Inawashiro Lake (ทะเลสาบอินะวะชิโระ) ที่นี่ถือเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของจังหวัดฟุกุชิมะ (Fukushima) ประเทศญี่ปุ่น โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาวของทุกปี เพราะที่นี่นอกจากจะมีทัศนียภาพที่สวยงามอันประกอบไปด้วยทะเลสาบกว้างใหญ่ที่เป็นฉากหน้าและภูเขาบันได (Bandai) ที่มีหิมะปกคลุมเป็นฉากหลังแล้ว ที่นี่ยังมีฝูงนกเป็ดน้ำและหงส์ขาวอีกหลายร้อยตัวที่อพยพหนีหนาวมาอาศัยอยู่ด้วยครับ
สำหรับการเดินทางมาเที่ยวที่นี่ก็ง่ายๆ โดยให้เรานั่งรถไฟมาลงที่สถานี Inawashiro (อินะวะชิโระ) จากนั้นก็เลือกเอาว่าจะเน้นประหยัดโดยการนั่งรถบัส ที่ราคาอยู่ที่ 450 เยน/คน/เที่ยว หรือจะเน้นสะดวกรวดเร็วแต่ต้องจ่ายหนักด้วยการนั่ง Taxi ไป โดยค่า Taxi จากหน้าสถานีไปยังหาดนากาฮามะ (Nagahama) ซึ่งเป็นจุดที่มีหงส์และนกเป็ดน้ำอยู่เป็นจำนวนมาก จะราคาเที่ยวละประมาณ 2,800 เยน (Taxi 1 คน สามารถนั่งได้สูงสุด 4 คน ใช้เวลาเดินทางประมาณ 10 นาที)
Disclosure : บทความนี้ได้รับการสนับสนุนจากจังหวัดฟุกุชิมะ แต่ทั้งนี้ความเห็นต่างๆ ที่เกิดขึ้นเป็นความรู้สึกจริงของผมครับ
สำหรับผมกับต๋ง เราทั้งคู่เน้นประหยัดก็เลยเลือกที่จะนั่งรถบัสไป โดยสำหรับใครที่จะเลือกเที่ยวแบบเราก็ให้ดูตารางเวลารถบัสได้ตามภาพนี้เลยครับ
จากภาพจะเห็นว่าเวลารถเที่ยวแรกที่ออกจากสถานี Inawashiro ก็คือ 10.45 น. ดังนั้นสำหรับใครที่จะมาเที่ยวที่นี่เป็นที่แรกของวันก็ไม่ต้องรีบตื่นมาตั้งแต่เช้าก็ได้ เพราะรถเที่ยวแรกนั้นกว่าจะบริการก็เรียกว่าเกือบจะเที่ยงเลยทีเดียว ส่วนจุดท่องเที่ยวที่น่าสนใจที่เราควรจะไปนั้นก็มี 2 สถานที่ ได้แก่
จุดที่ 1 : Dr.Noguchi Hideyo Memorial Museum (ค่ารถบัสจากสถานี Inawashiro 300 เยน/คน/เที่ยว)
จุดที่ 2 : หาด Nagahama (ค่ารถบัสจากสถานี Inawashiro 450 เยน/คน/เที่ยว)
โดยใครที่มีเวลาในการท่องเที่ยวทั้งวันและเป็นคนชอบประวัติศาสตร์หรือเรื่องราวของบุคคลสำคัญของโลกอยู่แล้ว ผมแนะนำให้เผื่อเวลาไปเที่ยวที่ Dr.Noguchi Hideyo Memorial Museum ด้วย เพราะที่นี่เป็นบ้านเกิดของ Dr.Noguchi Hideyo (ดร.โนงูจิ ฮิเดโยะ) บุคคลสำคัญของโลกที่ค้นพบสาเหตุของโรคซิฟิลิสและเชื้อโรคต่างๆ อีกมากมาย บุคคลท่านนี้เป็นบุคคลที่สู้ชีวิตสุดๆ จากเด็กต่างจังหวัดธรรมดาๆ ที่ประสบปัญหามือซ้ายพิการจนต้องตัดนิ้วทิ้ง แต่ก็ไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตา ขวนขายตั้งใจเรียน มุมานะพยายามจนได้รับการยอมรับในระดับโลกและถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลโนเบล (ใครที่เคยอ่านการ์ตูนประวัติของท่านจะเข้าใจดีเลยว่าท่านสู้ชีวิตมากแค่ไหน) และด้วยสิ่งที่ท่านทำไว้ต่อโลกของเรานั้นมีคุณค่ามหาศาล ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่ประเทศญี่ปุ่นได้นำภาพของท่านมาพิมพ์ลงที่ธนบัตรใบละ 1,000 เยนครับ
เอาล่ะครับ เนื่องจากตอนแรกผมเองไม่ได้ทำการบ้านมาดีพอ ผมเลยไม่รู้ว่ารถเที่ยวแรกที่ออกจากสถานีนั้นคือเวลา 10.45 น. ดังนั้นผมก็เลยใช้เวลาว่างที่ต้องนั่งรอเกือบ 2 ชั่วโมง เดินสำรวจรอบสถานี Inawashiro และนำข้อมูลสำคัญมาบอกคนที่สนใจไปเที่ยวที่นี่ดังนี้ครับ
สถานี Inawashiro เป็นสถานีที่ไม่ใหญ่มาก แต่มีทุกอย่างที่ครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นห้องน้ำ, ห้องอุ่นให้หลบหนาว, ร้านสะดวกซื้อ, ตู้กดเครื่องดื่ม แล้วก็ Locker โดย Locker นั้นมีหลากหลายขนาดเลย ขนาดใหญ่สุดน่าจะสามารถใส่กระเป๋าเดินทางขนาด 26 นิ้วได้ครับ
จุดรอรถบัสจะอยู่ที่ด้านขวาของสถานี มีป้ายบอกอย่างชัดเจน ส่วน Taxi นั้น จะจอดรอที่ด้านหน้าสถานีเลย
ด้านซ้ายมือของสถานีจะมี Tourist Information Center อยู่ ข้างในมีเอกสารท่องเที่ยวให้เราเลือกหยิบ เลือกอ่านเยอะมาก บางแบบก็มีภาษาไทยด้วย ที่สำคัญเจ้าหน้าที่ใจดีมาก ใครอยากได้ข้อมูลอะไรเพิ่มเติมสามารถเข้าไปสอบถามพูดคุยได้เลยครับ
สำหรับช่วงเวลาที่ผมว่าเหมาะสมที่สุดกับการมาเที่ยวที่ทะเลสาบแห่งนี้ก็คือช่วงเดือน ธ.ค. – มี.ค. เพราะเป็นช่วงที่มีหงส์และนกเป็ดน้ำอพยพมาอยู่เป็นจำนวนมาก รวมทั้งภูมิทัศน์ต่างๆ ก็ดูสวยงาม แปลกตาสำหรับคนที่อาศัยในประเทศเมืองร้อนและไม่เคยเจอหิมะอย่างเรา อย่างภาพพวกนี้ผมถ่ายที่หน้าสถานีเฉยๆ ผมยังว่าสวยงามเลยครับ ><
เอาล่ะ โม้มานาน ตอนนี้ก็ได้เวลาที่รถบัสเที่ยวแรกจะออกจากสถานีแล้ว โดยจุดหมายแรกที่ผมจะไปก็คือหาด Nagahama ส่วนใครจะไปที่พิพิธภัณฑ์ของ ดร.โนงูจิก่อนก็ได้ครับ อันนี้แล้วแต่ความชอบและแผนการเดินทางของแต่ละคนเลย
การขึ้นรถบัสที่นี่ก็ง่ายๆ ครับ ตอนที่เรากำลังจะก้าวขึ้นบันไดรถ ให้เราหันไปดึงกระดาษที่ออกมาจากเครื่องที่อยู่ทางขวามือของเราก่อน มันจะเป็นกระดาษที่มีตัวเลขระบุว่าเราขึ้นจากจุดไหน และเมื่อตอนที่เราจะลงรถ เราก็เอากระดาษนี้ให้คนขับรถดู เค้าจะได้บอกเราถูกว่าค่ารถเรากี่เยนครับ
นั่งรถได้ประมาณ 10 นาที เราก็มาถึงหาด Nagahama, Inawashiro Lake จุดหมายแรกของเราในวันนี้ โดยจุดนี้จะเป็นจุดที่มีหงส์, นกเป็ดน้ำ และเรือหงส์ยักษ์ลำนี้ครับ
สำหรับใครที่จะอยากจะนั่งเรือหงส์ยักษ์ลำนี้ออกไปชมความงามกลางทะเลสาบก็จะมีค่าใช้จ่ายคนละ 1,300 เยน สำหรับผู้ใหญ่ และ 650 เยน สำหรับเด็ก โดยเค้าจะไม่ได้มีรอบการบริการที่แน่นอนนะครับ อาจจะต้องรอผู้โดยสารให้มากซักหน่อยเค้าถึงจะออก ส่วนวันที่บริการนั้นจะเปิดบริการทุกวัน ยกเว้นในช่วงเดือนธันวาคม – มีนาคม ที่หยุดบริการทุกวันพุธและพฤหัส โดยผมแนะนำว่าวันที่เราควรจะขึ้นเรือไปชมวิวนั้นควรจะเป็นวันที่ท้องฟ้าปลอดโปร่งซักหน่อย เพื่อที่เราจะได้เห็นวิวสวยๆ เต็มตาครับ
ไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไรมาก ไปดูภาพสวยๆ งามๆ ของหาด Nagahama, Inawashiro Lake กันเลยดีกว่าครับ
สำหรับคนที่อยากจะถ่ายรูปเก๋ๆ กับฝูงหงส์และนกเป็ดน้ำเหล่านี้ ผมแนะนำว่าให้อุดหนุนซื้อขนมปังที่เค้าขายในบริเวณนั้นในราคาถุงละ 100 เยน โดยจุดจำหน่ายเค้าจะเป็นตู้แบบในรูปข้างล่างนี้ครับ ไม่มีคนขายคอยเฝ้า มีแต่ตู้ที่เขียนภาษาญี่ปุ่นกำกับไว้แล้วก็กล่องใส่เงิน เราอยากจะซื้อกี่ถุงก็ใส่เงินในกล่องแล้วก็หยิบถุงออกมาตามจำนวนเงินที่จ่ายไป
.
.
ประเทศนี้ประชากรเค้ามีวินัยและซื่อสัตย์สูงมากจริงๆ
อ้อ โดยส่วนตัวผมคิดว่าขนมแค่ 1 ถุงนี่ก็เยอะมากแล้วครับ สามารถถ่ายรูปได้หลายสิบช็อตเลย แล้วก็ผมขอเตือนไว้นิดนึงว่าสำหรับคนที่กลัวเป็ดหรือหงส์เหล่านี้ ผมไม่แนะนำให้ซื้อขนมโดยเด็ดขาดนะครับ เพราะเดี๋ยวฝูงหงส์และนกเป็ดน้ำเหล่านี้จะเข้ามารุมคุณ แถมบางตัวมีการบินมาเกาะหัวอีกด้วยนะคร้าบบบบ
หลังจากที่ให้อาหารหงส์และถ่ายรูปจนหนำใจแล้ว คราวนี้ก็ถึงเวลาที่เราต้องเดินทางต่อไปยังจุดหมายต่อไป Dr. Noguchi Hideyo Memorial Museum แต่ก่อนที่จะเดินทางกันต่อผมมีเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเกี่ยวกับทะเลสาบแห่งนี้มากฝากกันครับ
ทะเลสาบอินะวะชิโระ (Inawashiro Lake) ถือเป็นหนึ่งในทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น และเป็นหนึ่งในสี่ของทะเลสาบที่มีน้ำใสสะอาดที่สุดในญี่ปุ่นอีกด้วย โดยทะเลสาบแห่งนี้เกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟซึ่งอยู่ใกล้กับภูเขาบันไดเมื่อหลายหมื่นปีก่อน ก็เลยทำให้น้ำในทะเลสาบแห่งนี้มีความเป็นกรดอ่อนๆ และไม่มีสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ใต้น้ำเลย ดังนั้นน้ำในทะเลสาบแห่งนี้จึงใสสะอาดมากจนได้ฉายาว่า “ทะเลสาบกระจกสวรรค์” เพราะในวันที่อากาศดีๆ ท้องฟ้าปลอดโปร่ง น้ำในทะเลสาบแห่งนี้จะสะท้อนภาพภูเขาบันไดที่อยู่ด้านหลังได้เด่นชัดมากครับ
หมายเหตุ : แม้น้ำในทะเลสาบแห่งนี้จะมีความเป็นกรด แต่ก็เป็นกรดที่อ่อนมากๆ ดังนั้นน้ำในทะเลสาบแห่งนี้จึงไม่เป็นอันตรายต่อผิวหนังมนุษย์ และเราสามารถสัมผัสได้ตามปกติเลยครับ ^^
สำหรับจุดขึ้นรถเมล์จากหาด Nagahama เพื่อกลับไปยังสถานี Inawashiro หรือไปที่พิพิธภัณฑ์ ดร.โนะงุจินั้น ก็จะอยู่ฝั่งตรงข้ามกับด้านที่เราให้อาหารหงส์และนกเป็ดน้ำ และเพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดแบบผมกับต๋ง ผมแนะนำให้ทุกคนดูนาฬิกาดีๆ และไปยืนรอรถเมล์ล่วงหน้า 5 นาที เพราะรถเมล์ที่นี่ตรงเวลาและมีรอบน้อยมาก หากเราพลาดไม่ทันรถก็ต้องรออีกเกือบ 2 ชั่วโมงเลย
.
.
.
ซึ่งวันนั้นผมกับต๋งก็พลาดเที่ยวรถไป และบริเวณหาด Nagahama นั้นเป็นที่ที่ไม่มีร้านอาหารหรืออะไรเอาไว้หลบฝน หลบหิมะได้เลย ดังนั้นเราทั้งสองคนก็เลยตัดสินใจเดินฝ่าหิมะไปตามถนนประมาณ 3 กิโลเมตร เพื่อไปยังพิพิธภัณฑ์ ดร.โนะงุจิ ซึ่งบอกเลยว่าหนาว เหนื่อย และเดินยากมากๆ ครับ T____T
ปล. ภาพนี้ผมถ่ายจากข้างๆ จุดรอรถบัสครับ ไม่รู้ว่าใต้ผ้าคลุมสีน้ำเงินคืออะไร แต่ดูแล้วสวยดี
หลังจากเดินฝ่าหิมะและความหนาวมาชั่วโมงกว่าๆ เราก็มาถึงหน้า Dr.Noguchi Hideyo Memorial Museum โดยที่บริเวณนี้จะมีร้านอาหารและร้านสะดวกซื้ออยู่ใกล้ๆ ใครที่หิวหรืออยากหาอะไรทานก็สามารถเข้าไปอุดหนุนกันได้เลยครับ
ภายในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้จะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกจะเป็นบ้านญี่ปุ่นในสมัยก่อน โดยบ้านนี้จะเป็นการจำลองสภาพบ้านที่ ดร.โนงูจิ ฮิเดโยะ อาศัยอยู่ตอนเด็กๆ แล้วก็อีกส่วนหนึ่งจะเป็นอาคารสมัยใหม่ 2 ชั้น ที่มีการจัดแสดงผลงานและประวัติต่างๆ ของท่าน โดยค่าเข้าชมของที่นี่จะอยู่ที่ 600 เยนสำหรับผู้ใหญ่ และ 300 เยนสำหรับเด็กครับ
นี่เป็นส่วนของอาคารที่เป็นบ้านสมัยก่อนแล้วก็บริเวณรอบๆ ครับ ผมว่าเค้าทำออกมาได้ดีเลย
ภายในบ้านจะมีการจัดแสดงห้องและอุปกรณ์กับเครื่องใช้ต่างๆ ที่ครอบครัวของ ดร.โนงูจิ ใช้ในสมัยนั้น โดยทางพิพิธภัณฑ์ได้มีการทำแผนที่อธิบายอย่างละเอียด รวมทั้งมีการใช้สื่อทางเสียงที่ให้เรากดฟังจากมือถือของเราได้ด้วยครับ
ทีนี้มาดูในส่วนของอาคาร 2 ชั้นกันดีกว่า ที่อาคารนี้จะเป็นการเล่าเรื่องของ ดร.โนงูจิ ในสมัยที่ท่านเติบโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว มีประวัติเกี่ยวกับการศึกษา, ผลงานการวิจัย แล้วก็รายละเอียดต่างๆ อีกมากมาย เช่น เสื้อผ้า, ห้องทำงาน รวมไปถึงภรรยาของท่าน
และนี่คือสิ่งที่ผมชอบมากที่สุดในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ครับ หุ่นจำลองของ ดร.โนงูจิ ที่สามารถขยับและพูดได้ โดยหากเราต้องการฟังเรื่องไหนก็สามารถไปกดฟังได้ที่แผงควบคุมด้านหน้าได้เลยครับ
และทั้งหมดนี้ก็คือเรื่องราวการเดินทางของผมกับต๋งในบริเวณทะเลสาบอินะวะชิโระ จังหวัดฟุกุชิมะ (Fukushima) ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งการเดินทางของเราทั้งสองคนในวันนี้ถือเป็นการเดินทางที่เปิดหูเปิดตาเราทั้งคู่เป็นอย่างมาก เราได้เห็นอะไรที่เราไม่เคยเห็น เราได้รู้อะไรที่เราไม่เคยรู้หลายเรื่อง และเราอยากจะแนะนำว่าสำหรับใครที่ได้มีโอกาสมาจังหวัดฟุกุชิมะในช่วงฤดูหนาวที่มีหิมะโปรยปราย ทะเลสาบอินะวะชิโระ (Inawashiro Lake) ถือเป็นหนึ่งในสถานที่เที่ยวที่ไม่ควรพลาด โดยหากใครที่มีเวลาน้อยก็ให้แพลนมาใช้เวลาที่นี่ซัก 2 ชั่วโมง และใช้เวลาที่หาด Nagahama เพียงที่เดียวก็พอ แต่ถ้าใครมีเวลามากกว่านั้นและเป็นคนที่ชื่นชอบ อยากจะรู้เรื่องราวของ ดร.โนงูจิ เพิ่มมากขึ้น ก็ให้เผื่อเวลามาอีก 1-2 ชั่วโมงครับ
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านจนจบ และสำหรับคนที่อยากจะดูการเดินทางของเราในครั้งนี้ในรูปแบบของภาพเคลื่อนไหวก็สามารถดูที่คลิปด้านล่างได้เลย หรือถ้าใครอยากจะพูดคุยกับเราแบบใกล้ชิดทั้งเรื่องกินและเที่ยว ก็เข้าไปติดตามที่แฟนเพจ “ภรรยาหา สามีใช้” ได้เลยครับ แล้วพบกันใหม่ สวัสดีครับ
หมายเหตุ : บทความนี้เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวของผมในวันที่ไปใช้บริการเท่านั้นครับ แต่ละท่านที่ได้มีโอกาสไปใช้บริการอาจจะได้รับการบริการที่แตกต่างจากนี้ออกไป