Home Hotel & Resort The Sea-Cret Hua Hin : ฟินกับสระว่ายน้ำ ผิวสวยไปกับจากุชชี่ และดี๊ดีกับซีฟู้ด

The Sea-Cret Hua Hin : ฟินกับสระว่ายน้ำ ผิวสวยไปกับจากุชชี่ และดี๊ดีกับซีฟู้ด

เขาใหญ่ พัทยา หัวหิน มักเป็นสถานที่แรกๆ ที่คนนึกถึงในเวลาที่ต้องการออกไปพักผ่อนในช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ด้วยความที่ระยะทางไม่ไกลจาก กทม. มากนักและมีสิ่งอำนวยความสะดวกพร้อมกิจกรรมอะไรให้เล่นหลากหลายจนเลือกไม่หวาดไม่ไหว
สำหรับทริปนี้ผมจะพาทุกท่านไปนอนเล่นที่โรงแรมแห่งนึงที่มีขนาดไม่ใหญ่มากนัก สงบเงียบ มีสระว่ายน้ำที่ว่ายสนุก มีอ่างจากุชชี่แทบทุกห้อง และที่สำคัญยังมีบุฟเฟต์ Seafood ดีๆ ในตอนเย็นที่ทำให้คุณสามารถใช้ชีวิตพักผ่อนในโรงแรมแบบ 2 วัน 1 คืนสบายๆ ชนิดที่ไม่ต้องก้าวขาออกไปไหนเลยทีเดียวครับ และสถานที่แห่งนั้นก็คือ The Sea-Cret Hua hin นั่นเองครับ
Disclosure : บทความนี้ได้รับการสนับสนุนจากผู้ให้บริการ แต่ทั้งนี้ความเห็นต่างๆ ที่เกิดขึ้นเป็นความรู้สึกจริงของผมครับ
Seacret Hua Hin (1)
The Sea-Cret Hua hin ตั้งอยู่ในซอยหัวหิน 75/2 ครับ โดยมีระยะทางห่างจาก กทม. ประมาณ 200 กม.  โดยเมื่อเราขับรถจาก กทม. ผ่านตลาดหัวหินมา ให้สังเกตด้านขวามือไว้จะเห็น Market Village ครับ เมื่อเห็น Market Village แล้วให้เราเริ่มชะลอรถลงและมองชื่อซอยทางซ้ายมือไว้ดีๆ ครับ ซักพักเราจะเห็นซอยหัวหิน 75/2 ครับ โดยจะมีป้ายชื่อโรงแรมติดอยู่บริเวณหน้าปากซอย แต่ด้วยขนาดซอยที่ค่อนข้างเล็กมากดังนั้นเราอาจจะไม่ทันสังเกตเห็นและขับรถเลยซอยได้ ดังนั้นผมแนะนำเลยครับว่าให้ขับช้าๆ และสังเกตให้ดีๆ ครับ
ขนาดซอยที่ผมบอกว่าเล็กมากนั้นก็ประมาณในภาพนี้เลยครับ เป็นซอยที่รถวิ่งได้เลนเดียว สวนกันไม่ได้ แต่ด้วยความที่เข้าซอยมาสั้นมาก ชนิดที่กลั้นหายใจยังไม่ทันจะอึดอัดประกอบกับทางโรงแรมมีพนักงานคอยอำนวยความสะดวกในการเข้าออกซอยอยู่ตลอดเวลา ก็เลยหมดปัญหาเรื่องรถเข้าออกในซอยไปเลยครับ
เมื่อเราเข้ามาในซอยแล้วก็จะเจอลานจอดรถแบบนี้แหละครับ เท่าที่ผมนับดูน่าจะจอดรถได้ราวๆ 30 คันครับ เป็นส่วนที่มีหลังคาประมาณ 15 คัน และก็ส่วนที่ไม่มีหลังคาอีก 15 คันครับ เมื่อเทียบกับจำนวนห้องของ The Sea-Cret ที่มีทั้งหมด 42 ห้องแล้ว ก็ถือว่าพอดีๆ ครับ และผมเข้าใจว่าทางโรงแรมน่าจะมีสถานที่ในการจอดรถสำรองไว้เผื่อกรณีฉุกเฉินอยู่ครับ
อ้อ…..ขอแจ้งให้ทราบก่อนนะครับ เผื่ออาจจะมีคนสับสนและงง ที่หัวหินนี้จะมีโรงแรมที่ชื่อ The Sea-Cret อยู่ 2 ที่ นะครับ โดยที่แรกจะชื่อ The Sea-Cret Garden Hua hin โดยหากเรามาจาก กทม. จะถึงก่อนครับ ส่วนอีกที่นึงก็คือ The Sea-Cret เฉยๆ ที่ผมกำลังจะพาทุกคนไปชมกันนี่แหละครับ
เมื่อผมกับภรรยาจอดรถเสร็จแล้วเราก็เดินมาที่ Lobby ครับ โดย Lobby ของที่นี่นั้นเป็นแบบ Open air ตกแต่งสวยดีด้วยโทนสีชมพูและเด่นสุดๆ ด้วยเจ้าตุ๊กตาสุดน่ารักปนกวนๆ ขนาดใหญ่ยักษ์ครับ
ส่วนนี่เป็นหน้าตาห้องน้ำบริเวณ Lobby ครับ สีสันและกราฟฟิคเจ็บดีครับ จริงๆ ยังมีอีกจุดสองจุดเลยที่โรงแรมแห่งนี้เล่นสีกับผนังได้โดนใจผมครับ เอาเป็นว่า ใครได้มีโอกาสได้ไปพักลองเดินๆ หาดูนะครับ
หลังจากที่ผมทำการแจ้งชื่อและกรอกข้อมูลต่างๆ เสร็จเรียบร้อยแล้ว พนักงานก็พาไปที่ห้องครับ โดยกติกาการ Check in – Check out ของโรงแรมแห่งนี้ก็ตามนี้ครับ
Check in : 14.00 น.
Check out : 12.00 น.
โดยระหว่างที่เราทำการ Check in นั้น พนักงานจะนำ welcome drink มาเสิร์ฟให้ด้วยนะครับ วันที่ผมไปนั้นเป็นน้ำสับปะรด อร่อยดีครับ
The Sea-Cret Huahin นั้น จะมีห้องทั้งหมด 42 ห้อง แบ่งเป็น 2 โซน โดยโซนแรกจะเรียกว่า Garden View มีทั้งหมด 7 ห้อง ได้แก่ ห้อง Deluxe Garden View ขนาด 30 ตร.ม. จำนวน 4 ห้อง และก็ห้อง Deluxe Garden View with Jacuzzi ขนาด 30 ตร.ม. จำนวน 3 ห้องครับ
หน้าตาตึกจะเป็นแบบนี้ครับ เป็นตึกขนาด 2 ชั้น อยู่ห่างจากสระว่ายน้ำนิดนึง แต่มีข้อดีคือสงบ ดูร่มรื่นกว่า ระหว่างทางเดินมีการตกแต่งด้วยต้นไม้เขียวขจี และที่สำคัญคือมีราคาถูกกว่าด้วยครับ
สำหรับอีกโซนนึงที่ผมกับภรรยาพักนั้น จะเป็นโซนที่ติดกับสระว่ายน้ำครับ มีทั้งหมด 35 ห้อง โดยจะวางตัวตึกเป็นรูปตัว U ครับ ทุกห้องจะมองเห็นสระว่ายน้ำสวยๆ แบบนี้หมดครับ และห้องที่อยุ่ชั้น 1 นั้น จะสามารถเดินออกจากหลังห้องแล้วลงสระว่ายน้ำได้เลย เรียกว่าสะดวกและฟินมากๆ ครับ ครอบครัวไหนที่มีเด็กไปเยอะๆ และชอบว่ายน้ำกันน่าจะชอบนะครับ

ห้องทั้งหมด 35 ห้องของโซนนี้จะแบ่งเป็นตามนี้นะครับ
  • Deluxe Jacuzzi ขนาด 40 ตร.ม. จำนวน 24 ห้อง
  • Deluxe Poolside ขนาด 40 ตร.ม. จำนวน 7 ห้อง
  • Suite Jacuzzi ขนาด 80 ตร.ม. จำนวน 1 ห้อง
  • Suite Poolside ขนาด 80 ตร.ม. จำนวน 3 ห้อง
โดยห้องที่มีคำว่า Pooldise ต่อท้ายนั้นจะอยู่ที่ชั้น 1 ครับ สามารถเดินลงสระว่ายน้ำได้เลย และก็ยังมีอ่างจากุชชี่ที่เชื่อมกับสระว่ายน้ำอีกด้วยนะครับ ส่วนห้องที่มีคำว่า Jacuzzi ต่อท้ายนั้นจะอยู่ที่ชั้น 2-3 ครับ โดยจะมีอ่างจากุชชี่ให้ทุกห้องบริเวณระเบียงครับ ดังนั้นคนที่พักอยู่ที่ตึกนี้จะค่อนข้างฟินและชิวไปกับการว่ายน้ำและนอนแช่อ่างจากุชชี่มากๆ ครับ
เอาล่ะครับ ทีนี้มาดูหน้าตาห้องที่ผมพักกันดีหว่าครับ กับห้อง Deluxe Jacuzzi ครับ โดยห้องผมอยู่ที่ชั้น 2 บริเวณท้องตัว U พอดีนะครับ อ้อ…..โรงแรมแห่งนี้ไม่มีลิฟท์นะครับ แต่ด้วยความสูงแค่ 3 ชั้น ประกอบกับการที่มีพนักงานโรงแรมคอยบริการถือของให้ดังนั้นผมว่าความสูงแค่นี้สบายๆ ครับ เหมาะกับการออกกำลังกายพอดีๆ ครับ
ระบบกุญแจของที่นี่จะเป็นแบบไขกุญแจนะครับ และก็เวลาที่เราปิดประตูเพื่อออกจากห้องนั้นมันจะไม่ล็อคอัตโนมัตินะครับ เราต้องหมุนกุญแจบิดล็อคมันเอง ตรงนี้สำคัญมาก!! ห้ามลืมโดยเด็ดขาดนะครับ
พอเราเข้าห้องมาก็จะพบกับห้องที่ค่อนข้างกว้างมากเลยครับ โดยรูปแบบการวาง lay out ก็จะเหมือนโรงแรมทั่วๆ ไปครับ คือห้องน้ำอยู่ฝั่งนึง ตู้เสื้อผ้าอยู่ฝั่งตรงข้าม แล้วก็เป็นที่นอนกับระเบียงครับ
การตกแต่งห้องโดยรวมผมว่าสวยดีนะครับ มีการใช้ไม้ผสมผสานกับสีชมพูซึ่งเป็นสีที่ผมชอบมาก ส่วนเตียงนอนนั้นนอกจากจะนุ่มและนอนสบายมากกกกแล้วก็ยังมีขอบนุ่มๆ สีดำล้อมรอบ 3 ด้าน สามารถใช้นั่งแทนโซฟาได้สบายๆ ครับ
เท่าที่ผมสำรวจ สิ่งอำนวยความสะดวกในห้องนี้ถือว่าครบครันเลยครับ ไม่ว่าจะเป็น TV, ตู้เย็น, กระติกน้ำร้อน, ชา, กาแฟและเครื่องเล่น DVD โดยเราสามารถไปขอยืมแผ่น DVD ได้จากบริเวณ Lobby มาดูได้นะครับ และในตู้เย็นนั้น เค้ามีน้ำเปล่าให้เรามากมายถึง 4 ขวดด้วยกัน!! ยิ่งไปกว่านั้นยังมีผลไม้เป็น Welcome serve ให้ด้วยจ้า แช่เย็นไว้อย่างดีเลย เรียกว่าสร้างความประทับใจได้มากเลยทีเดียวครับ
ผมขอแว้บกลับมาที่เตียงนอนกันอีกรอบครับ ที่นี่ให้หมอนมา 4  ใบและนุ่มนอนสบายมากครับ แบบว่านุ่มจนอยากจะได้กลับมาไว้นอนที่บ้านเลยครับ และก็แถวๆ หัวเตียงเราจะมีตุ๊กตาแบบนี้ตั้งอยู่ หน้าตาเหมือนกับเจ้าตัวใหญ่ยักษ์ด้านล่างนั่นแหละครับ
โดยเจ้าตุ๊กตาตัวนี้จะเป็นสัญลักษณ์บอกว่าหากเราต้องการเปลี่ยนผ้าปูที่นอนนั้น ให้เราย้ายเจ้าตุ๊กตาตัวนี้จากบนหัวเตียงมาไว้บนเตียงนอนครับ พอแม่บ้านเค้าเข้ามาทำความสะอาดเค้าก็จะทราบและทำการเปลี่ยนผ้าปูที่นอนให้ครับ ผมว่ามันแอบเก๋ดีนะครับ
เอาล่ะครับ ทีนี้เรามาดูห้องน้ำกันดีกว่าครับ ห้องน้ำของที่นี่กว้างขวางมากครับ แยกส่วนแห้งส่วนเปียกชัดเจน โดยในส่วนเปียกที่เป็นบริเวณอาบน้ำจะมีทั้งฝักบัวธรรมดาและ Rain Shower ครับ ส่วนบริเวณชักโครกนั้นก็มีสายฉีดชำระให้ด้วยครับ
เท่านั้นยังไม่พอด้วยความที่เค้าจัดขวดอุปกรณ์อาบน้ำมาให้แบบใหญ่มาก และตัวห้องน้ำยังสามารถเปิดทะลุออกไปถึงห้องนอนให้กลายเป็น Sexy Bathroom ได้โดยมีพลาสติกใสที่สามารถดึงมากั้นไม่ให้น้ำกระเด็นไปยังโซนห้องนอน ทำให้ห้องน้ำของที่นี่ได้คะแนน 10 เต็มไปจากผมเลยทีเดียวครับ!!
ในห้องน้ำนี้จะมีที่แขวนผ้าเช็ดตัวหน้าตาแบบนี้อยู่นะครับ โดยใครที่พักหลายวันและไม่ต้องการเปลี่ยนผ้าเช็ดตัวใหม่ ก็สามารถเอาผ้าเช็ดตัวเดิมมาแขวนไว้ที่ราวนี้ได้เลยครับ
สำหรับด้านตรงข้ามประตูห้องน้ำก็จะเป็นตู้เสื้อผ้านะครับ ขนาดใหญ่ดีครับ จุเสื้อผ้าได้หลายสิบตัวเลยครับ ภายในตู้เสื้อผ้านี้จะอุปกรณ์ให้หลายอย่างเลยทั้งตู้เซฟ, ไดร์เป่าผม, กางเกงเล, ผ้าเช็ดตัวชายหาด, เสื้อคลุมอาบน้ำ, ร่มแล้วก็รองเท้าแตะครับ โดยไดร์เป่าผมจะอยู่ในถุงสีดำๆ ด้านบนนะครับ ส่วนรองเท้าแตะนี่ผมว่าเค้าเลือกสีได้สวยดีนะครับ ><
เอาล่ะครับ ทีนี้เราออกไปดูที่ระเบียงห้องกันดีกว่าครับ ขนาดระเบียงค่อนข้างกว้างครับ มีที่นั่งให้ดูวิวชิวๆ ด้วยครับ โดยห้องที่ผมพักนั้นจะเห็นวิวสระว่ายน้ำแบบนี้ครับ
ทั้งนี้ภายในห้องพักเค้าได้มีราวตากผ้าเล็กๆ แบบนี้ไว้ให้ด้วยนะครับ มันจะถูกพับเก็บไว้แถวๆ ประตูระเบียง เอาไว้สำหรับตากพวกชุดว่ายน้ำได้ดีเลยครับ ไม่เปียกเละเทะในห้อง แถมแห้งเร็วด้วยครับ
นอกจากนี้ที่ระเบียงของห้องที่อยู่ชั้น 2 และ 3 ทุกห้องจะมีอ่างจากุชชี่แบบนี้อยู่ครับ ขนาดอ่างถือว่าใหญ่นะครับ ลงไปนอนแช่ 2 คนได้สบายๆ เหลือที่อีกเยอะเลย แล้วก็ม่านบังสายตาที่เป็นการเอาหอยมาร้อยๆ กันนั้นหากเราไม่ชอบ เราก็สามารถรวบมัดมันเก็บได้ครับ และที่สำคัญก็คือเจ้าอ่างจากุชชี่นี้ยังสามารถเปิดหน้าต่างเพื่อทะลุเข้าไปในห้องนอนได้อีกด้วยครับ มันดีงามมากจริงๆ ครับ
สำหรับวิธีการใช้อ่างจากุชชี่นั้นก็คือให้เราทำการเปิดน้ำใส่อ่างก่อนจากนั้นก็ใส่ Bath bomb ลงไปครับ เมื่อระดับน้ำสูงถึงหัวจากุชชี่ที่อยู่บริเวณด้านบนของอ่างเราค่อยไปทำการเปิดสวิซต์หัวจากุชชี่ครับ ถ้าระดับน้ำยังสูงไม่ถึงหัวจากุชชี่อย่าพึ่งไปเปิดสวิซท์นะครับเดี๋ยวหัวมันจะไหม้และท่านจะงานเข้าครับ T___T
ส่วน Bath Bomb นั้นถ้าใครไม่ได้เตรียมมา ทางโรงแรมเค้ามีขายที่บริเวณ Lobby ด้วยนะครับ มีหลายกลิ่นให้เลือกเลย โดยลูกเล็กราคา 60 บาท ส่วนลูกใหญ่ราคา 150 บาทครับ เท่าที่ผมถามคนที่เคยไปมาภายหลังพบว่าสำหรับการแช่ 1 ครั้งให้ใช้ลูกเล็กลูกเดียวก็พอครับ ส่วนลูกใหญ่อาจจะเหมาะสำหรับคนที่แบ่งแช่หลายรอบครับ
ส่วนผมน่ะเหรอครับ เนื่องจากในตอนแรกไม่ทราบว่าทางโรงแรมมีจำหน่ายด้วย ก็เลยหาอ่านรีวิวในเนตและก็เจอคนแนะนำให้ใช้ Bubble Bath แบบนี้  ผมก็เลยแวะไปซื้อระหว่างทางที่ขับรถไป และเจอเค้าจัดโปรโมชั่นซื้อ 1 แถม 1 ด้วยก็เลยได้มา 2 ขวด แต่ด้วยความที่ไม่เคยใช้มาก่อน เลยเทลงไปเยอะเกิน ผลน่ะเหรอครับ ฟองท่วมตัวจ้า กว่าจะได้นอนแช่นี่ต้องนั่งรอฟองมันยุบลงไปหน่อย ไม่งั้นถึงขั้นจมลงไปในกองฟอง T___T
บอกเลยว่าถ้าใครซื้อแบบผมไปใช้ อย่าพึ่งเทลงไปเยอะในตอนแรกนะครับ ค่อยๆ เทแล้วดูปริมาณฟองเป็นระยะๆ จะดีกว่าครับ หรือถ้าจะเอาสะดวกและคิดว่าไม่น่าจะได้ใช้บ่อย ผมว่าซื้อ Bomb Bath จากโรงแรมอาจจะง่ายกว่าครับ
เอาล่ะครับ ตอนนี้เราก็สำรวจห้องไปครบเรียบร้อยแล้ว ทีนี้เราไปสำรวจบริเวณอื่นๆ ที่น่าสนใจดีกว่าครับ นั่นก็คือทะเลครับ!!
โรงแรมแห่งนี้ไม่ได้มีอาณาเขตติดกับทะเลโดยตรงนะครับ แต่ทางโรงแรมได้ทำทางเดินเชื่อมต่อไปถึง และก็ใช้เวลาเดินไม่ไกลครับ ออกจากตึกที่ผมอยู่แค่ 3 นาทีก็ถึงแล้วครับ โดยระหว่างทางเดินไปเราจะผ่านสวนของทางโรงแรมที่มีศาลา ชิงช้า และก็เปลแบบนี้ครับ ดังนั้นถ้าใครที่ใช้เวลาเดินไปถึงทะเลเกินกว่า 3 นาทีก็เพราะว่าเสียเวลาถ่ายรูปนี่แหละครับ ฮา
ปล.ภาพในช่วงนี้จะมีบางภาพที่สัดส่วนแปลกๆ ไปหน่อยนะครับ เพราะเป็นภาพจากมือถือครับ พอดีผมอยากลองเอาเจ้ามือถือตัวนี้ถ่ายภาพขาวดำดูครับว่าผลจะเป็นอย่างไรบ้าง
เดินตามทางที่ป้ายบอกแป๊บเดียว เราก็มาถึงทะเลแล้วครับ โดยทะเลในโซนนี้ก็มีความสวยงามตามมาตรฐานของทะเลหัวหินนั่นแหละครับ แต่จะมีข้อดีคือคนค่อนข้างน้อย และเงียบดีครับ
สำหรับคนที่ไม่ชอบเล่นน้ำทะเล ว่ายน้ำในสระก็ไม่ชอบเท่าไหร่ แต่ที่ต้องมาเพราะภาวะจำยอมต่างๆ ที่โรงแรมแห่งนี้มีของทีเด็ดอย่างนึงที่จะช่วยบรรเทาอาการอ้างว้างของคุณได้ นั่นก็คือ……Pokestop หรือเสา Pokemon นั่นเองครับ โดยจะมีเสาบริเวณ Lobby อยู่ 1 จุด และมีอาณาเขตที่สามารถหมุนได้ไปไกลถึงห้องนอนครับ ผมนี่นอนเล่นที่ห้องแล้วก็หมุนไปเรื่อยๆ เพลินดีครับ ส่วนใครที่ไม่อยากหมุนรับของกับ EXP เพราะ level สูงแล้วก็สามารถเดินออกจากโรงแรมและข้ามถนนไปไม่ไกลก็จะมียิมให้ตีถึง 2 ยิมครับ สำหรับ Pokemon ที่ผมพบในบริเวณโรงแรมก็ตามรูปด้านล่างเลยครับ เจอบ่อยดีเหมือนกันครับ
ปล. ในวันที่ผมไปพักนั้นผมพึ่งจะเริ่มเล่นได้แค่วันเดียว ดังนั้น level ผมจึงน้อยกะจิ้ดริดแบบนั้นนะครับ T_T
ส่วนตัวผมกับภรรยาน่ะเหรอครับ เราเลือกเล่นน้ำในสระว่ายน้ำกันครับ เพราะคนน้อยและสระน่าว่ายมาก น้ำใส รูปร่างสระเก๋ และหากว่ายน้ำโค้งตามทางไปจนจบจะได้ระยะที่ผมกำลังเหนื่อยพอดีๆ ครับ
หลังจากที่ผมกับภรรยาว่ายน้ำกันจนเหนื่อยแล้ว ก็เป็นเวลาที่เหมาะกับการทานอาหารเย็นพอดี เราทั้งคู่จึงได้เข้าไปลองทาน Buffet อาหารทะเลที่ทางโรงแรมพึ่งเปิดตัวได้ไม่นานครับ โดยนอกจากแขกที่พักที่นี่แล้ว เค้ายังเปิดรับคนนอกด้วยนะครับ สำหรับราคาก็ตามนี้เลยครับ
ผู้ใหญ่ ราคา 399 บาท/คน
เด็ก ราคา 199 บาท/คน
ราคานี้เป็นราคาที่ Net แล้วนะครับและรวมอาหาร เครื่องดื่ม ขนมครบถ้วนครับ มีเวลากิน 1 ชั่วโมงกับ 40 นาที สำหรับเวลาเปิดบริการนั้นจะเริ่มตั้งแต่เวลา 17.00 น. จนถึง 21.00 น. ครับ ส่วนสถานที่ในการรับประทานนั้นก็ตรงข้างๆ  Lobby กับสระว่ายน้ำนั่นแหละครับ หาไม่ยากครับ
เจ้าโบรชัวร์ Seafood buffet นี้จะวางไว้อยู่ในห้องนอนเราเลยนะครับ ใครสนใจก็แจ้งไปที่ Lobby ได้เลย เค้าจะถามเวลาที่เราสะดวกและเมื่อเรากินเสร็จก็แค่เซ็นชื่อกับหมายเลขห้องไว้แล้วค่อยไปจัดการค่าใช้จ่ายตอน check out ครับ สะดวกมากๆ เลยครับ
เอาล่ะ เรามาเริ่มกิน Seafood Buffet มื้อนี้ไปพร้อมๆ กันดีกว่าครับ เริ่มจากหน้าตาโต๊ะของเราครับ ทางโรงแรมจะมีการจัดโต๊ะหน้าตาแบบนี้ไว้ให้ครับ มีจาน กรรไกร ที่คีบ ที่รองเตา ถังขยะไว้พร้อม โดยส่วนใหญ่จะจัดเป็นโต๊ะเล็ก นั่งได้ 2-4 คน แต่ถ้าเรามีการแจ้งจำนวนที่มากกว่านั้นไว้เค้าก็จัดโต๊ะไว้รอครับ ทั้งนี้จำนวนโต๊ะที่ผมดูคร่าวๆ แล้ว น่าจะสามารถรองรับได้ประมาณซัก 50 คนได้ครับ
ส่วนไลน์อาหารนั้นจะวางเป็นรูปตัว L เริ่มจากน้ำแล้วไล่ไปเป็นผลไม้, สลัด, Seafood และอาหารทานเล่นครับ
โดยน้ำจะมีให้เลือกระหว่างพั้นช์, ชามะนาว, แอ๊ปเปิ้ล แล้วก็น้ำเปล่าครับ ส่วน Seafood นั้นมาเต็มทั้งปลาหมึก, กุ้ง, ปู, หอยเชลล์, หอยหวาน, หอยแมลงภู่ แล้วก็หอยตลับครับ คุณภาพจากที่สังเกตด้วยตารอบแรกคร่าวๆ ถือว่า Seafood นั้นมีความสดที่ดีและหน้าตาสวยงามเลยครับ แต่เดี๋ยวเราค่อยไปเจาะลึกกันอีกรอบว่าแต่ละรายการเป็นยังไงครับ
เริ่มตั้งแต่ปูครับ ขนาดตัวไม่ใหญ่มาก ราวๆ ฝ่ามือ แต่ความสดดีถึงดีมากครับ อ้อ…..ถึงเจ้าปูจะตัวไม่ใหญ่มากแต่พอลงไปวางบนตะแกรงแล้วก็กินพื้นที่ใช้ได้นะครับ ดังนั้นทางโรงแรมก็เลยมีบริการพิเศษเพิ่มให้ด้วยว่าสำหรับพวกปูหรืออะไรที่ชิ้นใหญ่ๆ หน่อยทางโรงแรมจะบริการปิ้งให้ด้วยเตาขนาดใหญ่บริเวณด้านหลัง ซึ่งช่วยอำนวยความสะดวกให้เราได้มากเลยครับ อันนี้ผมชอบมาก
ส่วนกุ้ง ขนาดกำลังพอดีๆ กลางๆ ค่อนไปทางใหญ่นิดๆ เป็น size ที่ผมว่ากำลังกินได้อร่อยดีครับ ความสดจากที่กินไปทั้งหมดราวๆ 20 กว่าตัวถือว่าสดมาก สอบผ่านเกรด A เลยครับ
ปลาหมึก ตัวใหญ่ยาวดี และสดมากเช่นกันครับ เจ้าปลาหมึกนี่แหละเป็นอุปกรณ์ที่เราจะได้ใช้กรรไกรบนโต๊ะของเราครับ
ส่วนหอยที่มี 4 ชนิดนั้น ผมได้กินแค่หอยเชลล์, หอยหวาน และหอยตลับครับ ซึ่งทั้ง 3 ชนิดนี้ก็สดดีเช่นเดียวกันครับ โดยเฉพาะเจ้าหอยเชลล์นั้นผมกับภรรยาชอบมากครับ ตัวค่อนข้างใหญ่เลยทีเดียวครับ ><
ปล.ใครที่ได้มีโอกาสไปกิน ผมฝากชิมเจ้าหอยแมลงภู่แล้วมาบอกหน่อยนะครับว่ารสชาติเป็นยังไงครับ พอดีผมกับภรรยาไม่ค่อยชอบทานเท่าไหร่ครับ
สำหรับน้ำจิ้มของที่นี่จะมี 2 แบบนะครับ ได้แก่น้ำจิ้มสุกี้ที่รสชาติออกหวานๆ หน่อย เหมาะสำหรับคนที่ทานเผ็ดไม่ค่อยได้ และก็น้ำจิ้มซีฟู้ดที่รสจัดจ้าน เปรี้ยวนำ และมีความเผ็ดตามมาที่ปลายลิ้นครับ
โดยส่วนตัวผมชอบทานน้ำจิ้มสุกี้มากกว่า ส่วนภรรยาผมขานั้นเธอชอบรสจัดรสร้อนแรงอยู่แล้วก็เลยจัดซีฟู้ดไปครับ
ส่วนอาหารทานเล่น เค้ามีจัดไว้ทั้งหมด 4 อย่างด้วยกันนะครับ ได้แก่ สปาเกตตี้, หมูมะนาว, ข้าวผัดกระเทียม แล้วก็ปีกไก่ทอดครับ
รสชาติทั้ง 4 รายการนี้กลางๆ ครับ โดยที่ผมชอบสุดก็คือหมูมะนาวเพราะมันเปรี้ยวสามารถมาแก้เลี่ยนกับการกินซีฟู้ดหนักๆ ได้ดีครับ ส่วนปีกไก่ทอดนั้นออกเค็มนิดๆ และค่อนข้างเย็นไปหน่อยคงเพราะทอดเสร็จแล้ววางทิ้งไว้นานเกินไป ดังนั้นสำหรับคนที่ต้องการทานร้อนๆ ผมแนะนำให้นำไปปิ้งบนเตาครับ ผมลองมาแล้วรสชาติที่ได้ดีขึ้นด้วยครับ ><
สำหรับสลัดแล้วก็พวกผลไม้ผมกับภรรยาไม่ได้ทานเลยนะครับ เพราะจัด Seafood กันไปเต็มท้องมากๆ โดยเฉพาะกุ้งกับหอยเชลล์ และที่สำคัญคือเค้ามีไอศรีมโบราณของ ete ไว้ให้ทานฟรีด้วยครับ!! ซึ่งไอศรีมโบราณ ete นี้เป็นอะไรที่ผมชอบทานมากอยู่แล้วด้วยครับ
โดยเจ้าตู้นี้จะอยู่ในบริเวณในตัวตึกครับ มีให้เลือก 10 กว่ารส แต่เหมือนจะไม่ครบทุกรสที่ทาง ete เค้ามีนะครับ เพราะผมเคยกินรสอื่นที่นอกเหนือจากนี้ด้วยครับ เบ็ดเสร็จวันนั้นผมกับภรรยากินไป 5-6 แท่งได้ครับ ถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็นรสข้าวโพด, ข้าวเหนียวดำ, มังคุด, มะม่วงแล้วก็ทับทิมกรอบครับ
เอาล่ะครับ ตอนนี้ก็จบกับรายการ Seafood Buffet มื้อเย็นกันแล้ว ผมขอตัดข้ามไปยังเรื่องสุดท้ายนั่นก็คืออาหารเช้ากันเลยนะครับ
สำหรับไลน์อาหารเช้าของที่นี่ก็จะจัดอยู่ในตำแหน่งเดียวกับ Seafood Buffet  นี่แหละครับ คืออยู่ข้างๆ สระว่ายน้ำกับ Lobby ครับ การวางไลน์อาหารก็เป็นรูปตัว L ตามเดิมครับ โดยเริ่มตั้งแต่ น้ำ, ซีเรียล, ชา, กาแฟ, ขนมปัง, ผลไม้, สลัด, โยเกิร์ต, แฮม, เบคอน, ข้าว แล้วก็ Station ไข่, ข้าวต้ม, ก๋วยเตี๋ยวครับ
ประเภทอาหารเท่าที่ดูด้วยตาเหมือนไม่ได้เยอะมาก แต่หลังจากที่ได้ลองกินดูแล้วผมก็คิดว่ามันอิ่มและเพียงพอครับ สำหรับรสชาติโดยรวมนั้นอยู่ในระดับมาตรฐานครับ มีไส้กรอกและเบคอนที่ค่อนข้างโดดเด่นและประทับใจผมที่สุดครับ
ไลน์อาหารเช้าของที่นี่จะเปิดบริการตั้งแต่ 7.30 น. จนถึง 10.30 น. นะครับ อ้อ….ผมลืมไป นอกจากไส้กรอกกับเบคอนแล้วมีอีกจุดนึงที่ผมประทับใจไลน์อาหารเช้าที่นี่เป็นพิเศษนั่นคือ Station พิเศษที่เราสามารถสั่งอาหารประเภทไข่ ก๋วยเตี๋ยวและข้าวต้มได้ครับ
โดยอาหารประเภทไข่นั้น สามารถสั่งได้หลายอย่างเลย ทั้งไข่ดาว, ไข่ม้วน, ไข่กวน, ออมเล็ต, ไข่ลวก และเด็ดสุดๆ ก็คือไข่กะทะครับ อันนี้ผมชอบมาก นานๆ จะได้กินซักที และก็ไม่ค่อยมีโรงแรมไหนทำเมนูแบบนี้ครับ โดยไข่กะทะ 1 ที่เราจะได้ไข่ 2 ฟองนะครับและเค้าอัดเครื่องมาให้เยอะดีครับ
ส่วนอาหารประเภทข้าวต้มกับก๋วยเตี๋ยวนั้นเราก็สามารถเลือกได้ทั้งทะเล, หมู, ไก่ และลูกชิ้นหมูครับ ผมลองสั่งข้าวต้มหมู, ข้าวต้มทะเล และก๋วยเตี๋ยวทะเลมาทานครับ รสชาติกลางๆ ไม่ประทับใจเท่ากับการกินไข่กะทะ แต่ที่น่าสนใจก็คือเมนูที่เป็นทะเลนั้นเค้าใส่เนื้อมาให้เยอะมากครับ ปลาหมึก, กุ้ง มาเต็มๆ ครับ
ปล. ขนาดชามของก๋วยเตี๋ยวและข้าวต้มที่เค้าทำมานั้น ถือว่าชามใหญ่ใช้ได้เลยครับ เรียกว่ากินหมด 2 ชามนี่ทำเอาอิ่มเลย ถ้าเป็นไปได้ปรับชามให้เล็กกว่านี้หน่อยก็คงดี เผื่อใครทานน้อยจะได้เสียดายของ  อ้อ…แล้วก็อีกเรื่องคือ ผมแอบอยากให้น้ำซุปของทั้งก๋วยเตี๋ยวและข้าวต้มร้อนกว่านี้อีกนิดนึงด้วยครับ
ปิดท้ายอาหารมื้อเช้ากันด้วยพวกซีเรียล โยเกิร์ตและผลไม้ดีกว่าครับ จะได้ครบสูตร ><
ครับ ตอนนี้ผมก็พาทุกท่านไปรู้จักกับ The Sea-Cret Hua hin แทบจะครบทุกมุมแล้ว หลังจากนี้ก็ได้เวลาสรุปข้อมูลทั้งหมดกันแล้วล่ะครับ โดยผมจะขอแยกหัวข้อในการสรุปเป็นดังนี้นะครับ
การออกแบบ : The Sea-Cret Hua Hin เป็นโรงแรมที่ออกแบบมาได้ดีเลยนะครับ โดยเฉพาะในส่วนของสระว่ายน้ำ กับห้องนอนที่ดูโล่ง สบายตา น่าพักครับ นอกจากนี้การใช้สีชมพูเข้ามาเล่นในหลายๆ จุดทำให้โรงแรมแห่งนี้ดูสนุกและผ่อนคลายขึ้นครับ หากจะตินิดก็คือบริเวณ Lobby ที่ผมว่าสีสันมันเริ่มจางในบางจุดแล้ว หากมีการปรับปรุงอะไรใหม่ๆ ลงไปเพิ่มเติม น่าจะทำให้ว้าวขึ้นอีกพอควรเลยครับ อ้อ…ถ้าในสระว่ายน้ำมีพวกห่วงยางสัตว์ตัวใหญ่ๆ ด้วยนี่น่าจะยิ่งดีมากครับ > <
ความสะอาด : ข้อนี้ผ่านสบายๆ เลยครับ สะอาดสะอ้านดีทั้งในห้องพักและบริเวณส่วนกลางครับ
สิ่งอำนวยความสะดวก : เป็นโรงแรมที่ให้ของในห้องเยอะดีครับ ครบแทบทุกอย่างตามที่ต้องการ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องเล่น DVD, ไดร์เป่าผม, ร่ม, ตู้เซฟ, รองเท้าแตะ, กางเกงเล, อ่างจากุชชี่ หรือแม้กระทั่งราวตากผ้าครับ ถ้าจะขาดก็คงเป็นพวกเตารีดล่ะครับ แต่เอาจริงๆ เราก็ไม่ได้ใช้หรอกครับ > < อ้อ…..ถ้าจะมีเรื่องติดขัดใจผมอีกนิดหน่อยก็คงเป็นเรื่องกุญแจห้องนี่แหละครับ น่าจะทำเป็นระบบ Key Card หรือทำให้ล็อคอัตโนมัติเวลาออกจากห้อง เผื่อหลายคนลืมล็อคครับ สำหรับเรื่องสัญญาน Wifi ของที่นี่นั้นดีมากครับ ผมเดินไปทั่วเลยก็สามารถรับสัญญาณได้ดีและเร็วครับ กว่าที่สัญญาณ Wifi จะหายนี่ก็มีเกือบหลุดเขตของโรงแรมตอนที่จะไปทะเลแล้วครับ
การเดินทาง : ตัวผมเองไม่เคยเดินทางในหัวหินด้วยรถประเภทอื่นนอกจากรถส่วนตัวมาก่อนเลยครับ ก็เลยไม่กล้าตอบอะไรมาก แต่ด้วยพิกัดที่มีชื่อซอยชัดเจน เข้าซอยไม่ลึกมาก ผมว่าน่าจะเป็นอะไรที่เดินทางสะดวกอยู่นะครับ และใครที่จะไปพวก Market Village หรือตลาดหัวหินก็สามารถเดินทางไปได้ ระยะทางไม่ไกลมาก เดินทางแป๊บเดียวถึงครับ
การนอนหลับพักผ่อน : เป็นอะไรที่ดีมากครับ ทั้งเตียง หมอน ผ้าห่ม ความนุ่ม ความเย็นของแอร์ ถือว่าสอบผ่านครับ นอนหลับสบายสุดๆ โดยเฉพาะหมอนที่ความนุ่มกำลังพอดีกับผมจนชนิดที่อยากเอากลับมาไว้ที่บ้านด้วยเลยครับ
การบริการของพนักงาน : ด้วยลักษณะของโรงแรมที่ไม่ได้เป็นแบรนด์ใหญ่แบบที่หลายคนคุ้นหู ทำให้การบริการของพนักงานที่นี่จะไม่ได้ Professional มากนะครับ แต่ผมไม่ได้หมายความว่าเค้าบริการไม่ดีนะครับ เท่าที่ผมได้สัมผัสมาหลายๆ อย่าง เค้าบริการดี รวดเร็ว ยิ้มแย้มแจ่มใสครับ แต่จะเป็นในรูปแบบของคนกันเองมากกว่า ไม่ได้เรียกเราว่าท่าน ลงท้ายด้วยเจ้าค่ะอะไรแบบนี้ครับ ซึ่งผมชอบแบบนี้นะครับเพราะดูสบายๆ เหมาะกับการพักผ่อนดี ไม่ต้องเกร็งตัวอะไรมากเวลาได้รับการบริการครับ
อาหารเช้า : อาจจะไม่ได้มีไลน์อาหารที่ยาวเฟื้อย มีอะไรให้เลือกหลากหลายมาก แต่ถือว่าเกินพอสำหรับการมานอนหลับพักผ่อน นอนตื่นสายๆ กินอาหารเช้าชิวๆ ครับ ส่วนสายโหดที่ต้องการความอิ่ม เน้นหนักๆ นั้นเค้าก็มี Station ของก๋วยเตี๋ยวกับข้าวต้มไว้รองรับครับ ชามที่จัดมานั้นใหญ่ ทำเอาอิ่มใช้ได้เลยครับ
Seafood Buffet : ในส่วนนี้ขอเพิ่มพิเศษออกมาอีกข้อแล้วกันนะครับ สำหรับคนที่สนใจทาน โดยส่วนตัวผมว่ากับการจ่ายเงินทาน Buffet Seafood ราคา 399 บาท Net รวมของหวาน เครื่องดื่ม และได้ความสดขนาดนี้เป็นอะไรที่คุ้มค่าดีนะครับ เพราะเราไม่ต้องเสียเวลาเดินทางออกจากโรงแรมไปไหนเลย คิวก็ไม่เยอะ ทานสบายมาก แบบว่าเล่นน้ำเสร็จมากินข้าว กินข้าวเสร็จเดินกลับไปแช่จากุชชี่ต่ออะไรแบบนี้ครับ มันลงตัวและได้ปิดตัวเองจากโลกภายนอก เป็นช่วงเวลาที่ได้ผ่อนคลายดีครับ แต่หากบางคนไม่ชอบ คิดว่าราคาแรงไปหน่อย หรือแบบอยากจะออกไปสนุกสนานกับแสงสีด้านนอก เดินกินอาหารในตลาดโต้รุ่ง อันนี้ก็แล้วแต่ความชอบและสไตล์ใครสไตล์มันเลยครับ
สรุป : สำหรับผมแล้ว The Sea-Cret หัวหิน เป็นหนึ่งในโรงแรมที่ทำให้ผมประทับใจได้ง่ายๆ เพียงแค่ได้เข้าไปทำความรู้จักเพียงแค่คืนเดียวเท่านั้นครับ ด้วยความที่มีระยะทางไม่ไกลจาก กทม. เท่าไหร่, จำนวนห้องไม่เยอะ จึงค่อนข้างเงียบ สงบ เป็นส่วนตัว, มีสระว่ายน้ำที่ว่ายสนุก, อ่างจากุชชี่สุดฟิน, wifi ที่เร็วและเสถียร, เตียงนอนที่นุ่มๆ นอนสบาย ประกอบกับสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ ครบครัน และด้วยราคาในช่วง low season ที่เปิดไว้ค่อนข้างดีเลย ผมว่าถ้าผมคิดจะพักผ่อนในช่วงสั้นๆ ทั้งกับตัวเอง เพื่อน หรือคนรัก ในช่วงนี้ และไม่ได้แคร์เรื่องที่พักว่าจะต้องติดทะเล ผมจะนึกถึงที่นี่เป็นที่แรกแลยครับ เพราะหัวหินนี่ผมว่า Low season กับ High season  ผมไม่เห็นจะรู้สึกเลยว่าทะเลมันจะสวยต่างกันครับ @_@ แต่สำหรับคนที่มองหาโรงแรมหรูๆ, ที่จอดรถดีๆ, พนักงานดูแลดีทุกระเบียบนิ้ว, ไลน์อาหารอลังการ, โรงแรมติดทะเลสุดๆ แบบชายหาดส่วนตัว ไม่มีคนมารบกวน ผมคิดว่าตัวเลือกนี้คงไม่เหมาะสำหรับคุณเท่าไหร่ครับ
ก็จบลงแล้วสำหรับรีวิวนี้ ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านจนจบ แล้วพบกันใหม่ในรีวิวหน้าครับ สำหรับผู้ที่ต้องการติดตามเรื่องราวการรีวิวต่างๆ ที่รวดเร็วทันใจ สามารถกดติดตามได้ที่เพจ ภรรยาหา สามีใช้ และสำหรับท่านที่อยากจะได้ข้อมูลของสถานที่แห่งนี้เพิ่มเติมหรือต้องการจองที่พักราคาพิเศษ สามารถเข้าไปดูข้อมูลตามลิงก์ด้านล่างได้เลยครับ
Facebook : The Sea-Cret Hua Hin
เช็คราคาและจองที่พักผ่าน agoda.com
สุดท้ายนี้ผมขอปิดท้ายด้วยภาพนี้แล้วกันนะครับ ภาพอาหารเช้าแล้วก็ภาพที่ถ่ายบริเวณดาดฟ้าของตึกที่ผมนอนครับ โดยดาดฟ้าของทั้ง 3 ตึกนั้นสามารถขึ้นไปเดินเล่นได้หมดเลยนะครับ แล้วพบกันใหม่ในรีวิวหน้าครับ สวัสดีครับ
หมายเหตุ : วันที่ผมเข้าใช้บริการคือ 20-21 สิงหาคม 2559 ครับ
หมายเหตุ : บทความนี้เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวของผมในวันที่ไปใช้บริการเท่านั้นครับ แต่ละท่านที่ได้มีโอกาสไปใช้บริการอาจจะได้รับการบริการที่แตกต่างจากนี้ออกไป

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • Always Active

บันทึก
Exit mobile version