Home Hotel & Resort TreeHouse Villas เกาะยาวน้อย : รีสอร์ทที่คนมีคู่ต้องหาเวลาไปพักซักครั้ง

TreeHouse Villas เกาะยาวน้อย : รีสอร์ทที่คนมีคู่ต้องหาเวลาไปพักซักครั้ง

TreeHouse Villas (ทรีเฮ้าส์ วิลล่าส์) เกาะยาวน้อย จ.พังงา น่าจะเป็นชื่อของรีสอร์ทที่มาแรงที่สุดในประเทศไทยในช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมานี้เลยครับ เพราะด้วยคอนเซ็ปการออกแบบที่แปลกแหวกแนวไม่เหมือนใคร รวมทั้งการตกแต่งต่างๆ ก็ทำออกมาได้อย่างลงตัว จนทำให้ใครๆ ที่ได้มีโอกาสเห็นรูปของรีสอร์ทแห่งนี้ถึงกับตกตะลึงในความสวยงามและอยากจะหาโอกาสไปพักที่นี่ให้ได้ และแน่นอนว่าคนเหล่านั้นย่อมต้องรวมถึงผมกับต๋งด้วยครับ

Disclosure : บทความนี้ได้รับการสนับสนุนจากผู้ให้บริการ แต่ทั้งนี้ความเห็นต่างๆ ที่เกิดขึ้นเป็นความรู้สึกจริงของผมครับ

และต้องบอกทุกคนตามตรงว่า จริงๆ แล้วตัวผมเองนั้นเคยได้มีโอกาสเห็นรีสอร์ทแห่งนี้ใกล้ๆ มาประมาณปีกว่าๆ แล้วครับ เพราะ TreeHouse Villas นั้นเป็นรีสอร์ทที่อยู่ในเครือ SERENATA และมีตำแหน่งที่ตั้งของรีสอร์ทอยู่ติดกับ Paradise Koh Yao ที่ผมเคยไปรีวิวมาเมื่อปีที่แล้วครับ ใครที่สนใจอยากจะอ่านรีวิวฉบับนั้นก็สามารถกดไปอ่านตามลิงก์ด้านล่างนี้ได้เลยครับ

โดยในตอนนั้น TreeHouse Villas น่าจะดำเนินการสร้างไปได้แค่ราวๆ 20-30% เท่านั้น แต่แค่ 20-30% ที่ผมได้เห็น มันก็ทำให้ผมจดจำชื่อรีสอร์ทแห่งนี้ได้แม่นและเฝ้ารอคอยที่ได้จะได้มาเยือนรีสอร์ทแห่งนี้อย่างใจจดจ่อ รวมทั้งผมยังได้บอกกับคนที่อยู่ใกล้ๆ ตัวอีกด้วยว่า อีกไม่นานรอพบกับรีสอร์ทแห่งนี้ได้เลย รับรองว่าเจ๋ง คุ้มค่าแก่การไปแน่ๆ

.

.

.

และในที่สุดหลังจากเวลาผ่านไปปีกว่าๆ TreeHouse Villas แห่งนี้ก็เสร็จสมบูรณ์และพร้อมที่จะเปิดให้ทุกท่านที่สนใจได้เข้าไปพักผ่อนและใช้เวลากับคนรักกันอย่างเต็มรูปแบบแล้วครับ!!

และก่อนที่ผมจะพาทุกท่านไปรู้จักกับ TreeHouse Villas แห่งนี้แบบละเอียดทุกซอกทุกมุม ผมขออนุญาตพูดถึง 3 เรื่องที่สำคัญมากๆ ก่อนดังนี้นะครับ

1. TreeHouse Villas เป็นรีสอร์ทที่มีการจำกัดอายุคนเข้าพัก โดยคนที่จะเข้าพักที่รีสอร์ทแห่งนี้ได้ จะต้องมีอายุ 16 ปีขึ้นไป และรีสอร์ทแห่งนี้จะมีบริการเฉพาะเตียง King Size เพียงอย่างเดียวเท่านั้น รวมทั้งไม่มีการเสริมเตียงด้วย เรียกว่ากลุ่มลูกค้าหรือคนที่เหมาะจะไปพักที่นี่ควรจะเป็นคู่รักเป็นหลักครับ แต่จะเป็นคู่รักอายุเท่าไหร่ แต่งงานแล้วหรือยัง อันนี้ไม่มีประเด็น สามารถที่จะไปได้หมดเลยครับ ^^

2. สำหรับใครที่สนใจจะไปพักที่ TreeHouse Villas ก่อนวันที่ 31 ตุลาคม 2561 สามารถที่จะใส่ Code พิเศษเฉพาะแฟนเพจ “ภรรยาหา สามีใช้” ในเวบไซต์ของ TreeHouse Villas ตามลิงก์นี้ https://goo.gl/A9s8Wa เพื่อรับส่วนลดพิเศษตามรายละเอียดด้านล่างนี้ได้เลยครับ

  • ส่วนลด 10% ในการจองห้องพักทุกประเภท ใช้ Promo Code “AMZCP”
  • ส่วนลด 500 บาท สำหรับแพคเกจพิเศษ 3 วัน 2 คืน (ราคาแพคเกจ 25,000 บาท) ใช้ Promo Code “AMZCP_PK”

ซึ่งโดยส่วนตัวแล้วผมขอแนะนำให้ทุกคนจองเป็นแบบแพคเกจแบบ 3 วัน 2 คืนเลยนะครับ เพราะเป็นราคาที่คุ้มค่ามาก ได้ทั้งที่พัก, อาหารเช้า, สปา, โยคะ และ 1 Day Trip ไปเกาะผักเบี้ยด้วย บอกเลยว่าใครลังเลไม่กล้าจอง รับรองว่าปีต่อๆ ไปหาราคาแบบนี้อีกยากมากๆ ครับ

3. สำหรับใครที่มาอ่านรีวิวนี้และจองไม่ทันวันที่ 31 ตุลาคม 2561 ก็ไม่ต้องเสียใจไปนะครับ เพราะทุกคนสามารถคลิกที่นี่ เพื่อจองห้องพัก TreeHouse Villas ราคาพิเศษ ผ่าน Agoda ได้เลยครับ ใครสนใจก็คลิกไปดูราคาและทำการจองได้เลยครับ

ที่ตั้งและการเดินทาง

เอาล่ะ คราวนี้เราไปเริ่มรีวิวเจาะลึกทุกรายละเอียดของที่นี่กันดีกว่า เริ่มจากเรื่องแรกที่ตั้งของรีสอร์ทครับ TreeHouse Villas นั้นตั้งอยู่บนเกาะยาวน้อย จังหวัดพังงา แต่เชื่อมั้ยครับว่าการเดินทางมาที่เกาะแห่งนี้แบบสะดวกที่สุดคือการนั่งเรือมาจากภูเก็ต หรือกระบี่ โดยแต่ละรีสอร์ทบนเกาะยาวน้อยนั้นต่างก็ใช้ท่าเรือที่แตกต่างกันออกไป อย่างเช่น TreeHouse Villas นั้น ก็จะใช้ท่าเรือของ Yacht Haven Club จ.ภูเก็ต และท่าเรือท่าเลน จังหวัดกระบี่ เป็นสถานที่ขึ้นเรือ โดยเวลาในการขึ้นเรือของทั้งสองท่ามีรายละเอียดตามด้านล่างนี้เลยครับ

ท่าเรือ Yacht Haven Marina จ.ภูเก็ต

เวลาออกจากท่า : 11:00 น. และ 16:00 น.

เวลาออกจาก TreeHouse Villas : 09:30 น. และ 15:00 น.

ระยะเวลานั่งเรือ : 50 นาที

ท่าเรือท่าเลน จ.กระบี่

เวลาออกจากท่า : 14.00 น.

เวลาออกจาก TreeHouse Villas : 13.30 น.

ระยะเวลานั่งเรือ : 20 นาที

ภาพด้านล่างนี้เป็นภาพของท่าเรือ Yacht Haven Marina จ.ภูเก็ต ครับ เป็นท่าเรือขนาดใหญ่ที่อยู่ห่างจากสนามบินนานาชาติภูเก็ตประมาณ 20 นาทีเท่านั้น ซึ่งโดยส่วนตัวแล้วผมเชียร์ให้ทุกคนที่ต้องการจะเดินทางไปยัง TreeHouse Villas มาขึ้นเรือที่ภูเก็ตมากกว่ากระบี่นะครับ เพราะท่าเรืออยู่ไม่ไกลจากสนามบิน และมีเรือบริการวันละสองเที่ยว ทำให้เราสะดวกในการเดินทางมากกว่าครับ

หมายเหตุ : โดยปกติแล้วค่าใช้จ่ายของการขึ้นเรือไปกลับรีสอร์ทนั้นจะยังไม่รวมในราคาห้องพักนะครับ เป็นค่าใช้จ่ายที่เราต้องรับผิดชอบเอง

ส่วนไฟล์ทในการบินจากกรุงเทพมายังภูเก็ตนั้น ผมแนะนำให้เลือกไฟล์ทที่มาถึงภูเก็ตประมาณ 9.30-10.15 น. เพราะเราจะสามารถไปขึ้นเรือที่ Yacht Haven Marina ตอน 11.00 น. ได้อย่างสบายๆ  โดยครั้งนี้ผมกับต๋งได้ใช้บริการของสายการบินบางกอกแอร์เวย์ (Bangkok Airways) ซึ่งแน่นอนว่าทุกครั้งที่เราใช้บริการสายการบินนี้เราจะไม่พลาดที่จะไปใช้บริการเลาจน์ของเค้าครับ เพราะของฟรี ของอร่อย แถมมีที่นั่งดีๆ เนตให้เล่นฟรีๆ แบบนี้ เราจะไม่ไปใช้บริการก็คงจะยังไงๆ อยู่ใช่มั้ยครับ

นอกจากนี้ใครที่ชอบอ่านหนังสือ หรือมีเด็กเล็กๆ เดินทางไปด้วย ภายในเลาจ์แห่งนี้ก็มีหนังสือดีๆ ให้อ่านฟรี รวมไปถึงมีห้องเด็กเล่นด้วยนะครับ

เท่านั้นยังไม่พอ หลังจากที่เราขึ้นเครื่อง ทางสายการบินเค้าก็ยังเสิร์ฟอาหารแบบเต็มๆ มื้อให้เราแบบนี้ด้วย ใครที่เดินทางสายการบินนี้แล้วไม่อิ่ม ก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้วครับ @_@

หลังจากที่เราลงเครื่องบิน และนั่งเรือมาซักพัก เราก็เดินทางมาถึง TreeHouse Villas กันซักที โดยเมื่อเรามาถึงล็อบบี้ ทางพนักงานก็จะนำ Welcome Drink มาให้เราทาน พร้อมกับนั่งชมวิวสวยๆ ที่อยู่ตรงหน้าครับ ในวันที่ผมไปนั้นทาง TreeHouse Villas ได้เสิร์ฟ Welcome Drink เป็นน้ำอัญชันมะนาว รสชาติอร่อยดีครับ

ในส่วนของ Lobby ของ TreeHouse Villas นั้นจะเป็นแบบ Open Air และมีขนาดที่ไม่ใหญ่มาก เพราะห้องทั้งหมดที่ทาง TreeHouse Villas มีบริการนั้นมีทั้งหมด 32 ห้องเท่านั้นเอง ก็เรียกว่าขนาดของล็อบบี้และ Facilities ต่างๆ นั้นก็มีขนาดสอดคล้องกับปริมาณของห้องพักของเค้าครับ

นี่เป็นหน้าตาและบรรยากาศโดยรวมของรีสอร์ทแห่งนี้ครับ จะเป็นห้องพักหรือวิลล่าที่ตกแต่งสไตล์บ้านต้นไม้ มีการจัด Landscape ภายในรีสอร์ทแบบกึ่งป่าดิบชื้น (Rain forest) มีชายหาดและทะเลส่วนตัว ภายในวิลล่าแต่ละหลังมีการตกแต่งอย่างสวยงามและมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน โดยวิลล่าแต่ละหลังจะมีระยะห่างกันพอควรเพื่อให้ผู้ที่เข้าพักนั้นได้รับความเป็นส่วนตัว และสำหรับใครที่ห้องพักอยู่ห่างจากล็อบบี้ก็สามารถที่จะให้ทางพนักงานของโรงแรมนำรถกอล์ฟไปรับและส่งถึงหน้าห้องได้ครับ

ประเภทห้องพัก

สำหรับห้องพักของที่นี่จะมีทั้งหมด 32 ห้อง โดยแบ่งออกเป็น 3 Types ดังนี้ครับ

  1. TreeHouse Villa ขนาด 100 ตารางเมตร จำนวน 25 ห้อง
  2. Beach Front Pool Villa ขนาด 110 ตารางเมตร จำนวน 6 ห้อง
  3. Hilltop Pool Villa ขนาด 390 ตารางเมตร จำนวน 1 ห้อง

และวันนี้ผมจะพาทุกคนไปรู้จักกับห้องทั้ง 3 ประเภทเลย โดยผมจะขอเริ่มจาก TreeHouse Villa ที่ผมกับต๋งได้เข้าพักก่อนนะครับ

หมายเหตุ : ชื่อห้องพักประเภท TreeHouse Villa และชื่อรีสอร์ท TreeHouse Villas นั้นจะเขียนคล้ายกันมาก ต่างกันแค่ตัว s ห้อยท้ายเท่านั้น ดังนั้นอ่านแล้วอย่าสับสนกันนะครับ

ห้อง TreeHouse Villa

ห้องพักประเภท TreeHouse Villa จะเป็นวิลล่าบ้านต้นไม้ 2 ชั้น และเป็นวิลล่าที่ผมว่าเก๋ไก๋ สวยงาม แปลกใหม่ไม่เหมือนใครเลย โดยวิลล่าแต่ละหลังจะตั้งอยู่ห่างกันเพื่อความเป็นส่วนตัว และมีทางเดินเข้าสู่วิลล่าแต่ละหลังเป็นสะพานเชือกที่ให้อารมณ์ของบ้านต้นไม้และการเข้าไปอาศัยอยู่ใกล้ชิดกับธรรมชาติครับ

ที่ชั้นล่างของวิลล่านั้นจะเป็นพื้นที่นั่งเล่นตากอากาศที่เปิดโล่ง สามารถรับลมได้รอบทิศ รวมทั้งมีโซฟาชิงช้า, สระจากุชชี่ส่วนตัวแบบ Plunge Pool, Daybed Sofa ที่สามารถปรับระดับได้, บาร์เครื่องดื่ม, โคมไฟแชนเดอเลียร์เชือกที่สั่งทำแบบเฉพาะ รวมไปถึงตู้เย็น, ห้องน้ำ, ผ้าเช็ดตัว และราวตากผ้า เรียกได้ว่าทางรีสอร์ทจัดมาให้ครบครันจริงๆ และผมเชื่อว่าหลายคนสามารถที่จะใช้เวลาอยู่ที่ชั้นล่างของวิลล่านี้ได้แทบจะทั้งวันเลยครับ

หมายเหตุ : สำหรับห้องน้ำที่อยู่ชั้นล่างนั้น จะเป็นสุขาเท่านั้นนะครับ ไม่สามารถอาบน้ำได้

และนี่คือของที่อยู่ในตู้เย็นชั้นล่างครับ ทางรีสอร์ทเค้าจัดมาให้เราครบมาก โดยเฉพาะช็อคโกแลตนั้นเก๋มากกกกกกก เพราะเค้าแพ็คมาในรูปแบบซองจดหมายเลย ตอนผมเห็นครั้งแรกนี่ถึงกับตกใจและงงเลยว่าใครเอาจดหมายมาใส่ไว้ในตู้เย็นเรา ><

หมายเหตุ : สำหรับเครื่องดื่ม Soft Drink และเครื่องดื่มอื่นๆ ที่อยู่ในตู้เย็นทั้งหมดนั้น ทางแขกที่เข้าพักสามารถทานได้หมดเลยโดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ นะครับ ส่วนช็อกโกแลตที่เหมือนซองจดหมายและแชมเปญรวมถึงไวน์ที่อยู่ตู้ข้างๆ กันนั้นจะมีค่าใช้จ่ายครับ ใครจะหยิบอะไรออกมาทานก็ระมัดระวังกันนิดนึงนะครับ

ส่วนที่เห็นอุปกรณ์แปลกๆ ในมือผมนั้น นี่คือรีโมทพัดลมครับ หน้าตาเก๋ไก๋และชวนให้คิดว่ามันคือรีโมทเครื่องเสียงมาก ตอนแรกผมก็งมอยู่นานว่าทำไมกดแล้วไม่มีเสียงเพลงดังซักที ><

และเดี๋ยวคนจะไม่เชื่อว่าที่ชั้นหนึ่งของวิลล่าหลังนี้มันน่าอยู่มาก และผมสามารถนั่งอยู่ได้เป็นวันจริงๆ ผมก็เลยเอาภาพมาให้ทุกคนดูครับว่าผมนั่งเล่นที่นี่ทั้งช่วงเช้า, กลางวัน จนไปถึงตอนดึกจริงๆ

ยิ่งช่วงค่ำๆ นี่บรรยากาศด้านล่างของวิลล่ารวมทั้งบริเวณรอบๆ ยิ่งโรแมนติกมากครับ ใครที่มากับแฟนนี่ผมบอกเลยว่าฟินมากฟินจนไม่อยากจะออกจากห้องไปไหนเลย และเหมือนทาง TreeHouse Villas ก็คงจะรู้ว่าแขกที่มาเข้าพักแต่ละคนนั้นฟินกับการนอนอยู่ที่ห้องมากแค่ไหน ดังนั้นทางรีสอร์ทก็เลยมีบริการพิเศษถึงห้องหลายอย่างมาก เช่น In-villa dining หรือการทานอาหารมื้อพิเศษที่วิลล่าของเราโดยเชฟจะมาเตรียมอาหารให้ถึงที่ หรือ In-villa spa ที่จะมีพนักงานนวดมาบริการเราถึงห้องพักครับ

ดูบรรยากาศชั้นล่างกันเสร็จแล้ว คราวนี้เรามาดูบรรยากาศชั้น 2 ของ TreeHouse Villa กันต่อดีกว่า โดยที่ชั้น 2 นั้นจะเป็นบริเวณห้องนอนและห้องน้ำใหญ่ของเรา ซึ่งผมต้องบอกทุกคนไว้ก่อนเลยนะครับว่าด้วยความที่คอนเซ็ปของที่นี่เค้าเน้นที่คู่รักเป็นหลัก ดังนั้นห้องน้ำของที่นี่จึงไม่มีประตูนะครับ จะมีเพียงแค่ผ้าม่านผืนใหญ่ที่สามารถเลื่อนปิดตาได้เท่านั้น และแน่นอนว่าผ้าม่านนี้ก็คงจะไม่สามารถป้องกันอะไรเราได้หากใครคิดจะบุกจู่โจมเข้ามาตอนที่เราอาบน้ำอยู่ครับ ><

บรรยากาศโดยรวมของชั้น 2 นั้นดูสะอาด โปร่ง สบายตา เพราะการวาง Lay out ของห้องจะเป็นการวางแบบเปิดโล่ง ไม่ได้มีประตูอะไรภายในห้อง นอกจากนี้การใช้เฟอร์นิเจอร์ที่ทำจากไม้สีอ่อน ผสมกับการใช้หมอนที่มีสีเทอร์ควอยช์ก็ทำให้ห้องดูอบอุ่น สบายตา น่าพักผ่อนยิ่งขึ้นครับ

สำหรับเตียงและหมอนของที่นี่นั้นผมว่านุ่มมากๆ นอนสบายสุดๆ ที่สำคัญด้วยความที่เราไปพักผ่อนใกล้ชิดกับธรรมชาติ อยู่บนเกาะ ใกล้ทะเล, ภูเขา และป่าไม้ ดังนั้นทางรีสอร์ทก็เลยมีการติดตั้งมุ้งรอบที่นอนทุกห้อง เพื่อให้เรานอนหลับได้อย่างสบาย ไม่มีแมลงอะไรมาสร้างความรำคาญ โดยในเรื่องของการกางมุ้งนี่เราไม่ต้องปวดหัวหรือกังวลใจว่ามันจะยุ่งยากเลยนะครับ เพราะในช่วงหัวค่ำของแต่ละวัน ทางพนักงานของรีสอร์ทจะเข้ามากางมุ้งให้เราเอง รวมถึงมีการจัดเตรียมขวดน้ำดื่มไว้บริเวณโต๊ะหัวเตียงทั้งสองข้าง, วางรองเท้าไว้บริเวณข้างเตียงทั้งสองข้าง และมีการนำเอาพยากรณ์อากาศรวมถึงข้อมูลต่างๆ ที่น่าสนใจมาวางไว้บนเตียงของเราให้ด้วยครับ………..บอกเลยว่าตอนที่ผมได้รับบริการแบบนี้ในคืนแรกที่เข้าพัก มันทำให้ผมกับต๋งประทับใจมากถึงความเอาใจใส่ของที่นี่ครับ

มาดูส่วนอื่นๆ ให้ห้องของเรากันต่อดีกว่าครับ เริ่มจากโต๊ะทำงาน บนโต๊ะทำงานนี้จะมีโทรศัพท์, สมุดโน้ต, โคมไฟ, ผลไม้ แล้วก็ iPad ครับ โดยผลไม้นั้นมีให้เราทานหลากหลายอย่างดี ส่วน iPad นั้นวันที่ผมเข้าพักระบบ Application ต่างๆ ของรีสอร์ทยังไม่เรียบร้อยดีเท่าไหร่ ผมก็เลยไม่ได้ลองใช้ครับ แต่ในอนาคตทางรีสอร์ทแจ้งว่าเราจะสามารถใช้งาน iPad นี้กับ Application ของทางรีสอร์ทเพื่อความสะดวกสบายในการเข้าพักมากยิ่งขึ้นได้ครับ

ส่วนข้างๆ โต๊ะทำงานนั้นก็จะมี TV ติดผนัง แล้วก็เครื่องชงกาแฟครับ ใครที่เป็นสายกาแฟน่าจะถูกใจเลย ส่วนผมไม่ค่อยชอบกินกาแฟเท่าไหร่ ก็เลยไม่ได้ลองรสชาติครับ

ถัดไปอีกหน่อยจะมีตู้ไม้สีฟ้าที่ดูแล้วให้อารมณ์วินเทจตั้งอยู่ ภายในตู้นี้จะมีตู้เย็น,กาต้มน้ำ, น้ำเปล่า, และขนมขบเคี้ยวต่างๆ ให้เราทาน โดยน้ำเปล่าและเครื่องดื่มในตู้เย็นนั้นเราสามารถหยิบมาทานได้ฟรีเลยโดยไม่มีค่าใช้จ่าย ส่วนขนบขบเคี้ยวที่อยู่ชั้นบนสุดนั้นจะมีค่าใช้จ่ายประมาณ 100-200 บาท/ซองครับ

และที่ข้างๆ ตู้สีฟ้านี้จะมีถังดับเพลิงติดตั้งอยู่ จุดนี้เป็นอีกจุดนึงที่ผมประทับใจในการเข้าพักที่นี่เลยครับ มันเป็นเรื่องของความใส่ใจในความปลอดภัยที่เค้ามีต่อผู้เข้าพักจริงๆ

และไหนๆ ก็พูดถึงเรื่องความใส่ใจแล้ว ผมก็ขอพูดถึงอีกสองสามเรื่องที่เกี่ยวข้องด้วยเลยแล้วกันนะครับ โดยผมรู้สึกว่าที่ TreeHouse Villas นั้นเค้าใส่ใจกับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่หลายที่พักมองข้ามไป เช่น การติดตั้งปลั๊กแบบที่สามารถเสียบสาย USB ได้เลย, การที่มีปลั๊กติดตั้งครอบคลุมทุกบริเวณทั้งชั้นบนและชั้นล่าง ทำให้เราไม่จำเป็นต้องพกปลั๊กสามตาไปจากบ้าน, การนำเอาไฟฉายมาวางไว้ใกล้ๆ กับที่นอน รวมไปถึงการใช้แพคเกจของน้ำหอมที่มีความสวยงามเข้ากับ Mood and tone ของห้อง ที่สำคัญกลิ่นของน้ำหอมนั้นยังเป็นกลิ่น T-Vine ซึ่งเป็นกลิ่นเฉพาะตัวของรีสอร์ทแห่งนี้อีกด้วยครับ

เอาล่ะ คราวนี้เรามาดูห้องน้ำและโซนแต่งตัวของเรากันดีกว่า อย่างที่ผมได้บอกไปในตอนแรกว่าห้องน้ำของ TreeHouse Villa นั้นจะไม่มีประตูครับ โดยเค้าจะใช้ผ้าม่านในการปิดแยกส่วนระหว่างห้องนอนกับห้องน้ำแทน ยกเว้นในส่วนของห้องสุขาที่จะมีประตูกั้นเพื่อความเป็นส่วนตัวมากขึ้นครับ

ส่วนของพื้นที่การอาบน้ำจะเป็นที่โล่งกว้าง ไม่มีกรอบหรือขอบประตูอะไรให้มือเราไปชนได้ง่ายๆ รวมทั้งมีทั้งฝักบัวและ Rain Shower ให้เราเลือกใช้ตามใจชอบเลย ส่วนของห้องสุขาก็มีการติดตั้งสายฉีดชำระมาให้เรียบร้อยครับ

ในเรื่องของอุปกรณ์อาบน้ำก็มีมาให้ครบครัน โดยแชมพู, ครีมนวดผม และสบู่เหลว จะอยู่ในขวดเซรามิคสวยงามแบบนี้ครับ

ส่วนอุปกรณ์อย่างครีมโกนหนวด, ฟองน้ำขัดตัว, แปรงสีฟัน, ยาสีฟัน, หมวกอาบน้ำ, หวี ทางรีสอร์ทจะจัดวางไว้ในชั้นที่อยู่บริเวณอ่างล้างหน้า โดยจะแยกเป็นชั้นสำหรับผู้หญิงและชั้นสำหรับผู้ชาย เพราะของบางอย่างทั้งสองเพศจะมีความต้องการใช้ไม่เหมือนกัน และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ทางรีสอร์ทใส่ใจในรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ได้ดีมากครับ

และสำหรับใครที่ชอบนอนแช่ในอ่างอาบน้ำก็คงจะฟินสุดๆ กับอ่างอาบน้ำรูปเปลขนาดใหญ่ที่มีรูปทรงเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร ขนาดของอ่างนั้นใหญ่มาก สามารถที่จะลงไปนอนแช่พร้อมกันสองคนได้เลยครับ……ผมลองมาแล้ว ><

โดยที่ข้างๆ อ่างนั้นนอกจากจะมีก๊อกน้ำเย็นและร้อนแล้ว เค้ายังมีการเตรียมผงสครับเกลือไว้ให้เราด้วย นอนแช่น้ำอุ่นไป ขัดตัวไป ดูวิวสวยๆ ไป บอกเลยว่าฟินสุดๆ

ส่วนบริเวณห้องแต่งตัวนั้นทาง TreeHouse Villas ก็จัดมาให้เราเต็มไม่แพ้ส่วนอื่นๆ เลย ทั้งกระจก, เสื้อคลุมอาบน้ำ, ไดร์เป่าผม, รองเท้าแตะสำหรับเดินในห้อง, รองเท้าแตะสำหรับเดินนอกห้อง, ตู้เซฟ, ร่ม, กระเป๋าจักสานไว้ใส่ของไปเดินเล่นข้างนอก รวมไปถึงเครื่องชั่งน้ำหนัก!!!

บอกเลยว่านี่น่าจะเป็นการเข้าพักในรีสอร์ทที่ผมไม่รู้สึกว่าอยากจะได้อะไรเพิ่มนอกเหนือจากที่เค้าจัดไว้ให้เลย มันมีมาให้ครบและมากมายเกินกว่าที่ผมกับต๋งต้องการใช้งานซะอีก

และผมขอปิดท้ายการพาทุกคนชมวิลล่าสองชั้นสไตล์บ้านต้นไม้นามว่า TreeHouse Villa แห่งนี้ด้วยระเบียงชั้น 2 แล้วกันนะครับ ระเบียงของห้อง TreeHouse Villa นั้นจะไม่ได้มีขนาดใหญ่มากนัก แต่ก็สามารถนั่งจิบกาแฟ, ทานขนม และดูวิวทะเลสวยๆ สองคนได้อย่างสบายๆ โดยมุมระเบียงนี้ผมแนะนำเลยว่าเหมาะมากที่จะมานั่งชมวิวในช่วงเช้าและเย็น รวมไปถึงการออกไปยืนโพสต์ท่าสวยๆ แล้วถ่ายรูปไว้อวดให้เพื่อนๆ เราอิจฉาด้วยครับ

Beach Front Pool Villa

หลังจากที่เราดูห้องแบบแรก TreeHouse Villa ที่มีชื่อคล้ายกับชื่อรีสอร์ทไปจนทะลุปรุโปร่งแล้ว คราวนี้มาดูห้องแบบที่สองที่ชื่อว่า Beach Front Pool Villa กันต่อดีกว่าครับ โดยห้องประเภทนี้จะมีเพียงแค่ 6 ห้องเท่านั้น และห้องนี้จะมีจุดที่แตกต่างกับห้อง TreeHouse Villa แบบที่เห็นได้ชัดเจนก็คือ ห้อง Beach Front Pool Villa จะเป็นวิลล่าชั้นเดียว มีขนาดของสระจากุชชี่ที่กว้างกว่า และมีทำเลที่ตั้งอยู่ด้านหน้าของรีสอร์ทซึ่งใกล้กับชายหาดและทะเลครับ ใครที่ไม่ชอบเดินขึ้นบันไดและอยากอยู่ใกล้ทะเลก็จับจองเข้าพักที่ห้อง Type นี้ได้เลย

บรรยากาศในโซนห้องนอนและห้องน้ำใหญ่ของห้องนี้จะคล้ายๆ กับห้องแบบ TreeHouse Villa เลยครับ เรียกว่าถ้าอยู่แค่ในโซนนี้จะไม่รู้สึกถึงความแตกต่างของห้องทั้งสองแบบเลย

แต่ถ้าเรามองออกไปนอกห้องทางด้านปลายเตียง ซึ่งเป็นด้านที่มองเห็นทะเล คราวนี้เราจะเห็นความแตกต่างของห้องนี้กับห้อง TreeHouse Villa ได้อย่างชัดเจนเลย โดยห้อง Beach Front Pool Villa นั้นจะมีสระจากุชชี่ขนาดใหญ่อยู่ชั้นเดียวกับห้องนอนเลย เรียกว่าก้าวเท้าออกจากห้องไปแค่ไม่กี่ก้าวก็สามารถลงสระได้เลยครับ

ส่วนพื้นที่นั่งเล่น, ชิงช้า, Daybed  Sofa รวมไปถึงห้องสุขาอีกห้องนั้นจะกระจายอยู่ทางด้านข้างของวิลล่าครับ ซึ่งผมบอกเลยว่ามุม Sofa Daybed นี่ฟินมากๆ นอนชมวิวสวยๆ เพลินๆ ทั้งวันได้เลย

หมายเหตุ : จริงๆ แล้วบริเวณ Sofa Daybed และชิงช้านั้นจะมีฟูกวางอยู่ด้วยนะครับ เพียงแต่ห้องที่ผมถ่ายรูปมานี้ยังไม่มีแขกเข้าพัก ประกอบกับฝนพึ่งจะหยุดตกทางรีสอร์ทก็เลยยังไม่ได้นำเอาฟูกมาวางไว้ครับ

ผมให้ดูภาพมุมอื่นๆ ของ Beach Front Pool Villa เพิ่มเติมครับ ใครที่สงสัยหรือกังวลเรื่องความเป็นส่วนตัวก็ลองตัดสินจากภาพดูนะครับว่าโอเคกับแนวต้นไม้ที่ทางรีสอร์ทปลูกไว้รอบๆ ตอนนี้หรือเปล่า หากใครคิดว่าแนวต้นไม้ยังเล็กไปหน่อยก็รออีกซักพักก็ได้ครับ ผมว่าอีกประมาณ 6 เดือน – 1 ปี แนวต้นไม้น่าจะสูงและหนากว่าเดิมพอควร

ส่วนนี่เป็นภาพของ Beach Front Pool Villa ตอนกลางคืนครับ บอกเลยว่าสวยงามไม่แพ้ TreeHouse Villa เลย

ใครที่ตัดสินใจจะไปพักที่รีสอร์ทแห่งนี้ก็ลองตัดสินใจดูนะครับว่าชอบห้องแบบไหนมากกว่า เพราะห้องทั้งสองแบบต่างก็มีจุดเด่นเป็นของตัวเอง หากใครชอบแนวบ้านต้นไม้ ไม่ขี้เกียจเดินขึ้นลงบันไดก็เลือก TreeHouse Villa แต่หากใครชอบห้องที่อยู่ใกล้ทะเล และไม่ชอบเดินขึ้นลงบันได อยากเดินออกจากห้องแล้วเจอจากุชชี่ขนาดใหญ่เลย ก็ต้อง Beach Front Pool Villa ครับ

Hilltop Pool Villa

และสำหรับใครที่ชอบบรรยากาศของรีสอร์ทแห่งนี้ แต่รู้สึกว่าห้องทั้งสองแบบที่ผมแนะนำมาก่อนหน้านี้มีขนาดที่เล็กไปหน่อย ก็ต้องไปห้อง Type ที่ 3 ห้อง Hilltop Pool Villa ห้องพักขนาดใหญ่ถึง 390 ตารางเมตร ที่ตั้งอยู่บนเนินเขาอีกฝั่งของชายหาดกันเลยครับ โดยห้องนี้จะเป็นวิลล่า 2 ชั้น 2 ห้องนอนที่สามารถมองเห็นวิวได้สวยงามมาก โดยเฉพาะช่วงเวลาพระอาทิตย์ขึ้น นอกจากนี้ที่ห้อง Hilltop Pool Villa ยังมีสระว่ายน้ำส่วนตัวที่มีความยาวถึง 12 เมตรอีกด้วย บอกเลยว่าครอบครัวไหนหรือแก๊งไหนที่มากันซัก 4 คน และต้องการความเป็นส่วนตัวสูง อยากจะเห็นวิวที่สวยที่สุดในรีสอร์ท มีห้องครัว ห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่ไว้ใช้เวลาร่วมกัน ห้องนี้สามารถตอบโจทย์ได้อย่างแน่นอน

หมายเหตุ : เดิมห้องพัก Hilltop Pool Villa จะอยู่ในพื้นที่และการดูแลของ Paradise Koh Yao แต่หลังจากที่ TreeHouse Villas สร้างเสร็จ วิลล่าหลังนี้ก็ได้ย้ายมาอยู่ภายใต้การดูแลของ TreeHoue Villas ครับ

และตอนนี้ผมก็พาทุกคนไปรู้จักกับห้องพักทั้ง 3 แบบของ TreeHouse Villas กันครบแล้ว คราวนี้ผมจะพาทุกคนไปรู้จักกับกิจกรรมที่น่าสนใจภายในรีสอร์ทแห่งนี้รวมทั้งเรื่องของอาหารกันต่อนะครับ โดยภายใน TreeHouse Villas นั้นมีกิจกรรมที่น่าสนใจหลายอย่างมาก ทั้งกิจกรรมที่เราสามารถใช้บริการได้ฟรี จนไปถึงกิจกรรมที่ต้องมีค่าใช้จ่าย และด้วยความที่รีสอร์ทแห่งนี้อยู่ติดกับ Paradise Koh Yao รวมไปถึงมีเจ้าของคนเดียวกัน ดังนั้นเราจึงสามารถใช้ Facilities หลายอย่างที่อยู่ในพื้นที่ของ Paradise Koh Yao ได้ด้วยครับ

ผมขอเริ่มกิจกรรมแรกที่สระว่ายน้ำส่วนกลางนะครับ เพราะนี่น่าจะกิจกรรมที่หลายๆ คนน่าจะให้ความสนใจเป็นอย่างมาก โดยสระว่ายน้ำส่วนกลางของ TreeHouse Villas นั้นจะอยู่บริเวณเดียวกับห้องอาหารและล็อบบี้เลย และเป็นสระว่ายน้ำที่สามารถมองเห็นวิวภูเขาและทะเลได้อย่างเต็มๆ ตาเลยครับ

สำหรับจุดเด่นของสระว่ายน้ำส่วนกลางของ TreeHouse Villas นั้นนอกจากจะมีวิวที่สวยงามแล้ว ที่สระว่ายน้ำแห่งนี้ยังมีการดีไซน์ที่เก๋ไก๋ด้วยการทำเป็นสระว่ายน้ำ 2 ชั้น โดยชั้นบนจะเป็นสระว่ายน้ำพร้อมเตียงอาบแดดเหนือน้ำที่ดีไซน์มาเป็นพิเศษ และเป็นเตียงที่ผมว่าหลายคนเห็นแล้วต้องอยากลงไปนอนซักครั้งครับ

ส่วนชั้นล่างของสระนั้นได้มีการออกแบบให้เป็นเหมือนถ้ำตามธรรมชาติที่มีน้ำไหลผ่านลงมา โดยเราสามารถว่ายน้ำผ่านผืนน้ำเพื่อเข้าไปภายในถ้ำด้านในได้ด้วย เรียกว่าเป็นสระว่ายน้ำที่สามารถสร้างความสนุกและประสบการณ์แปลกใหม่ให้กับคนที่มาใช้บริการได้เป็นอย่างดี และด้วยความเก๋ไก๋ของการดีไซน์สระว่ายน้ำแห่งนี้ ทำให้สระนี้มีชื่อว่าสระถ้ำน้ำตก หรือ Grotto Pool ครับ

นอกจากนี้ที่บริเวณข้างๆ สระก็ยังมีห้องซาวน่าไว้บริการอีกด้วย ใครที่ชอบซาวน่าก็อย่าลืมแวะมาใช้บริการนะครับ ผมว่าทางรีสอร์ทเค้าออกแบบและตกแต่งห้องซาวน่าออกมาได้สวยงาม ดูเข้ากับบรรยากาศรอบๆ ดีครับ

ผมให้ดูภาพของสระว่ายน้ำแห่งนี้เพิ่มเติมอีกซักหน่อยนะครับ วันแดดดีๆ ฟ้าใสๆ ที่สระแห่งนี้ถือเป็นอีกจุดนึงที่เราควรมาใช้เวลากับคนที่เรารักเลยครับ

มาต่อกันที่กิจกรรมที่สอง โดยกิจกรรมนี้จะเป็นกิจกรรมการออกกำลังกายต่างๆ ทั้งปิงปอง, เปตอง, แบดมินตัน, Beach Ball, คายัค, ปั่นจักรยาน และโยคะโดย 4 กิจกรรมแรกนั้นทางรีสอร์ทจะมีอุปกรณ์ให้เรายืมไปเล่นได้ฟรีๆ โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ส่วน 3 กิจกรรมหลังอย่างการพายคายัค, ปั่นจักรยาน และโยคะนั้นจะมีค่าใช้จ่ายครับ ใครที่สนใจก็ลองสอบถามทางรีสอร์ทดูนะครับว่ามีค่าใช้จ่ายอย่างไรและเปิดบริการตอนไหนบ้าง

ส่วนใครที่เป็นสายชิล ไม่อยากออกกำลังกายให้เหงื่อออกก็สามารถไปเดินเล่น หรือนั่งเล่นบริเวณชายหาดและทะเลได้ โดยชายหาดของที่นี่จะเป็นชายหาดส่วนตัวทอดเป็นแนวยาวหลายร้อยเมตร ใครที่ชอบเล่นน้ำทะเลแบบสงบๆ ไม่มีคนอื่นมาวุ่นวายน่าจะถูกใจกับการมาพักที่นี่พอควรเลย

เดินเล่นชายหาดกันเสร็จแล้ว หากใครอยากจะนวดคลายเส้นก็สามารถไปใช้บริการ Serenity Spa กันต่อได้ โดยสปาของที่นี่เค้ามีบริการทั้งนวดไทย, นวดน้ำมัน และนวดอโรมาเลย ตัวผมเองได้มีโอกาสไปใช้บริการนวดไทยมาด้วยครับ พนักงานนวดดีมาก ส่วนพื้นที่ของห้องนวดก็เป็นส่วนตัว แยกออกมาเป็นหลังๆ ห่างจากโซนที่พักอย่างชัดเจน รวมถึงมีห้องน้ำ ห้องเปลี่ยนชุด ล็อคเกอร์ให้เราใช้บริการครบถ้วนครับ

แต่ถ้าใครที่ไม่ใช่สายนวด ผมขอแนะนำนี่เลยกิจกรรมเพ้นท์ผ้าบาติกตามแบบฉบับเกาะยาวน้อย กิจกรรมที่ผมว่ามันเก๋และควรลองมากๆ โดยทางรีสอร์ทจะมีวัสดุให้เราเลือก 2 แบบ แบบแรกคือเสื้อยืดสีขาว  (350 บาท) และแบบที่สองคือผ้าเช็ดหน้าขนาดเล็ก (200 บาท) โดยทั้งสองแบบนั้นทางรีสอร์ทจะมีการวาดรูปบนผ้าไว้ให้เรียบร้อยแล้ว เราเพียงแต่เอาสีที่ทางรีสอร์ทเตรียมไว้ให้ระบายลงไปบนผ้าเหล่านั้นตามแต่จินตนาการและฝีมือศิลปะของเราเท่านั้นเองครับ

โดยสีที่ทางรีสอร์ทเตรียมไว้ให้เรานั้นเรียกว่าเพียงพอต่อการใช้งานเลย ยิ่งใครที่มีหัวทางศิลปะหน่อยก็ยิ่งสามารถนำสีเหล่านั้นมาผสมแต่งเติมเป็นสีต่างๆ ได้อีกมากมาย ส่วนระยะเวลาในการเพ้นท์นั้น ผมว่าควรมีเวลาซัก 1 – 1.30 ชั่วโมงกำลังดีครับ เราจะได้ไม่เร่งรีบเพ้นท์จนเกินไป

ใครที่สนใจกิจกรรมเพ้นท์ผ้าบาติกนี้ก็สามารถไปติดต่อที่รีสอร์ทได้เลยครับ โดยผมแนะนำว่าคนที่เลือกทำกิจกรรมนี้ควรจะต้องพักที่รีสอร์ทซัก 2 คืน และรีบไปเพ้นท์ตั้งแต่วันแรกเลย ผ้าของเราจะได้แห้งสนิทดีก่อนที่เราจะเดินทางกลับ ส่วนใครที่ไปพักแค่คืนเดียวอาจจะต้องเสี่ยงหน่อยว่าผ้าจะแห้งมั้ย โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝน

ต่อด้วยกิจกรรมภายในรีสอร์ทแห่งนี้ที่ผมบอกเลยว่าใครมาที่นี่แล้วไม่ได้ทำนั่นถือว่าพลาดและเหมือนมาไม่ถึงเลย นั่นก็คือการดูนกเงือกครับ โดยที่บริเวณ TreeHouse Villas และ Paradise Koh Yao นั้น จะมีนกเงือกอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะช่วงเช้าและเย็นฝูงนกเงือกหลายสิบตัวจะบินโฉบไปมาจากต้นไม้ต้นหนึ่งไปยังอีกต้นไม้อีกต้นหนึ่ง โดยที่เราสามารถมองเห็นชัดเจนด้วยตาเปล่าเลยครับ

สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ผมว่ามันแสดงถึงความอุดมสมบูรณ์ของป่าและธรรมชาติของเกาะยาวน้อยเป็นอย่างมาก ใครที่อยากเห็นนกเงือกใกล้ๆ ไม่ควรพลาดที่จะมาที่นี่ รับรองว่าได้เห็นแน่ๆ ทุกเช้าเย็น ส่วนใครที่จะต้องการถ่ายภาพก็ขอให้คำนึงถึงความเหมาะสมและระยะห่างในการถ่ายภาพด้วยนะครับ

หมายเหตุ : นกเงือกที่เราพบเห็นบนเกาะยาวน้อยนั้นจะมีอีกชื่อเรียกว่านกแก๊ก โดยนกเงือกชนิดนี้จะเป็นนกเงือกสายพันธุ์ที่เล็กที่สุดที่มีการพบเห็นในประเทศไทย ดังนั้นบางคนก็เลยจะเรียกนกชนิดนี้ในอีกชื่อหนึ่งว่านกเงือกเล็กครับ

และไหนๆ เราก็ได้มาสัมผัสกับธรรมชาติแบบนี้ ได้มาเจอนกเงือกแบบนี้ แถมบรรยากาศของรีสอร์ทก็ช่างเหมาะแก่การพาคนรักมาเติมความหวานสุดๆ ดังนั้นอีกหนึ่งกิจกรรมที่แขกที่เข้าพักโดยเฉพาะชาวต่างชาติให้ความสนใจมากนั่นก็คือ การปลูกต้นไม้แสดงความรักของเรากับแฟนนั่นเองครับ ใครที่สนใจก็สอบถามทางรีสอร์ทดูนะครับว่ามีค่าใช้จ่ายยังไงบ้าง

.

.

.

ปลูกไว้วันนี้และอีกซัก 10 ปี เราก็ชวนแฟนกลับมาดูขนาดของมันครับว่าจะเติบโตเบ่งบาน แข็งแรงเหมือนกับความรักของพวกเราหรือเปล่า ><

มาถึงตรงนี้หลายๆ คนก็คงจะคิดว่ากิจกรรมที่เราสามารถทำได้ในขณะเข้าพักที่ TreeHouse Villas นั้นน่าจะหมดแล้วใช่มั้ยครับ แต่ผมบอกเลยว่าคุณกำลังคิดผิดครับ!! เพราะที่ผมเล่าไปนั้นเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของกิจกรรมที่อยู่ภายในรีสอร์ทเท่านั้น โดยทาง TreeHouse Villas ยังมีกิจกรรมสนุกๆ แบบ One Day Trip ที่เปิดโอกาสให้เราได้ออกไปท่องเที่ยว ได้ไปเรียนรู้ และได้ไปสัมผัสประสบการณ์ที่น่าสนใจมากมายในเกาะยาวน้อยรวมถึงหมู่เกาะใกล้เคียงอีกด้วยครับ ไม่ว่าจะเป็น การไปเกาะผักเบี้ย, เกาะห้อง, ชมสันหลังมังกรหรือทะเลแหวก, เดินป่าชมต้นไม้ยักษ์ขนาดสิบคนโอบ รวมไปถึงการไปสัมผัสวิถีชีวิตชุมชนของเกาะยาวน้อย ชมธรรมชาติและฝูงควายอย่างใกล้ชิด และปิดท้ายด้วยการชิมโรตีแสนอร่อยของขึ้นชื่อประจำเกาะครับ

ใครที่สนใจกิจกรรมไหนก็สามารถสอบถามกับทางรีสอร์ทได้เลย แต่ละกิจกรรมทางรีสอร์ทสามารถจัดให้เราได้เพียงแค่เรามีผู้ร่วมทริปตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปครับ

ปิดท้ายรีวิวฉบับนี้กันด้วยเรื่องที่คนที่เข้าพักรีสอร์ททุกที่ต้องอยากรู้เป็นอันดับแรกๆ นั่นก็คือเรื่องของอาหารครับ โดยผมจะขอพูดทั้งเรื่องอาหารเช้าแล้วก็ภาพรวมของอาหารมื้ออื่นๆ ที่ผมได้มีโอกาสทานเลยนะครับ

สำหรับอาหารเช้าของ TreeHouse Villas นั้น จะเปิดให้บริการตอน 7.30 น. – 10.30 น. ซึ่งถือว่าเป็นอาหารเช้าที่เปิดให้บริการสายเหมือนกัน แต่ก็พอจะเข้าใจได้ว่าแขกที่มาพักส่วนใหญ่น่าจะใช้เวลาดื่มด่ำกับช่วงกลางคืนของที่นี่กันพอดู ดังนั้นเวลาที่ทางรีสอร์ทตั้งไว้ก็น่าจะเหมาะสมกับคนที่เข้าพักแล้วครับ

ในส่วนที่ตั้งของห้องอาหารเช้านั้นจะอยู่ข้างๆ กับสระว่ายน้ำและล็อบบี้เลย โดยห้องอาหารนี้มีชื่อว่า “Roots” ซึ่งแปลเป็นไทยว่า “รากไม้” ก็เรียกว่าชื่อที่สอดคล้องไปกับธีมของรีสอร์ทได้เป็นอย่างดี ส่วนในเรื่องของพื้นที่นั้นห้องอาหารแห่งนี้สามารถรองรับคนได้ประมาณ 30 คน และหากพื้นที่นั่งไม่พอ เราสามารถที่จะไปนั่งในพื้นที่ของ Roots Bar ที่อยู่ติดกันได้ครับ

ภาพนี้เป็นภาพของ Roots Bar ครับ อยู่ติดกับห้องอาหาร Roots เลย เดินแค่ไม่กี่ก้าวก็ถึง ดังนั้นเมื่อรวมที่นั่งในส่วนนี้เข้าไปด้วยก็น่าจะสามารถรองรับแขกที่มาทานอาหารเช้าได้อย่างพอดีๆ ครับ

ไลน์อาหารเช้าของ TreeHouse Villas นั้น จะไม่ได้มีขนาดใหญ่โตมากนัก โดยเค้าจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วนหลักๆ ด้วยกัน ส่วนแรกก็คือส่วนที่ทางรีสอร์ทจัดวางอาหารต่างๆ ไว้เรียบร้อยแล้ว และให้แขกที่เข้าพักเดินเลือกตักด้วยตัวเอง ส่วนส่วนที่สองจะเป็นเมนูที่เราจะต้องสั่งให้ทางเชฟปรุงให้ใหม่และนำมาเสิร์ฟเราที่โต๊ะครับ

สำหรับอาหารในส่วนแรกจะประกอบไปด้วยสลัด, ขนมปัง, โยเกิร์ต, ข้าวต้ม, สปาเกตตี้, Cold Cuts, เครื่องดื่ม, ผลไม้ แล้วก็ขนมหวานทั้งไทยและเทศ ซึ่งโดยส่วนตัวผมค่อนข้างประทับใจที่ทางรีสอร์ทได้นำขนมหวานไทยๆ เข้ามาอยู่ในไลน์ด้วยนะครับ มันดูน่ากินมาก และบางครั้งขนมหวานไทยๆ เหล่านี้ เราคนไทยเองยังแทบไม่ค่อยได้กินเลย พอมาเจอแบบนี้ผมก็เลยจัดไปหลายชิ้นเลย ><

ส่วนอาหารในหมวดที่สองที่เราต้องสั่งให้เชฟปรุงให้นั้น ทางรีสอร์ทจะมีการวางใบรายการไว้บนโต๊ะทุกโต๊ะครับ ใครอยากทานอะไรก็สามารถสั่งกับพนักงานได้เลย โดยในวันที่ผมไปนั้นเราสามารถที่จะสั่งอาหารประเภทไข่ ไม่ว่าจะเป็นไข่ดาว, ไข่ต้ม, ไข่คน, ออมเล็ต, Poached Egg และ Egg Benedict ได้ รวมไปถึงยังมีเมนูอย่างคริสปี้เบคอน (Crispy Bacon), ไส้กรอกหมู, ไส้กรอกลูกวัว, ไส้กรอกไก่, แพนเค้ก และชากับกาแฟให้เราสั่งอีกด้วยครับ

และจากที่ผมได้ชิมอาหารแทบจะทั้งหมดในใบรายการนี้ ผมขอบอกเลยว่ามันดีมากครับ เมนูไข่แต่ละอย่างทำออกมาได้น่ากิน และรสชาติโอเคเลย โดยจุดที่ผมประทับใจที่สุดก็คือการที่เราสามารถเลือกได้ว่าเราจะให้ทางเชฟใส่อะไรลงไปในไข่ด้วย เช่น เบคอน, แฮม, ชีส เป็นต้น แนะนำเลยว่าใครชอบทานไข่ควรจะต้องสั่งมาลองครับ

ส่วนใครเป็นสายเนื้อ สายเบคอน ต้องห้ามพลาดไส้กรอกและคริสปี้เบคอนเลยครับ โดยไส้กรอกที่ผมชอบมากก็คือไส้กรอกหมูและไส้กรอกลูกวัว ส่วนคริสปี้เบคอนนี่บอกเลยว่าผมกับต๋งจัดไปวันละ 5 จานได้ ><

และที่พลาดไม่ได้หลังจากกินของคาวต่างๆ แล้วนั่นก็คือแพนเค้กครับ ผมว่าที่ TreeHouse Villas นั้น เค้าทำแพนเค้กมาได้นุ่ม อร่อยดี ยังไงก็อย่าลืมเผื่อท้องไว้กินด้วยนะครับ

ส่วนในเรื่องของเครื่องดื่มนั้น หากใครที่ไม่อยากทานน้ำผลไม้และนมที่อยู่ในไลน์ เราก็สามารถที่จะสั่งชาและกาแฟกับทางพนักงานได้ครับ เค้ามีบริการทั้งในส่วนของร้อนและเย็นเลย ใครอยากชิมเมนูไหนก็จัดโลดดดด

และด้วยความที่ TreeHouse Villas นั้น เป็นรีสอร์ทที่แยกตัวออกมาโดดเดี่ยวทางด้านทิศเหนือของเกาะยาวน้อย ไม่ได้อยู่ใกล้กับแหล่งชุมชนซักเท่าไหร่ ดังนั้นแขกที่เข้าพักที่นี่ก็เลยจะต้องรับประทานอาหารมื้ออื่นๆ ภายในรีสอร์ทแห่งนี้ด้วย ซึ่งจากที่ผมได้ลองตระเวนชิมอาหารประเภทต่างๆ ภายในรีสอร์ทแห่งนี้ รวมไปถึงห้องอาหารของ Paradise Koh Yao ที่เราสามารถเดินไปใช้บริการได้อย่างสบายๆ นั้น ผมต้องบอกเลยว่าคุณภาพและรสชาติอาหารส่วนใหญ่ทาง TreeHouse Villas และ Paradise Koh Yao นั้นทำออกมาได้ดีมาก มีอาหารให้เลือกทานหลากหลายทั้งไทยและตะวันตก โดยเฉพาะคนที่ชอบทานอาหารอิตาเลี่ยน ทางรีสอร์ทได้มีห้องอาหารอัลเฟรชโก (Al Fresco Restaurant) ที่ให้บริการอาหารประเภทนี้โดยเฉพาะด้วยครับ

หมายเหตุ : สำหรับคนที่ชอบทานอาหารไทยนั้นผมต้องบอกให้ทราบก่อนนะครับว่ารสชาติอาหารไทยส่วนใหญ่ของ TreeHouse Villas นั้นจะไม่ได้มีความจัดจ้านมากนัก เพราะแขกที่เข้าพักส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มชาวต่างชาติเป็นหลัก ดังนั้นใครที่อยากทานอาหารไทย หรืออะไรที่เผ็ดจี๊ดถึงใจ ก็อาจจะต้องมีการแจ้งให้ทางพนักงานหรือเชฟทราบก่อนครับ

ส่วนในเรื่องของราคาอาหารโดยส่วนใหญ่ เท่าที่ผมได้ลองสอบถามราคามาก็พบว่าเป็นราคามาตรฐานของโรงแรมหรือรีสอร์ท 4-5 ดาว ที่ตั้งอยู่ตามเกาะครับ ใครที่มีแพลนจะไปพักที่นี่ก็อย่าลืมเตรียมค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ไปเผื่อด้วยนะครับ และใครที่เป็นสายของหวานผมแนะนำเลยว่าของหวานที่ TreeHouse Villas นั้น ทางเชฟเค้าทำออกมาได้สวยและรสชาติดีมาก ผมได้มีโอกาสทานไป 3-4 เมนู รู้สึกประทับใจหมดเลยครับ ^^

บทสรุปรีวิว

และทั้งหมดนี้ก็คือประสบการณ์จากที่ผมกับต๋งได้มีโอกาสเข้าไปพักที่ TreeHouse Villas (ทรีเฮ้าส์ วิลล่าส์) เกาะยาวน้อย จังหวัดพังงา ในระหว่างวันที่ 19 – 21 มิถุนายน 2561 ครับ และเพื่อให้ทุกคนเห็นภาพของรีสอร์ทแห่งนี้ชัดเจนยิ่งขึ้น ผมก็เลยขอสรุปการรีวิวออกมาเป็นเรื่องๆ ตามนี้นะครับ

การออกแบบ : สวย ดิบ เก๋ หรู แปลกใหม่ ไม่เหมือนใคร น่าจะเป็นคำบรรยายถึงการออกแบบของรีสอร์ทแห่งนี้ได้ดีที่สุดครับ เพราะที่นี่มีความสวยงามแบบธรรมชาติ มีการใช้ไม้และรูปทรงต่างๆ ที่ดูเป็นธรรมชาติมาเป็นส่วนหนึ่งของการออกแบบ แต่ก็มีการแฝงความสะดวกในการใช้งาน อุปกรณ์ที่ทันสมัย รวมทั้งมีความหรูลงไปในส่วนต่างๆ ด้วยครับ ก็เอาเป็นว่าสำหรับข้อนี้ผมให้ 10 เต็ม 10 เลยครับ

ความสะอาด : แม้จะเป็นรีสอร์ทที่ตั้งอยู่ใกล้ชิดกับธรรมชาติ ใกล้ป่า, ภูเขา, ชายหาด และทะเล แต่ในเรื่องของความสะอาดในส่วนต่างๆ นั้น ทาง TreeHouse Villas ก็ทำออกมาได้ดีมากๆ เรียกว่าไม่มีขยะหรือสิ่งส่งปรกที่ดูแล้วขัดตาเลย

สิ่งอำนวยความสะดวก : มีมาให้ครบครันจริงๆ ตั้งแต่อุปกรณ์การอาบน้ำทั้งชายและหญิง, รองเท้าแตะ, กระเป๋าใส่ของไปเดินเล่น, เครื่องชั่งน้ำหนัก, ไอแพด, ไฟฉาย, ตู้เซฟ, ผ้าเช็ดตัวชายหาด, ราวตากผ้า, สครับเกลือขัดผิว…..ที่นี่จัดของทุกอย่างที่ผมคิดว่าคนที่มาพักผ่อนต้องการใช้งานได้ครบถ้วนโดยไม่ต้องร้องขออะไรเพิ่มเลย ยิ่งเรื่องของกินภายในห้องยิ่งไม่ต้องพูดถึงเพราะพี่เค้าจัดน้ำเปล่า, น้ำอัดลม, ผลไม้ มาให้เราเยอะมาก ที่สำคัญทานฟรีด้วยนะครับ >< ส่วนในเรื่องของ Wifi นั้น จากที่ผมได้ลองใช้งานมา 3 วัน ก็พบว่าสัญญาณต่างๆ เสถียรดีครับ รวมถึงความเร็วในการใช้งานก็อยู่ในเกณฑ์ที่ดีด้วย

การเดินทาง : ด้วยความที่เป็นรีสอร์ทที่ตั้งอยู่บนเกาะ ดังนั้นในเรื่องของการเดินทางทั้งเวลา,ความสะดวกสบายและค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นเราก็ต้องทำใจนิดนึงนะครับ โดยระยะเวลาในการเดินทางจากสนามบินไปยังท่าเรือของ TreeHouse Villas ทั้งจากสนามบินภูเก็ตและสนามบินกระบี่จะใช้เวลาใกล้เคียงกันคือประมาณ 1 ชั่วโมงครับ (ระยะเวลาจากสนามบินภูเก็ตไปยังท่าเรือ Yacht Haven Marina ประมาณ 20 นาที และนั่งเรือต่ออีกประมาณ 50 นาที ส่วนระยะเวลาจากสนามบินกระบี่ไปยังท่าเรือท่าเลนจะใช้เวลาประมาณ 40 นาที และเราต้องนั่งเรือต่ออีกประมาณ 20 นาทีครับ)

การนอนหลับพักผ่อน : ดีงามมาก หลับสบาย เตียง หมอน ผ้าห่มนุ่ม แอร์ก็เย็นสบาย แถมเรายังสามารถเปิดไฟและแอร์ทิ้งไว้ตลอดเวลาที่เราไม่อยู่ห้องได้ด้วย ที่สำคัญช่วงหัวค่ำของทุกวันจะมีพนักงานของทางรีสอร์ทมากางมุ้ง จัดน้ำดื่มและรองเท้า ข้างเตียงให้เราเสร็จสรรพ มันเป็นอะไรที่ผมเข้าพักแล้วประทับใจมากเลยครับ ^^

การบริการของพนักงาน : ยิ้มแย้มแจ่มใส บริการดีสมกับภาพลักษณ์และระดับของรีสอร์ทครับ

อาหารเช้า : ว่ากันตรงๆ ในเรื่องของคุณภาพ หน้าตา และรสชาติผมให้สอบผ่านเลยครับ ประมาณ 80% ของเมนูที่ผมได้ชิม ผมประทับใจในรสชาติมากและหลายๆ เมนูผมถึงกับมีการสั่งมาทานซ้ำ แต่ในเรื่องของความหลากหลายของอาหารและการบริการผมว่าทางห้องอาหารอาจจะต้องมีการปรับปรุงเพิ่มเติมอีกนิด โดยความหลากหลายของอาหารนั้นผมว่าหากสามารถเพิ่มอาหารไทยหรือเมนูที่น่าสนใจลงไปอีกซัก 2-3 อย่างน่าจะทำให้ไลน์นี้ลงตัวขึ้น ส่วนเรื่องของการบริการเนื่องจากว่าช่วงที่ผมไปนั้นเป็นช่วงที่รีสอร์ทพึ่งเปิดบริการเต็มรูปแบบและมีแขกเข้าพักเต็มทุกห้อง ประกอบกับเมนูส่วนหนึ่งของไลน์อาหารเช้านี้เป็นเมนูที่ทางเชฟจะต้องปรุงสุกใหม่และนำมาเสิร์ฟที่โต๊ะ ดังนั้นก็เลยอาจจะมีความล่าช้าและต้องรอนานบ้าง แต่อย่างไรก็ตาม ผมว่าในอนาคตทางห้องอาหารน่าจะสามารถปรับปรุงกระบวนการรับออเดอร์และปรุงอาหารเหล่านี้ได้เร็วขึ้นครับ

อาหารมื้ออื่นๆ : จากที่ผมได้มีโอกาสทานอาหารอีก 4-5 มื้อภายในรีสอร์ทนี้ ทั้งในส่วนของห้องอาหารของ TreeHouse Villas และห้องอาหารภายใน Paradise Koh Yao ผมต้องบอกเลยว่ารสชาติอาหารส่วนใหญ่นั้นดีเลยครับ โดยเฉพาะเมนูของหวานที่ทางเชฟทำออกมาได้ถูกปากผมมากๆ ส่วนในเรื่องของราคานั้นก็ต้องบอกว่าตามมาตรฐานของโรงแรมและตำแหน่งที่ตั้งล่ะครับ ใครที่จะไปพักที่นี่ก็เตรียมบัดเจ็ทไปเผื่อด้วยนะครับ

สรุป : TreeHouse Villas (ทรีเฮ้าส์ วิลล่าส์) เกาะยาวน้อย จ.พังงา เป็นรีสอร์ทที่ผมว่าเก๋ สวย หรู มีเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร เลย และเป็นรีสอร์ทที่เหมาะมากๆ ที่จะพาคนรักไปใช้เวลาเติมความหวานด้วยกัน (รีสอร์ทแห่งนี้จำกัดอายุผู้เข้าพักที่ 16 ปีบริบูรณ์ขึ้นไปนะครับ) เพราะด้วยลักษณะของห้อง, การบริการ, ทำเลที่ตั้ง รวมทั้งกิจกรรมต่างๆ ที่ทางรีสอร์ทมีบริการ มันเป็นสิ่งที่จะช่วยทำให้คุณได้อิ่มเอมกับการพักผ่อน ได้อิ่มใจกับการใช้เวลากับคนที่คุณรักท่ามกลางความสงบและสมบูรณ์ของธรรมชาติ โดยที่ไม่ถูกรบกวนจากทัวร์หรือผู้คนจำนวนมาก และที่สำคัญท่ามกลางความพักผ่อนที่แสนจะสงบและเป็นธรรมชาตินั้น ที่ TreeHouse Villas ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ครบครันจนไม่ทำให้คนที่เข้าพักรู้สึกว่าลำบากแม้แต่อย่างใด ใครที่กำลังมองหาที่พักสงบๆ มีสไตล์โดดเด่นอย่างบ้านต้นไม้ มีมุมถ่ายรูปเก๋ๆ ที่พอเราถ่ายลง Social ปุ๊บเพื่อนเราต้องร้องกรี๊ดปั๊บ และไม่ได้เป็นคนที่เน้นกับการอยู่ใกล้แสงสี ความบันเทิง หรืออยากสัมผัสกับทะเลใสๆ ทรายนุ่มๆ ละเอียดสุดๆ ที่ TreeHouse Villas แห่งนี้ น่าจะสามารถตอบโจทย์คุณได้เป็นอย่างดีเลยครับ ^^

ขอบคุณทุกท่านที่อ่านจนจบครับ และหวังว่ารีวิวนี้จะเป็นประโยชน์ต่อทุกท่าน ทั้งนี้หากท่านใดที่ต้องการติดตามเรื่องราวการกินของผมกับต๋งอย่างใกล้ชิด ก็สามารถกดติดตามได้ที่เพจ ภรรยาหา สามีใช้ ได้เลยครับ ส่วนใครที่ต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมกับทาง TreeHouse Villas ก็สามารถติดต่อได้ตามช่องทางด้านล่างนี้เลย แล้วพบกันใหม่ สวัสดีครับ

Facebook : TreeHouse Villas

เบอร์ติดต่อ : 076-584460

เช็คราคาและจองที่พักผ่าน Website โรงแรม : https://goo.gl/A9s8Wa

เช็คราคาและจองที่พักผ่าน Agoda คลิกที่นี่

หมายเหตุ : บทความนี้เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวของผมในวันที่ไปใช้บริการเท่านั้นครับ แต่ละท่านที่ได้มีโอกาสไปใช้บริการอาจจะได้รับการบริการที่แตกต่างจากนี้

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • Always Active

บันทึก
Exit mobile version