Home Foods & Restaurants หนีบเนื้อ จุ่ม จี่ ย่าง : เนื้อดีๆ อากาศเย็นๆ กับเพื่อนที่รู้ใจ แล้วยังจะต้องการอะไรอีกล่ะ!!

หนีบเนื้อ จุ่ม จี่ ย่าง : เนื้อดีๆ อากาศเย็นๆ กับเพื่อนที่รู้ใจ แล้วยังจะต้องการอะไรอีกล่ะ!!

สวัสดีทุกท่านครับ ต้องบอกว่าผมห่างหายไปจากการรีวิวนานมากเลยทีเดียว ไม่ใช่เพราะขี้เกียจอะไรนะครับ แต่เป็นเพราะเมื่อปลายปีที่ผ่านมานั้นผมประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์มาแบบค่อนข้างหนักเลยครับ  และพึ่งจะเริ่มฟื้นคืนสภาพร่างกายมาได้ครับ เรียกได้ว่าฟาดเคราะห์กันส่งท้ายปีกันเลยทีเดียว T_____T
สำหรับรีวิวนี้เองก็เรียกได้ว่าดองกันจนเริ่มเค็มได้ที่เลย เพราะว่าผมไปทานมาตั้งแต่วันที่ 20 ธันวาคม แต่พึ่งจะมีโอกาสได้โพสต์เองครับ เอาล่ะครับไม่สาธยายเรื่องตัวเองแล้ว มาเข้าสู่เรื่องของการรีวิวอาหารกันดีกว่าครับ
Disclosure : บทความนี้ได้รับการสนับสนุนจากผู้ให้บริการ แต่ทั้งนี้ความเห็นต่างๆ ที่เกิดขึ้นเป็นความรู้สึกจริงของผมครับ
ร้านที่ผมจะพาทุกท่านไปรีวิวครั้งนี้ชื่อร้านว่า “หนีบเนื้อ : จุ่ม จี่ ย่าง” โดยเป็นร้านที่เกิดจากการรวมตัวกันของกลุ่มเพื่อนที่รักการทานเนื้อเป็นชีวิตจิตใจจนนำมาสู่การหุ้นกันเปิดร้านอาหารครับ โดยทางเจ้าของร้านนั่นใส่ใจในทุกรายละเอียดตั้งแต่การเลือกสถานที่ร้านให้ดูสบายเป็นกันเอง การตกแต่งร้านที่มีสไตล์ และการเลือกวัตถุดิบที่มีคุณภาพสูง ส่วนรายละเอียดของวันที่ผมไปกินนั้นก็ตามนี้เลยครับ
วันที่รับประทาน : วันอาทิตย์ที่ 20 ธันวาคม 2558
ช่วงเวลา : 18.00-21.00 น.
จำนวน : 4 คน
เอาล่ะครับ เรามาเริ่มกันที่หน้าตาของร้านนี้กันก่อนดีกว่า ร้าน “หนีบเนื้อ : จุ่ม จี่ ย่าง” ตั้งอยู่ที่ community mall ที่ชื่อ Kozy Korner ใกล้ๆ กับซอยกำนันแม้น 36 โดยหน้าตาทางเข้าของ Kozy Korner เป็นแบบนี้ครับ (ตำแหน่งของ Kozy Korner อยู่ติดกับ Lotus Express เลย รับรองหาไม่ยากครับ)
1
Kozy mall เป็น Community Mall ที่มีขนาดไม่ใหญ่มาก แต่ก็มีที่จอดรถกว้างขวางพอควรครับ ถ้ามองจากถนนหลักมาจะเห็นป้ายชื่อโครงการ กับธง J-Flag ของร้านตามนี้ครับ
เมื่อเราเดินเข้าไปที่โถงชั้น 1 ชอง Kozy Korner จะเห็นโต๊ะไม้วางตั้งอยู่ในลานตรงกลางหลายโต๊ะเลยครับ และนั่นก็คือโต๊ะของทางร้านนั่นเองครับ โดยทางร้านตั้งใจที่จะหาสถานที่ที่สามารถวางโต๊ะได้ทั้งแบบ indoor และ outdoor ในตัว เพื่อให้คนที่มาทานได้รู้สึกผ่อนคลาย และสามารถเลือกนั่งได้ตามความเหมาะสมของแต่ละท่าน  จึงได้มาลงเอยที่สถานที่นี้ครับ
หน้าตาของร้านครับ ผมไปถึงที่ร้านตอนราวๆ 18.00 น. ก็พบว่ามีลูกค้ากลุ่มใหญ่กลุ่มนึงจับจองพื้นที่ outdoor ไปบ้างแล้วครับ
ให้ดูภาพมุมสูงที่ถ่ายจากชั้น 2 ครับ จะพบว่ามีโต๊ะที่วางอยู่บริเวณ outdoor ประมาณ 7-8 โต๊ะ จุคนได้ราวๆ 30 คนได้ครับ
ภาพ outdoor อีกมุมนึงครับ
ตัดมาดูบรรยากาศแบบ indoor กันบ้างครับ บรรยากาศในร้านจะมีการตกแต่งที่ค่อนข้างสวยงามครับ มีทั้งกำแพงปูนเปลือย เคานเตอร์ปูน และก็กำแพงอิฐ ดูโล่งๆ โปร่งๆ สไตล์ loft ดีครับ ผมค่อนข้างชอบการแต่งร้านของที่นี่นะครับ ดูสวยงามผิดกับร้านอื่นในตึกเดียวกันครับ
ภายในร้านก็มีโต๊ะประมาณ 7-8 ตัวครับ จุคนได้ประมาณ 30 คนเช่นเดียวกันครับ
ภาพนี้เป็นภาพกระถางต้นไม้ที่ติดประดับบนปูนเปลือยครับ สวยแบบเรียบง่ายดีครับ
หลังจากที่สำรวจร้านคร่าวๆ กันแล้ว ทีนี้ก็ได้เวลามาสำรวจอาหารกันดีกว่าครับ โดยวันที่ผมไปทานนั้นผมไปกับเพื่อนรวมแล้วทั้งหมด 4 ชีวิตนะครับ เพราะทางร้านบอกว่ามีเมนูที่อยากให้ลองเยอะมาก กลัวว่าไปกันแค่ 2 คน ระหว่างผมกับภรรยาแล้วจะชิมไม่หมด ท้องจะแน่นไปเสียก่อน ><
มาดูหน้าตาเมนูกันครับ บนโต๊ะจะมีเมนูอยู่ 2 แบบครับ อันแรกจะเป็นเมนูที่มีภาพประกอบแบบนี้ครับ โดยจะเน้นที่รายการทีเด็ดของร้านนั่นคือ เนื้อหมูและเนื้อวัวครับ (เนื้อวัวจะมี 2 เกรด คือ เนื้อวัวเกรดธรรมดา และเนื้อวัวเกรดพรีเมี่ยม)
ถัดมาจะมีเมนูอีกใบ โดยจะเป็นกระดาษขาวๆ แผ่นยาวๆ ครับ ใบนี้จะมีรายการอาหารทุกรายการของทางร้าน และมีราคากำกับ รวมทั้งเป็นใบที่เราจะต้องใช้ในการติ๊กสั่งกับทางร้านด้วยครับ (แต่ถ้าหากแขกในร้านไม่เยอะมากก็สามารถบอกปากเปล่ากับพนักงานแทนก็ได้ครับ)
หมายเหตุ : ภาพเมนูรายการอาหารภาพนี้ ผมแปลงไฟล์จากไฟล์ PDF ของทางร้านมานะครับ เพื่อที่ทุกท่านจะได้อ่านง่ายๆ และชัดเจนครับ
อ้อ ผมลืมบอกทุกท่านไป 2 เรื่องครับ
เรื่องที่ 1 : การที่ร้านมีชื่อว่า “หนีบเนื้อ : จุ่ม จี่ ย่าง” นั้น เป็นเพราะว่าเมนูของทางร้านจะมีการเอาไปทำอาหารทั้งจุ่ม จี่ ย่าง ครับ โดยการจุ่มนั้นก็คือการต้มแบบชาบูนั่นเอง โดยเราจะมีหม้อบนโต๊ะและสั่งเนื้อมาแล้วต้มหรือจุ่มกันเอง ส่วนการจี่และย่างนั้น ทางร้านจะเป็นคนจัดการทำให้เราครับ เช่น พวกกะทะร้อนต่างๆ ครับ
เรื่องที่ 2 : ร้านนี้เป็นร้านอาหารที่บริการแบบเป็น a la carte เท่านั้น ไม่มีบริการแบบบุฟเฟต์นะครับ
เมื่อดูเมนูเสร็จแล้ว ระหว่างที่รอทางร้านนำอาหารมาเสิร์ฟนั้น เรามาสำรวจอุปกรณ์บนโต๊ะดีกว่าครับ เริ่มจากมุม Top View แบบ Hipster กันก่อน
หม้อ ถ้วย ชาม ช้อน ตะเกียบ กระบวย มาครบครับ โดยหม้อต้มของที่นี่ขนาดไม่ใหญ่นะครับ เส้นผ่าศูนย์กลางของหม้อมากกว่า 1 คืบผมไม่มากครับ และใช้แอลกอฮอล์ก้อนเป็นตัวให้ความร้อนหม้อครับ
ถัดมาเป็น Promotion ของทางร้านครับ เพียงแค่ถ่ายรูปที่ร้าน กด Check in และ share ใน Facebook ก็รับส่วนลดไปเลย 10% ครับ แต่ Promotion นี้หมดไปตั้งแต่วันที่ 31 ธค. ที่ผ่านมาแล้ว ซึ่งจากที่ผมสอบถามมาตอนนี้ทางร้านได้เปลี่ยนเป็น promotion แลกซื้อไก่เชคในราคา 39 บาท จากราคาเต็ม 79 บาท แทนครับ ซึ่งเรื่อง promotion นี้เข้าใจว่าทางร้านคงมีปรับเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ตามความเหมาะสมครับ
ต่อมาก็เป็นน้ำจิ้มครับ มีทั้งหมด 3 แบบ ได้แก่ จุ่มแซ่บ จุ่มหวาน จุ่มสุกี้ ครับ
โดยส่วนตัวจากที่ผมลองชิมน้ำจิ้มทั้ง 3 แบบแล้วพบว่ายังไม่มีอันไหนที่โดนลิ้นผม 100% ผมก็เลยผสมกันระหว่างจุ่มแซ่บและจุ่มหวานครับ ผลลัพท์ที่ได้ออกมากลมกลืนลงตัวกับลิ้นผมมากขึ้นครับ
เอาล่ะครับ ตอนนี้อาหารของทางร้านก็พร้อมแล้วครับ เดี๋ยวเรามาไล่ดูแต่ละรายการนะครับ โดยเรื่องรสชาติอาหารนี้จะเป็นการให้ความเห็นรวมจากพวกผมทั้ง 4 คนครับ เรียกว่ากินกันไป ถกกันไป และนินทาร้านกันไปแบบระยะเผาขนเลยครับ……ฮาๆๆๆๆๆๆ
เริ่มจากชุด“หนีบหมู” ครับประกอบไปด้วย สันคอ, สันนอก, เบคอน. ตับหมู และชุดผัก ในราคา 250 บาทครับ
โดยรวมๆ ต้องบอกว่าเนื้อคุณภาพดีครับ นุ่มละมุน กว่าหลายๆ ร้านเลย แต่ยังไม่ถึงขั้นแบบละลายในปาก น้ำตาไหลพรากๆ นะครับ ><
ที่ประทับใจที่สุดในชุดนี้ก็คือสันคอและเบคอนครับ โดยเพื่อนผมที่ไปด้วยคนนึงไม่ทานเนื้อ หลังจากที่ทานชุดนี้เสร็จเค้าเลยจัดสันคอเพิ่มอีกหลายจานเลยครับ
จบจากหมูแล้ว มาดูกันที่เนื้อกันดีกว่าครับ ชุดนี้คือ “หนีบเนื้อ พรีเมี่ยม” ครับ ราคา 430 บาท ประกอบไปด้วย เนื้อสันนอก, เนื้อหนอก, เนื้อใบพาย และเนื้อริบอายครับ
รายการ “หนีบเนื้อ พรีเมี่ยม” นี้ จะมาเสิร์ฟบนภาชนะที่สวยงามต่างกับชุดหนีบหมูครับ โดยจะวางเนื้อมาบนถาดไม้รูปใบพายครับ และเสิร์ฟทั้งหมด 2 ถาด (1 ถาดมีเนื้อ 2 ชนิด และ เนื้อ 1 ชนิด จะมีทั้งหมด 6 ชิ้นครับ)
สำหรับเรื่องของรสชาติเนื้อนี้ เรียกได้ว่าคุณภาพดี ลายสวย ตามที่ทางร้านโฆษณาครับ โดยที่ผมและเพื่อนๆ ชอบมากสุดก็คือ เนื้อริบอาย กับ เนื้อหนอก ครับ
มาต่อกันที่เนื้ออีก 1 รายการครับ นั่นคือเนื้อน่อง สำหรับรายการนี้ผมคิดว่าเนื้อออกจะแข็งกว่า 4 รายการที่เป็นชุดหนีบเนื้อพรีเมี่ยมก่อนหน้านี้ครับ แต่ไม่ได้ถึงขั้นแข็งมากนะครับ แค่พอรู้สึกได้ถึงความแตกต่างว่านุ่มละมุนลิ้นต่างกันครับ
แล้วก็สำหรับขาเนื้อทั้งหลายนอกจากชุด “หนีบเนื้อ พรีเมี่ยม” ที่ราคา 430 บาท แล้ว ทางร้านยังมีชุด “หนีบเนื้อ” ธรรมดาไว้คอยบริการในราคา 250 บาทด้วยนะครับ
หลังจากที่ลองชิมเนื้อหลักๆ ครบแล้ว ทางร้านก็เริ่มทยอยเสิร์ฟเมนูอื่นๆ ครับ สำหรับใครที่เอียนๆ เนื้อกับหมู ทางร้านก็มีหนีบทะเลอย่างปลาหมึก กุ้ง และแมงกะพรุนคอยให้บริการครับ โดยบรรดาเมนูหนีบเนื้อ หนีบหมู หนีบทะเล หนีบผักนี้ เราสามารถสั่งได้ทั้งเป็นชุดหรือสั่งแยกแค่เนื้อหรือผักที่เราชอบเป็นจานๆ ได้ครับ
มาเริ่มกันที่เมนูอื่นๆ อันแรกกันดีกว่าครับ เมนูนี้ชื่อว่า “ไก่เชค” ครับ มาเสิร์ฟในถังสีชมพูดูน่ารักดีครับ โดยถ้าผมนับไม่ผิดใน 1 ถังน่าจะมีทั้งหมด 12 ชิ้นนะครับ ซึ่งทางร้านได้ทำการแบ่งครึ่งเนื้อมาทำให้แต่ละชิ้นมีขนาดไม่ใหญ่ และทานง่ายขึ้นครับ
ในส่วนของเรื่องรสขาตินั้นถือว่าอร่อยดีครับ รสชาติเหมือนไก่กรอบที่ไปคลุกกับผงมาม่าหมูสับครับ แต่รสชาติไม่ได้จัดจ้านมากเหมือนพวกวิงก์แซ่บของ KFC นะครับ ออกอารมณ์มีรสชาติเปรี้ยว เผ็ดนิดๆ ไม่จิ๊ดจ๊าดครับ
สำหรับเมนูนี้ผมแนะนำว่าให้ทานตั้งแต่ตอนที่ยังร้อนๆ อยู่ครับ เพราะถ้าทิ้งไว้นานแล้วรสชาติจะตกลงไปพอควรครับ
เมนูต่อมาคือ “หมูทอดน้ำปลา” ครับ รสชาติดีครับ แต่หากไม่บอกว่าทอดน้ำปลาด้วยนี่คือไม่รู้จริงๆ  เพราะแทบไม่รู้ถึงรสชาติของน้ำปลาครับ ออกแนวหมูทอดธรรมดามากกว่า ดังนั้นสบายใจได้ครับว่าเมนูนี้ไม่เค็ม ไม่เป็นอันตรายต่อไตเราแน่นอน…….. ฮา
ต่อมาเป็นเมนู “เห่าดงเนื้อ” ครับ เมนูนี้เป็นเมนูนึงที่ค่อนข้างหาทานได้ยากใน กทม. นะครับ และเป็นเมนูที่แปลกคือคนชอบก็ชอบเลยไปเจอที่ไหนก็ไม่พลาดที่จะสั่ง และคนที่ไม่ชอบก็จะบอกว่ารสชาติมันแปลกๆ ครับ สำหรับผมออกแนวหลังมากกว่าครับ แต่ถ้าใครชอบเมนูนี้เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ผมว่าไม่ควรพลาดที่จะลองสั่งมาทานนะครับ
เมนูถัดมาครับ “สันคอหมูน้ำตก” และ “หมูย่างจิ้มแจ่ว” 2 เมนูนี้รสชาติกลางๆ ครับ
เอาล่ะครับ ทานของทานเล่นมาเยอะแล้ว ทีนี้เรามาดูเมนูจี่ หรือกะทะร้อนกันดีกว่าครับ โดยผมได้มีโอกาสชิมอยู่ 3 เมนูครับ เริ่มจาก “หมูเกาหลีกะทะร้อน ซอสเทริยากิ” ครับ
เมนูนี้ต้องบอกว่าหมูนุ่มมมมมมมากครับ ชอบมากครับ
ต่อมาเป็น “จี่เนื้อเซอร์ลอย” ครับ เนื้อที่ทำมานั้นนุ่มมากเหมือนกันครับ หั่นมาเป็นทรงลูกเต๋า ทำให้ทานง่ายครับ เนื้อสุกกำลังดี แต่มีข้อตินิดนึงคือ ตัวเนื้อนุ่มแต่ยังไม่ค่อยมีรสชาติเท่าไหร่ เรียกได้ว่ากินเฉยๆ ไม่ได้ครับ ต้องจิ้มน้ำจิ้มเข้าช่วยครับ
โดยส่วนตัวแล้ว ผมว่าสำหรับขาเนื้อไม่ควรพลาดที่จะลองชิมเมนูนี้นะครับ
และเมนูกะทะร้อนเมนูสุดท้ายครับ “จี่หมูกะทะร้อน” ครับ รสชาติของจานนี้คล้ายๆ กับจานที่แล้วเลยครับ ตัวเนื้อหมูนุ่มแต่ยังไม่ค่อยมีรสชาติในตัวเนื้อเพียวๆ เท่าไหร่ ต้องใช้น้ำจิ้มช่วยผลักดันให้ลงตัวมากขึ้นครับ
กินเนื้อเพียวๆ มา 3 จานติดแล้ว เรามาคั่นกันด้วยเมนูสุขภาพอย่าง “สลัดทูน่า” ดีกว่าครับ ผักค่อนข้างสดเลยครับ กรอบ อร่อย ส่วนน้ำสลัดออกใสและเปรี้ยวนิดๆ ผมค่อนข้างชอบ ดังนั้นจานนี้เรียกได้ว่าผมซัดคนเดียวแทบหมดจานครับ ส่วนเพื่อนแทบไม่ได้กินเลยครับ ฮา
พอคั่นด้วยผักแล้ว เหมือนจะเริ่มมีกำลังกลับไปซัดเนื้อต่อได้อีกยก พวกผมก็เลยขอชิมเนื้อแบบจุ่มหม้ออีกซัก 2-3 อย่างครับ @___@
เริ่มจากหมูนิ่ม และหมูเด้ง ครับ 2 เมนูนี้เรียกได้ว่าสอบผ่านนนนนเลยครับ อร่อยและนุ่มมาก เรียกได้ว่าเป็นเนื้อหมูที่ประทับใจสุดในวันนี้แล้วครับ ถึงกับแอบเสียดายเลยที่ได้มาชิมตอนที่ท้องเริ่มจะแน่นแล้ว @_@
ต่อด้วยลูกชิ้นเนื้อ และสไบนางหรือผ้าขี้ริ้วนั่นเองครับ 2 รายการนี้รสชาติกลางๆ ครับ
และก่อนที่จะทำการปิดหม้อเพราะกะเพาะของพวกเราทั้ง 4 คนเริ่มแน่นเต็มพิกัดแล้ว ก็เจอทางร้านล่อด้วยเมนูอีกอย่างครับ นั่นก็คือ…………ชีสสสสสสสส นั่นเองครับ
โดยทางร้านบอกว่าให้ลองเอามาใส่เนื้อแล้วชิมดู ผลปรากฏว่า……………………..
…………………………….
…………………..
………………
………
ผมต้องสั่งเนื้อมาเพิ่มอีกจานสิครับ!! อร่อยมาก โฮกกกกกกกกกกก
……
…….
….
..
และพอกินเสร็จก็ต้องมานั่งกังวล พึมพำกับตัวเองว่า นี่เดี๋ยวตูต้องไปออกกำลังเบิร์นออกใช่มั้ย @_______@
สำหรับเมนูเนื้อห่อชีสนั้น หากใครสนใจจะลองชิม ต้องสั่งชีสเพิ่มมาต่างหาก ในราคาถ้วยละ 39 บาทนะครับ ปริมาณก็ตามในรูปเลยครับ
เอาล่ะครับ ตอนนี้ผมกับเพื่อนๆ ทั้ง 4 คนก็กินอิ่มกับชนิดที่ไม่อยากจะขยับตัวไปไหนแล้วครับ ดังนั้นเรามาดูข้อสรุปแยกเป็นข้อๆ ตามความเห็นของผมและเพื่อนๆ กันดีกว่าครับ
รสชาติอาหาร : โดยรวมๆ รสชาติอาหารค่อนข้างดีครับ โดยเฉพาะคุณภาพของหมูและเนื้อ  สมกับที่ทางร้านตั้งใจนำเสนอและเป็นคนคัดเลือกวัตถุดิบเองทุกวันครับ เนื้อนุ่มและถูกปากผมและเพื่อนหลายรายการครับโดยเฉพาะเนื้อหนอก เนื้อริบอาย หมูเด้ง หมูนุ่ม และรวมไปถึงเมนูกะทะร้อนด้วยครับ แต่บางเมนูตัวเนื้อเพียวๆ อาจจะไม่ค่อยมีรสชาติมากนัก ต้องใช้น้ำจิ้มเข้าช่วยครับ ซึ่งเรื่องน้ำจิ้มนี้แล้วแต่คนชอบครับ บางคนอาจจะชอบแบบที่ทางร้านปรุงมาให้อยู่แล้ว หรือบางคนอาจจะเป็นอย่างผมก็ได้ที่ต้องมาปรุงผสมเพิ่มเติมเองครับ
ความหลากหลายของอาหาร : เมนูของทางร้านหลากหลายมากครับ มีทั้งหมู เนื้อ ทะเล และมีครบทั้งจุ่ม จี่ ย่าง รวมไปจนถึงทอดเลย เรียกได้ว่าคนที่มาทานกับเพื่อนหลายๆ คน หรือมากับครอบครัวสามารถสั่งอาหารได้หลากหลายเมนู หลากหลายสไตล์ได้เลยครับ และเท่าที่ทราบมาตั้งแต่ช่วงกลางเดือน ม.ค. ที่ผ่านมาทางร้านได้มีการปรับเปลี่ยนเมนูเนื้อบางรายการเพื่อให้ถูกปากและเหมาะกับลูกค้ามากขึ้น ดังนั้นหากใครไปทานช่วงนี้อาจจะมีข้อมูลบางอย่างที่แตกต่างจากเนื้อหาในรีวิวนี้นะครับ
ความสะอาดของร้านและความสวยงามของสถานที่ : สะอาด สวยงาม ตกแต่งได้น่าประทับใจดีครับ ไม่ถึงขั้นเว่อร์วังอลังการดาวล้านดวง แต่ออกแบบดูลงตัวเหมาะกับสถานที่ดีครับ และนอกจากนี้การที่ทางร้านมีพื้นที่บริการทั้งแบบ indoor และ outdoor ทำให้แต่ละคนเลือกที่นั่งได้ตรงกับใจตัวเองได้ โดยกลุ่มผมเลือกนั่งกันที่ outdoor เพราะอากาศช่วงนั้นกำลังดีครับ เย็นนิดๆ กินไป คุยไป ฟังเสียงดนตรีไป เจริญอาหารดีครับ…….ฮา
การบริการของพนักงาน : ข้อนี้ตอบจากที่ผมสังเกตการบริการของพนักงานกับโต๊ะอื่นที่มาใช้บริการในวันนั้นแล้วกันนะครับ  ผมว่าการบริการของพนักงานนั้นเร็วและน่าประทับใจดีครับ ส่วนนึงคงเป็นเพราะลูกค้าไม่เยอะมากและก็ทางเจ้าของร้านได้เข้ามาช่วยบริการตรงนี้ด้วยตัวเองด้วยครับ
ความสะดวกของการเดินทาง : ซอยกำนันแม้น 36 ไม่ใช่ถนนหลักหรืออยู่ในเขตเมืองซักเท่าไหร่ ดังนั้นการเดินทางด้วยรถสาธารณะอาจจะไม่สะดวกมากนักครับ ร้านนี้จึงเหมาะกับคนที่มีรถและทำเลของบ้านอยู่ในละแวกนั้นเป็นหลักครับ เรียกได้ว่าเอาไว้นัดสังสรรค์กับเพื่อนกับครอบครัวช่วงเย็นๆ อะไรแบบนี้ครับ ซึ่งทาง Kozy Korner เองก็มีที่จอดรถบริการค่อนข้างเยอะครับ
สรุป : ร้าน “หนีบเนื้อ : จุ่ม จี่ ย่าง” เป็น 1 ในร้านอาหารเปิดใหม่ที่ถือว่ามีจุดขายพอตัวในภาวะการแข่งขันที่ดุเดือดเลือดพล่านแบบนี้ครับ โดยหลายๆ ร้านเลือกที่จะเปิดบริการแบบบุฟเฟ่ต์ มีการจำกัดเวลาในการทาน แต่ร้านนี้กลับเลือกเปิดบริการแบบ a la carte และเน้นที่คุณภาพของเนื้อที่เกรดสูงกว่าทั่วๆ ไป และไม่จำกัดเวลาในการทาน มีพื้นที่บริการทั้ง indoor และ outdoor เพื่อให้กลุ่มเพื่อน หรือครอบครัวมานั่งทานกันได้อย่างสบายและเป็นกันเองครับ อย่างผมเองก็ได้มานั่งทานกับเพื่อนที่สนิท นั่งคุยเล่นไป กินไปเรื่อยๆ แบบไม่ต้องเร่งรีบอะไร แถมวันที่ไปนั้นอากาศยังค่อนข้างดีอีกด้วย มันเลยทำให้ผมรู้สึกผ่อนคลายและหวนให้คิดถึงว่านานแค่ไหนแล้วที่เราไม่ได้ใช้เวลาดื่มด่ำกับอาหารแบบนี้ครับ เพราะหลังๆ ตัวผมเองมักไปทานอาหารแต่ร้านในห้างสรรพสินค้า ไม่ก็ร้านที่ให้บริการแบบบุฟเฟต์ที่มีการจำกัดเวลาในการทานครับ พอมาเจอแบบนี้ก็เลยค่อนข้างประทับใจครับ
อ้อ……..สำหรับคนที่สนใจไปลองชิม ลองทาน ร้านนี้ ทางร้านเค้าเปิดบริการเฉพาะช่วงเย็นเท่านั้นนะครับ โดยเปิดบริการตั้งแต่ 17.00-23.00 น. ครับ แล้วก็ปิดทุกวันจันทร์ครับ
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านจนจบ แล้วพบกันใหม่ในรีวิวหน้าครับ สำหรับผู้ที่ต้องการติดตามเรื่องราวการรีวิวต่างๆ ที่รวดเร็วทันใจ สามารถกดติดตามได้ที่เพจ ภรรยาหา สามีใช้ และสำหรับท่านที่อยากจะได้ข้อมูลของร้านนี้เพิ่มเติม สามารถเข้าไปดูข้อมูลตามลิงก์ด้านล่างได้เลยครับ
Facebook : หนีบเนื้อ จุ่ม จี่ ย่าง
หมายเหตุ : บทความนี้เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวของผมในวันที่ไปใช้บริการเท่านั้นครับ แต่ละท่านที่ได้มีโอกาสไปใช้บริการอาจจะได้รับการบริการที่แตกต่างจากนี้ออกไปครับ

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • Always Active

บันทึก
Exit mobile version