เมื่อไม่นานมานี้ผมพึ่งจะพาทุกคนไปรู้จักกับบุฟเฟ่ต์ติ่มซำของห้องอาหาร The Mulberry Chinese Cuisine (เดอะ มัลเบอร์รี่ ไชนีส คูซีน) โรงแรม The Berkeley Hotel Pratunam (เดอะ เบอร์เคลีย์ ประตูน้ำ) มาใช่มั้ยครับ และอยากจะบอกว่ามันเป็นบุฟเฟ่ต์ติ่มซำที่ผมประทับใจมาก เพราะเราสามารถทานติ่มซำได้ไม่อั้นในราคาเพียง 578 บาท/คน net เท่านั้น บอกเลยว่าคุ้มและน่าสนใจสุดๆ ใครที่ยังไม่เคยอ่านรีวิวนี้ของผมก็สามารถกดอ่านที่ลิงก์ด้านล่างนี้ได้เลยนะครับ

Disclosure : บทความนี้ได้รับการสนับสนุนจากผู้ให้บริการ แต่ทั้งนี้ความเห็นต่างๆ ที่เกิดขึ้นเป็นความรู้สึกจริงของผมครับ
บุฟเฟ่ต์ติ่มซำ The Berkeley Bangkok

และวันนี้ผมก็จะพาทุกคนกลับไปที่โรงแรม The Berkeley Hotel Pratunam อีกครั้ง แต่คราวนี้ผมจะพาทุกคนไปรู้จักกับไลน์บุฟเฟ่ต์ Sunday Brunch ใหม่ของเค้า ที่นอกจากจะมีอาหารให้ทานหลากหลายและสามารถทานได้ไม่อั้นทั้ง Seafood on ice, ปูยักษ์อลาสก้า, ปูหิมะญี่ปุ่น, หอยนางรม, บาร์บีคิว, ฟัวกราส์, เป็ดปักกิ่ง, ซูชิ, ซาชิมิ, ของหวาน และอื่นๆ อีกมากมายแล้ว เค้ายังมีเครื่องดื่มอีกมากมายให้เราทานไม่อั้นด้วย ที่สำคัญเรายังสามารถนั่งทานได้ยาวๆ ถึง 4 ชั่วโมง ในราคาเพียง 1,308 บาท/คน net เท่านั้นค บอกเลยว่าราคามันน่าสนใจมากกกกกกก ว่าแล้วจะรอช้าอยู่ทำไมตามไปดูรายละเอียดของเค้ากันเลยดีกว่าครับ!!

ประเภทอาหาร : บุฟเฟ่ต์นานาชาติมื้อสายวันอาทิตย์ (Sunday Brunch)

สถานที่ : ห้องอาหาร The Berkeley Dining Room ชั้น 10 โรงแรม The Berkeley Hotel Pratunam

วันที่เปิดบริการ : เฉพาะวันอาทิตย์เท่านั้น

เวลาที่เปิดบริการ : 11.30 น. – 15.30 น.

ราคาปกติของผู้ใหญ่ : แบบรวมเฉพาะชา, กาแฟ และน้ำผลไม้ ราคา 1,867++ บาท/คน, แบบรวมเครื่องดื่มทุกประเภท ราคา 2,037++ บาท/คน

ราคาปกติของเด็ก : อายุ 0 – 5 ปี รับประทานฟรี, อายุ 5-12 ปี ลด 50% จากราคาเต็ม ส่วนเด็กอายุ 12 ปีขึ้นไป คิดราคาเดียวกับผู้ใหญ่

ราคาพิเศษเมื่อจองผ่านลิงก์ : พิเศษ!! ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2563 ผู้ใหญ่ทุกคนที่จองทานอาหาร Sunday Brunch ไลน์นี้ผ่านลิงก์  จะได้รับส่วนลดพิเศษ 50% เหลือเพียง 1,199 บาท/คน net สำหรับแบบที่รวมชา, กาแฟ และน้ำผลไม้ และเหลือเพียง 1,308 บาท/คน net สำหรับแบบที่รวมเครื่องดื่มทุกประเภท ใครที่สนใจจะทานอาหารไลน์นี้ก็อย่าลืมทำการจองผ่านลิงก์ที่ผมให้ทุกครั้งนะครับ บอกเลยว่ามันช่วยเราประหยัดเงินไปได้เยอะมากๆ

เอาล่ะ คราวนี้เรามาดูเรื่องลักษณะของห้องอาหารและการเดินทางไปคร่าวๆ กันดีกว่าครับ ลักษณะของห้องอาหาร The Berkeley Dining Room นั้นจะเป็นห้องอาหารขนาดใหญ่ที่สามารถรองรับคนมาใช้บริการพร้อมๆ กันได้มากกว่า 200 คน อีกทั้งยังมีเพดานที่สูง แล้วก็ยังมีพื้นที่ให้เด็กๆ ได้เล่นกันด้วยครับ โดยพื้นที่สำหรับเด็กเล่นนี้จะอยู่บริเวณมุมของห้องอาหาร มีพื้นที่กว้างพอประมาณ มีการปูพื้นด้วยพื้นยางตลอดพื้นที่ แล้วก็มีของเล่นหลากหลายดีครับ ใครที่มีเด็กเล็กๆ ไปด้วยน่าจะยิ้มเลย ปล่อยให้เด็กๆ เล่นไป ส่วนเราก็ทานอาหารอร่อยๆ ไปเรื่อยๆ ครับ ><

นอกจากนี้ในช่วงเวลาที่เป็น Sunday Brunch นั้น ทางห้องอาหารเค้ายังมีตัวตลกโบโซคอยสร้างสีสันและเสียงหัวเราะให้กับแขกทุกๆ ท่านด้วยครับ ซึ่งผมอยากบอกว่าผมประทับใจในโบโซคนนี้มาก เค้าสามารถนำลูกโป่งมาสร้างเป็นตัวการ์ตูนและตัวละครต่างๆ ได้หลากหลายสุดๆ เห็นเค้าทำแล้วทึ่งจริงๆ แต่ละตัวนี่คิดไม่ถึงเลยว่าเค้าจะทำได้ ที่สำคัญยังทำเร็วด้วยนะ ใครได้มีโอกาสไปใช้บริการอาหารไลน์นี้ก็อย่าลืมพูดคุยหรืออ้อนให้พี่โบโซเค้าทำลูกโป่งน่ารักๆ แบบนี้ให้ด้วยนะครับ บอกเลยว่าถ้าได้มา 1-2 ตัวก็คุ้มแล้ว ฟินทั้งตอนดู ฟินทั้งตอนถือถ่ายรูปอวดเพื่อนๆ เลยครับ

ส่วนที่ตั้งของห้องอาหารนั้นจะตั้งอยู่ที่ชั้น 10 ของโรงแรมนะครับ โดยการเดินทางไปที่โรงแรมแห่งนี้ก็ไม่ยากซักเท่าไหร่ เพราะโรงแรม The Berkeley Hotel Pratunam นั้นตั้งอยู่บริเวณประตูน้ำ ข้างๆ กับตึก Palladium (พาลาเดียม) เลย หรือถ้าจะพูดง่ายๆ ก็คือเยื้องๆ กับห้าง Platinum (แพลตตินั่ม) นั่นแหละครับ

หมายเหตุ : สำหรับใครที่ขับรถไปไม่ต้องห่วงเรื่องที่จอดรถเลยครับ ที่จอดรถเค้าเยอะและกว้างมาก โดยทุกคนที่ไปใช้บริการจะสามารถจอดรถได้ฟรี 6 ชั่วโมง ส่วนใครที่ไม่มีรถส่วนตัวก็สามารถไปได้ทั้งรถเมล์, แท็กซี่ หรือไม่ก็รถไฟฟ้า BTS โดยสถานีรถไฟฟ้า BTS ที่ใกล้ที่สุดก็จะเป็นสถานีชิดลมครับ (เดินประมาณ 800-900 เมตร)

แผนที่โรงแรม The Berkeley Hotel Pratunam

มาดูที่ไลน์อาหารกันบ้างครับ สำหรับไลน์ Sunday Brunch ไลน์นี้ ผมคิดว่ามันสามารถแบ่งประเภทอาหารต่างๆ ออกมาได้ทั้งหมดเป็น 7 หมวดดังนี้ครับ

หมวดที่ 1 : Seafood

หมวดที่ 2 : บาร์บีคิวและเนื้ออบ

หมวดที่ 3 : สลัดและ Cold Cuts

หมวดที่ 4 : ขนมปังและชีส

หมวดที่ 5 : อาหารจานร้อน (Hot Dish)

หมวดที่ 6 : อาหารนานาชาติต่างๆ และอาหารพิเศษ

หมวดที่ 7 : ของหวานผลไม้ และไอศกรีม

เริ่มจากหมวดแรก “Seafood” หมวดนี้เป็นหมวดที่ผมว่าเค้าทำออกมาได้ดีและน่าสนใจมากเลยครับ โดยอาหารประเภท Seafood นี้เค้าจะแบ่งออกเป็น 2 ประเภทย่อยคือ แบบ Seafood on ice แล้วก็แบบที่นึ่งร้อนให้เสร็จเรียบร้อยแล้ว ใครชอบแบบไหนก็เลือกทานนะครับ โดยทั้ง 2 แบบนี้จะวางอยู่คนละด้านของห้องอาหาร แล้วก็แบบ Seafood on ice จะมีให้ประเภทของเนื้อให้เลือกเยอะกว่าครับ

สำหรับวันที่ผมไปนั้นประเภทอาหารใน Seafood on ice ก็จะประกอบไปด้วยปูอลาสก้า, ปูหิมะ, ปูม้า, กุ้งทะเล, กั้งกระดาน, หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์, หอยนางรมเกาหลี, หอยหวาน, หอยตลับ แล้วก็ปลาหมึก ในเรื่องของขนาด, ปริมาณ และความสดถือว่าเค้าทำได้ดีเลยครับ โดยเฉพาะขาปูต่างๆ จัดมาให้เต็มที่มาก กินกันเพลินเลย ส่วนหอยนางรมนั้นก็สดดี มีการเติมเรื่อยๆ ด้วย โดยวันนั้นผมเดินผ่านโซนนี้ไปมาตั้งหลายรอบก็ไม่เห็นว่ามันจะมีรายการไหนที่หมดจนต้องยืนรอเลยครับ

ส่วนที่เป็นแบบนึ่งร้อนให้เราเสร็จเรียบร้อยแล้ว อันนี้จะมีกุ้งแดง, หอยแมลงภู่, หอยหวาน แล้วก็หอยตลับครับ รสชาติกับความสดถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดีเช่นเดียวกัน ใครอยากทานก็เดินไปแถวๆ บาร์บีคิวที่ผมจะพูดถึงในหมวดที่ 2 นะครับ เพราะอาหารแบบ Seafood นึ่งร้อนนี้เค้าจะวางไว้บริเวณนั้นครับ

นี่เป็นภาพของน้ำจิ้มและเครื่องเคียงต่างๆ ที่ไว้ทานกับอาหารทะเลครับ ทางห้องอาหารเตรียมมาให้หลายแบบเหมือนกัน ยังไงก็ลองตักชิมรสชาติแต่ละอย่างดูนะครับ ส่วนตัวผมนั้นผมชอบน้ำจิ้มซีฟู้ดแบบสีแดงมากที่สุดครับ เพราะมันจะมีทั้งรสเปรี้ยว หวาน และเผ็ด แต่ถ้าเป็นน้ำจิ้มซีฟู้ดแบบสีเขียวมันจะเปรี้ยวนำแล้วไม่ค่อยเผ็ดเท่าไหร่ครับ

หมวดที่สอง บาร์บีคิวและเนื้อบ” หมวดนี้ก็จะมีการแบ่งแยกย่อยออกเป็น 2 หมวดย่อยๆ เหมือนกัน คือแบบที่ทางห้องอาหารปรุงสุกไว้เสร็จแล้ว ใครที่อยากทานก็สามารถเดินไปบอกให้เค้าตักให้ได้เลย กับแบบที่สองคือเราต้องคีบประเภทเนื้อสดๆ ที่เราต้องการใส่จาน แล้วก็ยื่นให้เชฟปรุงพร้อมกับหมายเลขโต๊ะของเรา และเมื่อทางเชฟปรุงเสร็จแล้วเค้าก็จะนำไปเสิร์ฟให้เราที่โต๊ะครับ

สำหรับอาหารประเภทบาร์บีคิวและเนื้ออบที่ห้องอาหารปรุงสุกไว้เสร็จแล้วในวันที่ผมไปก็จะประกอบด้วยเนื้ออบ, ซี่โครงหมูบาร์บีคิว, ปลากะพงอบเกลือ แล้วก็กุ้งแม่น้ำเผาครับ โดยรวมๆ แล้วคุณภาพกับรสชาติในหมวดนี้ถือว่าดีเลย กุ้งแม่น้ำสดและขนาดกำลังดี ทานแล้วหลายๆ คนประทับใจมาก ส่วนซี่โครงหมูบาร์บีคิวก็นุ่ม หอม อร่อยดีครับ แต่ในส่วนของปลากะพงอบเกลือนั้นอันนี้ผมแอบผิดหวังเล็กๆ เพราะเนื้อปลามันแข็งไปหน่อยครับ ผมมีความรู้สึกว่าถ้ามันนุ่มกว่านี้อีกนิดรสชาติมันน่าจะดีกว่านี้ครับ

ส่วนอาหารบาร์บีคิวประเภทที่เราต้องเลือกคีบเนื้อเองนั้นก็จะประกอบไปด้วยหมู, เนื้อ, ไก่, แกะ, แซลมอน, ผัก และแบบที่เป็นไม้เสียบเตรียมย่างครับ โดยแว้บแรกที่ผมเห็นโซนนี้ผมรู้สึกประทับมากนะ เพราะอาหารมันดูหลากหลายดี แต่พอได้ลองชิมแล้วผมกลับไม่ค่อยประทับใจเท่าไหร่ รสชาติส่วนใหญ่กลางๆ และไม่นุ่มเท่าที่ควร โดยเฉพาะเนื้อนั้นความนุ่มเทียบกับแบบที่เป็นเนื้ออบชิ้นใหญ่ก่อนหน้านี้ไม่ได้เลยครับ

ก็เอาเป็นว่าหากใครสนใจจะทานอาหารในโซนนี้ก็ลองหยิบมาอย่างละชิ้นแล้วแบ่งกับคนในโต๊ะทานดูก่อนนะครับ อย่าสั่งหรือหยิบทีเดียวเยอะๆ หากทานแล้วชอบเนื้อชนิดไหนเป็นพิเศษค่อยไปสั่งเพิ่มทีหลังจะดีกว่าครับ ^^

หมวดที่สาม สลัดและ Cold Cuts” ในส่วนของสลัดนั้นถือว่าทำได้ดีตามมาตรฐานโรงแรมครับ มีผักให้เลือกหลายประเภทแล้วก็หน้าตาสวยงาม มีท็อปปิ้งให้เลือกใส่เพิ่มพอประมาณ ส่วนน้ำสลัดนั้นมีให้เลือกทานประมาณ 4-5 อย่างครับ

ส่วนในส่วนของ Cold Cuts นั้นก็ทำได้ดีเช่นเดียวกัน หน้าตาสวยงามและมีให้เลือกทานหลายอย่าง อีกทั้งยังมีแซลมอนรมควันให้ทานด้วย ซึ่งผมบอกเลยว่าหากไลน์ไหนที่มีแซลมอนรมควันอยู่ในไลน์ด้วย ผมมักจะให้คะแนนพิเศษเพิ่มขึ้น เพราะผมกับต๋งชอบทานครับ และสำหรับที่นี่นอกจากจะมีให้บริการแล้วรสชาติของแซลมอนรมควันยังดีอีกด้วยครับ หอมนุ่ม กินแล้วฟินเลย ><

หมวดที่สี่ ขนมปังและชีส หมวดนี้ต้องบอกว่าผมกับต๋งแทบไม่ได้ชิมเลยครับ โดยเราหยิบขนมปังมาลองนิดหน่อยแค่นั้นและรู้สึกไม่ค่อยโดนใจเท่าไหร่ อย่างไรก็ตามแต่ละคนก็อาจจะชอบทานไม่เหมือนกัน ยังไงหากใครสนใจจะลองก็ไปตักอย่างละนิดละหน่อยมาชิมก่อนก็ได้ครับ เพราะพวกชีสต่างๆ ของเค้าก็ดูน่ากินอยู่ แต่ถ้าใครคิดว่าไม่เน้นอาหารประเภทนี้อยู่แล้ว แถมพื้นที่กระเพาะเองก็มีจำกัด ผมแนะนำว่าเก็บท้องไว้ไปโดนเมนูอื่นจะดีกว่า เพราะเค้ายังมีอีกหลายเมนูมากๆ ที่น่าสนใจกว่านี้ครับ

หมวดที่ห้า อาหารจานร้อน (Hot Dish)” หมวดนี้เป็นหมวดที่มีประเภทอาหารให้เลือกทานเยอะมากครับ น่าจะเกือบๆ 20 เมนูได้ และทางห้องอาหารจะมีการเปลี่ยนเมนูไปเรื่อยๆ ในแต่ละอาทิตย์ โดยในวันที่ผมไปนั้นจะประกอบไปด้วยผักโขมอบชีส, มันอบชีส, หอยแมลงภู่อบชีส, หัวปลาแซลมอนผักพริกแห้ง, กุ้งผัดเม็ดมะม่วง,เทมปุระ, ถุงทอง, ข้าวตังหน้าตั้ง, ปอเปี๊ยะผักทอด, ซุปเสฉวน, ซุปข้นเห็ด, ผัดหมี่ฮ่องกง, เต้าหู้น้ำแดง, ออมเล็ต, ไส้กรอก, แล้วก็แพนงหมูครับ หน้าตาโดยรวมถือว่าดูดีเลย แต่ในเรื่องรสชาตินั้นผมไม่ขอออกความเห็นมากนะครับเพราะผมได้ลองแค่ 3 อย่างเท่านั้น คือ หอยแมลงภู่อบชีส, ซุปข้นเห็ด และกุ้งเทมปุระ โดยในส่วนของหอยแมลงภู่อบชีสนั้นดีเลย ผมชอบครับ แต่ในส่วนของซุปเห็ดข้นกับกุ้งเทมปุระอันนี้ไม่ค่อยโดนใจซักเท่าไหร่ ตัวเทมปุระกุ้งมันแข็งและเนื้อน้อยไปนิดครับ

หมวดที่หก อาหารนานาชาติต่างๆ และอาหารพิเศษตรงนี้ผมจะขอแบ่งเป็นหมวดย่อยๆ ลงไปอีกนะครับ โดยในส่วนของอาหารนานาชาตินั้นจะประกอบไปด้วยไทย, จีน, ญี่ปุ่น แล้วก็อิตาเลี่ยน ส่วนในหมวดอาหารพิเศษนั้นจะมีเพียงอย่างเดียวคือฟัวกราส์ แต่จะมีให้เลือกทานถึง 3 แบบเลยครับ

ในส่วนของอาหารไทยอันนี้จะถูกจัดวางไว้เป็นสเตชั่นเดี่ยวๆ บริเวณทางเข้าออกห้องอาหารเลยครับ ส่วนเมนูที่เค้านำเสนอก็ดูน่าสนใจดีเพราะประกอบไปด้วยต้มยำทะเล, แคบหมู, ไส้อั่ว, เมี่ยงคำ, ปอเปี๊ยะเวียดนามปูอัด แล้วก็น้ำพริก โดยในส่วนของไส้อั่ว, เมี่ยงคำ และปอเปี๊ยะเวียดนามปูอัดนั้นทางห้องอาหารเค้าจะจัดทำเป็นคำเล็กๆ เอาไว้ให้เรียบร้อยแล้ว ดูน่ารักน่าทานและพอดีคำดีครับ

รสชาติโดยรวมในหมวดนี้ผมให้อยู่กลางๆ ครับ โดยมีต้มยำทะเลเป็นเมนูที่โดดเด่นที่สุด เมนูนี้ดีและแซ่บมาก เป็นต้มยำที่แซ่บจัดจ้านสไตล์ไทยๆ เลย แต่เมนูอื่นๆ ที่เหลือโดยส่วนตัวแล้วผมยังไม่ค่อยประทับใจเท่าไหร่ โดยเฉพาะใครที่เคยทานพวกไส้อั่วกับแคบหมูเจ้าดังๆ มาแล้วจะรู้สึกเฉยๆ มาก แต่ทั้งนี้หากมองว่าเมนูเหล่านี้มันไม่ค่อยมีในไลน์บุฟเฟ่ต์ของโรงแรม หาทานยาก โดยเฉพาะใครที่มีแขกชาวต่างชาติมาด้วย พอได้มาเจออาหารเหล่านี้ในไลน์บุฟเฟ่ต์แบบนี้ก็น่าจะทำให้หลายๆ คนประทับใจอยู่ครับ นอกจากนี้มันก็ยังมีการจัดวางที่ดีด้วย หยิบมาเป็นคำๆ ทานได้ง่ายดี ไม่ต้องห่อหรือตัดอะไรให้ยุ่งยากครับ

ต่อกันที่อาหารจีน หมวดนี้ผมว่าเค้าทำได้ดีเลยนะครับ รสชาติอาหารส่วนใหญ่ดี แถมมีเป็ดปักกิ่งให้ทานกันไม่อั้นด้วย โดยอาหารในหมวดนี้จะประกอบไปด้วยหมูกรอบ, เป็ดย่าง, เป็ดปักกิ่ง, ซาลาเปา, ขนมจีบ และสาหร่ายกุ้งมันปูครับ เมนูที่ผมทานแล้วชอบมากที่สุดก็คือหมูกรอบ หมูกรอบเค้าเด็ดจริงๆ ผมทานแล้วประทับใจตั้งแต่ตอนที่ไปรีวิวบุฟเฟ่ต์ติ่มซำแล้ว พอวันนี้ได้มาเจออีกผมนี่รีบตักมาทานซ้ำเลยครับ ^^

ส่วนเป็ดปักกิ่งนั้นโดยส่วนตัวผมว่าหนังเป็ดมันขาดความกรอบไปหน่อย ถ้าเค้าทำหนังได้กรอบกว่านี้อีกนิด น่าจะทำให้กินแล้วฟินน่าดู อย่างไรก็ตามการที่เค้ามีเป็ดปักกิ่งให้ทานได้ไม่อั้นแบบนี้ก็ถือว่าน่าสนใจกว่าไลน์บุฟเฟ่ต์หลายๆ ที่แล้วครับ แล้วก็หากใครที่ทานอาหารในหมวดอาหารจีนนี้แล้วเกิดความประทับใจ ก็สามารถตามไปกินเมนูอื่นๆ เพิ่มเติมที่ห้องอาหาร The Mulberry Chinese Cuisine ที่อยู่ข้างๆ กันได้นะครับ เพราะอาหารเหล่านี้เค้าก็เตรียมมาจากที่นั่นแหละ  ที่สำคัญที่ห้องอาหาร The Mulberry Chinese Cuisine นั้น เค้ามีบุฟเฟ่ต์ติ่มซำบริการด้วยนะ ทานได้ 2 ชั่วโมงเต็ม ในราคาเพียง 578 บาท/คน เท่านั้น บอกเลยว่าคุ้มมากๆ

มาดูกันที่อาหารญี่ปุ่นกันบ้าง อาหารประเภทนี้จะประกอบไปด้วยซูชิและซาชิมิครับ ในส่วนของซาชิมิจะมีแซลมอน, ทูน่า, ซาบะ, ไข่หวาน แล้วก็ปูอัด ส่วนซูชิจะมีประมาณ 6-7 หน้า โดยมีหน้าทีเด็ดสุดก็คือซูชิหน้าเนื้อ เนื้อนุ่มอร่อยมากครับ แต่หากใครต้องการทานซูชิหน้าเนื้อนี้อาจจะต้องรอหน่อยนะ เพราะเค้าจะทำเป็นรอบๆ แล้วก็ข้าวมันจะคำโตนิดนึง

รสชาติโดยรวมของซูชิและซาชิมิในไลน์นี้ถือว่าดีครับ เหมาะสมกับราคาดี แต่มีจุดนึงที่ผมอยากให้เค้าปรับหน่อยก็คือเรื่องของขนาดข้าว เพราะผมว่าซูชิแต่ละคำนั้นปริมาณข้าวมันเยอะไปหน่อยครับ ทานได้แค่ 4-5 คำก็เริ่มรู้สึกแน่นๆ แล้ว T_T

ส่วนอาหารอิตาเลี่ยนนั้นเค้าจะมีให้บริการเป็นพิซซ่ากับพาสต้าครับ โดยวันที่ผมไปพิซซ่าจะมีทั้งหมด 3 หน้า ได้แก่ ฮาวายเอี้ยน, เปปเปอร์โรนี และผักรวม ส่วนพาสต้านั้นจะเป็นพาสต้าซอสไก่ที่ทำสำเร็จไว้แล้ว เราสามารถเดินไปตักได้เลย ไม่ใช่แบบที่ทำทีละจานครับ ในส่วนของพิซซ่านั้นรสชาติดีเลยนะ แป้งจะออกแนวหนานุ่มนิดนึงแต่ก็มีความกรอบตามสไตล์อิตาเลียนมาผสมด้วย ผมทานทั้ง 3 หน้าแล้วชอบหมดเลย ส่วนพาสต้าซอสไก่นั้นผมไม่ได้ลองทานนะครับ

จบในส่วนของอาหารนานาชาติแล้ว คราวนี้เราไปดูในส่วนของอาหารพิเศษกันบ้าง โดยอาหารพิเศษในช่วงที่ผมไปทานนั้นจะเป็นฟัวกราส์ครับ โดยทางห้องอาหารจะมีฟัวกราส์ 3 แบบให้เราเลือกสั่ง ใครต้องการทานแบบไหนก็สามารถนำหมายเลขโต๊ะของเราไปสั่งได้เลย และเมนูฟัวกราส์นี้เราสามารถสั่งคนละกี่ชิ้นก็ได้ ไม่มีการจำกัดจำนวนใดๆ ครับ

สำหรับเมนูฟัวกราส์ทั้ง 3 แบบนั้นจะประกอบไปด้วย Foie Gras with Tamarind (ฟัวกราส์ซอสมะขาม), Beef on top Foie Gras serve with Pot Wine and Truffle (ฟัวกราส์พร้อมเนื้อราดด้วยซอสไวน์และทรัฟเฟิล) และ Foie Gras with Berry Sauce (ฟัวกราส์ราดด้วยซอสเบอร์รี่) ซึ่งจากที่ผมลองชิมมาทั้ง 3 เมนูแล้ว ผมชอบชิ้นที่สองที่เป็นฟัวกราส์ที่เสิร์ฟพร้อมกับเนื้อแล้วราดด้วยซอสไวน์กับทรัฟเฟิลมากที่สุดครับ ผมว่ารสชาติลงตัวดี ทานแล้วเหมือนกำลังทานของคาวอยู่ ส่วนอีกสองอันนั้นผมว่ารสชาติมันจะออกหวานๆ หน่อย ทานแล้วรู้สึกไม่ค่อยเข้ากันครับ แต่ยังไงก็อย่าเชื่อผมมากนะ เพราะแต่ละคนก็ชอบทานรสชาติที่ไม่เหมือนกัน ใครที่มีโอกาสไปใช้บริการที่ห้องอาหารนี้แล้วเจอเค้าบริการฟัวกราส์หลายๆ แบบก็ลองสั่งมาอย่างละหนึ่งชิ้นแล้วแบ่งทานกับเพื่อนก่อนก็ได้ครับ จะได้ลองให้ครบๆ  ชอบแบบไหนเป็นพิเศษก็ค่อยสั่งเพิ่ม แล้วก็ผมขอบอกไว้นิดนึงนะว่าวันที่ผมไปทานนั้นหน้าตาของฟัวกราส์ที่ทางเชฟเค้าทำจริงกับชิ้นที่เค้าวางโชว์นั้นมันจะไม่ค่อยเหมือนกันซักเท่าไหร่ ความสวยงามต่างๆ จะลดลงแล้วก็ขนาดของฟัวกราส์หรือขนมปังมันจะไม่เท่ากับที่เค้าโชว์ครับ

หมายเหตุ : สำหรับเมนูฟัวกราส์ 3 แบบนี้ ทางห้องอาหารจะให้บริการถึงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2563 เท่านั้น หลังจากนั้นอาจจะมีการเปลี่ยนเป็นเมนูพิเศษอื่นๆ แทน

และตอนนี้เราก็ดูอาหารคาวในไลน์นี้ไปกันครบหมดแล้วนะครับ เดี๋ยวต่อไปเราจะไปดูอาหารประเภท “ของหวาน, ผลไม้ และไอศกรีม” กันบ้าง โดยในส่วนของหวานนั้นวันที่ผมไปเค้าจะมีให้บริการทั้งของหวานไทย, จีน และยุโรปเลย มีเมนูให้เลือกทานเยอะมาก หน้าตาส่วนใหญ่ดูดี แล้วพวกขนมหรือเค้กต่างๆ เค้าจะจัดแต่งให้มีความเป็นจีนๆ เข้ามาปนด้วย เพราะในวันที่ผมไปรีวิวนั้นเป็นวันตรุษจีนพอดีครับ ส่วนใครที่ไปหลังจากนี้ก็อาจจะเห็นเค้าตกแต่งเป็นอย่างอื่นแทนนะ ^^

ผมให้ดูรูปภาพของหวานกันไปยาวๆ เลยนะครับ เพราะมันมีเยอะมาก แล้วก็บางอย่างผมก็เรียกชื่อไม่ค่อยถูก เพราะเค้าไม่ได้มีการติดป้ายไว้ ส่วนในเรื่องรสชาตินั้นจากเท่าที่ผมกับต๋งลองชิมมาประมาณ 30% ของของหวานที่เค้ามี รสชาติส่วนใหญ่ถือว่าดีและสอบผ่านครับ โดยเมนูที่พวกผมชอบมากที่สุดก็จะเป็นบัวลอยน้ำขิงครับ คนที่ไปด้วยกันวันนั้นเอ่ยปากชมออกมาหลายคนเลย

ส่วนผลไม้ที่มีให้บริการในวันนั้นจะประกอบไปด้วยแก้วมังกร, แตงโม, สับปะรด และมะละกอครับ เรื่องรสชาติผมไม่ขอออกความเห็นนะ เพราะไม่ได้ชิมเลย

ปิดท้ายกันด้วยไอศกรีมครับ วันที่ผมไปเค้ามีให้บริการทั้งหมด 5 รสชาติ ได้แก่ ราสเบอร์รี่, ชาเขียว, ชาไทย, เสาวรส และมะพร้าว หน้าตาไอศกรีมดูดีเลย แถมมีท้อปปิ้งให้เลือกใส่หลากหลาย แต่หลังจากที่ลองชิมแล้วผมว่าบางรสชาติมันยังไม่ค่อยโดนครับ โดยรสชาติที่ผมทานแล้วรู้สึกประทับใจจะมี 2 รส คือ ราสเบอร์รี่กับเสาวรสครับ

เอาล่ะ ก่อนที่จะเข้าไปสู่ช่วงของการสรุปรีวิวในตอนท้าย เดี๋ยวผมจะขอพูดถึงเรื่องของเครื่องดื่มนิดนึงนะครับ โดยการไปทานบุฟเฟ่ต์ Sunday Brunch ไลน์นี้ เราจะสามารถเลือกทานได้ 2 แบบ คือแบบที่รวมเฉพาะชา, กาแฟ และน้ำผลไม้ กับแบบที่รวมเครื่องดื่มทั้งหมดทุกประเภท โดยแบบหลังนี้จะมีราคาต่อคนสูงกว่า 109 บาทครับ ซึ่งโดยส่วนตัวแล้วหากใครไม่ติดเรื่องงบประมาณอะไรจริงๆ ผมแนะนำให้ทานแบบหลังจะดีกว่าครับ จ่ายเพิ่มประมาณ 100 บาท แต่ได้ทานเครื่องดื่มเยอะกว่ามากๆ อยากทานอะไรก็มีให้ทานเกือบหมดครับ

นี่เป็นหน้าตาของชา, กาแฟ และน้ำผลไม้ครับ เครื่องดื่มพวกนี้ทุกคนจะสามารถทานได้ฟรีเลย แล้วก็มันยังมีพวกนมกับซีเรียลให้ทานด้วยนะครับ

ส่วนเครื่องดื่มอย่างน้ำอัดลม, ม็อกเทล และอื่นๆ นั้น หากใครต้องการจะทานก็สามารถแจ้งพนักงานที่เดินไปเดินมาแถวโต๊ะเราได้เลย เดี๋ยวเค้ารับออเดอร์แล้วจะนำมาเสิร์ฟให้เราที่โต๊ะครับ เราเองจะได้ไม่ต้องวุ่นวาย รวมทั้งพนักงานก็จะไม่งงด้วยว่าโต๊ะไหนทานเป็นบุฟเฟ่ต์แบบไหนครับ

และทั้งหมดนี้ก็คือประสบการณ์ของผมกับต๋งหลังจากที่ได้มีโอกาสลองทานบุฟเฟต์ Sunday Brunch ที่ห้องอาหาร The Berkeley Dining Room ชั้น 10 โรงแรม The Berkeley Hotel Pratunam ครับ และเพื่อให้ทุกคนเห็นภาพต่างๆ ที่ชัดเจนขึ้น ผมก็เลยทำการสรุปทิ้งท้ายแยกเป็นหัวข้อต่างๆ ตามนี้นะครับ ยังไงก็ลองอ่านกันดูนะว่าบุฟเฟ่ต์ไลน์นี้จะโดนใจคุณหรือเปล่าครับ

วันที่รับประทาน : วันอาทิตย์ที่ 26 มกราคม 2563

เวลา : 11.30 น. – 14.30 น.

จำนวน : 9 คน

รสชาติอาหาร : รสชาติอาหารส่วนใหญ่ในไลน์บุฟเฟ่ต์นี้ถือว่าดีเลยครับ ผมกับต๋งประทับใจหลายอย่างเลย โดยหากจะมีหมวดอาหารที่ผมคิดว่ายังไม่ค่อยโดนเท่าไหร่ก็น่าจะเป็นประเภทบาร์บีคิวที่เราต้องคีบให้เชฟปรุงเท่านั้น ส่วนหมวดอื่นๆ ถือว่าดีและสอบผ่านหมดครับ รสชาติส่วนใหญ่อยู่ในเกณฑ์ดี จะมีเพียงบางเมนูเท่านั้นที่กินแล้วรู้สึกว่าถ้าปรับปรุงได้จะดีมาก และจากที่ผมได้ลองถามพี่ๆ ที่ไปทานด้วยกันมา เสียงส่วนใหญ่ก็ตอบตรงกันว่าประทับใจครับ ดังนั้นเรื่องนี้คนไปทานส่วนใหญ่ก็น่าจะรู้สึกคล้ายๆ กันครับ

ความหลากหลายของอาหาร : เป็นเรื่องที่ไลน์นี้ทำออกมาได้ดีเลยนะครับ อาหารมีความหลากหลายมาก โดยอาหารนานาชาตินั้นมีทั้งไทย, จีน, อิตาเลี่ยน และญี่ปุ่น นอกจากนี้อาหารประเภทจานร้อน, Seafood on ice, บาร์บีคิว และของหวานก็มีให้เลือกทานหลากหลายสุดๆ ที่สำคัญขนาดฟัวกราส์ซึ่งเป็นเมนูพิเศษเค้ายังมีให้เลือกทานถึง 3 แบบเลยครับ บอกเลยว่าประเภทอาหารเค้าเยอะและหลากหลายจริงๆ ใครที่ต้องการพาคนกลุ่มใหญ่ๆ ไปทาน ผมว่าไปที่นี่ได้เลยครับ ไม่ผิดหวังแน่ มีอาหารให้แต่ละคนเลือกทานมากมายแน่นอน

ความสะอาดของสถานที่และบรรยากาศโดยรวม : ทั้งสองเรื่องนี้ไม่มีปัญหาอะไรครับ เพราะถึงแม้ห้องอาหารนี้จะเป็นห้องอาหารที่ทางโรงแรมเค้าใช้บริการอาหารเช้าด้วย แต่พอหมดเวลาของอาหารเช้าทางพนักงานก็มีการทำความสะอาดบริเวณต่างๆ ทันที และจากที่ผมไปใช้บริการมาก็ไม่พบจุดที่ต้องติอะไรในเรื่องนี้ครับ ส่วนเรื่องของบรรยากาศนั้นโดยรวมถือว่าดีเช่นเดียวกัน ห้องอาหารเพดานสูง พื้นที่กว้าง มีการวางโต๊ะเก้าอี้ที่ห่างกัน ทำให้นั่งสบายๆ ไม่อึดอัด และเค้ายังมีการแบ่งพื้นที่ส่วนนึงเป็นพื้นที่ให้เด็กๆ เล่นอีกด้วยครับ

การบริการของพนักงาน : ข้อนี้ผมค่อนข้างประทับใจนะครับ เพราะวันที่ผมไปใช้บริการนั้นพนักงานส่วนใหญ่พูดจาดี เสิร์ฟอาหารต่างๆ รวดเร็วและไม่มีผิดพลาด แล้วก็เวลาที่ผมขอความช่วยเหลืออะไรก็ดูยิ้มแย้มแจ่มใส กระตือรือร้นดีครับ

ความสะดวกของการเดินทาง : ข้อนี้ผมขอลอกความเห็นจากรีวิวบุฟเฟ่ต์ติ่มซำที่ผ่านมาเลยแล้วกันครับ เพราะมันเป็นห้องอาหารที่ตั้งอยู่ที่เดียวกันเลย โดยรวมๆ ผมมองว่าแม้โรงแรม The Berkeley Hotel Pratunam นั้นจะตั้งอยู่ในทำเลที่ดีอยู่ใจกลางเมืองอย่างประตูน้ำ แต่ด้วยความที่มันไม่ได้อยู่ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้า BTS มากนัก ต้องเดินประมาณ 1 กิโลเมตร ดังนั้นก็เลยทำให้ความสะดวกของการไปใช้บริการของหลายๆ คนอยู่ในระดับกลางๆ เท่านั้น ส่วนใครที่เดินทางด้วยรถเมล์หรือขับรถส่วนตัวไปก็น่าจะดีกว่าหน่อย เพราะแถวนั้นมีรถเมล์ผ่านหลายสาย ส่วนเรื่องที่จอดรถเค้าก็มีให้บริการเป็นจำนวนมาก เราไม่ต้องกังวลเรื่องที่จอดเลยครับ

ความคุ้มค่า : นี่เป็นบุฟเฟ่ต์ Sunday Brunch ที่ผมว่าราคาคุ้มค่าน่าสนใจมากเลยนะครับ โดยเฉพาะใครที่ชอบทานเครื่องดื่มต่างๆ เพราะหากคุณทำการจองล่วงหน้าผ่านลิงก์นี้ คุณจะได้รับสิทธิ์ในการทานบุฟเฟ่ต์ไลน์นี้ พร้อมกับเครื่องดื่มทุกประเภทในราคาเพียง 1,308 บาท/คน net เท่านั้น ซึ่งถ้าเทียบกับไลน์ Sunday Brunch หลายๆ ที่ ผมบอกเลยว่าราคาย่อมเยากว่าหลายที่มาก แถมอาหารก็หลากหลายและมีเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ให้ทานไม่อั้นด้วย ส่วนใครที่รู้ตัวเองว่าไม่ทานพวกเครื่องดื่มต่างๆ ที่เพิ่มมาจากปกติอยู่แล้ว การเลือกทานเป็นแบบที่รวมเฉพาะชา, กาแฟ และน้ำผลไม้ ที่ราคา 1,199 บาท/คน net นั้น ยิ่งทำให้คุณประหยัดเงินในกระเป่าไปได้อีกครับ

สรุป : ใครที่กำลังมองหาไลน์บุฟเฟ่ต์ Sunday Brunch ของโรงแรม 4-5 ดาว ที่มีราคาต่อคนไม่เกิน 1,300 บาท และต้องการห้องอาหารที่มีอาหารหลากหลาย, มี Seafood on ice คุณภาพดี, มีอาหารนานาชาติให้เลือกทานหลายประเภท ไลน์บุฟเฟ่ต์ Sunday Brunch ไลน์นี้เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่คุณควรพิจารณาครับ ยิ่งใครที่ชอบทานเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือมีเด็กๆ ไปทานด้วย คุณยิ่งควรพิจารณาไลน์นี้เป็นอันดับต้นๆ เลย เพราะราคาแบบที่รวมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของเค้านั้นมันน่าสนใจมาก ถูกกว่าหลายๆ ที่ แถมเค้ายังมีพื้นที่ให้เด็กได้วิ่งเล่นและมีโบโซที่มีความสามารถในการบิดลูกโป่งสูงคอยสร้างสีสันให้กับคุณและครอบครัวระหว่างการทานอาหารด้วยครับ ส่วนใครที่ชอบทานฟัวกราส์นี่ยิ่งต้องไปเลยเพราะเค้ามีฟัวกราส์ให้ทานไม่อั้นถึง 3 แบบเลยครับ

ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านจนจบ และสำหรับใครที่ต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบุฟเฟ่ต์ Sunday Brunch ไลน์นี้หรือต้องการสำรองที่นั่งก็สามารถติดต่อได้ที่ช่องทางด้านล่างนี้ได้เลยครับ ส่วนท่านใดที่ต้องการติดตามเรื่องราวของการกินและเที่ยวของผมอย่างใกล้ชิดก็สามารถกดติดตามได้ที่เพจ ภรรยาหา สามีใช้ ได้เลย แล้วพบกันใหม่ในรีวิวหน้า สวัสดีครับ

Facebook : The Berkeley Hotel Pratunam

Tel : 02-309-9999 ต่อ 3134

หมายเหตุ : บทความนี้เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวของผมในวันที่ไปใช้บริการเท่านั้น ทั้งนี้แต่ละท่านที่ได้มีโอกาสไปใช้บริการอาจจะได้รับการบริการหรือความรู้สึกที่แตกต่างจากนี้ได้