มันจะมีร้านอาหารดีๆ อยู่หลายร้าน ที่เราไม่รู้ว่ามันดี ไม่รู้ว่ามันอร่อย และก็เดินเมินเฉยผ่านมันไปอย่างไม่แยแส
และร้าน Teddy’s Bigger Burgers หรือที่หลายคนเรียกสั้นๆ ว่า Teddy Burgers นั้นก็คือหนึ่งในร้านที่ผมเคยเมินเฉยกับมันมานานมากกกก ทั้งๆ ที่ผมเองเป็นคนที่ชอบทานเบอร์เกอร์ และร้านนี้ก็เปิดในไทยมาได้ตั้ง 2 ปีแล้ว ที่สำคัญร้านนี้ยังมีสาขาอยู่ที่ชั้น G ของเซ็นทรัล ปิ่นเกล้า ซึ่งเป็นบริเวณที่ผมเดินผ่านบ่อยๆ แทบทุกเดือนครับ!!!
.
.
.
ให้ตายสิ ผมนี่อยากจะเขกหัวตัวเองแรงๆ ซักที เพราะหลังจากที่ผมได้มีโอกาสลองชิมอาหารของเค้าในวันนี้ ผมอยากจะถามตัวเองดังๆ ว่าตลอด 2 ปีที่ผ่านมา ผมพลาดของดี ของอร่อยแบบนี้ไปได้ยังไง T____T
Disclosure : บทความนี้ได้รับการสนับสนุนจากผู้ให้บริการ แต่ทั้งนี้ความเห็นต่างๆ ที่เกิดขึ้นเป็นความรู้สึกจริงของผมครับ
ร้าน Teddy’s Bigger Burgers นั้น เป็นร้านเบอร์เกอร์สัญชาติอเมริกัน โดยมีจุดกำเนิดที่ฮาวาย ประเทศอเมริกา และเป็นร้านที่เกิดจากความรักในการกินเบอร์เกอร์มากๆ ของคนสองคน ที่รู้สึกว่าเค้ามีปัญหาในชีวิตมากเวลาที่ออกไปกินเบอร์เกอร์นอกบ้านแล้วรสชาติที่ได้มันไม่อร่อย ไม่ถูกปากเหมือนที่เค้าทำกินเองที่บ้าน ดังนั้นเพื่อที่จะให้ทุกคนได้มีโอกาสลองชิมเบอร์เกอร์ที่เค้าคิดว่าดี อร่อยถูกปาก เค้าก็เลยเปิดร้านเบอร์เกอร์ขึ้นมาเองเลยที่ฮาวาย และหลังจากนั้นไม่นานร้าน Teddy’s Bigger Burgers ก็โด่งดังและเริ่มมีสาขาเกิดขึ้นมากมาย รวมไปถึงสาขาในต่างประเทศอย่างญี่ปุ่น, ฟิลิปปินส์, ซาอุดิอาระเบีย แล้วก็ไทย
สำหรับสาขาในประเทศไทยนั้น ปัจจุบันมีทั้งหมด 3 สาขาด้วยกันได้แก่
– Central Plaza ปิ่นเกล้า ชั้น G
– Gateway เอกมัย ชั้น G
– Central World ชั้น 7
โดยจุดเด่นของ Teddy Burger ที่ทางร้านภูมิใจนำเสนอก็คือ เป็นเบอร์เกอร์ที่มีขนาดใหญ่กว่าเบอร์เกอร์ทั่วๆ ไป, มีการเลือกสรรวัตุดิบที่ดีในการผลิต เช่น เนื้อที่ใช้ทำเบอร์เกอร์นั้น จะเป็นเนื้อวัวส่วน Ground Chucks 100% ทุกชิ้น ไม่มีการผสมอย่างอื่นปนลงไป ส่วนขนมปังนั้นก็ทำมาจากมันฝรั่ง ทำให้มีความนุ่มและหวาน นอกจากนี้เบอร์เกอร์ของ Teddy Burgers ยังเป็นเบอร์เกอร์ที่ทำสดใหม่ทุกชิ้น ตาม order ของลูกค้า ไม่ได้ทำสำเร็จพร้อมเสิร์ฟแบบกับร้าน Fast Food Burger หลายๆ ร้าน ดังนั้นจึงทำให้หลายต่อหลายคนชื่นชอบความอร่อยของ Teddy Burger จนเรียกว่าเป็น Premium Burger ครับ
สำหรับสาขาที่ผมกับต๋งไปกินในวันนี้ก็คือ สาขาเซ็นทรัล ปิ่นเกล้า ชั้น G ใกล้กับร้าน Bake a wish และ Bake Bar ซึ่งต้องบอกตามตรงว่าด้วยความที่ร้านมีขนาดเพียงห้องเดียว และโลโก้ของร้านเองก็ไม่ได้เด่นมาก ประกอบกับตำแหน่งที่ตั้งของร้านก็มีร้าน Bake a wish อยู่บริเวณหน้าร้านด้วย ก็เลยทำให้สังเกตเห็นร้านยากนิดนึง และนี่น่าจะเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ผมเดินผ่านร้านนี้มาเป็นเวลา 2 ปี @_@
แต่…..ในเมื่อตอนนี้ผมรู้แล้วว่ามันมีร้านเบอร์เกอร์อร่อยๆ แบบนี้อยู่ หลังจากนี้ผมคงไม่พลาดที่จะไปทานในมื้อต่อๆ ไปแล้วครับ
ภายในร้าน Teddy Burgers สาขาเซ็นทรัล ปิ่นเกล้า นั้น จะมีโต๊ะประมาณ 10 ตัว จุคนได้ประมาณ 20-25 คน การตกแต่งในร้านเป็นแบบเรียบง่าย เน้นใช้ไม้, รูปภาพ และสิ่งของต่างๆ อย่าง Surf Board และ ตุ๊กตาฮาวาย เพื่อสร้างอารมณ์ของร้านให้มีกลิ่นไอของฮาวายครับ
โดยจุดเด่นที่ผมชอบมากก็คือโต๊ะภายในร้านจะมีขนาดเล็ก เบา สามารถเคลื่อนย้ายไปต่อกันได้ง่าย รวมทั้งมีอ่างล้างมือไว้ให้เราภายในร้านเรียบร้อยเลยครับ แต่อ่างล้างมือนี้จะอยู่บริเวณหลังร้าน ดังนั้นถ้าใครไม่รู้หรือไม่สังเกตดีๆ ก็อาจจะมองไม่เห็นได้
สำหรับในเรื่องการสั่งอาหารของที่นี่ ผมจะขอแบ่งเป็น 2 แบบ ดังนี้
แบบที่ 1 : การสั่งเบอร์เกอร์
แบบที่ 2 : การสั่งเมนูอื่นๆ เช่น ของทานเล่น, สลัด, ซุป และเครื่องดื่ม
ในการสั่งอาหารแบบที่ 2 ที่เป็นพวกของทานเล่น (Side Dish, Appetizers) จนไปถึงสลัด, ซุป และเครื่องดื่มนั้น ก็ไม่มีอะไรมากครับ เราสามารถเปิดสั่งตามเมนูได้เลย มีรูปภาพและราคาชัดเจน ใครอยากโดนเมนูไหนก็จัดไป
หมายเหตุ : ราคาอาหารในเมนูนั้นจะยังไม่รวม Service Charge 10% นะครับ
ส่วนการสั่งเบอร์เกอร์ซึ่งเป็นทีเด็ดของร้านนั้น เราจะสามารถสั่งได้ว่าจะเอาแบบ Original, Signature หรือ Specialty โดยถ้าใครเลือกสั่งแบบ Original ทางร้านก็จะมีขั้นตอนบอกเราเสร็จสรรพตั้งแต่ 1-4 ว่าเราจะเลือกอะไรได้บ้าง ตั้งแต่ความสุกของเนื้อ, ขนาดของเนื้อ, ประเภทเนื้อ, ขนมปัง, Toppings แล้วก็เครื่องดื่มกับของทานเล่น ซึ่งในส่วนของ Topping และ Combo เครื่องดื่มกับของทานเล่นนั้น ใครจะบวกเพิ่มหรือไม่บวกเพิ่มก็แล้วแต่ความชอบของแต่ละคนเลย
อ้อ ระดับความสุกของเนื้อที่นี่จะมี 5 ระดับนะครับ คือ Rare, Medium Rare, Medium, Medium Well และ Well Done ส่วนประเภทของเนื้อที่มาทำเบอร์เกอร์ก็มีให้เลือกทั้งเนื้อ, หมู, ไก่ย่าง, ไก่ทอด แล้วก็ปลา ใครชอบแบบไหนก็จัดไปครับ โดยหากใครที่เลือกทานเนื้อจะสามารถเลือกได้ด้วยนะครับว่าจะเอาขนาดเนื้อที่ 5 oz, 7oz หรือ 9 oz ใครคิดว่ากินไม่อิ่ม อยากกินเยอะๆ ก็จัด 9 oz ไปเลยครับ
สำหรับใครที่ขี้เกียจคิดว่าจะเลือกอะไรผสมกับอะไรดี หรืออยากลองเมนูที่ทางร้านจัดแบบพิเศษมาให้แล้ว ก็เลือกสั่งเป็น Signature Burgers หรือ Specialty Burgers ได้เลยครับ แต่ละเมนูที่ทางร้านจัดมาให้นั้นดูน่ากินมากกกก และมีให้เราเลือกทานทั้งหมู, เนื้อ และไก่เลย
หมายเหตุ : สำหรับ Signature Burgers จะมีทั้งหมด 3 รายการ ได้แก่ Cheese Burger, Teri Burger และ Monster Double Burger โดยเราสามารถเลือกสั่งเป็นเนื้อหรือหมูได้ ราคาของเนื้อจะอยู่ด้านหน้า ส่วนราคาของหมูจะอยู่ด้านหลังครับ
แต่ถ้าใครคิดว่าเมนู Signature และ Specialty ที่ทางร้านจัดมาให้นั้นดูน่ากิน แต่ขนาดของมันใหญ่เกินกว่าจะกินหมด และเรายังอยากจะลองชิมอาหารอื่นๆ ภายในร้านอีก ก็นี่เลย….ดูเป็นชุดเด็ก (Kid’s Set) หรือ Value Set แทนก็ได้ โดยเมนู Value Set นั้น จะเป็นการจัดเซ็ทเบอร์เกอร์ที่มาพร้อมกับเครื่องดื่ม, ของทานเล่นต่างๆ ให้เรียบร้อยแล้ว ส่วนขนาดของเบอร์เกอร์ก็จะย่อมลงมากว่าเบอร์เกอร์ปกตินิดหน่อย รวมทั้งมีราคาที่ต่ำกว่าด้วย (Signature และ Specialty Burger จะมีเนื้อขนาด 5 oz ขึ้นไป แต่เนื้อในเบอร์เกอร์ Value Set จะมีขนาด 3.5 oz)
สำหรับเมนู Value Set นั้น ทางร้าน Teddy Burger จะมีจัดไว้ตั้งแต่ Set 1 คน (หมู / เนื้อ), Set 2 คน จนไปถึง Set 4 คน ซึ่งผมคิดว่าทางร้านจัดชุดออกมาได้ดีเลย สั่งชุดเดียวได้กินอาหารหลายอย่าง ในราคาที่ต่ำกว่าการสั่งแยกเป็นแต่ละรายการครับ
และนี่ก็คือโฉมหน้าของอาหารมื้อนี้ที่ผมกับต๋งสั่งมาทานครับ
Monster Double Burger แบบ Medium Rare ราคา 360 บาท
Value Set 1 คน (หมู) ราคา 179 บาท
ซีซ่าร์สลัด ราคา 160 บาท
Cheese Meetball Au Gratin (เนื้อ) ราคา 145 บาท
น้ำ Freshy Rainbow ราคา 95 บาท
น้ำ Deep Ocean ราคา 95 บาท
เมื่ออาหารมาวางเสิร์ฟจนครบแบบนี้แล้ว ลำดับต่อไปเราก็ไปเริ่มไล่ชิมกันทีละรายการกันนะครับ เริ่มจาก Monster Double Burger แบบ Medium Rare เบอร์เกอร์เนื้อที่มีขนาดใหญ่มาก มากจนไม่สามารถอ้าปากของเรางับทุกชั้นหมดได้ในคำเดียวแน่ๆ ส่วนส่วนประกอบที่สำคัญภายในเบอร์เกอร์ชิ้นนี้ก็คือเนื้อเบอร์เกอร์ขนาดใหญ่ 2 ชิ้นที่ดูฉ่ำน่ากินมาก แล้วก็ชีสเยิ้มๆ กับผักครับ
ในส่วนของรสชาตินั้นต้องบอกว่าเป็นเบอร์เกอร์เนื้อที่รสชาติดีมาก เนื้อนุ่ม ฉ่ำ อร่อยมาก กินแล้วฟินเลย ความสุกของเนื้อแม้เราสองคนจะคิดว่ามันสุกเกินระดับ Medium Rare ไปนิด เพราะแทบไม่เห็นความแดงของเนื้อเลย แต่รสชาติที่ได้นั้นก็ยังดีอยู่ โดยสาเหตุที่เนื้ออาจจะไม่ค่อยแดงเท่าไหร่ก็อาจจะมาจากการที่เราทั้งสองคนใช้เวลาในการถ่ายรูปนานไปนิด ดังนั้นใครที่ชอบทานแบบ Medium Rare จริงๆ เราแนะนำว่าพอทางร้านมาเสิร์ฟ ต้องรีบกินทันที อย่าเสียเวลาถ่ายรูปนานนะครับ ^^
อ้อ ผมลืมพูดเรื่องขนมปังไปครับ สำหรับขนมปังที่ทางร้านบอกว่าใช้มันฝรั่งเป็นส่วนประกอบที่สำคัญนั้น หลังจากที่ผมได้ลองชิมแล้ว ผมชอบในรสชาตินะครับ ขนมปังนุ่มและหวานแตกต่างจากหลายๆ ที่เลย ส่วนในเรื่องความร่วนนั้นต้องบอกว่าแอบร่วนกว่าหลายๆ ที่เหมือนกัน ดังนั้นถ้าใครไม่ชอบขนมปังเบอร์เกอร์ที่ร่วนๆ อาจจะไม่ถูกใจกับขนมปังที่นี่ได้ครับ
ผมให้ดูภาพของ Monster Double Burger เทียบกับหน้าของต๋งนะครับ จะเห็นว่าขนาดของเบอร์เกอร์นั้นใหญ่มาก มากจนผมเชื่อว่าผู้หญิงหลายคนกินไม่หมดแน่ๆ
ต่อกันที่ชุด Value Set หมู ราคา 179 บาท ในเซ็ตนี้นอกจากเราจะได้เบอร์เกอร์หมูขนาดพอดี กินแล้วอิ่มมา 1 ชิ้นแล้ว เรายังจะได้ชามะนาว 1 แก้ว แล้วก็ของทอดอย่าง Cheezzee Fried (เฟรนช์ฟราย์ชีส), Tater Tots (มันฝรั่งบดทอด) แล้วก็ Onion Rings (หอมทอด) มาอย่างละนิดอย่างละหน่อยด้วย
สำหรับรสชาติของเบอร์เกอร์หมูนั้น ถือว่าทางร้านทำออกมาได้ดีเลย เป็นเบอร์เกอร์หมูที่อร่อยกว่าหลายที่มาก เนื้อหมูฉ่ำ มีรสชาติในตัว เอาเป็นว่าใครที่เคยคิดว่าเบอร์เกอร์หมูมักจะไม่อร่อย ผมอยากให้มาลองชิมเบอร์เกอร์หมูที่นี่ดูซักทีครับ
ส่วนรสชาติของของทอดทั้ง 3 อย่างนั้น ผมให้ Cheezzee Fried (เฟรนช์ฟราย์ชีส) และ Tater Tots (มันฝรั่งบดทอด) อยู่ในเกณฑ์ดี โดยเฉพาะ Cheezee Fried นั้น หากใครชอบทานเฟรนช์ฟราย์ชีสอยู่แล้วอาจจะถึงขั้นต้องมีสั่งมาทานเพิ่มอีก 1 จาน ส่วน Tater Tots นั้น รสชาติจะคล้ายกับ Hash brown ใครชอบทาน Hash Brown น่าจะถูกใจครับ
หมายเหตุ : French Fries ของ Teddy Burgers นั้น จะเป็นแบบ Skin on คือ ยังมีเปลือกติดอยู่ที่ผิวของมันฝรั่ง หลายๆ คนชอบทานแบบนี้กัน แต่ถ้าใครไม่ชอบก็คงต้องหั่นออกหรือเลือกชิ้นหน่อยนะครับ
จานที่ 3 Ceasar Salad (ซีซ่าร์สลัด) ขนาดจานใหญ่ใช้ได้ ผัดดูสดสวยงาม รสชาติอยู่ในเกณฑ์ดีครับ
จานที่ 4 Cheese Meetball Au Gratin (เนื้อ) จานนี้ตั้งแต่ที่เราเห็นชื่อในเมนูเราก็อยากจะลองสั่งมาทานแล้ว ซึ่งทางร้าน Teddy Burger ก็ไม่ทำให้เราผิดหวัง รสชาติดีมาก ชีสเยิ้ม เนื้ออร่อย โดยเนื้อ Meetball นั้น รสชาติจะคล้ายๆ กับเนื้อที่อยู่ในเบอร์เกอร์เลยครับ
สำหรับเมนูนี้ผมแนะนำว่าหากทางร้านมาเสิร์ฟแล้วให้รีบทานเลยนะครับ เพราะชีสจะยังร้อนและยืดอยู่ ส่วนใครที่ไม่ทานเนื้อก็สามารถสั่งเป็นหมูได้ ราคาจะถูกกว่า 20 บาท ^^
ปิดท้ายกันด้วย เครื่องดื่ม 2 แก้ว Freshy Rainbow กับ Deep Ocean จริงๆ แล้วใน Value Set ของเรานั้นมีน้ำชามะนาวมาให้แล้ว 1 แก้ว แต่พอเราเห็นโต๊ะข้างๆ สั่งเมนูนี้มา เราเองก็เลยอยากลองบ้างเพราะเห็นแล้วมันสวย น่ากินดี ><
สำหรับเครื่องดื่ม 2 แก้วนี้ จะเป็นประเภทอิตาเลี่ยนโซดา แต่จุดที่แตกต่างจากอิตาเลี่ยนโซดาหลายๆ ที่ก็คือ ทางร้าน Teddy Burger จะมีผลไม้ใส่มาในแก้วด้วย นอกจากนี้ความเข้มข้นของน้ำก็ยังดีกว่าหลายๆ ร้านครับ
และทั้งหมดนี้ก็คือเมนูที่ผมกับต๋งได้กินในวันนั้น แต่นี่ยังไม่ใช่ภาพสุดท้ายที่เราถ่ายมาฝากกันครับ เพราะระหว่างที่เรากินกันอยู่นั้น นอกจากผมจะเห็นโปรโมชั่นต่างๆ ของทางร้าน เช่น ลดราคา 10% เมื่อใช้บัตรเครดิตกรุงศรี (เมื่อทานเกิน 800 บาท) หรือ รับฟรีเมนูของทอด ราคา 75 บาท เมื่อสั่ง Monster Double Burger และจ่ายด้วยบัตรเครดิต CitiBank สายตาของผมก็ยังเหลือบไปเห็นเมนูที่โต๊ะข้างๆ สั่งมาทานอีกด้วย และด้วยความที่มันดูน่ากินมากกกกก ผมก็เลยไปขอเค้าถ่ายรูปและเอาภาพมาฝากทุกคนรวมทั้งเก็บไว้เตือนสติตัวเองด้วยว่า ถ้ามาครั้งหน้าจะต้องลองให้ได้!!!
ภาพแรกคือ Pork Hawaiian Burger ราคา 270 บาท เมนูที่มีหมู, สัปปะรดและซอสเทริยากิเป็นตัวเอก
ภาพที่ 2 คือ Beef Western Burger ราคา 325 บาท เมนูนี้จะไม่มีผักในเบอร์เกอร์เลยนะครับ สายไม่กินผักน่าจะชอบ ><
ภาพที่ 3 คือ The Ultimate Bacon Weave Burger (หมู) ราคา 195 บาท เบอเกอร์หมูที่มีเบคอนห่อมาด้วยอีกชั้น เป็นเมนูที่น่ากินมากกกก @_@
และทั้งหมดนี้คือเรื่องราวที่ผมกับต๋งได้ไปสัมผัสมาในการทานอาหารที่ร้าน Teddy’s Bigger Burgers เบอร์เกอร์อันดับ 1 จากฮาวาย และเพื่อให้ทุกคนอ่านชัดๆ เข้าใจง่าย เดี๋ยวเราไปไล่สรุปกันในแต่ละหัวข้อกันเลยครับ
วันที่รับประทาน : วันอาทิตย์ที่ 28 มกราคม 2561
ช่วงเวลา : 16.30 – 18.30 น.
จำนวน : 2 คน
รสชาติอาหาร : เป็นร้านอาหารที่ทำรสชาติของมาได้ดี ถูกปากเราทั้งคู่เลย โดยเฉพาะเมนูเบอร์เกอร์และมีทบอลอบชีส สำหรับเมนูเบอร์เกอร์นั้นคนที่ชอบทานเนื้ออยู่แล้วน่าจะไม่มีปัญหา เนื้อที่นี่รสชาติดีมาก แค่เลือกระดับความสุกกับส่วนประกอบที่ตัวเองชอบก็น่าจะถูกใจแล้ว ส่วนคนทีไม่ทานเนื้อ ผมอยากให้ลองทานเบอร์เกอร์หมูของเค้าดูครับ รสชาติดีกว่าหลายๆ ร้านเลย
ความหลากหลายของอาหาร : ด้วยความที่เป็นร้านเฉพาะทาง คือเน้นขายเบอร์เกอร์เป็นหลัก ดังนั้นในเรื่องความหลากหลายของอาหารอาจจะไม่ได้มีโดดเด่นมากนัก คือมีเมนูของทานเล่น, ซุป และสลัด ให้เลือกทานประเภทละ 3-5 รายการเท่านั้น แต่ในส่วนของเมนูเบอร์เกอร์นั้น จะมีให้เลือกประมาณ 10 รายการ โดยที่ยังไม่รวมแบบที่เราสามารถ customize เองได้อีก ดังนั้นสำหรับคนที่ชอบทานเบอเกอร์แล้ว น่าจะถูกใจกับอาหารที่เค้ามีให้เลือกพอควรครับ
ความสะอาดของร้าน : อยู่ในเกณฑ์ดี ส่วนเรื่องของพื้นที่ร้านนั้น แม้จะมีพื้นที่ไม่มากนัก แต่ทางร้านเน้นการตกแต่งที่ไม่เยอะจนเกินไป เน้นให้ดูโปร่ง โต๊ะที่ใช้ก็มีขนาดเล็ก ก็เลยทำให้ร้านนั่งแล้วไม่อึดอัดและได้อารมณ์ความเป็นฮาวายนิดๆ
การบริการของพนักงาน : บริการได้ดีครับ ด้วยความที่ร้านมีขนาดเล็ก และคนที่มาใช้บริการก็ไม่ได้เต็มทุกโต๊ะ ดังนั้นพนักงานร้าน 2-3 คน ก็เพียงพอกับการดูแลแล้ว
ความสะดวกของการเดินทาง : ร้าน Teddy’s Bigger Burgers นั้น มีทั้งหมด 3 สาขา คือเซ็นทรัล ปิ่นเกล้า, เกตเวย์ เอกมัย และ Central World ดังนั้นในเรื่องความสะดวกน่าจะตอบโจทย์คนได้หลายกลุ่มอยู่ เพราะสาขาอย่างเกตเวย์ เอกมัย และ Central World ก็อยู่ไม่ห่างจาก BTS มากครับ
ความคุ้มค่า : เบอร์เกอร์นั้นถือเป็นอาหารประเภทนึงที่คนไทยหลายคนมองว่าคือ อาหาร Junk Food ที่ราคาไม่สูง แต่ผมอยากจะบอกว่าอาหารทุกประเภทนั้นต่างก็มีระดับราคาที่กว้างมากขึ้นกับหลายๆ ปัจจัย อย่างเช่น ข้าวราดแกงก็มีตั้งแต่จานละ 15 บาท จนไปถึงจานละหลายร้อย เบอร์เกอร์เองก็เช่นเดียวกัน ถ้าใครที่ชอบกินเบอร์เกอร์ดีๆ ขนมปังอร่อย เนื้อนุ่ม ฉ่ำ กินแล้วละมุนลิ้น จะรู้ว่าราคาเบอร์เกอร์ชิ้นละ 250-350 บาท นี่เป็นราคาปกติเลย หลายๆ คนยอมจ่ายแบบไม่คิดอะไรมาก ถ้ามันอร่อยถูกปากจริง ซึ่งสำหรับผมแล้วร้าน Teddy Burgers อยู่ในเกณฑ์นั้นครับ อร่อย คุ้มค่า ชิ้นใหญ่ รสชาติถูกปากเลย
สรุป : สำหรับคนที่ชอบทานเบอร์เกอร์ โดยเฉพาะ Premium Burger แล้ว หากยังไม่เคยลองทานร้าน Teddy’s Bigger Burgers ผมอยากให้หาโอกาสไปลองทานดู โดยส่วนตัวแล้วรสชาติเบอร์เกอร์ของที่นี่อร่อยเป็นลำดับต้นๆ ที่ผมเคยทานเบอร์เกอร์ในไทยเลย นอกจากนี้ในส่วนของเมนูอื่นๆ อย่างเช่น Cheese Meetball หรือ Cheezee Fried ทางร้านก็ทำออกมาได้ดีเช่นเดียวกัน ส่วนในเรื่องของราคา แม้ระดับราคาจะดูแล้วสูงกว่าร้านเบอร์เกอร์โดยทั่วไป แต่สิ่งที่ได้ก็สมกับราคาที่จ่ายครับ โดยใครที่มีงบประมาณจำกัดหน่อยก็ลองดูพวกโปรโมชั่นของทางร้านหรือชุด Value Set ดูก็ได้ น่าจะสามารถเซฟเงินในกระเป๋าได้พอควร แต่ถ้าใครเป็นพวกที่ไม่ชอบทานเบอเกอร์หรือของทอดต่างๆ แบบนี้อยู่แล้ว ร้าน Teddy Burgers ก็คงไม่ใช่ร้านที่เหมาะกับสไตล์คุณครับ ^^
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านจนจบ แล้วพบกันใหม่ในรีวิวหน้า ทั้งนี้ทุกท่านสามารถเข้าไปพบปะพูดคุยเรื่องราวของการกินและเที่ยวของผมกับต๋งแบบใกล้ชิดที่เพจ “ภรรยาหา สามีใช้” ได้เลยครับ และสำหรับใครที่อยากจะดูบรรยากาศของการรีวิวอาหารครั้งนี้ของผมในรูปแบบของภาพเคลื่อนไหวก็สามารถกดดูที่คลิปด้านล่างได้เลย หรือใครที่อยากจะดูข้อมูลร้านนี้เพิ่มเติมก็กดเข้าไปที่ลิงก์ด้านล่างนี้ได้ครับ
VIDEO
หมายเหตุ : บทความนี้เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวของผมในวันที่ไปใช้บริการเท่านั้นครับ แต่ละท่านที่ได้มีโอกาสไปใช้บริการอาจจะได้รับการบริการที่แตกต่างจากนี้ออกไป