ผมไปนั้นผมใช้ True Travel Sim Asia ครับ ใครสนใจก็คลิ้กที่นี่เพื่ออ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้เลยครับ
- คนสูบบุหรี่เยอะพอควร และจะเดินไปสูบไป ไม่ได้นั่งสูบอยู่กับที่ ดังนั้นใครที่แพ้บุหรี่ก็คงจะไม่ถูกใจซักเท่าไหร่ เพราะขนาดผมเป็นคนไม่แพ้ยังแอบรำคาญนิดๆ เลย
เป็นยังไงล่ะครับ อ่านมาถึงตอนนี้หลายๆ คนคงเริ่มสนใจที่จะไปเที่ยวเมืองนี้แล้วใช่มั้ยครับ ก็เอาเป็นว่าถ้าใครสนใจก็ลองไปส่องดูราคาตั๋วเครื่องบินได้เลยว่าพอรับกับราคาได้มั้ย โดยผมขอกระซิบนิดนึงว่าอย่าลืมพิจารณา Air Asia X เป็นหนึ่งในตัวเลือกด้วยนะครับ เพราะราคาตั๋วเค้านอกจากจะเย้ายวนมากๆ แล้ว เวลาการบินก็ยังดีมากอีกด้วย อย่างไฟลท์ XJ 760 ที่ผมเดินทางไปนั้นจะออกจากสนามบินดอนเมืองตอน 00.15 น. และไปถึงสนามบิน Pudong ที่เซี่ยงไฮ้ตอนประมาณ 05.30 น. ซึ่งจะทำให้เราสามารถเที่ยวในวันนั้นต่อได้ทันทีเลยครับ
หมายเหตุ : สำหรับใครที่เดินทางด้วยสายการบิน Air Asia X นั้น จะสามารถดูวิธีการกรอกเอกสารเข้าประเทศจีนได้ที่ inflight magazine ที่อยู่บนเครื่องได้เลยครับ หรือถ้ากลัวลืมก็ถ่ายรูปเก็บไว้เลย สะดวกและช่วยเราได้มากเลยครับ ^^
หลังจากที่เกริ่นมายืดยาว คราวนี้เราไปดู 9 สถานที่เที่ยวที่น่าสนใจในเมืองเซี่ยงไฮ้ กันดีกว่า และเดี๋ยวตอนท้ายๆ ผมจะมีการจัดแผนเที่ยวแบบสำเร็จรูปไว้ให้ รวมทั้งแนะนำ Trick ดีๆ ในการเที่ยวเมืองนี้ด้วยครับ
1. Jing’an Temple
การเดินทาง : Metro line สาย 2 หรือ สาย 7 ลงสถานี Jing’an Temple จากนั้นเดินขึ้นมาจากสถานีก็จะเจอวัดเลย
ค่าเข้า : 50 หยวน/คน
เวลาเปิด–ปิด : 07.30 – 17.00 น.
ระยะเวลาการเที่ยวที่เหมาะสม : 1 ชั่วโมง
2. Yuyuan Garden และ Yuyuan Garden Market
การเดินทาง : Metro line สาย 10 ลงสถานี Yuyuan Garden จากนั้นเดินตามป้ายไปอีกประมาณ 600 เมตร
ค่าเข้า : สวนอวี้หยวน 40 หยวน ส่วนบริเวณตลาดไม่เสียค่าใช้จ่าย
เวลาเปิด–ปิด : สวนอวี้หยวน 8.30 – 17.15 น. (เวลาปิดขายตั๋ว 16.45 น.)
ระยะเวลาการเที่ยวที่เหมาะสม : 2-3 ชั่วโมง
3. Waitan หรือ The Bund
การเดินทาง : Metro line สาย 2 หรือสาย 10 ลงสถานี East Nanjing Road จากนั้นเดินต่ออีก 600 เมตร
ค่าเข้า : ไม่มีค่าใช้จ่าย
เวลาเปิด–ปิด : ไม่มีเวลาเปิดปิด แต่ไฟของตึกต่างๆ รวมทั้งไฟของหอไข่มุกจะเปิดเต็มที่หลัง 18.00 น. หรือ 19.00 น. แล้วแต่ฤดู (ถ้าเป็นช่วงฤดูหนาว ท้องฟ้ามืดเร็วก็จะเปิดไฟเร็วหน่อยครับ)
ระยะเวลาการเที่ยวที่เหมาะสม : 1-2 ชั่วโมง
4. Xintiandi
สำหรับใครที่ชอบถ่ายรูป อยากจะได้รูป Profile สวยๆ ผมแนะนำให้มาที่นี่เลยครับ รับรองว่าคุณจะได้รูปดีๆ กลับไปแน่นอน และก็อย่าเดินแค่บริเวณที่เป็นโซนร้านอาหารนะครับ ผมแนะนำให้ลองขยับเดินไปที่ถนนด้านข้างๆ ด้วยแล้วเราก็จะเจอกับตรอกซอกซอยที่มีความสวยงามซ่อนอยู่อีกเพียบ โดยผมอยากจะบอกทิ้งท้ายนิดนึงว่าที่เราเห็น Xintiandi ในปัจจุบันว่ามีความสวยงามมากๆ นั้น ในอดีตที่แห่งนี้เคยเป็นแหล่งเสื่อมโทรมของเซี่ยงไฮ้มาก่อนนะครับ แต่ทางรัฐบาลจีนได้ปรับปรุงและพลิกโฉมใหม่ให้มีความสวยงามแบบในทุกวันนี้จนกลายมาเป็นสถานที่เที่ยวที่หลายคนนิยมมาเป็นอันดับต้นๆ ส่วนใครที่มาแล้วจะทานข้าวหรือไม่ทานข้าวก็อีกเรื่องนึงนะ เพราะราคาอาหารแต่ละอย่างนี่ก็แรงใช้ได้อยู่ ><
การเดินทาง : Metro line สาย 10 หรือสาย 13 ลงสถานี Xintiandi ทางออก 6 จากนั้นเดินตาม Google Map ไปเรื่อยๆ ประมาณ 200-300 เมตร
ค่าเข้า : ไม่มีค่าใช้จ่าย
เวลาเปิด–ปิด : 11.00-22.00 น.
ระยะเวลาการเที่ยวที่เหมาะสม : 1-2 ชั่วโมง
5. Nanjing Road
สำหรับถนนนานจิงเส้นนี้ถือเป็นถนนที่มีความยาวมาก โดยเราสามารถที่จะเดินไปเรื่อยๆ จนถึงหาดไว่ทานได้เลยครับ และด้วยความยาวของถนนเส้นนี้ก็เลยทำให้มีบริการรถรางรับส่งในราคา 5 หยวน/เที่ยว ใครที่เดินไม่ไหวก็สามารถใช้บริการได้นะครับ รถเค้าวิ่งแทบจะตลอดเวลาเลย ส่วนใครที่อยากจะช้อป อยากจะตระเวนชิมอาหารก็เดินยาวๆ ได้เลย โดยช่วงเวลาที่ผมแนะนำให้มาที่นี่ก็คือตั้งแต่ 17.00 น. จนถึง 20.00 น. เพราะอากาศจะไม่ร้อนมาก รวมทั้งร้านอาหารหลายๆ ร้านก็จะเปิดเฉพาะช่วงเย็นด้วยครับ ส่วนถ้าใครมาช่วงเช้ามากๆ หรือพักที่ถนนเส้นนี้เลยก็จะได้เห็นภาพของคนจีนที่ออกมารำไทเก๊กและเล่นกีฬากันในบรรยากาศที่สงบ ไม่วุ่นวาย เรียกว่าเป็นภาพที่ผมดูแล้วรู้สึกขัดแย้งในใจเลยว่า นี่คือถนนเส้นเดียวกับที่คึกคักสุดๆ ในคืนที่ผ่านมาใช่มั้ย @_@
การเดินทาง : Metro line สาย 2 หรือสาย 10 ลงสถานี East Nanjing Road เมื่อขึ้นจากสถานีก็ถึงเลย
ค่าเข้า : ไม่มีค่าใช้จ่าย
เวลาเปิด–ปิด : ไม่มีเวลาเปิดปิด แต่ช่วงที่คึกคักสุดๆ คือช่วง 12.00 – 21.00 น.
ระยะเวลาการเที่ยวที่เหมาะสม : 2-3 ชั่วโมง
6. Tianzifang
การเดินทาง : นั่ง Metro สาย 9 มาที่สถานี Dapuqiao จากนั้นออกที่ทางออกหมายเลข 1
ค่าเข้า : ไม่มีค่าใช้จ่าย
เวลาเปิด–ปิด : 10.00 – 21.00 น.
ระยะเวลาการเที่ยวที่เหมาะสม : 2-3 ชั่วโมง
7. ตึก Shanghai World Financial Center
ส่วนช่วงเวลาที่เหมาะสมในการขึ้นตึก Shanghai World Financial Center นั้น ผมคิดว่าเราควรไปต่อแถวซื้อบัตรตั้งแต่ช่วงเวลา 16.00 น. ครับ เพราะบางวันคิวซื้อบัตรจะยาวมาก นอกจากนี้ถ้าเราขึ้นไปในช่วงที่ยังมีแสงอาทิตย์อยู่ เราก็จะได้เห็นวิวเมืองเซี่ยงไฮ้กับแม่น้ำหวงผู่ที่ยาวสุดลูกหูลูกตา ได้มองพื้นชั้น 1 ผ่านช่องกระจกอย่างชัดๆ จนทำให้รู้สึกหวาดเสียวหัวใจ แล้วก็ยังได้เห็นช่วงเวลาที่พระอาทิตย์กำลังลาลับขอบฟ้ากับแสงสีที่สวยงามในช่วงกลางคืนของเมืองนี้ด้วยครับ
การเดินทาง : นั่ง Metro สาย 2 มาที่สถานี Lujiazui จากนั้นออกที่ทางออกหมายเลข 1
ค่าเข้า : 180 หยวน/คน สำหรับการเข้าชมชั้น 94, 97 และชั้น 100 โดยสามารถนำขาตั้งกล้องขึ้นไปถ่ายรูปได้
เวลาเปิด–ปิด : 8.00 – 23.00 น. โดยจะปิดการจำหน่ายบัตรตอน 22.00 น. และไฟของหอไข่มุกจะเปิดหลัง 18.00 น. หรือ 19.00 น. แล้วแต่ฤดู (ถ้าเป็นช่วงฤดูหนาว ท้องฟ้ามืดเร็วก็จะเปิดไฟเร็วหน่อยครับ)
ระยะเวลาการเที่ยวที่เหมาะสม : 2-3 ชั่วโมง
8. Zhujiajiao
ขาไป
- นั่งรถ Metro สาย 9 ไปลงสถานี Dong Jing
- เมื่อถึงสถานีให้ออกประตูทางออก 4 จากนั้นเดินเลี้ยวซ้ายไป 30-40 เมตร ก็จะเจอป้ายรถเมล์
- รอรถเมล์สาย松朱线 (Sōng zhū xiàn) หรือ 松朱专线 (Sōng zhū zhuānxiàn) โดยก่อนขึ้นรถเมล์ให้ถามพนักงานบนรถอีกครั้งก่อนเพื่อความแน่ใจ (ค่าโดยสารคนละ 5 หยวน และใช้เวลานั่งรถประมาณ 1 ชั่วโมง)
- เมื่อถึงป้ายตลาดน้ำ Zhujiajiao ก็ให้เดินข้ามถนนและเลี้ยวซ้าย จากนั้นเดินไปตามทางเรื่อยๆ จนเจอป้ายตัวอักษรสีแดงตามภาพที่ 2 อยู่ทางขวามือของเรา
- เลี้ยวขวาตรงหน้าป้ายตัวอักษรสีแดงและเดินไปตามทางเรื่อยๆ ประมาณ 500 เมตรก็จะเจอตลาดน้ำ โดยเมื่อถึงทางแยกตามภาพที่ 3 และ 4 เราจะสามารถเลือกเลี้ยวไปทางไหนก็ได้เพราะจะมีทางเข้าตลาดเหมือนกันครับ
ขากลับ
- เดินกลับมาที่บริเวณป้ายรถเมล์ที่เราลงรถเมื่อตอนขามา จากนั้นเดินต่อไปตามถนนประมาณ 50 เมตร จะเจอท่ารถเมล์อยู่ทางขวามือ จากนั้นให้เดินเข้าไปสอบถามพนักงานว่าคันไหนไป People Square ครับ (ใช้วิธีการถามคำถามว่า People Square หรือจะพิมพ์ใน Google Translate ก็ได้ครับ)
- ค่าเดินทาง 7 หยวน/คน
- เมื่อถึง People Square แล้ว เราก็สามารถนั่งรถ Metro เพื่อไปยังสถานที่ต่างๆ ต่อได้เลย
ค่าเข้า : ไม่มีค่าเข้า หากใครต้องการนั่งเรือจะมีค่าใช้จ่ายคนละ 60 หยวน
เวลาเปิด-ปิด : ไม่มีเวลาเปิดปิด แต่ควรไปในช่วงเวลา 10.00 – 16.00 น. จะเหมาะสมที่สุด
ระยะเวลาการเที่ยวที่เหมาะสม : 2-3 ชั่วโมง
ระยะเวลาการเดินทางไปกลับ : 4-5 ชั่วโมง
หมายเหตุ : เราสามารถนั่งรถบัสต่อเดียวจาก People Square ไปยัง Zhujiajiao ได้ด้วยนะครับ แต่ผมไม่แน่ใจจุดที่ขึ้นรถ ถ้าใครต้องการเดินทางไปด้วยวิธีนี้ก็ลองหาข้อมูลเพิ่มเติมดูนะครับ
9. Shanghai Disneyland
สุดยอดสวนสนุกที่มีพื้นที่กว้างเป็นอันดับ 2 จากสวนสนุก Disneyland 6 แห่งทั่วโลก ที่นี่คงไม่ต้องบรรยายอะไรมาก เพราะบางคนถึงกับตั้งเป้าหมายไว้เลยว่ามาเซี่ยงไฮ้ก็เพื่อการนี้!! และบางคนถึงกับเที่ยวที่สวนสนุกแห่งนี้ถึง 2 วันเต็มๆ ซึ่งคนที่ว่านั้นไม่ใช่คนอื่นไกล แต่คือผมกับต๋งนั่นเอง ฮา
แนะนำเลยครับ ใครที่ชอบเที่ยวสวนสนุกและชอบความเป็นดิสนีย์ ที่นี่ควรไปมากๆ เครื่องเล่นต่างๆ แม้จะไม่หวาดเสียว แต่อลังการงานสร้าง ตระการตาสุดๆ โดยใครที่ต้องการอ่านรีวิวเต็มๆ แบบเจาะลึกของที่นี่ก็คลิ๊กที่นี่ได้เลยครับ ผมมีเขียนถึง ทุกสิ่งที่คุณควรรู้เกี่ยวกับ Shanghai Disneyland รวมทั้ง Trick ในการเก็บเครื่องเล่นให้ได้มากที่สุด ไว้แล้วครับ
การเดินทาง : นั่ง Metro สาย 11 มาที่สถานี Disney เมื่อเดินออกจากสถานีก็ถึงเลยครับ
ค่าเข้า : วันธรรมดา 370 หยวน/คน วันหยุด 499 หยวน/คน โดยเราไม่สามารถนำขาตั้งกล้องเข้าไปได้
เวลาเปิด–ปิด : วันธรรมดา 9.00 – 20.00 น. วันหยุด 8.00-21.00 น.
ระยะเวลาการเที่ยวที่เหมาะสม : 1 วัน
วันที่ 1 : Jing’an temple, Yuyuan Garden, Yuyuan Garden Market และ The Bund
วันที่ 2 : Xintiandi, Tianzifang และตึก Shanghai World Financial Center
วันที่ 3 : Shanghai Disneyland
วันที่ 4 : Zhujiajao และ Nanjing Road
โดยโปรแกรมนี้เป็นโปรแกรมคร่าวๆ ที่ผมคิดว่าควรจัดอะไรเที่ยวด้วยกันบ้าง จะได้ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ส่วนถ้าใครไม่ชอบเที่ยวสวนสนุก, ตลาดน้ำ หรืออื่นๆ ก็เปลี่ยนแปลงได้ตามความชอบของตัวเองและความเหมาะสมของ Flight บิน เพียงแต่ถ้าใครจะไป Shanghai Disneyland นั้น ควรต้องไปทั้งวันจนถึงเวลาที่สวนสนุกปิด และต้องอย่าไปตรงกับวันเสาร์อาทิตย์ หรือวันหยุดของคนจีนนะครับ ไม่งั้นคนมหาศาลแน่ๆ
Trick ที่ 1 : การนั่งรถ Metro
- เราสามารถดูผังการเดินรถ Metro รวมทั้งเช็คค่าโดยสารล่วงหน้าได้ที่ website http://service.shmetro.com/en/
- การซื้อตั๋วรถ Metro ผ่านตู้ขายตั๋วนั้น สะดวกมากๆ เพียงแค่กดเมนูภาษาอังกฤษ เลือกสายของรถ Metro ที่ผ่านสถานีปลายทาง จากนั้นกดที่ชื่อสถานี ใส่จำนวนคน หยอดเงินก็เป็นอันเสร็จแล้วครับ
- การนั่งรถ Shanghai Metro นั้นจะต้องมีการสแกนกระเป๋าเราทุกครั้งที่เข้าสถานี ย้ำว่าทุกครั้ง!! ดังนั้นถ้าไม่จำเป็นแนะนำว่าอย่าหิ้วของไปเยอะหรือเอากระเป๋าใบใหญ่มากเกินตัวไปนะครับ
Trick ที่ 2 : การกดเงินสดหรือการแลกเปลี่ยนสกุลเงิน
ต้องบอกว่าร้านค้าและโรงแรมในประเทศจีนนั้นมักไม่ค่อยรับบัตรเครดิต Visa และ Master Card แต่จะรับของ UnionPay เป็นหลัก ดังนั้นหลายๆ คนก็เลยมีปัญหาว่าต้องพกเงินสดติดตัวไปแทน แต่ปัญหาที่ตามมาก็คือแบงก์ใหญ่สุดของจีนคือแบงก์ 100 หยวน แถมยังมีแบงก์เล็กๆ อย่าง 10 หยวน 5 หยวน และ 1 หยวนอีก ดังนั้นความหนาของกระเป๋าตังค์ของเราก็เลยออกจะหนาๆ ตุงๆ หน่อย T_T
วันนี้ผมก็เลยมีทริคดีๆ มาแนะนำคนที่ไม่แน่ใจเรื่องการใช้เงิน และก็ไม่อยากแลกเงินหยวนเผื่อไปเยอะ โดยทริคที่ว่านี้จะทำให้เราพกปริมาณแบงก์ไปน้อยลง แต่ก็ครอบคลุมทุกค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้น นั่นก็คือให้เราพกแบงก์ใหญ่ของสกุลเงินอื่นอย่างดอลล่าห์หรือเยนไป แล้วก็ไปแลกเงินที่เครื่องแลกเงินอัตโนมัติเวลาที่เราต้องการใช้ครับ โดยเครื่องแลกเงินนี้จะเป็นของธนาคารในจีน ดังนั้นจึงมั่นใจได้ว่าเราจะได้แบงก์จริง เพราะในสลิปจะมีหมายเลขอ้างอิงและเบอร์โทรติดต่อในกรณีที่เกิดปัญหาด้วย ซึ่งตัวผมเองได้ไปใช้บริการเครื่องแลกเงินอัตโนมัติของ SPD Bank ที่อยู่ด้านในของโรงแรม Sofitel ถนนนานจิงมา โดยเครื่องนี้รับแลกสกุลเงินมากกว่า 10 สกุล ซึ่งรวมไปถึงสกุลเงินบาทไทยด้วย ที่สำคัญจากการเช็คอัตราแลกเปลี่ยนแล้วก็พบว่าอยู่ในขั้นที่ดี แตกต่างจากการแลกจากที่ไทยเล็กน้อยเท่านั้นครับ
ส่วนใครที่เจอปัญหาเรื่องเตรียมเงินไปไม่พอ บัตรเครดิตก็รูดไม่ได้ ผมแนะนำนี่เลย “การกดเงินด้วยบัตร ATM ไทย” โดยเราสามารถนำบัตร ATM ของธนาคารที่อยู่ในประเทศไทย ไปกดที่ตู้ ATM ที่มีสัญลักษณ์ Visa ได้เลย โดยจะมีค่าธรรมเนียมในการกดครั้งละ 100 บาท ส่วนอัตราแลกเปลี่ยนนั้นก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่รับได้เช่นเดียวกันครับ
ก็จบลงแล้วสำหรับการแนะนำที่เที่ยวในเซี่ยงไฮ้และทริคที่ผมกับต๋งได้ไปลองใช้มา หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้ทุกคนรู้จักกับเซี่ยงไฮ้มากขึ้น และเปิดใจพาตัวเองไปสัมผัสเมืองแห่งนี้ เชื่อผมเถอะ เที่ยวเซี่ยงไฮ้ ไม่ไปไม่รู้ ดูดีกว่าที่คิด
สำหรับใครที่ต้องการชมบรรยากาศการเที่ยวเซี่ยงไฮ้ในรูปแบบของภาพเคลื่อนไหวหรืออ่านรีวิวโรงแรมในเมืองเซี่ยงไฮ้ที่น่าสนใจ ก็สามารถกดดูรายละเอียดที่ลิงก์หรือที่คลิปด้านล่างได้เลยครับ ส่วนผู้ที่ต้องการติดตามเรื่องราวการรีวิวต่างๆ ที่รวดเร็วทันใจโดยเฉพาะเรื่องของการกินและเที่ยว ก็สามารถกดติดตามได้ที่เพจ ภรรยาหา สามีใช้ ได้เลยครับ แล้วพบกันใหม่ สวัสดีครับ
- Jinjiang Inn – Nanjing East Road : ที่พักใจกลางเมือง ใกล้ที่กินและช้อป คึกคักตลอดวัน
- Jinjiang Inn Pudong Airport II : ห้องพักกว้าง อยู่ใกล้สนามบิน มีบริการรถรับส่งฟรี
หมายเหตุ : บทความนี้เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวของผมในวันที่ไปใช้บริการเท่านั้นครับ แต่ละท่านที่ได้มีโอกาสไปใช้บริการอาจจะได้รับการบริการที่แตกต่างจากนี้ออกไป